เล่มที่ 10 บทที่ 278 สะบั้นใส่ลำแสงที่เจิดจรัส
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายของวิถีกระบี่ปกคลุมไปทั่ว ภายในรัศมีพันลี้ก็ถูกกระแสไอเย็นปกคลุมเข้าทันที…
ปราณกระบี่ทั้งห้าของหลินเฟยเมื่อถูกดูดเข้าไปในแสงเจิดจรัสที่ทอดยาวแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับใบไม้ที่ปลิดปลิวท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ ได้แต่พุ่งชนไปมาไม่หยุด…
“เยี่ยมมาก...” หลินเฟยเห็นดังนั้นก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็อย่างมาก เพราะปราณกระบี่ทั้งห้าของตนเองเกิดจากรากฐานบำเพ็ญ จึงแฝงไปด้วยพลังรุนแรงและเคล็ดวิชาจำนวนมาก แต่ตอนนี้กลับถูกลำแสงเจิดจรัสราวกับทางช้างเผือกซึ่งเกิดจากวิถีกระบี่กดข่มเอาไว้ จนไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจแจ่มแจ้งว่าวิถีกระบี่ที่ซุกซ่อนอยู่ในอักษรภาพนั้นร้ายกาจเพียงใด…
ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเฟยเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้แต่อย่างใด เ้าตัวรีบโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนขึ้นอีกครั้ง เพื่อหลอมรวมปราณกระบี่ทั้งห้าเข้าต้านพลังที่กล้าแกร่งของวิถีกระบี่นี้
เมื่อกวาดตามองไป ก็เห็นลำแสงเจิดจรัสทอดยาวนับหมื่นลี้ราวกับทางช้างเผือกปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทุกครั้งที่ลำแสงพาดผ่านไปก็คล้ายกับฝนดาวตก ซึ่งเปรียบดั่งปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเลยทีเดียว ลำแสงเจิดจรัสส่องสว่างท่ามกลางค่ำคืนที่แสนมืดมิด หลังจากปราณกระบี่ทั้งห้าของหลินเฟยหลอมรวมเข้าด้วยกันก็เกิดเป็ภาพนิมิตเหล่าสัตว์ต่างๆ ทั้งั ปิงหลีน้ำแข็งและอสรพิษ ที่ต่างก็กำลังต่อต้านแรงกดข่มจากลำแสงเจิดจรัสอย่างสุดกำลัง
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ใบหน้าหลินเฟยก็ยิ่งซีดเผือดลงเท่านั้น
บัดนี้เอง ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็สว่างงดงามเป็อย่างมาก แต่คงมีหลินเฟยคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความสวยงามนี้อันตรายถึงเพียงใด หลินเฟยจึงต้องโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนสุดความสามารถ เพื่อสำแดงพลังของรากฐานบำเพ็ญออกมาให้ได้ แม้การทำเช่นนี้จะชักนำวิถีกระบี่ที่ซุกซ่อนให้ปรากฏออกมาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็การนำพาตนเองเข้าสู่ห้วงแห่งอันตรายด้วยเช่นกัน…
การต่อสู้เช่นนี้ ไม่อาจชะล่าใจได้แม้แต่น้อยเลย หากพลาดพลั้งเพียงนิดเดียวก็อาจถึงตายได้
หลังจากกวาดตาสำรวจไป ก็เห็นัทองที่เกิดจากปราณกระบี่ไท่อี๋กำลังโฉบเฉี่ยวสร้างความปั่นป่วนให้ลำแสงที่ทอดยาวอยู่ แถมยังมีเสียงัคำรามดังออกมาเป็ระยะ นกจิงอูสามขาที่เกิดจากปราณกระบี่ซีรื่อเองก็พุ่งทะยานออกมา จากนั้นก็มีไอความร้อนพวยพุ่งตาม สัตว์อสูรน้ำแข็งปิงหลีที่เกิดจากปราณกระบี่อิ๋นเหวินก็คอยปล่อยกระแสไอเย็นออกมาไม่หยุดหย่อน ทำให้รอบด้านเกิดเป็หิมะตกโปรยปรายและแช่แข็งสรรพสิ่งรอบด้านจนหมด ทางอสรพิษสีทองที่เกิดจากปราณกระบี่เหล่ยยวี่ก็มีสายฟ้ากะพริบไหวออกมาด้วยความน่าเกรงขาม ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะแตกสลายเลยทีเดียว ส่วนปราณกระบี่ทงโยวก็กลายเป็เงาดำมืด ทะลุทะลวงลอดผ่านทุกสิ่งอย่าง ไม่อาจแบ่งแยกได้แม้แต่ห้วงมิติหยินหยาง…
ทว่าลำแสงที่เจิดจรัสที่ราวกับทางช้างเผือกซึ่งกำลังทอดยาวนับหมื่นลี้เอง ก็มีพลังลึกล้ำราวกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ ไม่ว่าปราณกระบี่ทั้งห้าจะทำเช่นไร ก็ไม่อาจทำอะไรมันได้…
บัดนี้ไม่ว่าปราณกระบี่ทั้งห้าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นการกดข่มได้…
ใบหน้าของหลินเฟยซีดขาวลงเรื่อยๆ แต่เ้าตัวกลับยังฝืนโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนอย่างเต็มกำลัง เพื่อเข้าต้านลำแสงอันเจิดจรัสนี้เอาไว้ ในตอนนี้มีวิถีกระบี่มากมายกำลังเชือดเฉือนซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้กายเนื้อที่แข็งแกร่งปานเหล็กกล้าของหลินเฟยปรากฏรอยร้าวมากเป็จำนวนมาก เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็เกิดเป็เืไหลซึม ย้อมแดงทั่วพื้นที่ ที่หลินเฟยยืนอยู่กระทั่งเป็สีแดงฉาน…
แต่ถึงจะเป็เช่นนั้น หลินเฟยก็ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว…
การปะทะกับวิถีกระบี่เช่นนี้ ถือว่าอันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญด้วยกันมาก เพียงก้าวถอย ก็จะต้องถูกกลืนกินจนตาย…
หากไม่สามารถกดข่มวิถีกระบี่ได้โดยสมบูรณ์ละก็
เช่นนั้นขั้นบำเพ็ญก็จะแตกสลายจนสิ้นลมหายใจ
ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว…
“วันนี้แหละ ไม่เ้าก็ข้าจะต้องตายตกกันไปข้าง!” ใบหน้าหลินเฟยในตอนนี้เต็มไปด้วยาแที่เกิดจากการเชือดเฉือนของวิถีกระบี่ ใบหน้าอันหมดจดได้แปรเปลี่ยนเป็ใบหน้าสยดสยองชุ่มโชกไปด้วยร่องรอยโลหิต หลังจากเช็ดคราบเืที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าแล้ว หลินเฟยก็เอื้อมมือเข้าไปล้วงยาลูกกลอนในกระเป๋าเฉียนคุนออกมาโดยไม่มีเวลาพินิจว่าสิ่งที่หยิบจะเป็ยาเผยหยวนที่รักษาอาการาเ็หรือไม่ จากนั้นก็รีบกลืนเข้าไปจนหมดราวกับกลืนกินของว่างน่าอภิรมย์…
หลังจากโคจรพลังปราณเข้าไป ยาก็เริ่มออกฤทธิ์ทันที ทำให้ใบหน้าที่ซีดขาวของหลินเฟยกลับแดงก่ำอย่างผิดปกติ บัดนี้สภาพของหลินเฟยราวกับสติวิปลาสไปเสียแล้ว เขากำลังโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว…
ไม่นานลำแสงกระบี่มากมายก็พวยพุ่งเข้าสู่ลำแสงเจิดจรัสที่กำลังทอดยาว ภายใต้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่แล้ว ทั้งภาพนิมิตั ปิงหลี นกจิงอู อสรพิษทองและเงาดำล้วนสลายกลายเป็ลำแสงกระบี่ที่ทอดยาวนับหมื่นจ้างทั้งสิ้น…
“ตู้ม!”
จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น
เพราะลำแสงกระบี่ที่ทอดยาวได้สะบั้นลงมา…
ทันใดนั้นลำแสงเจิดจรัสที่ทอดยาวราวทางช้างเผือกก็แตกสลายลง…
พลังรุนแรงถึงกับสะบั้นลำแสงเจิดจรัสนี้จนแตกสลายในครั้งเดียว!
พริบตาถัดมาลำแสงเจิดจรัสจรัสที่แตกสลายก็ค่อยๆโปรยปรายลงมา ก่อนจะรวมตัวเข้าด้วยกัน กระทั่งเกิดเป็ลำแสงยาวประมาณสามชุ่น ไม่นานก็ค่อยๆจมหายเข้าไปบริเวณระหว่างคิ้วของหลินเฟย…
และทุกอย่างก็พลันสงบนิ่งลง…
วิถีกระบี่ได้สลายไปแล้ว รวมถึงกระแสไอเย็น..
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ…” ชั่วขณะที่วิถีกระบี่จมหายเข้าสู่หว่างคิ้วของหลินเฟย เ้าตัวก็เข่าอ่อนทรุดลงไปทันที และนี่ก็คืออาการของผู้ที่พลังปราณแห้งเหือด จากนั้นหลินเฟยก็รีบล้วงเอายาลูกกลอนจากกระเป๋าเฉียนคุนออกมากลืนกินทันที โดยไม่สนวิถีกระบี่ที่เพิ่งได้มา
กระทั่งฤทธิ์ยาทำงาน เขาจึงรู้สึกถึงพลังปราณที่เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาบ้าง เมื่อรู้สึกได้ดังนั้นหลินเฟยก็พ่นลมหายใจอย่างโล่งอกออกมา ก่อนจะใช้พลังปราณที่เพิ่งจะฟื้นฟูอันน้อยนิดนั้น โคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ขึ้น…
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยาม พลังปราณในตัวก็เริ่มฟื้นคืนมาเล็กน้อย หลินเฟยจึงหันกลับไปให้ความสนใจวิถีกระบี่ที่ได้มาก่อนหน้านี้…
เมื่อชาติก่อน ที่หลินเฟยเคยถามหลินปั้นหูว่า หากมีวันใดที่อักษรภาพครบสมบูรณ์ เช่นนั้นจะเกิดยอดเคล็ดวิชากระบี่หรือไม่นั้น ในตอนนั้นหลินปั้นหูกลับถามกลับเพียงว่าของที่หายไปแล้วมีสิทธิ์กลับคืนด้วยหรือ?
ตอนนั้นหลินเฟยเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน..
แต่ในที่สุด ตอนนี้เขาก็หาคำตอบของคำถามนั้นได้แล้ว
เพราะในอดีต ไม่ว่าจะเป็หลินปั้นหูหรือตาเฒ่าเ้าสำนัก หรือแม้แต่ทั่วทั้งสำนักเวิ่นเจี้ยนหรืออาจจะทั่วทั้งพิภพหลัวฝูเอง ต่างก็บำเพ็ญด้วยวิถีกระบี่เดียวเพื่อเอาชนะทุกสิ่งอย่าง และต้นตอของเส้นทางบำเพ็ญสายนี้ ก็คือการฝึกฝนเคล็ดวิชามากมายเพื่อบำรุงหล่อเลี้ยงเคล็ดวิชาหลักเพียงวิชาเดียวเท่านั้น
ดังนั้นในชาติที่แล้วต่อให้มีคนได้อักษรภาพนี้ไป แม้จะมีวาสนาเข้าถึงเคล็ดวิชากระบี่ที่ซ่อนอยู่ก็ตาม แต่ก็เรียนรู้ได้เพียงเปลือกนอกที่เป็แค่กระบวนท่าเท่านั้น ส่วนวิถีกระบี่ที่แท้จริงนั้น กลับไม่เคยมีผู้ใดเข้าถึงมาก่อนเลย…
สำหรับชาตินี้ หลินเฟยได้ฝึกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ แถมยังมีปราณกระบี่เซียนเทียนเป็รากฐาน ดังนั้นเส้นทางการบำเพ็ญจึงไม่เหมือนกับคนทั่วไป เพราะเส้นทางการบำเพ็ญของหลินเฟยคือหนึ่งกระบี่เกิดสรรพสิ่ง สามารถสำแดงพลังจากหนึ่งกระทั่งเกิดเป็เคล็ดวิชานับหมื่นนับพันได้ ถือว่าตรงข้ามกับผู้บำเพ็ญทั่วไป
บัดนี้หลินเฟยได้ใช้ปราณกระบี่ทั้งห้าชักนำวิถีกระบี่ออกมา ก่อนจะส่งเข้าสู่รากฐานของตนเอง จึงถือได้ว่าเข้าถึงวิถีกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในอักษรภาพอย่างแท้จริง…
“น่าเสียดายที่ศิษย์พี่หลินไม่มีโอกาสได้เห็น…”
หลินเฟยส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสมาธิไปที่หว่างคิ้วอีกครั้ง ครู่เดียวก็เห็นชัดว่าภายในรากฐานบำเพ็ญของตนเองมีลำแสงกระบี่มากมายปรากฏอยู่เลือนราง และปราณกระบี่ทั้งห้าก็เด่นชัดและสุกสว่างเป็อย่างมาก หลินเฟยเห็นดังนั้นก็รู้ตัวได้ทันทีว่า หากตนเองบำเพ็ญจนลำแสงกระบี่มากมายในรากฐานสุกสกาวเช่นปราณกระบี่ทั้งห้าได้ละก็ เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จเส้นทางการบำเพ็ญด้วยเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่แล้ว…
และที่ศูนย์กลางปราณกระบี่ทั้งห้าก็มีลำแสงกระบี่ขนาดสามชุ่นปรากฏออกมาเลือนราง แต่กลับดูกล้าแกร่งไม่น้อยเลย เมื่อกวาดตามองไปก็พบว่ามีลำแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าปราณกระบี่ทั้งห้าเสียอีก…
“หรือว่า…” หลินเฟยใจกระตุกขึ้นทันที ก่อนเ้าตัวจะโคจรพลังปราณเรียกใช้ลำแสงกระบี่นี้ดู แต่ครู่เดียวก็ต้องพบกับเื่ประหลาดใจ เพราะลำแสงกระบี่นี้ไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย กลับเป็ปราณกระบี่ทั้งห้าที่สั่นไหวแทน ไม่นานก็มีวิถีกระบี่เข้มข้นพวยพุ่งขึ้น และปกคลุมไปทั่วทั้งรัศมีสิบจ้าง ทันใดนั้นก้อนหินพืชพันธุ์รอบด้านก็สลายกลายเป็ผุยผงทันที…
‘ร้ายกาจมากทีเดียว!’
------------------------------------------------------------------------------------------------------------