“เมื่อก่อนเ้าคิดว่าคนชั่วเท่านั้นถึงเป็แบบนี้ใช่หรือไม่”
อันเจิงยกมือขึ้นแล้วชี้ไปยังด้านหลัง
ตู้โซ่วโซ่วพยักหน้าอย่างแรง“ไอ้หัวโจกชั่วเดินนำหน้า มีชายชุดดำยี่สิบถึงสามสิบคนเดินตามหลัง เวลาเดินดูมีอำนาจและหยิ่งผยองมากนี่เป็การวางตัวของคนชั่วอย่างแน่นอนเหลือแค่อย่างเดียวคือฉุดผู้หญิงกลางถนนแล้วล่ะ”
“คนชั่วไม่มีความรู้สึกแบบนี้หรอกเ้าดูสิ ตอนนี้พวกเรามีทั้งอำนาจและยังมีความสุขอีกด้วย”
อันเจิงเพิ่งพูดจบก็มีรถม้าประจำทางพุ่งมาจากด้านหลังเพราะที่นี่เป็เมืองขนาดใหญ่จึงมีรถม้าประจำทาง โดยวิ่งไปตามถนนหลักของเมืองฟางกู้จ่ายเพียงห้าตำลึงก็สามารถนั่งไปจนสุดทางได้แล้ว ปกติคนบังคับรถม้าจะมีรูปร่างสูงใหญ่และบึกบึนไม่เช่นนั้นเวลาเจอแขกเบี้ยวไม่จ่ายเงินก็คงเอาไม่อยู่และคนเหล่านี้ก็มักจะมีนิสัยเกรี้ยวกราด ส่วนใหญ่จะไม่ยอมหลีกทางให้รถม้าคันอื่น ๆหรือใครทั้งนั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ชายชุดดำที่เป็ลูกน้องของอันเจิงสามถึงห้าคนพุ่งออกไปพวกเขาเอามือเท้าเอวแล้วยืนด้วยท่าทางที่ดุดัน คนบังคับรถม้าใจึงหยุดรถในทันที
“ใต้เท้า...พวกท่านมีอะไรหรือ?” คนบังคับรถม้าถามอย่างนอบน้อม
โดยปกติแล้วพวกคนขับรถม้ามักมีเื่ชกต่อยกันเป็ประจำแต่ครั้งนี้คนของอันเจิงมีจำนวนมากกว่า ชายชุดดำหลายคนยืนขวางทางอยู่ ที่ด้านหลังยังมีอีกยี่สิบกว่าคนเมื่อคนขับรถม้าเจอสถานการณ์นี้เข้า จึงต้องยอมจำนนโดยดี
เสียงของชายหนุ่มหนาและใหญ่มากเขายื่นมือออกมาชี้รถม้าคันตรงหน้า “บังคับม้าอย่างไรกัน! ไม่เห็นว่าข้างหน้ามีท่านยายกำลังเดินข้ามถนนอยู่หรือช้าลงหน่อยไม่ได้หรือไร?”
ชายทั้งสองจูงม้าส่วนชายหนุ่มที่พูดเมื่อครู่ออกไปประคองหญิงชราข้ามถนน “ท่านยายเดินระวัง ๆหน่อยนะ ไม่ต้องรีบ”
เสียงนุ่มนวลราวกับกำลังปลอบเด็ก
ตู้โซ่วโซ่วมองออกไปรอบด้านจึงรู้สึกได้ว่าสายตาที่มองมาดูไม่ดีนัก
“พวกเขามองเราเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดอย่างนั้นแหละ”ตู้โซ่วโซ่วพูดขึ้น
อันเจิงหัวเราะพลางพูด “ไม่เป็ไรเห็นบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
หลังจากที่หญิงชราเดินข้ามถนนไปแล้วเขาก็โบกมือ “ไปเถอะ ๆ ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน!”
คนขับพยักหน้าอย่างเร็ว จากนั้นก็สะบัดเชือกให้ม้ารีบออกตัวพลางหันกลับมามองเป็ระยะ
เมื่ออันเจิงและพวกกำลังจะเดินไปด้านหน้าก็ได้ยินเสียงะโดังขึ้น “แม่ง ข้าก็นึกว่าจะมีเื่กันมาเป็กลุ่มใหญ่ขนาดนี้ก็ควรจะสั่งสอนคนบังคับรถม้าหน่อยไม่ใช่หรือ กลับมาประคองคนแก่เดินข้ามถนนเสียอย่างนั้น?”
อันเจิงได้ยินเสียงที่ะโมา ราวกับว่าอยากดูอะไรที่มากกว่านี้แต่กลับได้เห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น
คนคนนั้นน่าจะรู้สึกเบื่อจึงผลักคนอื่น ๆแล้วแหวกทางเดินออกไป ขณะที่เขาผลักคนอื่น ๆ นั้น ดันไปผลักเด็กน้อยคนหนึ่งล้มลง แต่เขากลับด่าทอเด็กด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเสียอย่างนั้น“ไอ้เด็กเวร ยืนไม่ดูตาม้าตาเรือ บิดามารดาเ้าคงไม่สั่งสอนสินะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ตู้โซ่วโซ่วมีน้ำโหขึ้นทันที เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับลูกธนูจากนั้นก็ยื่นมือไปจับคอเสื้อของชายคนนั้นเอาไว้ และตบหน้าอย่างแรงสามสี่ครั้งเพียงฟาดไปครั้งแรกคนคนนั้นก็ปากฉีก เืไหลพุ่งออกมาแล้ว วินาทีนั้นคิดอยากกลับตัวแต่ก็คงไม่ทันเขาถูกตู้โซ่วโซ่วอัดจนเละ เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีคนคนนั้นก็คุกเข่าร้องขอชีวิตอยู่ที่พื้นแล้ว
มีเสียงหนึ่งะโดังออกมา“พวกเ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายคนอื่น ทำเกินไปแล้วนะ”
ตู้โซ่วโซ่วถามกลับ“ตอนมันรังแกเด็กพวกเ้ามองไม่เห็นหรืออย่างไร?”
เสียงดังออกมาอีกครั้ง“ต่อให้เขาจะรังแกเด็ก พวกเ้าก็ไม่สามารถทำร้ายคนอื่นไปเรื่อยแบบนี้เด็กล้มนิดล้มหน่อย ร้องไห้เดี๋ยวเดียวก็ดีขึ้นแล้ว”
อันเจิงเดินออกมาแล้วพูดขึ้น“ขนาดเด็กยังไม่กลัวล้ม ร้องไห้นิดหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว แล้วลูกผู้ชายอกสามศอกแบบนี้จะไปกลัวอะไรโดนอัดนิดเดียว ร้องไห้สักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ”
ชายที่ถูกซ้อมหันมามองหน้าอันเจิงแวบหนึ่ง อันเจิงเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น“เ้าร้องไห้เป็หรือไม่?”
ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า จากนั้นตู้โซ่วโซ่วจึงอัดเขาอีกรอบ จนชายคนนั้นร้องออกมาในที่สุด
อันเจิงหันไปพูดกับคนที่ล้อมดูอยู่ “หากลูกของพวกเ้าถูกคนผลักล้มและดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแรงกว่า พวกเ้าจะทำอย่างไร?ส่วนใหญ่ก็คงกลั้นความโมโหนั้นไว้ใช่หรือไม่? แต่นี่มีคนช่วยพวกเ้าสั่งสอนเขาแล้วสุดท้ายกลับถูกมองว่าทำเกินไป...ฉะนั้นคำที่เหมาะกับพวกเ้าที่สุดก็คือ...ทุเรศ”
ตู้โซ่วโซ่วพูดอย่างจริงจัง“ไม่ใช่แค่ทุเรศ แต่มันคือทุเรศที่สุด”
ทุกคนที่มามุงดูต่างทำหน้าตาเบื่อหน่ายราวกับวันนี้ได้เห็นสัตว์ประหลาดอย่างนั้น
ชายที่ดูเหมือนมีความรู้ด้านตำราพูดขึ้น“พวกเ้าแข็งแกร่งจึงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ข้าจะเขียนเื่นี้ให้ทุกคนวิจารณ์นิสัยพวกเ้า!”
อันเจิงถามเขา “ข้อมูลเ้ามากพอหรือไม่?”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
อันเจิงยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่เขา“อัดมันหน่อยสิ มันจะได้มีเื่เขียนมากขึ้น”
จากนั้นชายกำยำหลายคนก็เดินเข้าไป อัดหนอนตำรานั่นจนเสื้อผ้ายับเยินหน้าตาปูดบวมไปหมด
อันเจิงเดินไปยืนตรงหน้าหนอนตำราแล้วถามอีกครั้ง“ตอนนี้เ้ายังกล้าเขียนเื่ทำร้ายร่างกายอีกหรือไม่?”
หนอนตำราร้องไห้พลางพูดขึ้น “ไม่กล้าแล้วๆ”
อันเจิงถอนหายใจ “อย่างนั้นก็คงต้องอัดเ้าเพิ่มอีกครั้งแล้วล่ะทีแรกหากเ้ายังกล้าเขียนข้าก็นับถือใจเ้านัก ตอนที่คนอื่นถูกซ้อมเ้ากล้าเขียน แต่ทำไมเมื่อตัวเองถูกซ้อมกลับไม่กล้าเสียแล้วเล่าเช่นนั้นข้าเลยรู้สึกว่าอัดเ้าอีกรอบจะเป็อะไรไป และถ้าเ้ากล้าเขียนเื่นี้จริงๆ ไม่แน่ข้าอาจจะคิดกลัวเ้าขึ้นมาก็ได้”
หนอนตำราชะงักไปชั่วขณะ“นี่มันเหตุผลอะไรกัน”
“ไม่มีเหตุผล” อันเจิงตอบกลับ จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องอัดเขาอีกรอบ
กลุ่มคนรอบด้านต่างถอยหลังกันหมดเพราะพวกเขาไม่มีใครรู้ว่าอันเจิงจะสั่งคนให้มาซ้อมตัวเองหรือไม่ ส่วนเด็กที่ถูกผลักล้มมารดาของเขาอุ้มเขาจากไปตั้งนานแล้ว
อันเจิงไม่ได้ใส่ใจเื่พวกนี้หลายปีที่ผ่านมาเขาเจอเื่แบบนี้มามาก จึงไม่มีผลกระทบต่อจิตใจอีกต่อไปอันเจิงรู้สึกว่าหนอนตำราที่ถูกซ้อมยังไม่กล้าแสดงอารมณ์ออกมาได้เขาจึงพาชายคนนั้นไปที่ต้าฟางจาชัว
เป็อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดต้าฟางจาชัวยังไม่ได้ปิดกิจการ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีลูกค้าเลยสักคนเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่เื่เล็ก จึงไม่มีใครกล้ามาติดต่อที่นี่อีกไม่ว่าจะเป็การเช่าบ้านหรือซื้อบ้านก็ตาม ต่างก็เล่าต่อ ๆกันไปว่าต้าฟางจาชัวเป็ร้านเถื่อนที่หลอกเงินชาวบ้าน
ชายที่เฝ้าประตูต้าฟางจาชัวเมื่อเห็นอันเจิงพาลูกน้องกว่ายี่สิบคนเข้ามา พวกเขาจึงหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ในบ้านโจวว่านเชียนที่ถูกหักแขนเมื่อวานกับบิดาของโกวจ่านหลีและภรรยาของโกวจ่านหลีต่างก็กำลังปรึกษากันถึงเื่นี้อยู่พอดีทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับมีูเาลูกใหญ่กำลังทับถมเข้ามา เมื่อหันหลังก็พบว่าอันเจิงพาลูกน้องเข้ามาถึงหน้าประตูแล้ว
เมื่อเห็นอันเจิงโจวว่านเชียนกลั้นความกลัวไว้ไม่อยู่ตัวสั่นขึ้นทันที บิดาของโกวจ่านหลีโมโหมาก ส่วนภรรยาของโกวจ่านหลีก็ราวกับะเิลงนางควบคุมตัวเองไม่อยู่ ด่ากราดขึ้น “ไอ้พวกชั่ว พวกเ้าควรถูกมีดแทงเป็ร้อย ๆแผล มาจากต่างถิ่นแล้วยังมาทำร้ายสามีของข้า ข้าจะสู้กับพวกเ้าเอง!”
นางกำลังจะพุ่งตัวเข้ามา ทันใดนั้นโจวว่านเชียนก็ยื่นมือออกไปบังไว้“โกวฮูหยิน ท่านอย่าวู่วามเด็ดขาด”
อันเจิงมองไปรอบด้านภายในบ้านตกแต่งอย่างหรูหรา ข้าง ๆ ยังมีลูกน้องของตระกูลโกวอีกสิบกว่าคนทว่ากลับไม่มีใครกล้าก้าวออกมาสักคน
ชายชุดดำยกเก้าอี้ให้อันเจิงนั่ง หลังจากเขานั่งลงแล้วก็มองไปที่พวกของต้าฟางจาชัวพลางพูดขึ้น“เมื่อวานข้าบอกให้พวกเ้าปิดกิจการต้าฟางจาชัวนี่ แต่ดูเหมือนพวกเ้าจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยสักนิดเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าให้พวกเ้าอีกหนึ่งทางเลือก...ภายในเวลาหนึ่งเดือนไปหาตัวคนที่เคยถูกพวกเ้าหลอกเงินมาทั้งหมด จากนั้นก็คืนเงินพวกเขาให้ครบซะ แล้วข้าจะไม่ทำร้ายใครอีกส่วนพวกเ้าก็ออกจากเมืองฟางกู้นี้ไปแต่โดยดี เื่นี้ก็ถือว่าจบกัน”
โจวว่านเชียนพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “ใต้เท้าท่านนี้ใช่ว่าเราไม่อยากฟังที่ท่านสั่ง แต่เราทำไม่ได้จริง ๆ”
“เพราะอะไร?”
“เพราะว่า...เพราะเราหลอกเงินคนมาเยอะมากพวกคนที่เข้ามาในเมืองฟางกู้ไม่ได้เป็คนมีฐานะทุกคน ส่วนคนที่วางมัดจำกับเราพวกเราก็หลอกเอาเงินที่เหลือในตัวพวกเขามาจนหมด เมื่อพวกเขาไม่มีเงินแล้วเราก็ไม่ได้สนใจอีกคนพวกนั้นไม่มีเงิน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะไปไหนกันหรืออาจ...หรืออาจตายไปแล้วก็ได้”
อันเจิงพยักหน้า “ที่แท้เป็แบบนี้นี่เอง...พวกเ้ารู้สึกว่าคนที่ถูกหลอกให้วางเงินมัดจำเหล่านี้โง่เง่าง่ายต่อการหลอกเงินมาจนหมดตัวใช่หรือไม่? คนส่วนใหญ่เลยเป็คนที่มาจากต่างถิ่นและไม่มีทางต่อกรพวกเ้าได้คนเหล่านี้ไม่มีเงิน ไม่มีที่พึ่ง ฉะนั้นพวกเขาจะมีจุดจบอย่างไรพวกเ้าก็ไม่รับรู้และไม่จำเป็ต้องรู้ด้วยสินะ หลายปีมานี้มีกี่คนที่ถูกพวกเ้าหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว กี่ครอบครัวที่อาจเสียใจตายกันทั้งบ้านแต่แน่นอนว่าพวกเ้าก็คงไม่อยากรู้ใช่หรือไม่”
“เกี่ยวอะไรกับเ้า!” ภรรยาของโกวจ่านหลีพูดขึ้นแล้วเดินออกมาคิดจะฟาดมือไปที่หน้าของอันเจิง
“หากเ้ากล้าบีบคนในบ้านข้าตายข้าก็จะฆ่าเ้าให้ตายไปด้วย”
เพียะ!
อันเจิงฟาดฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของนาง จนตัวนางกระเด็นออกไปราวสามเมตรถึงหยุดลงได้อันเจิงไม่ได้ใช้พลังวัตรในตัวเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีอีกด้วยไม่อย่างนั้นนางคงจะตายในทันทีแน่
“แต่คนที่ถูกพวกเ้าหลอกจนหมดตัวต่อกรกับพวกเ้าไม่ได้เลยสักนิด”
อันเจิงพูดเสียงเบา“นั่นเป็เพราะพวกเ้าชั่วกว่าพวกเขาอย่างไรเล่า คนเ่าั้จึงกลัวคนดีมักจะกลัวคนชั่วเสมอ โลกนี้ถึงมีแต่คนชั่วมากขึ้นเรื่อย ๆเ้ายังกล้ามาโวยวายต่อหน้าข้าอีกรึเ้าคงคิดว่าตัวเองเป็ผู้หญิงแล้วจะมาทำตัวงี่เง่าอย่างไรก็ได้สินะ?”
นางนอนอยู่บนพื้น แต่ถึงกระนั้นปากก็ยังคงด่าทออย่างร้ายกาจ
บิดาของโกวจ่านหลีพุ่งเข้ามา เพียะ!จากนั้นเขาก็ล้มลงบนพื้นตรงหน้าอันเจิง “ช่วยด้วย มีคนบุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านข้าแล้วมันไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงกับคนแก่เลยด้วยซ้ำ มันตีข้าจนเกือบตาย...ช่วยด้วยรีบไปแจ้งหน่วยทหารมาจับมันเร็ว”
อันเจิงหัวเราะ“ผู้หญิงบางคนนึกว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครกล้าว่า แต่ข้าก็เพิ่งตบนางไปส่วนเ้าก็คงคิดว่าตัวเองแก่แล้ว ข้าคงไม่กล้าลงมือสินะ?”
ชายชราชะงักไปชั่วขณะจากนั้นก็ด่าทอออกมา“ไอ้พวกระยำ ข้าขอสาปแช่งพวกเ้าทุกคน ข้าอายุปูนนี้แล้ว ข้าไม่กลัวเ้าหรอกต่อให้ข้าตายข้าก็จะลากเ้าไปด้วยข้าอยู่เมืองฟางกู้มานานขนาดนี้ยังไม่เคยถูกใครรังแกมาก่อน ข้าไม่มีทางยอมถูกคนต่างถิ่นอย่างเ้ารังแกแน่”
อันเจิงมองไปด้านข้างแล้วหยิบสมุดบันทึกบนเก้าอี้ขึ้นมาจากนั้นก็ม้วนสมุดเล่มนั้นแล้วฟาดไปที่ปากของชายชราไม่กลัวตายทันที เพียงไม่นานเืก็ไหลนองออกมาเขาร้องครวญครางด้วยความเ็ป แต่ยังมีท่าทีราวกับอยากลุกขึ้นมาสู้กับอันเจิงอีกทว่าก็ถูกอันเจิงกดเอาไว้ เพียะ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ปากร้ายนัก ก็ตีที่ปากนี่แหละ”
อันเจิงลุกขึ้นยืน “แก่แล้วยังคิดจะมาลองดี?คนอื่นอาจหลงกลเ้า แต่ไม่มีทางเป็ข้าแน่นอน”
“กับคนใจสุนัขอย่างพวกเ้า ข้าก็ไม่ได้หวังว่าจะยอมคืนเงินแก่เหยื่อพวกนั้นง่ายๆ พวกเ้าไม่ได้ฆ่าคนทางตรง แต่ฆ่าคนทางอ้อม หลอกเงินคนอื่นจนสิ้นเนื้อประดาตัวเมื่อวานข้าให้คนไปสืบมาแล้ว มีไม่น้อยกว่าหกเจ็ดบ้าน ไม่ต่ำกว่าสิบชีวิตที่เสียไปฉะนั้นต่อให้พวกเ้าตายจนหมด ก็ยังหักลบกับหนี้ที่ก่อไว้ไม่ได้ ตัวข้าเป็คนใจบุญจะช่วยจ่ายหนี้ให้เอง”
อันเจิงสั่งการ“เอาของมีค่าทั้งหมดในต้าฟางจาชัวออกมากองไว้ แล้วเขียนป้ายติดไว้หน้าบ้านใครที่เคยถูกต้าฟางจาชัวหลอกเงินไป เพียงมีหลักฐานหรือของมายืนยันว่าเคยถูกหลอกก็สามารถนำเงินคืนไปได้และบอกไปด้วยว่าคนในต้าฟางจาชัวอับอายขายหน้าจึงไม่กล้าสู้หน้าคนอื่นฉะนั้นพวกเขาเลยย้ายออกนอกเมืองฟางกู้ไปแล้ว”
หลังจากพูดจบอันเจิงก็เดินออกไปข้างนอกจากนั้นก็ชะลอฝีเท้าแล้วนั่งยอง ๆ “เอาตัวโจวว่านเชียนกับคนอื่น ๆออกไปฝังนอกเมือง ที่นั่นคือบ้านเกิดของพวกเขา”
เขาหันกลับไปมองพวกต้าฟางจาชัว“คนของข้ามีสิทธิ์ประคองคนแก่ข้ามถนน และมีสิทธิ์ฆ่าคนไม่ดูตาม้าตาเรือฉะนั้นใครอย่าตกเข้ามาอยู่ในกำมือข้าก็แล้วกัน พวกเ้าจำเอาไว้หากใครกล้าทำเื่ชั่ว ๆ อีก ข้าจะขุดหลุมให้พวกเ้าข้างสามคนนี้เอง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้