พูดจบเขาก็นึกขึ้นได้ว่า นอกจากนี้หลานชายของเขากำลังจะมีความรักแล้ว!
ถึงอย่างไรก็ต้องช่วยหลิวซานกุ้ยระบายความโกรธนี้
เมื่อหลี่เจิ้งคิดถึงหลานชายที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่ก็มีวันที่ยืนบิดตัวไปมาไม่กล้าพูดเพราะเขินอาย เพียงแค่นึกถึงเขาก็มีความสุข
หาก้าปรองดองกับครอบครัวหลิวซานกุ้ย แบบนั้นก็ควรสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับเขาไว้ก่อนดีกว่า
ว่ากันว่าคนเราเมื่ออายุมากก็มักจะหลักแหลม หลี่เจิ้งเองก็ชอบพอครอบครัวของหลิวซานกุ้ยพอสมควร
อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าหลิวซานกุ้ยนั้นเรียนดี ในฐานะหลี่เจิ้ง เขาพอรู้เื่เกี่ยวกับกัวซิวฝานที่อยู่ในตำบลอยู่บ้าง สำหรับการสอบซิ่วไฉของหลิวซานกุ้ยในอนาคต เขาจึงพอเห็นความเป็ไปได้
หากท้ายสุดแล้วหลิวซานกุ้ยจะสอบไม่ผ่าน แต่บุตรสาวสองคนก็เอาการเอางาน อีกทั้งเขายังแอบรู้มาว่า บุตรสาวของหลิวซานกุ้ยรู้หนังสือทุกคน ในชนบทแบบนี้นับว่านี่คือการชุบทองทีเดียว
เด็กสาวเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่อยากสู่ขอเข้าบ้าน?!
ดังนั้นเมื่อหลี่เจิ้งได้ยินคำพูดของหลานชายคนโต ก็ตกลงโดยไม่ต้องคิด จึงรีบชี้แนะให้หลานชายคอยเอาใจสองสามีภรรยาหลิวซานกุ้ยให้ดีในภายภาคหน้า เมื่อถึงเวลาอันสมควรเขาจะไปลองพูดคุยให้
ในเวลานี้หลิวต้าฟู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขายกมือขึ้นมาััใบหน้า สุดท้ายก็ยอมรับคำพูดของหลี่เจิ้ง ถึงอย่างไรก็ไม่ควรพูดว่าตนเองถูกภรรยาข่วน
เื่น่าอายกว่านี้มีอีกหรือไม่!
์ ได้โปรดบันดาลรูหนูให้เขาสักรูเถิด เพื่อที่เขาจะได้มุดตัวเข้าไป
เขานึกโกรธแค้นหลิวฉีซื่ออีกครั้ง
หลิวต้าฟู่เป็คนที่ไม่ชอบอ้อมค้อมและคิดอะไรซับซ้อน เขาเป็คนซื่อตรง ใจอ่อน แต่เพราะสินเ้าสาวของหลิวฉีซื่อที่มากมายทำให้เขาเชิดหน้าชูคอไม่ได้ หลายปีมานี้จึงถูกนางกดขี่มาโดยตลอด
ในอดีตแม้ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่เวลาอยู่ข้างนอกหลิวฉีซื่อก็ยังให้เกียรติหลิวต้าฟู่
แต่คราวนี้ทั้งสองทะเลาะกันหนัก ดังนั้นใบหน้าของทั้งสองจึงหลงเหลือ ‘หลักฐาน’ ทิ้งไว้
“ใช่แล้ว บ้านเรากินเนื้อปลากันสองมื้อ ไม่รู้มีแมวป่าที่ไหนโผล่มา จังหวะที่ฟ้ามืดก็แอบเข้าบ้าน ข่วนจนข้าเจ็บไปหมด”
หลิวต้าฟู่รู้สึกว่าดวงตาของทุกคนที่มองมาที่เขานั้นร้อนแรงเหลือเกิน
เขาแค่้ามุดลงหลุมเพื่อซ่อนความอัปยศนี้
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ” หลี่เจิ้งเอื้อมมือไปตบไหล่ จากนั้นโอบไหล่เขาอย่างฉันพี่น้อง “ข้าแอบบอกเ้านะ ว่ากันว่าต่อหน้าบรรพบุรุษให้สอนลูก แต่ข้างหมอนให้สอนเมีย เมียนั้นไม่ควรตามใจมากเกินไป เหมือนเมียข้าเอง ข้าทำให้นางเข้าใจว่า แต่งเข้ามาบ้านตระกูลหวง ก็ต้องเป็คนของตระกูลหวง ตายไปก็เป็ิญญาของตระกูลหวง ฮี่ๆ!”
หลี่เจิ้งไม่อาจพูดได้ตรงๆ ว่า หลิวต้าฟู่ เมียเ้าสมควรได้รับการสั่งสอนอยางหนัก!
หลิวต้าฟู่มองไปที่หลี่เจิ้งและพูดว่า “เราไปช่วยซานกุ้ยย้ายบ้านกันเถิด พอเสร็จแล้วเราสองพี่น้องไปซื้อเหล้ากับอาหารดีๆ จะได้นั่งคุยกันดีๆ สักหน่อย”
นี่คือการใฝ่หาความรู้จากหลี่เจิ้ง!
เฮ้อ ก่อนหน้านี้เขาไปทำอะไรมานะ?
หลี่เจิ้งกําลังคิดอยู่ว่า หลิวต้าฟู่คงเบื่อหน่ายกับชีวิตที่มีหลิวฉีซื่ออยู่ด้วยเต็มทน!
“ได้สิๆ ไป เราช่วยซานกุ้ยย้ายบ้านกันก่อน”
เขากวักมือเรียกชายหนุ่มทั้งหลายอีกครั้ง
หลี่เจิ้งพินิจอยู่ว่าหลานชายของตนชอบบุตรสาวของเขา ต่อไปก็ต้องปรองดองเป็ญาติ ถึงอย่างไรก็สมควรยื่นมือเข้ามาช่วยดูแลสักหน่อย
ด้วยความยินดีนี้ เขาจึงวางครอบครัวของหลิวซานกุ้ยไว้ในแผนการไปโดยปริยาย
หลิวซานกุ้ยไม่รู้เลยว่าบุตรสาวที่ตนเองเลี้ยงมาอย่างยากลำบากนั้นกำลังจะถูกหมาป่าคาบไปเสียแล้ว
ขณะนี้ เขากำลังต้อนรับและพาหลี่เจิ้งกับคนอื่นๆ เข้าบ้าน ทุกคนต่างก็เป็คนหมู่บ้านเดียวกัน ใครเล่าจะไม่เคยไปเยี่ยมเยียนกันและกัน พวกเขาจึงพอรู้ว่าหลิวซานกุ้ยมีข้าวของอะไรบ้าง
ข้าวของที่หมายถึงก็คือพวกข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ทำการเกษตรต่างๆ
“วางลงเดี๋ยวนี้!” จู่ๆ เสียงแหลมของหลิวฉีซื่อก็ดังมาจากด้านหลังห้องครัว
หลิวเต้าเซียงกลอกตามองขึ้นฟ้า เสียงช่างดังได้ใจเสียจริง
กลัวว่าคนนอกจะไม่รู้หรือ?
จากนั้นก็ได้ยินหลิวเสี่ยวหลันะโออกมา “หมูตัวนี้เป็ของบ้านข้า ใครอนุญาตให้พวกเ้าจับกัน?”
ตอนที่แยกบ้าน หมูในบ้านได้ถูกแบ่งให้แก่ครอบครัวหลิวซานกุ้ยสองตัว ส่วนไก่เ่าั้ไม่ต้องหวัง
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลิวซานกุ้ย พริบตาเดียวก็เสมือนถูกเมฆหมอกบดบังจนมิด
มารดาของเขาช่าง...
จางกุ้ยฮัวมองเขาโดยไม่ส่งเสียงเพราะคนนอกต่างก็ดูอยู่ นางจึงไม่อาจพูดอะไรได้
หลิวเต้าเซียงขยิบตาให้หลิวชิวเซียง เอื้อมมือขึ้นมาลูบศีรษะแล้วเอ่ย “โอ้ ท่านแม่ พวกเราลืมบอกให้คนที่ช่วยว่า จับเพียงสองตัวก็พอ”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดว่าเป็หมูทั้งคอก ต้องโทษที่พวกข้าบอกไม่ละเอียด ตอนนั้นท่านปู่กับท่านย่าบอกไว้ว่า จะแบ่งให้พวกเราสองตัว ท่านแม่ ข้าจะรีบไปบอกกับคนที่มาช่วยเอง”
หลิวชิวเซียงไม่รอให้จางกุ้ยฮัวพูดอะไร จึงหันหลังและออกจากห้องปีกตะวันตกไป
หลิวเต้าเซียงคิดๆ แล้วก็บอกกับหลิวซานกุ้ยว่า “ท่านพ่อ ข้าก็อยากไปดู”
“เต้าเซียง เ้าไปดูแลชุนเซียง ปู่จะไปเอง”
หลิวต้าฟู่ถูกสายตาร้อนผ่าวจดจ้องก่อนหน้านี้ ตอนนี้จึงยิ่งรู้สึกว่าเชิดหน้าไม่ได้
เมื่อหลิวชิวเซียงเอ่ยปาก เขายังไม่ทันได้สติ แต่ตอนที่หลิวเต้าเซียงพูดขึ้นอีก เขาจึงคิดได้ว่าภรรยาของตนกำลังจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีกแล้ว
“เ้าค่ะ ท่านปู่ เดินช้าๆ อย่าโมโหเกินไป”
หลิวเต้าเซียงชอบดูละคร ไม่ได้รู้สึกกลัวว่าจะลำบากแม้แต่น้อย
“ดูอะไรกัน ยังไม่รีบทำงานอีก เ้าพวกนี้ จะรอให้ข้ามาทำหรือ?” หลี่เจิ้งหันไปะโใส่คนที่อยู่ในห้อง
จากนั้นทั้งหมดก็เชื่อฟัง ก้มหน้าและแสร้งทำเป็ไม่เห็นเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ไม่รู้ว่าหลิวต้าฟู่จะไปพูดกับหลิวฉีซื่ออย่างไร แต่ครอบครัวหลิวเต้าเซียงก็ได้รับหมูมาสองตัว
หลิวชิวเซียงพึมพำอย่างไม่มีความสุขเมื่อเดินตามหลิวต้าฟู่กลับมา
หลิวเต้าเซียงอุ้มหลิวชุนเซียงและหยอกล้อกับนาง แต่เมื่อเห็นพี่สาวเดินมาจึงเอ่ยถาม “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น!”
“ท่านย่าโกง ทั้งที่ลูกหมูที่แบ่งให้พวกข้าก่อนหน้านี้ ข้าได้ใช้เชือกแดงมัดไว้แล้ว แต่วันนี้ท่านย่าอาศัยจังหวะที่พวกเราไม่อยู่จึงแอบเปลี่ยนหมู ดูสิ แล้วแบ่งลูกหมูสองตัวที่ตัวผอมแห้งที่สุดให้เรา”
ทันทีที่หลิวชิวเซียงคิดถึงหลิวฉีซื่อ ก็รู้สึกว่านางหน้าไม่อายเกินไป
หลิวเต้าเซียงสนใจเพียงว่าแยกครอบครัวออกมาให้ได้ ส่วนเื่หมูสองตัวจะตัวเล็กหรือไม่นั้นเป็เื่เล็ก ถึงอย่างไรนางก็มีเงินแล้ว อีกทั้งในบ้านยังต้องเลี้ยงหมูอีกสองร้อยกว่าตัว จึงไม่คาดหวังกับหมูสองตัวนี้ มีก็ดี ไม่มีก็ช่าง นางเองก็ไม่ได้ใส่ใจ
ตราบใดที่ไม่มีผู้หญิงอสรพิษอย่างหลิวฉีซื่อ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วครอบครัวของนางก็ต้องเกิดความมั่งคั่ง
“ท่านพี่ ช่างเถิด ปีนี้บ้านเรายังต้องซื้อหมูอีกสองร้อยกว่าตัว แค่สองตัวนี้คงไม่พอให้เราดูหรอก”
หลิวชิวเซียงคิดถึงคอกหมูขนาดใหญ่มหึมา แล้วคิดว่าเมื่อจับหมูสองตัวนี้ลงไปปล่อย คงเป็เื่น่ายินดี
“เอาหมูสองตัวไปไว้ในนั้น กลัวว่าจะหาไม่เจอ”
“แล้วท่านพี่จะโมโหอะไรอีก สุนัขกัดเรา แล้วเราจะต้องกัดตอบให้ได้หรือ?”
สุดท้ายคำพูดของหลิวเต้าเซียงก็ทำให้หลิวชิวเซียงหัวเราะ แอบยื่นมือออกมาดีดหน้าผากของนาง แล้วตำหนิพร้อมรอยยิ้ม “เ้าเล่ห์นัก!”
เมื่อมีผู้ชายที่แข็งแกร่งเ่าั้ จางกุ้ยฮัวก็พาบุตรสาวนั่งเป็ผู้ชม
มองดูพวกผู้ชายช่วยกันขนของย้ายบ้าน
หลี่เจิ้งยังกล่าวว่าแม้ภายนอกพวกเขาดูสง่า แต่ภายในหาได้เป็เช่นนั้น แล้วยังบอกว่างานที่ต้องใช้แรงงานเหล่านี้สมควรให้เด็กหนุ่มทำกัน
ครอบครัวของหลิวเต้าเซียงย้ายบ้านเสร็จอย่างรวดเร็ว เพียงแค่่เช้า ข้าวของทั้งหมดก็ถูกย้ายไปยังบ้านใหม่ที่อยู่ตรงข้ามแม่น้ำเรียบร้อย
เพียงแต่ว่า ทั้งครอบครัวมัวแต่อยากรีบย้ายออกไป จนลืมไปเื่หนึ่ง
“ข้าว่า กุ้ยฮัว มิเช่นนั้นเ้าจะไปเบียดกันนอนที่บ้านข้าก่อนสักสองคืนดีกว่า”
ป้าหลี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูกำลังมองห้องที่ว่างเปล่าพร้อมกับกลั้นขำ แล้วเกลี้ยกล่อมจางกุ้ยฮัว
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกมาปิดหน้า น่าอายจริง!
ดันลืมซื้อเตียง
บ้านของปู่หลิวซานกุ้ยเดิมทีไม่ได้ทำคั่งไว้ แต่เป็เตียงที่ประกอบขึ้นด้วยไม้
จางกุ้ยฮัวมองป้าหลี่ด้วยความอับอาย จึงตอบอย่างอึกอัก “ข้าก็ลืมไปเลย”
ป้าหลี่อดขำไม่ได้จริงๆ จึงหัวเราะออกมา “กุ้ยฮัว เื่นี้โทษเ้าไม่ได้ เดิมทีพวกเ้าก็แค่อยากรีบย้ายออกมา จึงรีบเกินไป”
“นั่นก็ใช่” จางกุ้ยฮัวรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนผ่าวอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้นางไม่ได้คิดว่าจะย้ายออกมาั้แ่ตอนนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องหาคนมาช่วยทำเครื่องใช้ในบ้านก่อน
“กุ้ยฮัว กุ้ยฮัว อยู่หรือไม่?”
เสียงทรงพลังของย่าหวงดังขึ้นตรงลานบ้าน
หลิวเต้าเซียงเปิดหน้าต่างทางด้านทิศใต้ แล้วโบกมือให้ฮูหยินของหลี่เจิ้ง จากนั้นเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านย่าหวง ท่านแม่ข้าอยู่ทางนี้”
จางกุ้ยฮัวก็ตอบรับเช่นกัน เมื่อเดินไปถึงริมหน้าต่าง ก็เห็นย่าหวงเดินจ้ำอ้าวมาทางนี้
ไม่นานนักก็เข้าบ้านมา จางกุ้ยฮัวเดินออกไปต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม “ท่านป้า มาได้อย่างไรหรือ?”
ย่าหวงยิ้มจนหุบไม่ลง คิดในใจว่า ก็รีบมาสร้างความประทับใจแทนหลานชายคนโต ความสัมพันธ์ระหว่างคนก็ต้องเริ่มต้นจากไปมาหาสู่กัน
“จะไม่มาได้อย่างไร พอท่านลุงเ้ากลับไปถึงบ้าน ข้าก็รู้ว่าพวกเ้าจะย้ายบ้านเช้าวันนี้ ข้ายังด่าเขาไปว่าเหตุใดไม่บอกั้แ่เมื่อวาน”
จางกุ้ยฮัวรู้สึกอบอุ่นใจและเอ่ย “ข้าวของในบ้านมีไม่เยอะ ล้วนเป็พวกของเล็กๆ น้อยๆ ข้ากับบุตรสาวช่วยกันได้ อีกอย่างหลี่เจิ้งก็พาพวกหนุ่มๆ มาช่วยกันขนด้วย”
ย่าหวงโบกมือปัด แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องพูดแล้ว ก็เพราะลุงเ้าดูแล้วไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าเด็กหนุ่มวันๆ เอาแต่วนรอบหมู่บ้าน ไม่ไปแอบหยิบมันเทศบ้านคนนี้ ก็ไปเอาแตงกวาบ้านนั้น หรือไม่ก็ไปจับปลาหนีชิวกับกบในนา สรุปแล้วก็คือไม่เคยทำอะไรได้เป็ชิ้นเป็อัน เมื่อวานสั่งสอนพวกเขาไปหนึ่งยก รุ่งเช้าวันนี้ก็รีบพากันมาที่บ้านเ้า”
ในสายตาของย่าหวง สามีของตนไปจับเด็กหนุ่มเหล่านี้มาช่วยจางกุ้ยฮัวย้ายของ นี่ถึงจะเป็การทำอะไรที่เป็การเป็งาน
จางกุ้ยฮัวยิ้มอย่างสบายใจ เด็กๆ ในหมู่บ้านต่างก็รู้จักดี มีเด็กบ้านไหนที่ไม่โตมาแบบนี้บ้าง
“นั่นสิ ข้ายังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเชิญให้หลี่เจิ้งกับพวกเขามากินข้าวที่บ้านข้าสักมื้อ”
นอกจากหลี่เจิ้งจะพาผู้ใหญ่มา ก็ได้พาเด็กหนุ่มวัยกำลังโตมาด้วยหลายคน คนที่ย่าหวงพูดถึงก็คือพวกเขา
“ถ้าอย่างนั้นเ้าจะต้องเตรียมหม้อที่ใหญ่หน่อย”
“แต่หลี่เจิ้งจะพาคนมาหรือ?” จางกุ้ยฮัวคิดว่าหม้อบนเตาของตนเองน่าจะใหญ่พอแล้ว
ท่านย่าหวงยิ้มและเอ่ย “ว่ากันว่าเด็กหนุ่มวัยกำลังโต สามารถกินจนบ้านยากจนได้เลย เ้าควรเตรียมหม้อให้ใหญ่หน่อย ตอนนี้เ้าอาจจะมีความสุข ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะต้องแอบปาดน้ำตาก็ได้ เด็กพวกนี้กินเก่งกันเหลือเกิน”
“ท่านย่าหวง วางใจได้ แม่ข้าต้องหุงข้าวเยอะๆ แน่นอน รับรองว่าพี่ชายเ่าั้ต้องได้กินอิ่มหมีพีมันเป็แน่” หลิวเต้าเซียงเอ่ย
ย่าหวงเอื้อมมือออกมาอุ้มนางไว้ในอ้อมกอด “ให้ย่าดูหน่อยสิ โอ้ เด็กดีของข้า กุ้ยฮัว บุตรสาวของเ้านับวันก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ นะ”
นางมีความสุขอีกครั้ง วิสัยทัศน์ของหลานชายคนโตช่างดีเหลือเกิน บุตรสาวของจางกุ้ยฮัวดูดีทุกคนยังไม่พอ แถมยังขยันอีก
หวงเสียวหู่ชื่นชอบบุตรสาวของตระกูลหลิว ย่าหวงเคยแอบถามเขาว่าชอบคนไหน แต่หวงเสียวหู่กลับปากแข็ง ให้ตายก็ไม่ยอมพูด
หลิวเต้าเซียงเก้อเขิน ช่วยวางนางลงมาได้หรือไม่ นางไม่อยากโดนอุ้ม!
นางไม่ได้เป็เด็กน้อยจริงๆ นางคือเด็กปลอม แล้วยังเป็ของลอกเลียนแบบด้วย
-----
