เศษถ้วยชาที่แตกกระจายยังคงอยู่บนพื้น
ทั้งสองเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายโดยไม่ต้องเอ่ยปาก หลังจากเปลี่ยนที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ชิงซีก็รินชาให้อวิ๋นจื่ออีกครั้งและกล่าวว่า “อาจื่อ ข้าเสียใจจริงๆ”
อวิ๋นจื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้นางแสดงกิริยาที่ไม่ดีออกไป นั่นเป็เหตุผลให้ชิงซีกล่าวเช่นนี้
นางจึงทำใจให้สงบอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า
“ท่านประมุข อาจื่อเสียมารยาท ขายหน้าท่านแล้ว”
นางคือองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ แม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ต้องไม่หลงลืมมารยาท
ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อก็นึกถึงเสด็จแม่
เสด็จแม่ผู้สดใสและอ่อนโยนคนนั้นเคยบอกนางว่าบางสิ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยพลังของมนุษย์
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ดวงตาของอวิ๋นจื่อก็แปรเปลี่ยนเป็สงบนิ่งและอ่อนโยนโดยไม่มีร่องรอยของความโกรธแค้นหลงเหลืออยู่ นางกล่าวว่า “ท่านประมุข มีหลายสิ่งที่ไม่อาจเป็ไปอย่างที่ใจคิด อาจื่อยอมรับเื่ทั้งหมดนี้ได้…”
“ข้าโล่งใจมากที่เ้าคิดแบบนี้ได้” ชิงซีขัดจังหวะแล้วถอนหายใจเบาๆ โดยไม่พูดอะไรอีก
หลังจากนั้นบรรยากาศในห้องโถงก็เงียบไปชั่วขณะ
สุดท้ายอวิ๋นจื่อก็เป็คนทำลายความเงียบ
“นี่ดึกมากแล้ว น้ำค้างก็ตกหนัก ท่านประมุขควรรีบไปพักผ่อน”
“อาจื่อ…”
ชิงซีจับแขนของอวิ๋นจื่อ “อาจื่อ เ้ายังจำคำทำนายได้หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อนิ่งไปสักพักก่อนจะกล่าวว่า “ตำหนักในเกิดความเปลี่ยนแปลง วังหลวงตกอยู่ในความระส่ำระสาย หลีกหนีจากความวุ่นวายในโลก เก็บซ่อนปัญหาทั้งหมดไว้ในแขนเสื้อ กลายเป็คณิกาผู้มีชื่อเสียง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็เพียงความว่างเปล่า เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าประตูเก้าชั้นงดงามจนน่าอัศจรรย์”
ถ้อยคำที่นางท่องจำมาั้แ่เด็กไหลผ่านความทรงจำเหมือนสายน้ำที่ไหลริน ความเศร้าโศกแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของอวิ๋นจื่อ ชั่วพริบตาผู้เป็ที่รักของนางหรือคนที่นางคิดว่าจะไม่มีวันแยกจากกันล้วนตายไปหมดสิ้น
นางคิดถึงทุกสิ่งที่นางได้สูญเสียไป
“เ้ายังจำได้” ชิงซีกล่าวออกมาด้วยความผิดหวัง
อวิ๋นจื่อคิด
‘แน่นอน ข้าย่อมจำได้ นี่เป็ถ้อยคำที่ข้าท่องจำมาั้แ่เยาว์วัย’
แต่นางไม่ได้พูดออกมา
นางเพียงรับฟังสิ่งที่ประมุขตระกูลมู่กล่าวอย่างเงียบๆ
จากนั้นชิงซีก็โยนถ้วยชาลงพื้นด้วยท่าทีไม่พอใจ ในยามค่ำคืนที่แสนเงียบงัน เสียงแตกละเอียดของเครื่องเคลือบดินเผาชั้นดีกลับสามารถปัดเป่าความเศร้าโศกได้เล็กน้อย
จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็คิดว่าแบบนี้ย่อมดีไม่น้อย เมื่อก่อนนางไม่ใคร่พอใจนักหากเห็นใครสักคนระบายอารมณ์กับข้าวของเครื่องใช้ แต่ตอนนี้เมื่อถ้วยชาแตกก็ดูเหมือนว่าความเ็ปในใจของนางได้บรรเทาลง
แล้วเหตุใดนางต้องเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของข้าวของเครื่องใช้อย่างชางอู๋หลิงด้วยล่ะ?
“ข้าต้องเดินทางไกล”
เสียงพึมพำของชิงซีราวกับดังมาจาก์ชั้นเก้า ชิงซีอยู่ตรงหน้านาง แต่อวิ๋นจื่อกลับรู้สึกว่านางอยู่ห่างไกลออกไปอย่างน่าประหลาด
“เ้ากำลังจะไปไหน?”
อวิ๋นจื่อรู้สึกใกับถ้อยคำที่ตนเองเปล่งออกมาอย่างกะทันหัน เหตุใดนางต้องอยากรู้เื่ของประมุขแห่งตระกูลมู่ด้วย? กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประมุขตระกูลมู่ไม่เคยขอคำปรึกษาจากนางด้วยซ้ำ แต่เดิมชีวิตของนางกับชิงซีก็เป็เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันจะกันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่นางก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน
ชิงซีไม่คาดคิดว่าอวิ๋นจื่อจะถามเช่นนี้
นางมองอวิ๋นจื่ออย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า “เพราะข้า...ข้าก็มีความปรารถนาที่ยังไม่สมหวังเช่นกัน”
น้ำเสียงของนางจริงจังมาก ความปรารถนาที่ฝังลึกอยู่ในใจก็เหมือนเปลวไฟแผดเผาและโหมกระหน่ำในคืนอันมืดมิด อวิ๋นจื่อรู้ว่าคนตรงหน้านางคือประมุขตระกูลมู่ผู้มั่งคั่ง ในมือของนางมีความมั่งคั่งที่ราชวงศ์ยังต้องพึ่งพา แม้ผู้ปกครองแผ่นดินจะเปลี่ยนไปแต่ตระกูลมู่ในวันนี้ไม่ได้แสดงถึงความเสื่อมโทรมเลย ในฐานะที่ชิงซีเป็ถึงประมุขของตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ นางยังมีความปรารถนาที่ยังไม่สมหวังอีกหรือ? ตระกูลมู่ไม่กระหายในอำนาจ เพราะฉะนั้นคงมีแค่ความรักกระมัง เมื่อคิดเช่นนี้อวิ๋นจื่อก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
แต่อวิ๋นจื่อทำได้เพียงคลี่ยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นอาจื่อขอให้ความปรารถนาของท่านประมุขสมหวังในเร็ววัน”
รอยยิ้มที่อ่อนโยนและเงียบสงบผุดขึ้นบนใบหน้าของชิงซี นางตอบกลับเบาๆ ว่า
“ขอบคุณมากอาจื่อ ข้าคงต้องบอกลาเ้าแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่”
ชิงซีไม่ได้สังเกตเลยว่าวันนี้อวิ๋นจื่อไม่ได้เรียกนางว่า “ชิงซี”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของชิงซี อวิ๋นจื่อก็รู้สึกสงบและมีความสุข นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงน้องชายคนเดียวของนาง จึงโพล่งออกไปว่า “แล้วอาเหิงล่ะ? เขาไปกับเ้าหรือไม่?”
รอยยิ้มของชิงซีจางลงเล็กน้อย “จะเป็ไปได้อย่างไร? อาเหิงยังเด็กนัก รอบตัวข้ามักมีอันตรายเกิดขึ้นเสมอ เ้ากังวลเื่นี้หรือ? เด็กโง่ เ้าวางใจเถิด ข้าจะให้คนดูแลเขาอย่างดี”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก
ชิงซีกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปพักผ่อนเถอะ ดูแลตัวเองด้วยอาจื่อ”
อวิ๋นจื่อยืนขึ้น “เ้าก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ข้าจะอยู่ที่หยงโจวและรอเ้ากลับมา”
…
กลางดึก
อวิ๋นจื่อมองไปยังดวงจันทร์ที่เปล่งแสงนวลตา นางตกอยู่ในความเศร้าโศกอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้จะต้องเผชิญกับความมืดมนอีกแล้ว
เหตุใดสภาพอากาศที่เลวร้ายจึงส่งผลต่ออารมณ์ของนางเสมอ?
ถ้าอารมณ์ของนางส่งผลต่อสภาพอากาศบ้างจะเป็อย่างไร?
ทันใดนั้นเสียงต่อสู้ก็ดังขึ้น
อวิ๋นจื่อตกตะลึง และรีบกลับเข้าไปยังเรือนของตัวเองด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเห็นนางเดินกลับมาอย่างเร่งรีบ สาวใช้ต่างก็ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น อวิ๋นจื่อไม่ตอบ แต่สั่งให้สาวใช้ไปเตรียมน้ำให้นาง
นางกำลังหวาดกลัว
ก่อนที่นางจะเข้าสู่หอคณิกาจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่?
‘ตำหนักในเกิดความเปลี่ยนแปลง วังหลวงตกอยู่ในความระส่ำระส่าย หลีกหนีจากความวุ่นวายในโลก เก็บซ่อนปัญหาทั้งหมดไว้ในแขนเสื้อ กลายเป็คณิกาผู้มีชื่อเสียง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็เพียงความว่างเปล่า เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าประตูเก้าชั้นงดงามจนน่าอัศจรรย์’
นางท่องคำทำนายเมื่อหลายปีก่อนในใจ ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างไม่อาจห้ามได้
จะมีตัวแปรอะไรปรากฏขึ้นมาอีกหรือไม่?
นางไม่รู้เลย
ความกลัวในใจเหมือนคลื่นลมในมหาสมุทรที่กระจายอย่างรวดเร็วและแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
กลางดึกอวิ๋นจื่อพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย
นางกำลังฝัน
ในความฝัน ทุ่งดอกไม้สีม่วงอ่อนบานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มสวมชุดขาวคนหนึ่งกำลังมองมาที่นางด้วยสายตาชวนลุ่มหลง
อย่างไรก็ตาม นางเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดนัก
เขาคือใคร?
ชายหนุ่มในทุ่งดอกไม้สีม่วงอ่อนเลือนหายไปอย่างช้าๆ จากนั้นทุ่งดอกไม้อันกว้างใหญ่ก็ถูกย้อมไปด้วยเืสีแดงสด มีเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา ความหวาดกลัวฝังลึกอยู่ในจิตใจของอวิ๋นจื่อจนไม่สามารถลบล้างออกไปได้
ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็สะดุ้งตื่น ดอกไม้สีม่วงอ่อนในความฝัน ชายหนุ่มผู้สง่างาม และเืที่น่าสะพรึงกลัวหายไปหมดแล้ว แต่หัวใจของนางยังปวดร้าว
นี่เป็เพียงความฝัน!
ทันใดนั้นนางก็จำได้ว่าตอนนางอายุสิบสองปี เซียวเหยียนองค์ชายรัชทายาทจากแคว้นซินหลัวได้เสด็จมาเยือนแคว้นอวิ๋นเมิ่ง
เขามักสวมชุดสีขาว
ดูสง่างามราวกับเทพเซียงที่พลัดหลงในโลกมนุษย์
ว่ากันว่าเมื่ออายุได้เพียงสิบสามชันษาเขาก็ได้สืบทอดบัลลังก์ของแคว้นซินหลัวแล้ว
นี่ก็นานมาแล้วที่นางไม่ได้ยินข่าวของเขา
อวิ๋นจื่อคิดย้อนไปยังอดีตอันไกลโพ้น และความรู้สึกขมขื่นในใจของนางก็เพิ่มขึ้น ไม่มีอีกแล้วหญิงสาวผู้สูงส่งและบริสุทธิ์ที่เคยจับคู่ประชันบทกวีกับองค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นซินหลัว เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป ความทรงจำของนางก็เลือนรางลงเช่นกัน
นางจะกลับไปที่นั่นได้หรือไม่?
นางคิดด้วยความสับสน
ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อก็ได้ยินเสียงลมพัดเข้ามาทางผ้าม่านของเตียง
สาวใช้ด้านนอกระมัดระวังมาก พวกนางปิดหน้าต่างอย่างแ่า เนื่องจากมีข่าวลือว่าก่อนหน้านี้มีใครบางคนแอบเข้าห้องของนาง
อวิ๋นจื่อล้วงมือไปหยิบมีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้หมอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้