เทือกเขาหยกทอดยาวประหนึ่งกระดูกสันหลังของสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง
สำนักพันปีแบ่งออกเป็สามส่วน ส่วนหน้าสุดเป็ห้องโถงร้อยปีและตึกต่าง ๆ ของสำนัก ส่วนกลางเป็ลานฝึก หอประลอง ส่วนหลังสุดเป็ศาลบรรพชนและสวนปลูกสมุนไพร
ตึกใหญ่ของสำนักพันปีมีทั้งสิ้นหกตึก ประกอบด้วย หอตำรา หออาวุธ หอโอสถ หอเรียนรู้ ตำหนักาุโ และตำหนักเหมันต์
สถานที่ต้องห้ามของสำนักพันปีมีอยู่สองแห่งนั้นคือ ตำหนักเหมันต์และศาลบรรพชน
ไท้หยูและหนอนที่สิงอยู่ในร่างเดินออกจากศาลบรรพชนไม่นานก็พบสวนสมุนไพรกว้างหลายไร่ แต่เป็พื้นที่โล่งเตี้ยน ไม่มีสมุนไพรหลงเหลือแม้แต่ต้นเดียว
หลังจากสำนักเกิดเหตุการณ์พลังิญญาลดลง ก็มีศิษย์ทยอยลาออกจากสำนัก เื่นั้นเริ่มเกิดขึ้นั้แ่อาจารย์ของเขายกตำแหน่งประมุขสำนักให้ เมื่อผ่านไปนานปีเข้าพลังิญญายิ่งอ่อนจางเหล่าลูกศิษย์ในสำนักที่เข้ามาเพื่อบ่มเพาะพลังฝึกตนให้แข็งแกร่งล้วนต้องอาศัยพลังิญญาจากเส้นปฐี
เมื่อพลังิญญาลดลงพวกเขาก็ไม่สามารถทะลวงขั้นได้พลังฝึกตนก็ไม่ก้าวหน้าจึงมีคนทยอยออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตอนที่เขาทะลุภพเข้าร่างนี้ผู้าุโเฝ้าประตูก็บอกว่าเหลือเพียงหลักสิบ
และล่าสุดหลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะฝีปากที่หน้าประตูทางเข้ากับลูกศิษย์ทั้งสองของเ้าสำนักพิรุณพายุ ก็มีศิษย์หลบหนีออกไปอีก จนตอนนี้ทั้งเทือกเขาหยกมีเหลืออยู่เพียงหกชีวิต เ้าหนอนไม่นับ เหลือศิษย์สี่คน ผู้าุโเฝ้าประตูและเขาประมุขสำนัก
“พวกเราจะไปที่ใด?” ไท้หยูเอ่ยถามขึ้น ในใจยังหวาดหวั่นไม่หาย เขารู้สึกว่าั้แ่ทะลุภพมาเขาเผชิญกับเื่ะเืจิตใจมากเกินไป หากไม่ใช่ในโลกเก่าเป็บัณฑิตที่บ่มเพาะจิตและอารมณ์มามากพบเจอเื่มากมายปานนี้คงสติแตกซ่านหลบหนีไปตั้งตัวใหม่แล้ว ไม่ว่าเื่เลวร้ายปานใดยังมีหนทางแก้ไข
เสียงหนอนดังขึ้นในใจของเขา
“ในสวนสมุนไพรมีชิ้นส่วนของพยุหะคำสาปถูกฝังเอาไว้ เ้ายกการควบคุมร่างกายให้ข้า เื่นี้หากไม่ระมัดระวังอาจถูกคำสาปเข้าแทรก ด้วยระดับของเ้าคงต้องตายในไม่กี่วัน”
ไท้หยูตกลงกับเ้าหนอนว่าตราบใดที่เขาตื่นอยู่เ้าหนอนไม่อาจควบคุมร่างของเขาตามใจชอบ เื่นี้มันยอมรับแต่โดยดี อีกเื่หนึ่งก็คือหากเ้าหนอนมีเื่จะพูดให้มันพูดในร่างของเขา
จะอย่างไรเขาก็เป็ประมุขสำนักหากให้ผู้อื่นพบเห็นว่าเขาพูดคนเดียวคงมีแต่คนคิดว่าเขาสติฟั่นเฟือนกลายเป็คนบ้าไปแล้ว อันที่จริงจะกล่าวว่าพูดในร่างก็ไม่ถูก เพียงแค่เ้าหนอนคิดเขาก็สามารถรับรู้ได้ ความเชื่อมโยงของเขากับเ้าหนอนแทบจะเป็หนึ่งเดียวกันแล้ว แม้ว่าเื่นี้ไท้หยูจะไม่ยินดีเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตาม
“ยังจะลังเลอันใด หากให้เ้าควบคุมร่างตนเอง เ้ามีความรู้วิชาพยุหะรึ”
“มีผู้ใดไม่ลังเลบ้าง ข้ายังไม่ชินที่จู่ ๆ ในร่างก็มีสองตัวตน”
ด้วยระดับของไท้หยูย่อมไม่สามารถถอนพยุหะคำสาปออกได้ อย่าว่าแต่ถอน เขายังััไม่ได้ด้วยซ้ำว่าชิ้นส่วนพยุหะถูกฝังอยู่ส่วนไหน
ส่วนความรู้เื่พยุหะนั้นแล้วไปเถอะ มรรคาพยุหะในเจ็ดดินแดนมีคนที่ฝึกน้อยยิ่งกว่ามรรคาพิษมนต์ดำแปร เพราะทั้งแผ่นดินผู้ที่มรรคานี้ก็คือราชวงศ์อาณาจักรชางไห่ นี้เป็มรรคาที่สืบทอดกันเฉพาะราชวงศ์
เมื่อยกการควบคุมร่างให้กับหนอน ไท้หยูก็เดินเข้าไปในสวนสมุนไพร เดินไปราวร้อยก้าวก็หยุดลง เป็ส่วนกลางของสวนสมุนไพร
ไท้หยูล้วงตราประทับเ้าสำนักออกจากอกเสื้อ ลมปราณพุ่งผ่านชีพจรออกฝ่ามือเข้าสู่ตราประทับ หยกขาวริ้วแดงพลันสั่นส่งเสียงครืนเบา ๆ ริ้วแดงในหยกขาวสว่างวาบขึ้น คลื่นพลังของมหาพยุหะของเทือกเขาหยกพลันสั่นะเื
ทิศเหนือ ใต้ ปรากฏพลังไร้รูปพวยพุ่งขึ้นจากนั้นกันเหนือศีรษะของไท้หยู ทางทิศตะวันออกอันเป็ที่ตั้งของศาลบรรพชนสั่นะเืเส้นสีขาวพุ่งจากศาลบรรพชนมารวมแสงในตราประทับ ไท้หยูคลายมือจากตราประทับที่ร้อนราวกับหินเหลวปักลงพื้นด้านหน้า
เมื่อเห็นการกระทำของหนอนที่ควบคุมร่าง ไท้หยูพลันคิดในใจว่า
“เ้าหนอนนี่กลับรู้จักใช้ตราประทับประมุขสำนัก? มิใช่ว่าวิธีการใช้ถ่ายทอดกันรุ่นต่อรุ่นหรือ ไฉนคนนอกยังสามารถใช้ได้ ....ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็คนนอก บางทีเ้าหนอนอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสำนักพันปี”
สำนักพันปีมีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่ากับบ้านเมือง ก่อตั้งไล่เลี่ยกับการสถาปนาอาณาจักรชางไห่ แต่ความเป็มาที่แท้จริงของสำนักมีหลายส่วนที่ขาดหายไปจากบันทึก เช่นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งมีความเป็มาอย่างไร รากฐานของสำนักพันปีเริ่มต้นจากอะไร
ระหว่างครุ่นคิดตราประทับปักลงดินที่เบื้องหน้าสั่นะเืเล็กน้อย แสงสีเงินที่รวมอยู่ในตราประทับพลันะเิออกเป็วงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางสองจั้ง ปิดกั้นพลังคำสาปและความเชื่อมโยงของพยุหะคำสาปเอาไว้
“เ้ากลับมาควบคุมร่าง” หนอนเอ่ยกับเขาในใจ เสียงแ่เบาลงไปเล็กน้อยคล้ายว่าการกระทำที่ปลอดโปร่งเมื่อครู่ก็กินแรงอยู่ไม่น้อย
“ยังถอนคำสาปไม่เสร็จไฉนจึงให้ข้ากลับไปควบคุมร่าง?”
ไท้หยูฉงนเล็กน้อย หรือว่าเ้าหนอนหมดกำลังแล้ว เฮอะ แล้วยังกล้าบอกว่าเป็ผู้สูงส่งยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ทำแค่นี้ก็หมดกำลังแล้ว ระหว่างบ่นอุบอยู่ในใจ ไท้หยูก็กลับมาควบคุมร่าง จ้องมองตราประทับที่แผ่พลังของมหาพยุหะก่อเป็พยุหะย่อยอีกวงหนึ่งครอบไท้หยูและส่วนหนึ่งของสวนสมุนไพรเอาไว้
“ขุดดินขึ้นมา”
“หะ?”
“ข้าบอกให้เ้าขุดดินขึ้นมา ชิ้นส่วนของพยุหะคำสาปฝังลึกอยู่ในนี้ เื่เล็กน้อยเช่นนี้ข้าไม่ทำจึงให้เ้าเป็คนควบคุมร่าง”
ไท้หยูรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและหูทั้งสองข้าง ใคร่อยากจะกระชากหนอนออกจากท้องมาทุบตีสักร้อยที กลับให้ข้าผู้เป็ประมุขมาขุดดินให้เ้า? ไท้หยูขบกรามกรอด
“ไฉนไม่ใช้ลมปราณะเิพื้นดินขึ้นมา หรือใช้อาวุธฟันพื้นดิน” ไท้หยูสงสัย
“ทำเช่นนั้นจะเป็การกระตุ้นพลังคำสาป เ้าใช้ลมปราณกระแทกใส่ชิ้นส่วนพยุหะมันจะะเิคำสาปย้อนกลับใส่เ้า ใช้อาวุธฟันใส่ย่อมเป็เช่นเดียวกัน ต้องใช้มือขุดเท่านั้น”
ไท้หยูขบเขี้ยวเคี้ยวฟันได้แต่ทำตามที่เ้าหนอนบอก เขาไม่ยอมรับ ข้าเป็ถึงประมุขสำนัก เป็บัณฑิตสูงส่งแต่ถูกหนอนตัวหนึ่งสั่งให้มาขุดดิน?! ความอัปยศเช่นนี้อย่าได้ให้ผู้ใดมาเห็น
ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูปไท้หยูขุดดินเป็หลุมลึกสองจั้งจนสามารถมองเห็นของบางอย่างเป็สีขาวโผล่ออกมา แม้จะใช้เพียงมือเปล่าแต่ก็เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ ด้านร่างกายและพละกำลังก็มหาศาล สองมือและอาภรณ์ของเขาเปรอะคราบดิน ใบหน้ามีหยาดเหงื่อผุดเม็ดใหญ่
หนอนกลับมายึดการควบคุมร่างของเขา โบกมือซ้ายเบา ๆ ตราประทับลอยขึ้นมาอยู่ในมือ
ไท้หยู (หนอน) กำตราประทับชูมือซ้ายขึ้น อากาศรอบทิศทางสั่นะเืจากนั้นดาบที่รวมจากพลังมหาพยุหะพลันปรากฏขึ้นในมือซ้าย ปลายดาบเป็พลังจากมหาพยุหะเทือกเขาหยก ตราประทับเป็ด้ามดาบ
“สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วย? จะว่าไปในความทรงจำของไท้หยูคนเก่าั้แ่ได้รับตราประทับมาก็แทบจะไม่ได้ใช้งาน เพราะป่วยลงในทันที” ไท้หยูมองภาพที่เกิดขึ้นแล้วครุ่นคิดในใจ
ในความทรงจำของเขาไท้หยูคนเก่าแทบจะไม่อาจเรียกว่าเป็ประมุขสำนักได้ด้วยซ้ำ ทันทีที่ได้รับตำแหน่งประมุขสืบทอดตราประทับก็ป่วยทันที เขายังไม่เคยเข้าสู่ศาลบรรพชนเลยั้แ่รับสืบทอด และอันที่จริงประมุขสำนักทุกรุ่นหลังจากรับสืบทอดตราประทับมาแล้วจะมากราบศาลบรรพชนหนึ่งรอบและจะได้รับพลังส่วนหนึ่งจากบรรพชนที่สะสมเอาไว้
พลังนั้นไม่มีผลต่อการควบคุมมหาพยุหะหรือใช้ตราประทับ แต่เป็เสมือนวิชาเปิดขม่อมให้รู้แจ้งมากขึ้น
ดาบที่กอปรจากพลังของมหาพยุหะหลุดจากมือแทงใส่ชิ้นส่วนคำสาปในหลุม เสียงเปรี้ยงดังสะท้านไปทั่วสี่ทิศ แผ่นดินใต้เท้าสั่นะเือย่างรุนแรง ชิ้นส่วนคำสาปนั้นลอยขึ้นราวกับมีชีวิตจิตใจ กลิ่นอายคำสาปแผ่ซ่านพุ่งปะทะกับดาบเป็คำรบสอง
เปรี้ยง
บังเกิดประกายไฟแลบพุ่ง กระดูกหนาเท่าแขนดรุณียาวสองเชียะปะทะกับดาบ ทันใดนั้นกระดูกสีขาวพลันปลดปล่อยควันสีดำกลิ่นอายอำมหิตออกมา ไท้หยูคล้ายได้ยินเสียงคร่ำครวญหวนโหย
คล้ายกับยืนอยู่ท่ามกลางิญญาพยาบาทนับพันหมื่น ความอาฆาตแค้นะเิออก ควันสีดำพุ่งใส่ร่างไท้หยูราวกับหนวดปลาหมึก คิดจะรัดพันร่างเขาไว้ อากาศรอบด้านเย็นเยียบราวกับแช่อยู่ในหิมะ
ไท้หยู (หนอน) พลันประกบนิ้วชี้และโป้งเป็ปางมือ ตราประทับที่เป็ด้ามดาบพลันะเิแสงสีขาวออกมา กลายเป็โซ่ถี่ยิบแผ่พุ่งรัดใส่ควันสีดำรั้งมันกลับมา แสงสีขาวระลอกสองะเิออกครอบคลุมกระดูก ไม่นานพลังคำสาปก็อ่อนลงจนไม่อาจลอยได้ถูกแสงสีขาวผนึกเอาไว้
“พลังอาฆาตรุนแรงยิ่งนัก” ไท้หยูมองเหตุการณ์ยังอดเสียวสันหลังมิได้ เป็พลังงานด้านลบที่มหาศาลยิ่ง
“เดี๋ยวก่อน เ้ามิใช่บอกว่าไม่อาจใช้สิ่งของและพลังปะทะเพราะคำสาปจะะเิออกมาไม่ใช่ เมื่อครู่เ้า .... ตัวบัดซบ!!” อารมณ์โทสะพลันะเิในใจไท้หยู เขาถูกหนอนบัดซบนี่ปั่นหัวเข้าแล้ว
“เด็กโง่เง่า” หนอนแค่นเสียง ไท้หยูคล้ายได้ยินเสียงมันกำลังหัวร่อ
“นี่เป็กระดูกนิ้วมือของสัตว์มารถูกหล่อเลี้ยงในพลังงานด้านลบเข้มข้น หากประกอบรวมทั้งหมดจะเปรียบได้กับอาวุธคู่แผ่นดินของอาณาจักรเ้า”
ไท้หยูเบิกตามองกระดูกยาวสองเชียะที่หล่นอยู่กลางกรวดดิน เป็สัตว์มารอันใดเพียงแค่กระดูกนิ้วข้อเดียวก็ยาวถึงเพียงนี้ มิอาจจินตนาการได้เลยว่าร่างเต็มของมันจะใหญ่โตปานใด เทียบได้กับอาวุธคู่แผ่นดิน? ไท้หยูสูดลมหายใจเย็นเยียบรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง
“สัตว์มารดุร้ายมิใช่สูญพันธุ์ไปหลายพันปีแล้วหรือ”
ประวัติศาสตร์ของสัตว์มารถูกจารึกครั้งล่าสุดเมื่อพันกว่าปีก่อน เป็่เวลาก่อนที่อาณาจักรชางไห่จะสถาปนาแผ่นดิน ข่าวว่าถูกยอดฝีมือของมนุษย์กวาดล้างจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ สัตว์มารที่แข็งแกร่ง ร่างของมันถือกำเนิดจากพลังธาตุของฟ้าดิน
ส่วนใหญ่เมื่อสัตว์มารตาย ทุกอย่างจะสลายเป็อากาศกลับไปหลอมรวมกับฟ้าดิน ยกเว้นว่าจะมีวิธีการผนึกบางอย่างจึงจะสามารถสะกดการสลายตัวนั้นได้
“ที่โพ้นทะเลยังมีสัตว์มารหลงเหลืออยู่ ส่วนหนึ่งของสัตว์มารหนีการถูกกวาดล้างไปยังโพ้นทะเลเมื่อนานมาแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน แผ่นดินใหญ่ได้สร้างเขตแดนที่ถูกขีดไว้โดยยอดฝีมืุ์ ผู้สืบทอดสายของเทพมนุษย์ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตนอกหรือในแผ่นดินใหญ่ ล้วนไม่สามารถข้ามเขตแดนนั้นได้ หากนี่ไม่ใช่กระดูกที่บ่มเพาะั้แ่เมื่อพันปีก่อน แสดงว่าเขตแดนมีปัญหาแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้