ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าครอบครัวเดียวกันควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการที่สวี่ฮุ่ยเอาเงินของตัวเองมารักษาน้องสาว ถือเป็เื่สมควร แต่เขาก็ไม่กล้าพูด
ตอนนี้มีลูกชายออกหน้า เขาก็ไม่ต้องลำบากใจแล้ว
กู่ซิ่วเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ ฮุ่ยฮุ่ยตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว นิสัยเสียสุด ๆ ถ้าลูกไปขอเงินเธอ เธอต้องโวยวายแน่ ๆ ดึกดื่นป่านนี้ ทะเลาะกันให้เพื่อนบ้านได้ยินจะไม่ดี”
สวี่รั่วเฉินรับคำ
ยังไงเขากลับมาจากทำงานครั้งนี้ก็ได้หยุดสามวัน มีเวลาเหลือเฟือที่จะไปขอเงินน้องสาวและสั่งสอนเธอสักหน่อย
สวี่รั่วเฉินถามอีกว่า “เยว่เยว่อยู่ไหน?”
“เมื่อกี้ถูกสวี่ฮุ่ยโกรธจนอาการเกือบกำเริบ ตอนนี้นอนพักอยู่ในห้อง” กู่ซิ่วพูด
สวี่รั่วเฉินเดินเบา ๆ เข้าไปในห้องของสวี่เยว่ เปิดไฟ มองน้องสาวที่ใบหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร
ทุกคนกลับไปที่ห้องนั่งเล่น กู่ซิ่วนึกขึ้นได้จึงถามสวี่รั่วเฉินว่ากินข้าวเย็นหรือยัง
สวี่รั่วเฉินส่ายหน้า “ยังครับ ผมรีบตรงกลับบ้านมาเลย”
สวี่ต้าซานได้ยินดังนั้น เลยต้มบะหมี่ให้เขากินสองชาม ใส่ไข่ดาวสี่ฟอง
สวี่รั่วเฉินซู้ดบะหมี่พลางพูดกับพ่อแม่ว่า “พ่อ แม่ อย่ากังวลไปเลย ถ้าเงินรักษาน้องสาวไม่พอ ก็เอาเงินเก็บในสมุดบัญชีของผมไปใช้ก่อน”
กู่ซิ่วได้ยินคำพูดของลูกชายก็รู้สึกปลื้มใจ “ไม่ต้องใช้เงินเก็บของลูกหรอก เงินเก็บของลูกเอาไว้แต่งเมียเถอะ”
สวี่รั่วเฉินกินบะหมี่สองชามหมดเกลี้ยงในพริบตา
เขาเช็ดปาก “การแต่งเมียไม่สำคัญเท่าสุขภาพของน้องหรอกครับ!”
กู่ซิ่วไม่ได้รีบเก็บชามที่สวี่รั่วเฉินกินเสร็จ “ฉันมีเื่อยากปรึกษาพวกเธอสองพ่อลูกหน่อย”
สวี่ต้าซานกับลูกชายถามเป็เสียงเดียวกัน “เื่อะไรเหรอ?”
กู่ซิ่วพูด “ฉันอยากให้ฮุ่ยฮุ่ยยกคะแนนสอบให้เยว่เยว่”
สวี่ต้าซานปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด “ไม่ได้! ผมสัญญากับฮุ่ยฮุ่ยแล้วว่าจะไม่ให้ใครมาแย่งคะแนนสอบของเธอ!”
กู่ซิ่วร้องไห้อีกครั้ง “ปีนี้เยว่เยว่สอบไปสองครั้งแล้ว คะแนนสอบก็ยังไม่ดี สอบไม่ติดแม้แต่มหาวิทยาลัยวิชาชีพ นั่นหมายความว่าในอนาคตเธอจะเป็ได้แค่กรรมกร เยว่เยว่ร่างกายไม่แข็งแรง ต่อให้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจสำเร็จ ก็ยังอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ทำงานกรรมกรไม่ไหว ทำได้แค่งานออฟฟิศ แต่เธอไม่มีวุฒิการศึกษาระดับอนุปริญญาขึ้นไป จะทำงานออฟฟิศได้ยังไง? ฉันถึงอยากให้เยว่เยว่ไปเรียนมหา’ลัยแทนฮุ่ยฮุ่ย แบบนี้ในอนาคตเยว่เยว่จะได้ทำงานออฟฟิศ”
สวี่ต้าซานพูดอย่างไม่พอใจ “แล้วฮุ่ยฮุ่ยล่ะ?”
กู่ซิ่วหยิกเขาแรง ๆ “นี่คุณโง่หรือไง? ฮุ่ยฮุ่ยฉลาดขนาดนั้น ต่อให้ปีนี้เยว่เยว่แอบอ้างชื่อเธอไปเรียนมหาลัย ปีหน้าเธอก็ยังสอบใหม่ได้ ด้วยความสามารถของเธอในปีนี้ ปีหน้าเธอก็ยังสอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำได้เหมือนเดิม บางทีอาจจะได้ที่หนึ่งอีกด้วยซ้ำแบบนั้นบ้านเราจะมีคนสอบได้ที่หนึ่งตั้งสองคนเลยนะ? ลูกสาวสองคนมีอนาคตที่ดีทั้งคู่ นี่ไม่ใช่เื่ที่น่ายินดีเหรอ?”
กู่ซิ่วพูดจาหว่านล้อมเสร็จ เห็นสวี่ต้าซานเงียบไปนาน ก็เดาว่าเขาคงไม่ยอมให้สวี่เยว่ไปเรียนมหาลัยแทนสวี่ฮุ่ย
เธอกำลังจะโกรธ ก็ได้ยินสวี่รั่วเฉินพูดขึ้นมาว่า “ผมว่าที่แม่ว่ามาก็สมเหตุสมผลดีนะครับ”
สวี่ต้าซานฟังคำพูดของกู่ซิ่วเมื่อกี้ก็รู้สึกว่าแผนการของเธอไม่เลวเหมือนกัน
ลูกสาวทั้งสองคนไม่ได้เสียหายอะไร อนาคตยังสดใสทั้งคู่
ที่เขาคัดค้านเพราะเขาสัญญากับสวี่ฮุ่ยแล้วว่าจะไม่ให้ใครมาแย่งโอกาสเรียนมหาลัยของเธอ
ให้เขากลับคำตอนนี้ ยากจะก้าวข้ามความรู้สึกที่อยู่ในใจไปได้
ตอนนี้ลูกชายก็สนับสนุนภรรยา เขาถึงรู้สึกผิดน้อยลง
สวี่ต้าซานลูบหน้า “ในเมื่อพวกเธอเห็นว่าดี งั้นก็ทำตามที่คิดเถอะ ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย”
สวี่เยว่ที่แกล้งหลับอยู่ในห้อง ได้ยินเข้าก็ดีใจจนเนื้อเต้น
ยัยนั่นเรียนเก่งแล้วไง? หาเงินเก่งแล้วไง?
สุดท้ายก็ตกเป็ของเธออยู่ดี!