“คุณหนูฮั่ว นี่ท่านกำลังสงสัยจวนโยวอ๋องอยู่หรือไม่? ” ซูจิ่นซีกล่าว
ฮั่วอวี้เจียวไม่เข้าใจความหมายของซูจิ่นซีเท่าไร
มุมปากของซูจิ่นซียกยิ้มอย่างดูถูกฮั่วอวี้เจียง ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงาน “ห่อมา! ส่งของไปที่จวนโยวอ๋องเมื่อถึงเวลานั้นก็ไปเก็บเงินที่พ่อบ้าน! ”
ทันใดนั้นใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดดวงตาของนางจึงส่องแสงวาววับ แม้แต่มือที่กุมอยู่ด้านหน้าก็ยังสั่นระริก
ปฏิกิริยานี้ ดูเหมือนจะเกินไปหน่อยกระมัง?
ซูจิ่นซีไม่ได้ใส่ใจเท่าไร นางตั้งใจหันกลับมามองที่โต๊ะคิดเงินอย่างมีชัย
ทว่ามีเพียงซูจิ่นซีเท่านั้นที่รู้ว่านางกำลังตบหน้าตนเองให้บวม [1] !
เวลานี้นางกับเยี่ยโยวเหยาเป็สามีภรรยากันเพียงในนามเท่านั้นเยี่ยโยวเหยาไม่สมัครใจให้นางซื้อของที่ฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้แน่
เหตุที่นางเอาจวนโยวอ๋องมาคุยโม้โอ้อวดใหญ่โตให้พนักงานไปรับเงินที่จวนโยวอ๋องนั้นหนึ่งคือนางไม่้าเสียหน้าตนเองต่อหน้าสามคนนี้ สองคือนางเตรียมพร้อมดีแล้วที่จะกลับไปขอยืมเงินจากเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง
อย่างไรนางก็ติดหนี้เยี่ยโยวเหยาห้าล้านสองแสนตำลึงเงินอยู่แล้ว นางไม่สนใจหากจะติดเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย
เหามีมากไปก็ไม่คัน หนี้สินมีมากไปก็ไม่ต้องคำนวณ [2]
“ซูจิ่นซี สกุลของเ้าเองก็ยากจน ไม่ได้มอบสินสอดให้เ้ามากเท่าไรคาดไม่ถึงว่าเ้าจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ เ้าผลาญเงินเสด็จอาโยวอ๋องของข้าข้าโตมาถึงเพียงนี้ ไม่เคยเห็นสตรีใดเช่นเ้ามาก่อน! ”
“องค์หญิง ที่ท่านไม่เคยเห็นเพราะอายุของท่านยังน้อย จึงไม่เห็นถึงสภาพต่างๆในสังคมเท่าใดนัก รอให้ท่านได้สมรสออกไปแล้วก็จะทราบเอง ข้าแต่งบุรุษก็เพื่อให้มีชุดใส่มีข้าวกิน เขาโปรดปรานข้า ข้าใช้เงินของเขาเหตุผลก็เป็เช่นนี้ หากไม่ใช้เงินของเขาแล้วจะทำอย่างไรหรือข้าต้องรอให้สตรีนางอื่นมาใช้แทนข้ากันเล่า? ”
“ซูจิ่นซี เ้า...เ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง! ”
ความคิดทันสมัยและตรงไปตรงมาของซูจิ่นซี สำหรับหวาหรงผู้เป็สตรีที่ไม่เคยออกจากเรือนอีกทั้งยังได้รับการเลี้ยงดูจากวังหลวง เพียงแค่ฟังก็นับว่าทำให้อัปยศแล้ว!
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข นางหันหลังกลับและเดินออกจากร้านจวีเซียงฟางก่อนออกไปก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาเตือนพนักงาน “อย่าลืมไปส่งน้ำหอมที่จวนโยวอ๋องและอย่าล่าช้าเล่า”
ซูจิ่นซีพูดให้เยี่ยเซิน ฮั่วอวี้เจียว และองค์หญิงหวาหรง ทั้งสามคนนี้ฟังนางตั้งใจทำให้พวกเขาโกรธเกรี้ยว
ดวงตาของฮั่วอวี้เจียวแดงก่ำ ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ซูจิ่นซีคิดว่าปฏิกิริยาของนางเช่นนี้ช่างเกินไปเสียจริง ทว่าก็ไม่ได้คิดอันใดให้มากความ
ทันใดนั้นเยี่ยเซินก็เดินไปที่ด้านหน้าของซูจิ่นซี แล้วคว้านางเอาไว้
“ซูจิ่นซี เ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ! ”
“ไท่จื่อ เ้าทำผิดอีกแล้วนะ! ควรจะเรียกเสด็จอาสิเหตุใดจึงเปลี่ยนไม่ได้สักทีเล่า! ”
“ซูจิ่นซี เ้าจงใจเป็ศัตรูกับข้า คิดจะเรียกร้องความสนใจจากข้าอย่างนั้นหรือ?ข้าบอกเ้าไว้เลยนะ แม้ตอนนี้เ้าจะหายจากอาการฟั่นเฟือน ใบหน้าก็ไร้รอยพิษแล้วทว่าในใจของข้า เ้ายังคงเหมือนกับเมื่อก่อน เคยเป็อย่างไรก็ยังเป็อย่างนั้น เ้าก็แค่หญิงสารเลวนางหนึ่ง! ข้าไม่มีวันติดกับดักเ้าอย่างแน่นอน และยิ่งไม่มีทางชายตามองเ้าอีกด้วย!”
เยี่ยเซินแทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เ้าชั่วเอ้ย! ซูจิ่นซีเคยเห็นคนไร้ยางอายและหลงตัวเองมาก่อน ทว่านางไม่เคยเห็นคนที่หลงตัวเองและไร้ยางอายราวกับมีความโกรธแค้นมากมายเช่นนี้
ใบหน้าของซูจิ่นซีเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็หลังมือในชั่วพริบตา จากใบหน้ายิ้มแย้มอย่างสาแก่ใจที่ทำให้พวกเขาโกรธเคืองได้พลันมืดแสงลงดวงตานางเย็นะเื
“อย่างนั้นหรือ? ที่แท้ไท่จื่อก็คิดเช่นนี้นี่เองเช่นนั้นข้าก็มีบางอย่างที่้าพูดกับท่าน ข้าคิดว่าวันนี้ควรพูดต่อหน้าไท่จื่อให้เข้าใจเลยก็แล้วกันไท่จื่อ...เ้าจะต้องเงี่ยหูและตั้งใจฟังให้ดีเล่า ต่อไปนี้หากพบข้าที่ใด ก็จงไสหัวไปเสียให้ไกลจากข้า! ไสหัวไป... ”
ทันใดนั้น เยี่ยเซินก็รู้สึกโง่เขลาขึ้นมาเล็กน้อย
ซูจิ่นซีผู้นี้กินดีหมีหัวใจเสือ [3] หรืออย่างไร? คาดไม่ถึงว่าจะกล้าใช้น้ำเสียงและพูดจาเช่นนี้กับเขา
“เยี่ยเซิน เ้าฟังคำพูดคนไม่รู้เื่หรือ? ้าให้ข้าหาสัตว์เดรัจฉานมาถอดความให้หรือไม่? ”
“ซูจิ่นซี เ้ารนหาที่ตาย! ”
เยี่ยเซินตอบโต้อย่างฉับพลัน ซูจิ่นซีกล้ามากที่ด่าเขา ดวงตาของเยี่ยเซินเต็มไปด้วยแรงอาฆาตมือของเขาที่จับแขนซูจิ่นซีก็เพิ่มกำลังรุนแรงขึ้นหลายเท่า
กลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะก้มศีรษะลงและกัดแขนของเยี่ยเซินอย่างรุนแรง ใบหน้าเ็ปของเยี่ยเซินบิดเบี้ยวเขาปล่อยแขนของซูจิ่นซีทันที ซูจิ่นซีจึงคลายปากของนางออก ทว่าแขนของเยี่ยเซินนั้นถูกซูจิ่นซีกัดจนทะลุเนื้อโลหิตอันบาดตาไหลซึมออกจากแขนเสื้อที่กั้นไว้
“ซูจิ่นซี เ้าเป็สุนัขหรืออย่างไร? ”
หวาหรงจวิ้นจู่รีบวิ่งเข้าไปะโใส่ซูจิ่นซี
“เยี่ยเซิน เ้ามันช่างน่ารังเกียจเสียจริง! ข้าเตือนเ้าแล้วนะต่อไปอย่ามายุ่งกับข้าอีก! ”
ซูจิ่นซีพูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากร้านจวีเซียงฟาง
ลวี่หลีใกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่น้อย เมื่อได้สติก็รีบวิ่งตามหลังซูจิ่นซีไป
“คุณหนู พวกเราไม่ได้ทำอันใดเกินไปใช่หรือไม่เพคะ? ”
คุณหนูฮั่วผู้นั้นก็ช่างเถิด ทว่าอีกสองท่าน ผู้หนึ่งคือไท่จื่ออีกผู้หนึ่งคือองค์หญิง วันนี้คุณหนูล่วงเกินพวกเขาความกล้าของลวี่หลีน้อยนิดเสียจริง กลัวว่าต่อไปเยี่ยเซินกับองค์หญิงหวาหรงจะกลับมาแก้แค้นซูจิ่นซี
“ไม่กลัวตายก็มา ข้าซูจิ่นซีจะอยู่รอตอบโต้จนถึงที่สุด! ”
ซูจิ่นซีขึ้นเสียง เพื่อให้ทั้งสามคนที่อยู่ด้านในได้ยินด้วยเช่นกัน
“ซูจิ่นซี! ”
นางเดินไปได้สองก้าว ด้านหลังยังมีผู้ที่ไม่กลัวตาย ตามมา
เป็เสียงของฮั่วอวี้เจียว
ซูจิ่นซีหันหลังกลับ หรี่ตามอง
“ซูจิ่นซี ข้าได้ยินมาว่าเ้าสัญญากับฮ่องเต้ที่ตำหนักจ้งหวาว่าจะค้นหาฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮาภายในสามเดือน”
ซูจิ่นซีไม่เข้าใจว่าทำไมฮั่วอวี้เจียวถึง้าพูดเื่นี้อย่างกะทันหันทว่าด้วยสัญชาตญาณ แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่เื่ดีเป็แน่
“พวกเรามาเดิมพันกันเป็อย่างไร? ”
“อย่างนั้นหรือ? เดิมพันอันใด? ” ซูจิ่นซีเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามกลับ
“เดิมพันว่าเ้าจะสามารถหาฆาตรกรตัวจริงได้ภายในสามเดือนหรือไม่”
“ค้นหาได้แล้วอย่างไร? ค้นหาไม่ได้แล้วอย่างไร? ” เสียงของซูจิ่นซีสดใส สุนัขจับหนูยุ่งเื่ไม่เป็เื่ [4] นางเพียงรู้สึกว่าช่างน่าขันยิ่งนัก
ฮั่วอวี้เจียวคิดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะตกลงเร็วถึงเพียงนี้ มุมปากของนางยกยิ้มขึ้น “หากค้นหาได้ สิ่งเดิมพันขึ้นอยู่กับเ้า หากค้นหาไม่ได้เ้าจะต้องออกไปจากจวนโยวอ๋อง ทิ้งฐานะพระชายาโยวอ๋องเสีย”
ซูจิ่นซีกล้าใช้หัวของนางเป็ประกันว่าฮั่วอวี้เจียวจะต้องสนใจเยี่ยโยวเหยาอย่างแน่นอน
ไม่แปลกใจเลย! เมื่อซูจิ่นซีพูดถึงจวนโยวอ๋องหรือเยี่ยโยวเหยา ฮั่วอวี้เจียวก็มักแสดงท่าทีแปลกๆความรู้สึกของนางบอกว่า ฮั่วอวี้เจียวก็คือเว่ยเหม่ยเจียคนที่สอง
‘คู่แข่งทางความรัก’ อีกราย!
มุมปากของซูจิ่นซีประดับด้วยรอยยิ้มเ็าราวกับจะทำให้คนโกรธจนตายเสียให้ได้
“เหตุใดข้าต้องเดิมพันกับเ้า? ”
การแสดงออกบนใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวหายไปในทันที
“ซูจิ่นซี ความกล้าของเ้าหายไปแล้วหรือ? ”
“เ้าจะพูดอันใดก็แล้วแต่! ”
วิธีการกระตุ้นเช่นนี้ สำหรับซูจิ่นซีแล้วไม่มีประโยชน์อันใด ซูจิ่นซีจึงหันหลังเตรียมจากไป
“ซูจิ่นซี แต่ก่อนผู้คนล้วนกล่าวว่าเ้าเป็ขยะ เป็คนโง่เป็คนน่ารังเกียจอัปลักษณ์ ไม่คู่ควรกับไท่จื่อ! เ้าคิดว่าตอนนี้เ้าสติดีแล้วมีใบหน้าสวยงามเช่นนี้แล้วจึงได้สมรสกับโยวอ๋อง ทว่าเ้าคิดว่าตนเองคู่ควรกับโยวอ๋องแล้วหรือ?ซูจิ่นซี ปัญหานี้เ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยกระมัง? ความจริงแล้วเ้าไม่คู่ควรเสียด้วยซ้ำ! แม้ภายนอกเ้าจะแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งจองหองทว่าลึกลงไปภายในกระดูกของเ้าก็เป็เพียงคนขี้ขลาดเท่านั้น! ”
ฝีเท้าของซูจิ่นซีหยุดลงทันที ทว่านางไม่ได้หันกลับไป
“ซูจิ่นซี ถึงแม้ว่าเ้าจะได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องทว่าเ้าไม่เคยเข้าใจเขาอย่างแท้จริง และยิ่งไม่เข้าใจความในใจของเขา ซูจิ่นซี เ้าไม่คู่ควรที่จะได้รับความรักจากเขาเลย! ”
่เวลานี้ มีผู้คนข้างทางมากมายรายล้อมพวกนางทั้งสองคนไว้ เยี่ยเซินและองค์หญิงหวาหรงก็เดินออกมาจากร้านจวีเซียงฟางแล้วเช่นกันบนใบหน้าขององค์หญิงหวาหรงดูราวกับมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ซูจิ่นซียังคงไม่หันกลับมา นางไม่ได้ตอบกลับฮั่วอวี้เจียวไม่มีผู้ใดรู้ว่าในใจของนางคิดเช่นไร
ผู้ชมที่มุงโดยรอบล้วนรอคอยอย่างเงียบงัน ดูว่าซูจิ่นซีจะมีปฏิกิริยาอย่างไรจะให้คำตอบอย่างไรกับฮั่วอวี้เจียว
ทว่าไม่ทันรอให้ซูจิ่นซีตอบ ฮั่วอวี้เจียวก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ซูจิ่นซี เ้าไม่รู้สึกอย่างนั้นหรือ? ในสายตาของผู้อื่นเ้าเป็ความอัปยศของโยวอ๋อง เป็ตราบาปที่ใหญ่หลวง เ้า... ”
“หากภายในหนึ่งเดือน ข้า...ซูจิ่นซีผู้นี้สามารถค้นหาฆาตกรตัวจริงได้เ้าต้องถอดเสื้อผ้าออกและยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงน้ำชาจุ้ยหงเป็เวลาสามวัน”
คำพูดของฮั่วอวี้เจียวยังไม่ทันจบลง ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็หันกลับมา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มจางๆมองความผิดปกติอันใดไม่ออก ทว่านกร้องเสียงเดียวกลับทำให้คนตกตะลึง [5] คำพูดหนึ่งประโยคทำให้ผู้คนใหวาดผวา ทั่วทั้งสถานที่นี้พลันเงียบเป็เป่าสาก
......
เชิงอรรถ
[1] ตบหน้าตัวเองให้บวมหมายถึง ทำอะไรเกินความสามารถเพื่อรักษาหน้าตัวเองไว้
[2] เหามีมากไปก็ไม่คันหนี้สินมีมากไปก็ไม่ต้องคำนวณ คือสุภาษิตจีน อุปมาว่าปัญหามากเกินไปหรือหนี้มากเกินไปล้วนไม่แยแสแล้ว
[3] กินหัวใจเสือดาว คือสุภาษิตจีน หมายถึง ความใจกล้าบ้าบิ่น
[4] สุนัขจับหนูยุ่งเื่ไม่เป็เื่ คือสุภาษิตจีน หมายถึง หน้าที่จับหนูเป็ของแมวไม่ใช่ของสุนัขเช่นคนบางจำพวก แม้ไม่ใช่เื่ของตนเองแต่ชอบเข้ามาบงการวุ่นวาย
[5] นกร้องเสียงเดียวกลับทำให้คนตกตะลึง คือสุภาษิตจีน เปรียบเปรยคนเก่งที่มีความสามารถอยู่เต็มตัว ทว่าในเวลาปกติไม่มีใครรู้เพราะไม่ได้แสดงตัวออกมาแต่ถ้าได้แสดงความสามารถเมื่อใดก็จะทำให้คนรอบข้างตกตะลึงในความเก่งหรือความสามารถนั้นเป็อย่างมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้