“เ้าอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 แต่มาท้าข้า ไม่ละอายใจบ้างหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“เห็นทีเย่เฟิงผู้นี้คล้ายจะแข็งแกร่ง แต่จริง ๆ ดูท่าจะหวาดกลัวเสวียนเจ๋อ” ผู้คนเห็นเย่เฟิงหลบเลี่ยงเสวียนเจ๋อต่างก็เหยียดยิ้มดูถูก
“เห็นแก่เ้าที่มีพลังต่ำต้อย ข้าจะต่อให้เ้าสามกระบวนท่า แต่หลังจากสามกระบวนท่า ข้าจะทำลายเ้าซะ!” เสวียนเจ๋อกล่าว ดูเหมือนเขาอยากกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาที่พ่ายแพ้ไปเมื่อครู่นี้
“หลังจากสามกระบวนท่าเ้าจะทำลายข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม “เ้ารับผิดชอบในสิ่งที่เ้าพูดด้วยแล้วกัน!”
เมื่อสิ้นเสียง เย่เฟิงเหวี่ยงหมัดโจมตีเสวียนเจ๋อทันทีอย่างไม่มีความลังเลใด ๆ หมัดนี้อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งทักษะหล่อิญญา และคัมภีร์หล่อกายาเทพา จึงทำให้พลังกายของเย่เฟิงยกระดับขึ้นในพริบตา กระทั่งไม่รู้ว่าหมัดนี้หนักกี่หมื่นจิน
เสวียนเจ๋อไม่นึกว่าเย่เฟิงจะลงมือเด็ดขาดเช่นนี้ เขาจึงยกมือขึ้นป้องอย่างฉับพลัน โดยไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด เพียงป้องกันอย่างเดียวตามกฎที่ตั้งไว้
“ปัง!” หมัดเข้าโจมตีที่แขนของเสวียนเจ๋อ พลันพลังอันแกร่งกล้าไหลมาตามแขน ก่อนจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างของเขา เสวียนเจ๋อมีสีหน้าบูดเบี้ยวจนถอยหลังไปสองก้าว รู้สึกชาที่แขนเหมือนกระดูกแขนจะแตกร้าว
“อีกรอบ!” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองเสวียนเจ๋อ จากนั้นเหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทรงพลังขึ้นสองสามส่วน ส่งผลให้เสวียนเจ๋อถอยหลังไปห้าก้าว ทั้งยังเจ็บแปลบที่แขน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ากระดูกแขนของเขาเกิดรอยแตกร้าว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับคำพูดของตนที่ลั่นวาจาไปเมื่อครู่นี้
“กระบวนท่าสุดท้าย ดูซิว่าเ้าจะรับได้หรือไม่?” เย่เฟิงไม่ปล่อยให้เสวียนเจ๋อมีโอกาสใด ๆ จึงวาดฝ่ามือโจมตีซึ่งผสานด้วยพลังหอกและอำนาจฟ้าดินขั้นผันแปร อีกทั้งฝ่ามือนี้ไม่ใช่สองหมัดก่อนหน้านี้จะทัดเทียมได้
เสวียนเจ๋อต้องหน้าถอดสี เขาจะััถึงความแข็งแกร่งของการโจมตีนี้ได้อย่างไร นั่นเพราะความกล้าที่จะรับการโจมตีนี้ได้มลายหายไปแล้ว เขาอยากยกมือขึ้นป้อง ทว่ากลับรู้สึกว่าร่างตนถูกอำนาจฟ้าดินที่มิอาจต่อต้านพันธนาการอยู่ จึงมิอาจขยับเขยื้อนตัวได้
“อั่ก!” ตอนนั้นเองมีเสียงโอดครวญดังขึ้น เสวียนเจ๋อมิอาจต้านทานฝ่ามือของเย่เฟิงได้ เขาถูกซัดกระเด็นปลิวออกไปจนอาเจียนเป็ลิ่มเืออกมา เส้นลมปราณขาดสะบั้นหลายส่วน แม้จะไม่ได้ถูกทำลายตบะทั้งหมดก็ตาม
“เหตุใดการโจมตีของหมอนี่ถึงแข็งแกร่งได้มากเพียงนี้? สามกระบวนท่า แม้แต่เสวียนเจ๋อผู้อยู่อันดับที่ 29 ในรายนามเฟิงอวิ๋นก็ยังถูกซัดกระเด็น ช่างแปลกพิลึกยิ่งนัก!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว เขาไม่เคยพบเจอผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 คนใดมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเท่าเย่เฟิงมาก่อน แม้แต่เสวียนเจ๋อก็รับสามกระบวนท่าไม่ได้ แต่ด้วยพลังป้องกันของเสวียนเจ๋อที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ 5 ทั่วไปไม่มีทางสยบเขาได้
ทว่าเย่เฟิงซัดเสวียนเจ๋อกระเด็นปลิว ดูแล้วยังได้รับาเ็สาหัส เห็นชัดว่าพลังโจมตีมีระดับสูงมากเพียงใด แม้แต่องค์ชายรองจ้าวเยี่ยยังรู้สึกเกินคาดกับพลังของเย่เฟิง
“เห็นทีบุตรของจอมพลจะไม่ง่ายเสียแล้ว!” จ้าวเยี่ยคิดในใจและเริ่มสนใจเย่เฟิงทีละนิด ๆ
เว่ยฉีเทียนแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยาม ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 ไม่มีทางอยู่ในสายตาเขา
“แค่ก ๆ คนเขาต่อให้เ้าสามกระบวนท่า แต่กลับไม่เกรงใจแม้แต่นิด เลวมาก” กู่เฉียงถึงกับสำลักสุรา ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นกับเย่เฟิง
“เลวงั้นหรือ?” เย่เฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นมองกู่เฉียงแล้วกล่าวว่า “แล้วเ้าล่ะมีอะไรดี? หากเมื่อครู่เ้าไม่บิดเบือนความจริง เขาจะมีจุดจบเช่นนี้หรือ”
เมื่อครู่นี้ตอนที่เย่เฟิงเผชิญหน้ากับเสวียนเจ๋อ กู่เฉียงผู้นี้เข้ามาขัดขวาง ซึ่งคำพูดของเขาทำให้เสวียนเจ๋อ้ากู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา โดยการสู้กับเย่เฟิง ดังนั้นเย่เฟิงจึงชิงชังกู่เฉียงผู้นี้ยิ่งกว่าเสวียนเจ๋อหลายเท่า
“พูดไร้สาระ!” กู่เฉียงขึ้นเสียงใส่พร้อมสีหน้าเปลี่ยนไปเย็นเยือก แล้วพูดต่อว่า “เ้าทำลายเสวียนเจ๋อก็ยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ เช่นนั้นเ้ากับข้ามาสู้กัน หากเ้ากล้าสู้ ข้าจะทำให้เ้าได้รู้ว่าการใส่ร้ายข้าจะมีจุดจบเช่นไร!”
“กู่เฉียงโมโหแล้ว จนต้องท้าเขา ข้าเดาว่าเย่เฟิงคงไม่กล้ารับคำท้า” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว
กู่เฉียงคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 25 ในรายนามเฟิงอวิ๋น พลังอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 สูงกว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 หากเย่เฟิงผู้นี้ไม่ใช่คนโง่เขลาก็ไม่มีทางตอบรับคำท้า หลาย ๆ คนต่างคิดเช่นนี้ เมื่อเทียบกับเสวียนเจ๋อ พลังของกู่เฉียงแข็งแกร่งกว่ามาก อีกอย่างเย่เฟิงยังไม่ได้เอาชนะเสวียนเจ๋ออย่างแท้จริง จึงยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่เฉียง
“เย่เฟิง กู่เฉียงคนนี้มีฝีมือร้ายกาจมาก ไม่ใช่คนที่เสวียนเจ๋อทัดเทียมได้ เ้าอย่าไปเลย” เมื่อจ้าวซินอี๋เห็นกู่เฉียวท้าเย่เฟิงจึงส่งเสียงผ่านจิตไปหาเย่เฟิง
ในขณะเดียวกันเสียงของกู่เฉียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ทำไม หรือเ้ากลัวข้า? ถ้าไม่กล้าก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ใกล้ชิดกับองค์หญิง ไสหัวออกไปซะ จะได้ไม่ต้องขายหน้าประชาชี!”
“วางใจได้ ข้าไม่เป็ไรหรอก” เย่เฟิงได้ยินคำพูดของกู่เฉียงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและยังคงไม่สนใจอีกฝ่าย แต่สื่อสารกับจ้าวซินอี๋ผ่านจิตแทน จากนั้นหันไปมองกู่เฉียงแล้วกล่าวว่า “เ้าจะสู้อย่างไร?”
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตะลึงกันถ้วนหน้า เย่เฟิงกล่าวเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเขาตอบรับคำท้าของกู่เฉียงอย่างไม่ต้องสงสัย เย่เฟิงขั้นรวมชี่ที่ 5 สู้กับกู่เฉียง นี่เป็การรนหาที่ตายเสียมากกว่า
“สู้กันอย่างยุติธรรม แต่ระวังตัวด้วยแล้วกัน เพราะถ้าข้าไม่ทันระวังตัวแล้วเผลอไปทำร้ายเ้า เ้าก็อย่าตำหนิข้าล่ะ!” กู่เฉียงเห็นเย่เฟิงตอบรับคำท้าก็ยิ้มหยัน เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 ต่อให้ไม่ใช่พลังทั้งหมด เย่เฟิงก็คงกลัวจนฉี่ราด
“ตกลง” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นเขาลุกขึ้นแล้วเดินไปยังใจกลางโถง ด้วยท่วงท่าเฉยชาไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ นี่ทำให้หญิงสาวในที่แห่งนั้นถึงกับชื่นชมว่าเย่เฟิงหล่อเหลา ทั้งยังมีท่วงท่าของชายชาตรี
“พรึ่บ!” กู่เฉียงะโออกจากที่นั่งมาเยือนที่เบื้องหน้าเย่เฟิง ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยท่าทีเย่อหยิ่งแล้วกล่าวว่า “หาเื่ใส่ตัว บัดนี้ข้าจะสั่งสอนเ้าให้รู้จักการเป็มนุษย์ที่ดี!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี จู่ ๆ พลังแห่งขั้นรวมชี่ที่ 9 ปะทุออกจากร่างกู่เฉียง เขาเดินออกมาพร้อมวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง ช่างเป็ฝ่ามือที่พลิ้วไหว แต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าทึ่ง บิดาเขาทำงานให้กับจวนเซิ่นอ๋อง ทั้งยังได้ยินมาว่าจ้าวเฉินบุตรแห่งเซิ่งอ๋องต้องอับอายขายหน้าเพราะเย่เฟิง บัดนี้ประจันกับเย่เฟิงพอดี หากเขาสั่งสอนเย่เฟิงได้ เขาก็จะได้รับความสนใจจากจ้าวเฉิน และหน้าที่การงานของบิดาเขาก็จะเป็ไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียวกับการเผชิญหน้ากับกู่เฉียงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 จึงใช้ฝ่ามือที่ตนถนัดโจมตีทันที ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น สองฝ่ามือเข้าปะทะกัน พร้อมกับคลื่นกระแทกแพร่กระจายไปทั่วสารทิศ นี่ทำให้ทั้งสองคนต่างเซถอยหลังไปคนละหนึ่งก้าว
“ฝีมือไม่เลวนี่ ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย!” กู่เฉียงกล่าวพลางมองเย่เฟิง เขาก้าวออกมาอีกครั้งพร้อมกับเหวี่ยงหมัดโจมตี ราวกับว่าหมัดนับไม่ถ้วนปรากฏที่กลางอากาศ มันคล้ายจริงคล้ายไม่จริง จึงยากที่จะแยกแยะ และพวกมันกำลังพุ่งไปหาเย่เฟิง
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะโคจรทักษะหล่อิญญา ทำให้พลังิญญาของเขายกระดับความสามารถ จึงสามารถแยกแยะการโจมตีของกู่เฉียงรวมถึงวิถีเคลื่อนไหว จากนั้นเขาใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหลีกหมัดนับไม่ถ้วนนั่น ต่อมาเขาเหวี่ยงหมัดเข้าโจมตีกู่เฉียง
“องค์ชายรอง ท่านคิดว่าใครจะเป็ผู้ชนะในศึกนี้?” เว่ยฉีเทียนกล่าวกับจ้าวเยี่ย
“ภายนอก กู่เฉียงมีอัตราชนะมากกว่า แต่น้องเย่ตอบรับคำท้าของกู่เฉียงอย่างไม่หวาดหวั่น เกรงว่าคงมีฝีมือที่ยังไม่แสดงออกมา เพราะงั้นผลลัพธ์ของศึกนี้มิอาจบอกได้!” จ้าวเยี่ยวิเคราะห์ เขานั้นดูตบะของเย่เฟิงออก แต่กลับดูพลังต่อสู้ของเย่เฟิงไม่ออก ดังนั้นจึงตัดสินได้ยาก
“ข้าว่าเย่เฟิงเป็ฝ่ายแพ้ อย่างไรเสียกู่เฉียงก็แข็งแกร่งกว่า เย่เฟิงหมอนั่นไม่เจียมตัวสักนิด!” เว่ยฉีเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะมองเย่เฟิงที่สู้กับกู่เฉียงด้วยสายตาดูแคลน
“ครั้งนี้องค์ชายเว่ยคิดผิดแล้ว เย่เฟิงเขาต้องชนะแน่นอน!” จ้าวซินอี๋ได้ยินคำพูดของเว่ยฉีเทียนก็กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“องค์หญิงซินอี๋มั่นใจเพียงนี้เชียวหรือ?” เว่ยฉีเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“แน่นอน” จ้าวซินอี๋ตอบกลับด้วยความเชื่อมั่น
“เช่นนั้นข้าจะรอดู!” เว่ยฉีเทียนกล่าวพลางยิ้ม จากนั้นไม่พูดอะไรต่อ เขารอคอยที่เย่เฟิงจะพ่ายแพ้ให้กับกู่เฉียง ให้จ้าวซินอี๋ได้รู้ว่าคนที่นางให้ความสำคัญมันต่ำต้อยแค่ไหน
ณ ใจกลางโถง ศึกต่อสู้ของเย่เฟิงกับกู่เฉียงยังคงดำเนินต่อไป
ตบะของกู่เฉียงสูงส่งทว่ากลับไร้ประโยชน์ เย่เฟิงอาศัยการตัดสินใจที่เด็ดขาด ท่าร่างที่น่าอัศจรรย์ และประสบการณ์ต่อสู้ค่อย ๆ กดดันกู่เฉียงทีละนิด อีกอย่างพลังกายของเย่เฟิงไม่ด้อยไปกว่ากู่เฉียงแม้แต่นิด พลังป้องกันเองก็ยังทัดเทียมอีกฝ่าย นี่ทำให้กู่เฉียงรู้สึกกดดัน
“เย่เฟิงผู้นี้ไม่ว่าจะเป็การโจมตี การป้องกัน หรือความเร็วก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ กู่เฉียงสู้กับเขา ถึงตบะสูงส่งก็ไม่มีประโยชน์ เย่เฟิงสมแล้วที่คว้าอันดับหนึ่งในงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมาครองได้” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว เมื่อเว่ยฉีเทียน เว่ยซินหย่า และเสวียนอู่เว่ยได้ยินต่างก็เผยสีหน้าอึมครึม โดยเฉพาะเว่ยฉีเทียน เมื่อครู่นี้เขาวิพากษ์วิจารณ์เย่เฟิงอย่างโจ่งแจ้ง บัดนี้เย่เฟิงเป็ฝ่ายกดดันกู่เฉียง นี่เท่ากับตบหน้าเขาทางอ้อม
“ท่านพี่ กู่เฉียงอาจตั้งใจแกล้งเย่เฟิง เช่นนั้นเย่เฟิงจะเอาชนะกู่เฉียงข้ามระดับได้อย่างไร?” เว่ยซินหย่ากล่าวกับเว่ยฉีเทียน โดยที่ยังคงเชื่อมั่นว่าเย่เฟิงจะต้องแพ้กู่เฉียง
“อั่ก!” ทว่าไม่ทันสิ้นเสียงของเว่ยซินหย่า ก็ได้ยินเสียงโอดครวญดังมาจากที่ใจกลางโถง ก่อนจะดึงดูดสายตาของทุกคน จากนั้นพวกเขาเห็นหมัดของเย่เฟิงจู่โจมไปที่หัวไหล่ของกู่เฉียง ทำให้กู่เฉียงร้องโอดครวญและเซถอยหลังไปหลายก้าว
“อยากสั่งสอนข้า เ้าถือว่ายังอ่อนหัดเกินไป!” เสียงเย้ยหยันดังออกจากปากของเย่เฟิง จากนั้นเย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตโจมตีอีกครั้ง โดยไม่ปล่อยให้กู่เฉียงได้มีเวลาพักหายใจ
กู่เฉียงยกมือขึ้นต้านพลังฝ่ามือของเย่เฟิง กู่เฉียงรู้สึกว่าอวัยวะภายในบริเวณช่องท้องปั่นป่วน กระดูกก็เหมือนแตกร้าว จนในที่สุดเขาก็ต้านพลังฝ่ามือของเย่เฟิงไม่ไหว จึงถูกซัดกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเื
“เ้าแพ้แล้ว!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองกู่เฉียงที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
ผู้คนต่างตาเบิกโพลง เย่เฟิงเอาชนะกู่เฉียงผู้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 ด้วยพลังแค่ขั้นรวมชี่ที่ 5 นี่ทำให้พวกเขาใไม่น้อย
