ลึกเข้าไปในป่า ร่างสีเทาซึ่งคละคลุ้งด้วยกลิ่นเน่าเปื่อยค่อยๆ เผยขึ้น เหล่าพืชิญญาและอสูรโดยรอบต่างก็หลีกหนีและซ่อนตัวมิดชิด
หนิงเทียนหันไปมองผู้มาเยือน เขาเป็ชายร่างซีดเซียววัยยี่สิบต้นๆ ซึ่งแผ่รังสีความอันตรายออกมาตลอดเวลา
“ิญญาเร่ร่อนจากที่ใดกัน? เ้าพวกนี้ชอบโผล่มาทั้งที่ยังไม่ล้างหน้า ทำคนอื่นเขาใหมด” น้ำเสียงไม่พอใจของหนิงเทียนเผยให้เห็นความเ็า
“ิญญาเร่ร่อนหรือ? กล้าเรียกข้าเช่นนั้น เ้าอยากตายใช่ไหม?” ชายผู้นี้เผด็จการและหยิ่งผยอง เขาไม่สนแม้แต่น้อยว่าหนิงเทียนคือใคร จากนั้นก็โบกมือพัดคลื่นฝุ่นกระจายฟุ้งทั่วฟ้าแล้วเล็งไปทางหนิงเทียนทันที
หนิงเทียนหัวเราะเย้ยหยันพร้อมระดมคมมีดจนเกิดแสงสว่างบนปลายนิ้วราวดอกกุหลาบที่บานสะพรั่งเต็มต้น วงล้อปลายแหลมหมุนผสานรวมเป็หนึ่งเดียวก่อนจะพุ่งเข้าใส่มือของคนผู้นั้น
ทว่าเพียงพริบตาเดียว ใบมีดของเขาก็แตกเป็เสี่ยงด้วยพลังฝ่ามือของคู่ต่อสู้
หนิงเทียนขมวดคิ้วแล้วเคลื่อนตัวหลบพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทั้งยังมีไอเย็นะเืเฉี่ยวใบหน้าเขาไปอย่างหวุดหวิด
“กล้าโจมตีข้าเยี่ยงนี้ ดูสิว่าข้าจะทรมานเ้าให้ตายอย่างไรดี!”
พลันร่างของต้วนจิ่วเจียงกลายเป็สีเทา ถึงเขาจะดูเหมือนคนอายุยี่สิบปี แต่ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขากลับเต็มไปด้วยร่องรอยการสังหารที่โเี้
ในบรรดาศิษย์สำนักั์พฤกษา ต้วนจิ่วเจียงนั้นมีความโดดเด่นอย่างยิ่ง เนื่องจากรากบ่มเพาะของเขาคือรากพฤกษาดับสูญ แม้จะอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้า ทว่าเขาก็ฝึกฝนทักษะร่างไม้ซากศพจนถึงระดับสามแล้ว ซึ่งลักษณะพิเศษของทักษะนี้คือความอยู่ยงคงกระพัน
ศัตรูทั้งหลายที่ไม่ทราบความสามารถเบื้องลึกของเขาก็ล้วนประสบกับความเสียหายครั้งใหญ่
“ไม้ห้าต้นเหี่ยวเฉา ตัดขาดชีวิต!” ต้วนจิ่วเจียงง้างกรงเล็บซ้ายและฝ่ามือขวา เงาพฤกษาดับสูญห้าท่อนปรากฏขึ้นแล้วหมุนวนสร้างอาณาเขต พยายามขัดขวางการล่าถอยของหนิงเทียน
“รุกล้ำพันชั้น!” หนิงเทียนเบิกตากว้างอย่างโกรธเกรี้ยว เขาตีลังกาทิ้งผมลากยาวกับพื้น ก่อนจะผสานทักษะยุทธศาสตร์ครอง์และวิชาทะลวงพันชั้นเข้ากับรากบ่มเพาะของตน เพื่อดึงจุดแข็งมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ใกล้กันนั้นมีต้นไม้แห้งกรังอยู่ต้นหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากโจมตีกันอย่างรวดเร็ว วิชาทะลวงพันชั้นของหนิงเทียนจู่โจมคู่ฝ่ายตรงข้ามอย่างคาดเดาไม่ได้ ทว่าร่างไม้ซากศพของต้วนจิ่วเจียงก็ไม่หวั่นเกรงการบุกรุกแต่อย่างใด
“อยู่แค่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกแล้วยังกล้ามาท้าทายข้า เช่นนั้นก็จงตายเสีย!” ต้วนจิ่วเจียงคำรามลั่น แขนขวาของเขาอัดแน่นไปด้วยความมืดครึ้มและบรรยากาศแห่งความเสื่อมโทรม พร้อมฟาดฝ่ามือลงมาบนศีรษะของหนิงเทียน
“ก้าวครอง!”
แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกของหนิงเทียนปั่นป่วน บงกชสีมรกตส่องแสงเจิดจ้า ใบทั้งแปดแกว่งไกวอย่างเริงร่า พร้อมหลอมรวมภาพนิมิตปีกผีเสื้อว่อนนภา กระบี่หญ้าสลายภูผา ปลาบินกลืนทะเล และเถา์ถักทอเป็ผืนผ้าผสานเข้ากับพลังหมัดของตน
เส้นลมปราณทั้งเก้าสั่นะเืดังแม่น้ำคำราม คลื่นลูกใหญ่โหมกระแทกกันอย่างน่าสะพรึงจนก่อเกิดเป็กระแสพลังแห่งความก้าวร้าว
ตูม! ตูม!
พลันเสียงกึกก้องราวฟ้าคำรามสนั่นขึ้น มวลอากาศโดยรอบบิดเป็เกลียว การโจมตีแสนดุเดือดของต้วนจิ่วเจียงถูกหมัดของหนิงเทียนสกัดไว้ได้ แรงกระแทกอันทรงพลังนี้ผลักทั้งสองคนกระเด็นออกจากกันด้วยสีหน้าหม่นหมอง
หนิงเทียนประหลาดใจกับความสามารถของต้วนจิ่วเจียง ชายผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าหลี่ซือเสียอีก ส่วนต้วนจิ่วเจียงก็ประหลาดใจกับความเยาว์ของหนิงเทียนเช่นกัน อายุเพียงสิบเจ็ดปีทั้งยังอยู่แค่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก แต่กลับต้านทานพลังของตนได้ หากปล่อยให้อีกฝ่ายพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ เช่นนั้นแล้วตนจะมีชีวิตรอดหรือไม่?
เมื่อนึกได้ดังนี้ เจตนาฆ่าของต้วนจิ่วเจียงก็ชัดแจ้งขึ้นในใจ อัจฉริยะที่อาจนำภัยมาสู่ตัวเขาจะต้องกำจัดให้ราบคาบ
“ฝ่ามือไม้มรณะเชือดเฉือน!” ต้วนจิ่วเจียงเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวและลอยล่องดุจเมฆา ยามนี้เขาได้เผยทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของตนแล้ว ทั้งร่างห้อมล้อมไปด้วยพลังิญญา พร้อมปลดปล่อยกลิ่นอายเสื่อมโทรมและไร้ชีวิตชีวา
ลักษณะโดยกำเนิดของรากพฤกษาดับสูญแทบไม่ต่างจากซากไม้แห้งในบริเวณนั้น แล้วร่างกายที่ห่อเหี่ยวเช่นนี้จะถูกโจมตีได้อย่างไร?
ยุทธศาสตร์ครอง์ก่อกวนต้วนจิ่วเจียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งปราณกระบี่ก็ยังใช้ไม่ได้ผลจนหนิงเทียนเริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา
“รากบ่มเพาะของชายผู้นี้รับมือยากเหลือเกิน” หนิงเทียนบ่นพลางใช้วิชาทะลวงพันชั้น เพื่อทำให้อีกฝ่ายสับสนและหมกมุ่นอยู่กับการหาทางออก
ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ในเมื่อศัตรูไร้ซึ่งชีวิตทว่าน้ำทิพย์ในร่างของเขานั้นเต็มไปด้วยพลังิญญา เช่นนี้เขาจะสามารถทำลายพลังคู่ต่อสู้ได้หรือไม่?
แผนที่จิติญญาในร่างกายของหนิงเทียนสั่นะเื บ่อน้ำทิพย์กลายเป็รากจิติญญาและผนึกกับแขนขวา พร้อมปล่อยหมัดไปกระทบฝ่ามือเหี่ยวเฉาของต้วนจิ่วเจียง
การโจมตีครานี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที ราวกับหิมะที่ละลายและต้นไม้แห้งที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อร่างไม้ซากศพของต้วนจิ่วเจียงถูกจู่โจม บ่อน้ำทิพย์ของหนิงเทียนก็ไม่ต่างจากปราณกระบี่ ทรงพลังดั่งผ่าไม้ไผ่[1] อานุภาพเกรียงไกรไม่อาจขวาง ทั้งยังเอาความแข็งแกร่งของทักษะยุทธศาสตร์ครอง์มาร่วมผสานด้วย
“บ้าเอ๊ย!” ต้วนจิ่วเจียงคำรามด้วยแรงอารมณ์ เขาถอยไปตั้งหลักแล้วขยายขอบเขตการป้องกันอีกครั้ง ทว่าผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม
พลังของหนิงเทียนกลืนภูผาธารา[2]อย่างรุนแรง เขาโจมตีด้วยหมัดทะลวงพันชั้นอย่างต่อเนื่องจนอีกฝ่ายต้องถอยหนี คลื่นกำปั้นหลายร้อยลูกเจาะทะลุร่างไม้ซากศพ
“เ้าเป็ใครกันแน่?” ต้วนจิ่วเจียงคำราม ก่อนจะอาเจียนเป็เืและกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
“ครอง์กลืนราก!”
หนิงเทียนตามติดราวกับเงา มือขวาออกหมัดทะลวงร่างของต้วนจิ่วเจียง ยุทธศาสตร์ครอง์ทลายแนวป้องกันและสกัดรากจิติญญาทั้งห้าออกมา ซึ่งทำให้ต้วนจิ่วเจียงกลับคืนสู่ร่างเดิม
“ทิ้งแหวนมิติไว้แล้วไสหัวไป” หนิงเทียนไม่ลงมือสังหาร พร้อมเตะคู่ต่อสู้ให้กลิ้งลงจากูเาหลังจากปล้นทรัพย์เรียบร้อยแล้ว
“เ้าหนู ข้าไม่ปล่อยเ้าไปแน่!” ต้วนจิ่วเจียงโกรธจนแทบคลั่ง ในใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความอัปยศ
หนิงเทียนเปิดแหวนมิติออกมา พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นทันที “หินิญญาเยอะมาก! มีรากบ่มเพาะอีกห้าชิ้นด้วย ชายผู้นี้คงจะปล้นคนอื่นมาเช่นกันสินะ”
หลังจากเก็บแหวนมิติแล้ว หนิงเทียนก็วกกลับมาที่ซากไม้แห้งกรัง อีกทั้งรากจิติญญาทั้งห้าที่เขาเพิ่งกลืนเข้าไปก็ค่อยๆ ละลายและสลายตัวในแผนที่จิติญญา
เขาะโลอยขึ้นไปกลางอากาศและร่อนลงบนยอดลำต้น โดยมีบงกชสีมรกตอยู่เคียงข้าง “ชายผู้นั้นคงมาที่นี่เพราะต้นไม้ต้นนี้ ข้าก็ลืมถามเขาเสียด้วยว่าในนี้มีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่”
ต้นไม้แห้งนี้มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง หนิงเทียนพยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็เหมือนเขาเตะฝ่าเท้าใส่แผ่นเหล็ก พลังปะทะทำให้เขากระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
“หากมีสิ่งใดอยู่ที่ใจกลางต้นไม้จริงๆ การจะนำมันออกมาก็คงเป็เื่ยาก”
ปลายเรียวนิ้วของหนิงเทียนสะพรั่งด้วยใบมีดคม ทันทีที่พุ่งใส่ต้นไม้แห้ง พวกมันก็แหลกสลายไปในพริบตาโดยไม่ทิ้งรอยขีดข่วน
“บ้าไปแล้ว! ไม้แห้งนี่น่าหงุดหงิดเหลือเกิน!”
หนิงเทียนเริ่มหดหู่ใจ ก่อนจะลองใช้ทะลวงพันชั้นสลับกับทะยานหลงเงาตัดผกา แต่ก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนต้นไม้ต้นนี้ได้เลย
“แข็งแกร่งเสียจริง ปราณกระบี่ธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้เลยสักนิด เช่นนั้นคงต้องหาอาวุธิญญา...จริงสิ!”
หนิงเทียนนึกถึงน้ำเต้าเจ็ดสีขึ้นมาทันที นั่นเป็อาวุธิญญาจื๋อซิวไม่ใช่หรือ?
เขาพยายามใช้ยุทธศาสตร์ครอง์กระตุ้นพลังน้ำเต้าเจ็ดสีก่อนจะพบว่ามันเป็เื่ที่ยากเกินไป
แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกของเขาสั่นะเื หากอาศัยทักษะยุทธศาสตร์ครอง์เพียงอย่างเดียว เขาจะยังไม่สามารถควบคุมน้ำเต้าเจ็ดสีได้ เนื่องจากเป็แค่ผู้บำเพ็ญขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก
ทว่าเมื่อรวมกับพลังของบ่อน้ำทิพย์แล้ว หนิงเทียนสามารถทำให้น้ำเต้าเจ็ดสีเปล่งแสงสว่างขึ้น จากนั้นก็บังคับทิศทางให้ลอยออกมาจากร่าง แล้วร่วงทับต้นไม้แห้งเหี่ยว
น้ำเต้าเจ็ดสีไม่ได้ใหญ่มากนัก มันสูงเพียงหนึ่งชุ่นเท่านั้นทว่ากลับหนักปานเทือกเขา ดังนั้น หลังจากน้ำเต้าร่วงลงมา ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างจากเทือกเขาทอดทับต้นไม้ ลำต้นแห้งเหี่ยวอันแข็งแกร่งก็เริ่มแตกร้าวอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ปล่อยคลื่นพลังบางเบา ซึ่งดึงดูดจิตใจของหนิงเทียนอย่างมาก
เมื่อมองไปยังใจกลางของต้นไม้แห้งเหี่ยว หนิงเทียนก็เห็นว่ามีวงปีการเติบโต[3]มากถึงเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าวง ทั้งยังมีเส้นบางๆ ที่บ่งบอกว่าใกล้จะถึงหนึ่งแสนปีแล้ว
หนิงเทียนตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่าต้นไม้ต้นนี้จะมีอายุถึงแสนปี สภาพของมันดูคล้ายกับเคยประสบภัยทัณฑ์์และสิ้นอายุขัยจากอสนีบาตเสียมากกว่า
บริเวณใจกลางต้นไม้มีรอยปริศนาอัดแน่นเป็ก้อนผลึก และภายในผลึกก็มีเส้นจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมา
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตแกว่งไกวอย่างแ่เบา พร้อมปล่อยคลื่นพลังอ่อนโยนล้อมรอบก้อนผลึก แล้วดึงเข้ามาในร่างกายของหนิงเทียน
ครู่ต่อมาน้ำเต้าเจ็ดสีก็ลอยขึ้นสูง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็ลำแสงและกลับคืนสู่ร่างของหนิงเทียนเช่นกัน
“อะไรเนี่ย?” หนิงเทียนตั้งใจสำรวจร่างกายของตนเอง เขาไม่พบร่องรอยของผลึกในเส้นลมปราณแรก แต่กลับมีร่องรอยอยู่ในเส้นลมปราณเส้นอื่น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หนิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นก้อนผลึกกลายเป็ลำแสงหมุนวนเช่นเดียวกับรากจิติญญา ทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่ารากจิติญญาที่เขาเคยเห็นหลายเท่า แต่หากเทียบกับแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกแล้ว ลำแสงเหล่านี้ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ ขาดความลึกซึ้ง และมีพลังเบาบางกว่า
หนิงเทียนกลืนรากจิติญญาของผู้อื่นมามากมาย ซึ่งล้วนผสานรวมกับแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกทั้งสิ้น มีเพียงก้อนผลึกลึกลับในใจกลางต้นไม้เท่านั้นที่ไปปรากฏในเส้นลมปราณที่สองแทน
แล้วสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?
เมื่อหนิงเทียนมุ่งความสนใจไปที่เส้นลมปราณที่สอง ข้อมูลน่าพิศวงก็ดึงดูดเขาทันที ลำแสงหมุนวนประกอบด้วยเส้นนับอนันต์ที่ปล่อยคลื่นผันผวนออกมา นอกจากนี้เขายังััได้ว่าภายในแดนลับยังมีกลิ่นอายที่คล้ายกันอยู่
“มีต้นกำเนิดเดียวกันหรือ? หรืออาจเป็ต้นไม้แห้งบนยอดเขาอื่นที่เคยประสบภัยพิบัติและทิ้งรอยไว้ที่ใจกลางลำต้น?”
ดวงตาของหนิงเทียนสว่างวาบ หากเป็ดังที่เขาคิดจริงๆ แล้วการรวบรวมต้นกำเนิดทั้งหมดเข้าด้วยกันจะสามารถไขปริศนาได้หรือไม่?
หลังจากขจัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง เขาก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
...
แดนลับแห่งนี้เพิ่งเปิดเผยสู่สายตามวลมนุษย์ จึงมีโอกาสพบเจอทรัพยากรและโชคลาภต่างๆ อยู่ทุกย่างก้าว ทั้งยังมีการต่อสู้ การแก่งแย่ง และการลอบโจมตีจากจิตอสูรเป็ครั้งคราว
เมื่อหนิงเทียนข้ามลำธารสายน้อยมาได้ เขาก็เห็นศิษย์สำนักร้อยบุปผากำลังประลองฝีมือกับศิษย์จากสำนักเชียนเฉ่า เพื่อ่ชิงน้ำทิพย์พันปีของกล้วยไม้จิติญญาสีชาด
น้ำทิพย์นี้เกิดจากจิตอสูรระดับสอง มีสรรพคุณที่ทรงพลัง คือ สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของจื๋อซิวได้อย่างน่าทึ่ง
ศิษย์สำนักเชียนเฉ่าสิบสี่คนปะทะกับศิษย์สำนักร้อยบุปผาสิบสองคนอย่างดุเดือดเืพล่าน และดูทีท่าว่าจะไม่มีฝ่ายใดยอมลดราวาศอก
กล้วยไม้จิติญญาสีชาดพยายามหลีกเลี่ยงการไล่ล่าอย่างสุดความสามารถ ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญจิตหยั่งลึกขั้นห้า ประกอบกับความช่วยเหลือจากเหล่าพฤกษาและอสูรในบริเวณนั้น ย่อมไม่ใช่เื่ง่ายที่จะเป็ผู้
บงกชสีมรกตของหนิงเทียนตอบสนองต่อกล้วยไม้จิติญญาสีชาดอย่างรุนแรงจนเขาอยากกลืนกินมัน ทั้งยังมีเงาบ่อน้ำทิพย์ปรากฏขึ้นบนใบบัวอีกด้วย
ราวกับกล้วยไม้จิติญญาสีชาดจะรับรู้อะไรบางอย่าง จึงพุ่งมาหาหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเสียงลูกกระพรวนก็ดังขึ้น หมอกขาวตลบอบอวลไปทั่วพงพนา และเงามืดดำก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
หนิงเทียนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจึงหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง
ท่ามกลางสายหมอก หมู่มวลพฤกษาต่างวิ่งเล่นอย่างมีความสุขบนพื้นดิน หญิงสาวเท้าเปล่าสวมกระพรวนข้อเท้า ทุกย่างก้าวของนางล้วนก่อให้เกิดเสียงอันไพเราะ
หญิงผู้นี้อายุราวยี่สิบเก้าปีทว่าดูอ่อนเยาว์ การแต่งกายก็งดงามแตกต่างจากคนทั่วไปทว่ากลับสร้างความรู้สึกลึกลับให้ผู้พบเห็น ร่างอรชรรายล้อมไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณมากกว่าร้อยชนิด เถาวัลย์ด้านหลังมีกิ่งก้านอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีใบไม้เขียวชอุ่ม ราวกับหมู่เมฆที่ลอยปกคลุมทุกทิศทาง
“อวี๋เฟยเยี่ยนแห่งสำนักทะยานเวหา!”
“สตรีที่งามที่สุดของฝ่ายใน ทั้งยังเป็ยอดฝีมือด้านการพัฒนาจิติญญา”
หลายคนตกตะลึงกับทักษะการพัฒนาจิติญญาของนาง นั่นเป็หนึ่งในอาชีพอันทรงเกียรติของผู้บำเพ็ญจื๋อซิว
สายตาของหนิงเทียนจับจ้องไปยังอวี๋เฟยเยี่ยน สตรีในชุดแปลกตาผู้นี้งดงามยิ่งนักและงามกว่าฉินเสี่ยวเยวี่ยเล็กน้อย นับเป็หนึ่งในล้านอย่างแน่นอน
บรรดาดอกไม้พืชพรรณรอบกายนางเปรียบเสมือนภูติตัวน้อยน่ารักที่แปรกระบวนท่าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ใจ
“กล้วยไม้จิติญญาสีชาด มานี่เร็วเข้า” น้ำเสียงของอวี๋เฟยเยี่ยนเสนาะหูอย่างยิ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความสุข เหล่าพฤกษาต่างก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบพร้อมเปล่งรัศมีอันทรงพลังและตระการตา
เมื่อกล้วยไม้จิติญญาสีชาดได้ยินเสียงอันไพเราะ จากเดิมที่กำลังพุ่งหาหนิงเทียนก็หันกลับแล้วมุ่งไปทางอวี๋เฟยเยี่ยนทันที
ศิษย์สำนักเชียนเฉ่าและสำนักร้อยบุปผาล้วนวิ่งกรูกันเข้าไปหาอวี๋เฟยเยี่ยน พยายามกีดกันนางออกจากความสนใจของกล้วยไม้น้อย
ดวงตาคู่งามของอวี๋เฟยเยี่ยนแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ดอกไม้และพืชพรรณเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แสงแห่งจิติญญาผุดขึ้นจากพื้นดินแล้วก่อตัวเป็รูปแบบลึกลับ ก่อนจะแผ่คลื่นผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวเพื่อขับไล่ศัตรูที่รุกล้ำเข้ามา
หนิงเทียนตกตะลึงอย่างมาก ความประหลาดใจพาดผ่านดวงตาของเขาทันที
พฤกษาเ่าั้ล้วนมีจิตอสูรระดับหนึ่ง ซึ่งไม่มีพลังโจมตีมากนัก ทว่าพวกมันกลับจัดตั้งแนวรบตั้งรับศัตรูภายใต้คำสั่งของอวี๋เฟยเยี่ยนได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมือด้านการพัฒนาจิติญญาจะได้รับการยกย่องสรรเสริญมากเพียงนี้
---------------------------------------
[1] ดั่งผ่าไม้ไผ่ (破竹) หมายถึง การออกแรงอย่างเต็มที่ด้วยพลังทั้งหมดที่มี เหมือนตอนผ่าไม้ไผ่เป็สองท่อน
[2] พลังกลืนภูผาธารา (气吞山河) หมายถึง มีพลังหรืออำนาจมากล้น
[3] วงปีการเติบโต (一圈圈年轮) คือ เนื้อเยื่อการเจริญเติบโตทางด้านข้างของพืช โดยเนื้อไม้จะสร้างท่อลำเลียงน้ำขึ้นมาใหม่ทุกปีและเป็วงซ้อนกันไปเรื่อยๆ จึงนิยมใช้ในการนับอายุต้นไม้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้