ซูิเยว่ยกมือข้างที่ได้รับาเ็ส่งให้ิจิ่วเพื่อให้นางทายาให้ มือขวาวางอยู่บนที่วางมือ ตาจ้องไปยังจี๋โม่หานแล้วหัวเราะเจื่อนๆ ออกมา
“ยัยเด็กบื้อ เจ็บแล้วไม่รู้จักร้องหรือ เหตุใดจะต้องทนด้วย” จี๋โม่หานจิ้มหน้าผากของนางอย่างอารมณ์เสียเบาๆ ไม่อยากจะใช้แรงมากเกินไป
ซูิเยว่ยังคงมองจี๋โม่หานแล้วยิ้ม ราวกับความเจ็บที่มือไม่มีอยู่ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ นางก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “โชคดีจริงๆ”
“หืม?” จี๋โม่หานเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าอ่อนโยนลง
ซูิเยว่พูดออกมาอีกครั้ง “จี๋โม่หาน หม่อมฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอกับท่าน”
“ข้าเองก็เหมือนกัน โชคดีจริงๆ”
จี๋โม่หานหัวเราะออกมาเบาๆ สีหน้าอ่อนโยนมาก น้ำแข็งในเวลาปกติตอนนี้ได้ละลายกลายเป็น้ำแล้ว พวกหลิงชวนที่อยู่ด้านข้างต่างทนมองต่อไปไม่ได้ พวกเขากลัวว่าหากมองต่อไปจะลืมภาพลักษณ์ของเ้านายในอดีตไป
ซูิเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างพอใจ แววตาวาววับ นางมองไปทั่วทั้งโครงหน้าของจี๋โม่หานอย่างละเอียด คิ้วราวกับูเาที่ห่างไกล ดวงตาปิดเข้าหากัน หางตาชี้ขึ้น
ราวกับละอองที่กระจายออกไปของน้ำหมึก ขนตาเล็กยาวจนมีเงาตกกระทบลงไปด้านล่าง สันจมูกยาว ริมฝีปากซีดขาวเล็กน้อย หน้าผากมนเป็เส้นโค้ง
เส้นผมดำตัดกับผิวขาวราวกับกระเบื้อง ทุกเส้นเหมือนกับความงดงามที่์ตั้งใจสรรค์สร้างมากที่สุด เขาเป็เหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ทั้งยังเหมือนกับดอกบ๊วยที่บานในยามหิมะตก
ยิ่งมองคนตรงหน้าซูิเยว่ก็ยิ่งคิดว่าเขาหน้าตาดีมาก จนไม่อาจจะละสายตาออกไปได้
ซูิเยว่มองไปมองมาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ฮองเฮาเหนียงเหนียงบอกว่า ตอนท่านอายุสิบสี่ก็เป็คนในฝันของแม่นางมากมายในเมืองหลวง แต่ท่านกลับไม่สนใจใครเลยสักคน”
“ใช่” จี๋โม่หานมีความคิดที่อยากจะเย้าแหย่ขึ้นมาอย่างหาได้ยาก ขอแค่ซูิเยว่อารมณ์ดี เขาก็อารมณ์ดีไปด้วย “เพราะว่าข้ายังรอแม่หนูของข้า จะหวั่นไหวกับใครได้อย่างไร”
หลิงชวนกับจื๋อหลันที่อยู่ด้านข้างหันหลังไปเงียบๆ
จิ่งฉือยิ้มอ่อน
ิจิ่วที่ตั้งใจทายาให้ซูิเยว่ก็แสร้งทำเป็ไม่ได้ยินอะไร
หาได้ยากมากที่ซูิเยว่จะเห็นจี๋โม่หานพูดหยอกล้อเช่นนี้ นางจึงก้มหน้าลงแล้วยกมือไปแตะจมูกของเขาเหมือนกับเด็ก “ตอนนี้คนที่หน้าตาดีที่สุดในเมืองหลวงเป็คนของหม่อมฉันแล้ว”
จี๋โม่หานจับมือที่อยู่ไม่สุขของนางมาจุมพิตเบาๆ “ใช่ ตอนนี้หรือต่อไปข้าก็คือคนของเ้าแล้ว”
ทั้งสองในยามปกติแล้วเป็คนที่เ็าพอกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้พอมาหวานใส่กันแบบนี้ก็พากันแข่งราวกับเป็เด็ก
“เรียบร้อยแล้วเพคะพระชายา” ิจิ่วเก็บยาทา
ซูิเยว่มองมือตัวเอง ตรงจุดที่ถูกน้ำร้อนลวกถูกยาทาจนทั่ว รู้สึกเหนียวๆ ไม่ค่อยสบายเท่าไร แต่ยาทานี้ทาไปแล้วก็รู้สึกเย็นๆ ตรงปากแผล ทั้งไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว
จิ่งฉือที่อยู่ด้านข้างกล่าว “ซูเฉินบอกว่ายานี้แค่ทาสองครั้งก็หายแล้ว ขอแค่ไม่ขยับมือซี้ซั้ว ไม่ไปโดนแผล รับประกันว่าหลังจากแผลหายแล้วจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็เอาไว้แน่นอน”
ซูิเยว่พักอยู่ในจวนหวังอีกสองวัน รอจนกระทั่งแผลน้ำร้อนลวกที่มือหายแล้วก็กลับไปที่จวนสกุลซู
ถึงแม้นางจะรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ยังฉีกหน้าซูโม่ไม่ได้ อีกทั้งนางเองก็ยังไม่ได้แต่งงานกับจี๋โม่หานอย่างเป็ทางการ ถึงนางจะไม่สนใจเื่พวกนี้ แต่ตอนนี้จะอยู่ที่จวนขององค์ชายสามตลอดก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร
จี๋โม่หานกังวลว่าหลังจากกลับไปแล้วซูโม่จะทำอะไรไม่ดีกับนาง เขาจึงให้จิ่งฉือตามนางกลับไปด้วย
หลังจากกลับไปแล้วนางก็ยังไม่ได้ไปพูดคุยกับซูโม่ให้ชัดเจน และทำเหมือนตัวเองไม่รู้เื่อะไร
เพียงแต่ตอนที่กลับมาถึงหอฮวาซี นางก็ไล่พวกทหารองครักษ์ที่ซูโม่จัดมาให้ออกไปทันที ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็พวกคนของหวังซวิน
เท่ากับว่าตอนนี้นางได้แสดงท่าทีปรปักษ์กับซูโม่อย่างเปิดเผยแล้ว
แต่ซูโม่กลับไม่พูดอะไร เพียงแค่ออกมาถามว่าแผลของนางเป็อย่างไรบ้าง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
หลายวันหลังจากที่ซูิเยว่กลับมา นางก็รีบรวบรวมกิจการของหวังซวินที่อยู่ด้านนอกและวางแผนว่าจะขยายมันให้ใหญ่ขึ้น แต่ยังมีเื่ของคนงาน แค่พวกคนสนิทที่นำไปฝึกฝนก่อนหน้านี้นั้นไม่เพียงพอ
ตอนนี้เป้าหมายของนางชัดเจนมาก องค์ชายห้าถูกกำจัดไปแล้ว เขาไม่สามารถก่อเื่ใหญ่อะไรได้แล้ว แต่นางยังมีศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่าคนหนึ่ง ซึ่งก็คือฮ่องเต้กับซ่งซินเวย
เื่เกี่ยวกับองค์ชายสามจี๋โม่หานกับนางได้ถูกเปิดเผยออกไปด้านนอกหมดแล้ว ทุกคนต่างรู้ข่าวที่ฝ่าาได้ประทานงานแต่งงานให้กับพวกนางสองคน พอข่าวนี้ออกไปก็มีแม่นางมากมายใจสลาย
ถึงแม้จี๋โม่หานจะทั้งตาบอด ทั้งพิการ ทั้งยังไม่มีอำนาจ แต่หน้าตาก็ยังดีเหมือนเมื่อก่อน คนที่อยากจะแต่งงานกับเขาก็มีจำนวนไม่น้อย
โดยเฉพาะเมื่อหลายวันก่อนที่จี๋โม่หานพาคนไปบุกคุกเพื่อช่วยซูิเยว่ ขาเองก็เดินได้แล้ว หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป สตรีวัยแรกแย้มในเมืองก็ต่างคลุ้มคลั่งกันไป
แต่ซูิเยว่ที่ตกเป็ข่าวนั้นทำเหมือนไม่ใช่เื่ของตัวเอง นางยังคงกินๆ ดื่มๆ นอนๆ
นางไปพบจี๋โม่หานทุกๆ สามวัน ห้าวัน ทั้งยังพาจิ่งฉือออกไปก่อเื่อีกด้วย แน่นอนว่าไม่ได้ไปก่อเื่จริงๆ พวกเขาแค่ไปเลือกคนที่ฝีมือดีหน่อยมาให้จิ่งฉือช่วยฝึกเท่านั้น
ใน่นี้เป็่ที่ซูิเยว่รู้สึกสบายที่สุดั้แ่กลับมาเกิดใหม่ ไม่มีองค์ชายห้ามาหาเื่นาง หลังจากที่องค์ชายห้าถูกถอดยศทิ้งไป จ้าวอวี้ถิงเองก็เรียบร้อยขึ้นมากมาย อีกทั้งไม่มาหานางอีกแล้ว ในที่สุดซูิเยว่ก็รู้สึกปลอดโปร่ง
หลังจากที่ฮ่องเต้ประทานงานแต่งงานให้จี๋โม่หานกับซูิเยว่ พวกเขาก็คอยระมัดระวังมาโดยตลอด แต่ใน่นี้ทางด้านฮ่องเต้ก็เงียบไปอย่างน่าประหลาด ไม่ได้มาหาเื่ทั้งสองคน แล้วก็ยังมีเื่ที่ฮ่องเต้ถูกวางยาพิษเมื่อครั้งก่อนอีก หลังจากที่จี๋โม่หานหากากยาในจวนขององค์ชายห้าพบ เขาก็ได้รับประทานรางวัลใหญ่จากฮ่องเต้
ทุกปีราชวงศ์ในเมืองหลวงจะจัดงานล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงหนึ่งครั้ง สถานที่จัดงานล่าสัตว์จะอยู่ที่สถานที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ซึ่งห่างจากเมืองหลวงสิบลี้ งานล่าสัตว์จะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือน พระญาติต่างพากันมาเข้าร่วม
ั้แ่อดีตมางานล่าสัตว์จะจัด่เดือนสิบ ดังนั้นตอนนี้ฮ่องเต้จึงได้มีรับสั่งล่วงหน้าว่า จะจัดงานล่าสัตว์ก่อนกำหนด ทุกคนต่างแสดงท่าทีออกมาว่าไม่เข้าใจ
นี่ยังไม่พูดถึงอากาศใน่เดือนแปดที่ร้อนที่สุด สัตว์ที่เอาไว้ล่าจะต้องรอถึงเดือนสิบถึงจะเติบโตและอ้วนสวยที่สุด ดังนั้นทุกคนจึงไม่ค่อยเข้าใจกับเวลาที่เลื่อนมาจัดก่อนของฮ่องเต้ แต่ทางด้านฮ่องเต้กลับไม่ได้ให้คำอธิบายใดใด
เพียงแต่บอกว่างานล่าสัตว์ในครั้งนี้ลูกสาวลูกชายของขุนนางในเมืองหลวงสามารถเข้าร่วมได้ ไม่ได้ปิดกั้นเช่นแต่ก่อน และในครั้งนี้ฮ่องเต้ได้เชิญองค์ชายสามจี๋โม่หานให้เข้าร่วมด้วย
ในอดีตจี๋โม่หานจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้เพราะว่าเขาพิการและตาบอด ปีนี้ฮ่องเต้กลับจงใจออกคำสั่งว่าเขาจะต้องมาเข้าร่วมให้ได้
ตอนที่ซูิเยว่ได้ยินข่าวนี้ในจวนสกุลซู ทั้งยังคิดเกี่ยวกับเจตนาของฮ่องเต้อยู่นั้น เรือนหน้าก็ได้มาบอกว่ากงกงในวังมาหา
ปกติแล้วงานล่าสัตว์จะเป็กิจกรรมภายในราชวงศ์ ไม่เกี่ยวข้องกับประชาชนอย่างพวกนาง ดังนั้นซูิเยว่เองก็ไม่ได้เข้าร่วม
แต่ว่าครั้งนี้ฮ่องเต้กลับออกคำสั่งให้นางต้องไปเข้าร่วม ซูิเยว่ก็ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่
ถ้าหากบอกว่าครั้งนี้คุณหนูคุณชายของครอบครัวขุนนางต่างไปเข้าร่วมได้ แต่ไม่บังคับ นางก็คิดว่าอาจจะไปดูๆ สักหน่อย แต่ตอนนี้ฮ่องเต้กลับมีรับสั่งให้นางต้องไปเข้าร่วม มันน่าสงสัยเกินไป