เพียงแค่เื่เล็กน้อยเยี่ยงนี้ก็ทำให้คนเห็นกลเม็ดเด็ดพรายของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว แม้ดูเหมือนว่านางจะซักถามความจากเด็กสองคน แต่สิ่งที่ทำแท้จริงกลับเป็เื่อื่น
ผ่านเื่นี้ไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็เกิดความชิงชังต่อเฉี่ยวเยว่ เดิมทีนึกว่าหลานสาวคนนี้จะเฉลียวฉลาด แต่ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เห็นได้ว่าในใจมีความอำมหิตซ่อนเร้นอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่กลัวเด็กฉลาด แต่นางไม่ชอบ หากนำเล่ห์เหลี่ยมมาใช้กับคนในครอบครัว
ส่วนไท่ไท่รอง นางนึกเสียใจภายหลังเป็ที่สุดที่ยอมให้บุตรชายแต่งภรรยาเช่นนี้
จะว่าไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยชอบสะใภ้ของสะใภ้สามมากนัก แต่นางก็นับว่าเป็คนรู้จักแยกแยะ มีความชัดเจนอย่างยิ่ง นางชอบหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญที่บุตรชายคนที่สามชอบเป็ใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสะใภ้สามก็เป็สตรีจากตระกูลใหญ่ที่รู้ความ มีมารยาท และวางตัวดีเยี่ยม
นางไม่วอนขอสิ่งใดมากไปกว่าความสงบสุขของคนในครอบครัว
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่เด็กน้อยอวบอ้วนที่กำลังปูที่นอนบนเตียงเตาอย่างขะมักเขม้น แขนและขาสั้นๆ ป้อมๆ ของนางเคลื่อนไหวคล่องแคล่วน่าเอ็นดูยิ่งนัก
"คืนนี้เ้าไม่ไปนอนเป็เพื่อนฉีอันรึ?" นางถามพลางอมยิ้ม
แม้ว่าปรกติพี่สาวน้องชายสองคนนี้มักเขม่นใส่กันเวลาพบหน้า แต่เมื่อเกิดเื่ เฉียวเยว่กลับออกมาปกป้องน้องชายเป็อับดันแรก นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่พูดจาฉาดฉานเปี่ยมไปด้วยเหตุผล แลดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ราวกับคนที่อยู่ตรงหน้านี้มิใช่ตัวนาง
เฉียวเยว่หย่อนก้นนั่ง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง "จริงด้วยสิ คืนนี้ข้าต้องไปอยู่เป็เพื่อนฉีอัน แต่รับปากว่าจะมาจัดเตียงให้ท่านย่าแต่เช้า ข้าเป็เด็กดี พูดได้ทำได้เ้าค่ะ"
นางยิ้มหยีตาและกระดกคิ้วอย่างทะเล้น
ฮูหยินผู้เฒ่าบีบแก้มน้อยๆ ที่อุดมไปด้วยไขมันของนาง "ได้ รีบไปเถอะ ป่านนี้พวกเขารอเ้ากินมื้อเย็นแล้วกระมัง?"
เฉียวเยว่ไถลตัวลงจากเตียงเตาอย่างคล่องแคล่วฉับไว "อ๋า จริงด้วย ข้าต้องรีบแล้ว มิเช่นนั้นฉีอันต้องกินของอร่อยหมดเรียบแน่ๆ"
ไม่เสียแรงที่พวกเขาเป็พี่น้องฝาแฝดกัน ล้วนแต่ท้องยุ้งพุงกระสอบกินเก่งทั้งคู่
ฮูหยินผู้เฒ่าอดขำไม่ได้
เฉียวเยว่ออกจากห้องอย่างรีบร้อน ขณะเดียวกันก็คุยกับเสี่ยวชุ่ยที่อยู่ข้างกายไปด้วย "เสี่ยวชุ่ย ข้าร้ายกาจเกินไปใช่หรือไม่ ข้าอยากบอกว่า เวลาข้าร้ายขึ้นมา แม้แต่ตนเองยังรู้สึกกลัวเลย"
เสี่ยวชุ่ยลูบศีรษะของเฉียวเยว่อย่างอ่อนโยน "คุณหนูเก่งกาจที่สุด"
เฉียวเยว่รู้สึกพึงพอใจมากกับคำชม
นางคลำถุงเหอเปา [1] ก่อนหยุดฝีเท้าทันควัน "เอ๋? หยกประดับของข้าเล่า?"
นี่เป็ของขวัญวันเกิดที่บิดามอบให้ตอนวันเกิดของนางปีที่แล้ว
เฉียวเยว่เอียงคอครุ่นคิด ก่อนเอ่ยว่า "เสี่ยวชุ่ย หยกประดับของข้าน่าจะตกอยู่ที่เรือนของท่านย่า เ้าไปเก็บกลับมาให้ข้าได้หรือไม่?"
"เ้าค่ะ คุณหนู ท่านไปรอที่ศาลาก่อนนะเ้าคะ บ่าวจะรีบไปรีบกลับ" เสี่ยวชุ่ยเอ่ยบอก
เฉียวเย่วเดินไปที่ศาลาหลังเล็กอย่างเชื่อฟัง แล้วนั่งรออยู่ในศาลา ยามโพล้เพล้ต้นฤดูร้อนพอมีลมโชยอยู่บ้าง เสียงกบร้องอ๊บๆ อยู่เป็ระยะ เฉียวเยว่เอามือเท้าคาง รำพึงว่า "เย็นนี้จะกินอะไรดีหนอ ดูเหมือนท่านแม่จะสั่งให้คนทำกุ้งฝูหรง [2] แล้วก็ไก่ย่างเสียบไม้ ยังมีโจ๊กถั่วแดงแสนอร่อยที่ท่านแม่เติมน้ำผึ้งใส่เข้าไปอีกด้วย"
ระหว่างพูดพล่ามไปเรื่อยๆ พวงแก้มน้อยก็ป่องออกมา อาจเป็เพราะตอนเด็กๆ ในชาติก่อนไม่ค่อยได้กินอิ่มท้อง ชาตินี้เลยกลายเป็คนเห็นแก่กิน ซ้ำยังกินเก่งมากอีกด้วย
เสียงฝีเท้าเบาแว่วมา เฉียวเยว่หันไปมอง เห็นสาวใช้แต่งกายงดงามคนหนึ่งชะเง้อมองรอบด้านอย่างลับๆ ล่อๆ
เฉียวเยว่ไม่รู้จักนาง แต่เพียงแวบเดียวนางก็ะโลงมาจากม้านั่งหินแล้วซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะหินข้างเสา
สตรีผู้นั้นไม่เห็นเฉียวเยว่ เดินมาอย่างเร่งร้อน แต่มิได้เข้ามาในศาลา กลับยืนอยู่ตรงพุ่มไม้ใต้ศาลา ตรงนั้นมีต้นไม้ดอกไม้หนาแน่น เป็แหล่งพรางตัวชั้นดี
เฉียวเยว่มองผ่านช่องว่างออกไปข้างนอก ไม่ช้าก็เห็นบุรุษคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน
บุรุษผู้นี้ค่อนข้างคุ้นหน้า แต่เฉียวเยว่นึกไม่ออกว่าเขาเป็ใคร
ทว่าต้องเคยพบเจอมาก่อนอย่างแน่นอน
นางเอียงคอครุ่นคิด นั่งยองๆ อยู่บนพื้น
"เ้าบ้าไปแล้วหรือ? นัดข้าออกมาเช่นนี้ ไม่กลัวใครเห็นเข้าหรือไร" บุรุษค่อนข้างจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย
เสียงของสตรีผู้นั้นฉายแววน้อยอกน้อยใจอยู่หลายส่วน "ข้าคิดถึงท่าน นานแล้วท่านไม่มาหาข้าเลย ข้าย่อมจะคิดฟุ้งซ่าน ท่าน... ท่านมีคนอื่นแล้วใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่ยังคงแอบคาดเดาต่อ อ้อ ลักลอบ... มีความสัมพันธ์
บุรุษตอบ "มีคนอื่นอันใด เ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็คนเช่นไร! ความจริงใจที่ข้ามีต่อเ้าฟ้าดินเป็พยานได้ เ้าอาจคลางแคลงเื่อื่น แต่ไม่ควรระแวงความรู้สึกที่ข้ามีต่อเ้า ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ได้ เอาไว้งานนี้จบเมื่อไร ข้าจะต้องมีคำอธิบายแก่เ้าอย่างแน่นอน"
ในที่สุดสตรีก็มีท่าทีอ่อนลง นางกอดเอวของบุรุษ "ข้าเชื่อท่าน ข้าย่อมเชื่อท่าน"
บุรุษพรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนถามว่า "วันนี้ตอนกลางวันเกิดอะไรขึ้น เรือนสองกับเรือนสามมีปากเสียงอันใดอีกแล้วหรือ?"
สตรีตอบ "ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด น่าจะเป็คุณหนูสี่ใส่ความคุณชายน้อย แต่ฮูหยินผู้เฒ่าตรวจสอบพบความจริงกระจ่างแล้ว ท่านวางใจเถอะ ไม่ว่าเื่ไหนก็ไม่กระทบงานของพวกเรา ทางไท่ไท่สาม ข้าเฝ้าจับตามองอย่างดี"
พอเฉียวเยว่ได้ยินชื่อของมารดา ก็ขดตัวเข้ามาน้อยเล็กน้อยเพื่อปกป้องตนเอง และยิ่งเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
"เ้าจำไว้ หากไม่สบโอกาสก็อย่าบุ่มบ่ามลงมือเป็อันขาด ความปลอดภัยของเ้าถึงจะเป็สิ่งสำคัญที่สุด ตราบใดที่เ้ายังอยู่ สามารถวางยาไท่ไท่สามได้อยู่เรื่อยๆ หากเ้าไม่อยู่ เื่นี้ก็จะขาดตอน อาอวี้ เ้ารู้ดี ข้าจริงใจต่อเ้าเสมอมา หากงานนี้เ้าทำสำเร็จ พวกเราก็จะรับเงินแล้วไปให้สุดหล้าฟ้าเขียว" บุรุษค่อยๆ โน้มน้าว
หากตัวตนของนางถูกเปิดเผย จะหาโอกาสวางยาใหม่ หรือหาคนโง่ที่หลอกง่ายมาช่วยงานอีกก็ยากแล้ว
"ข้าทราบแล้ว ข้ารู้ท่านรักข้า ห่วงใยข้าที่สุด"
พอได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทั้งสองคน เฉียวเยว่ก็คาดเดาได้ว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด แต่นางไม่กล้าขยับแม้เพียงนิด ยัดกำปั้นน้อยๆ เข้าปาก น่ากลัวเหลือเกิน
มารดานาง... พวกเขาจะวางยาพิษมารดานาง?
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ เฉียวเยว่พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
วันที่นางถือกำเนิดขึ้นมากลายเป็ซูเฉียวเยว่
แม้ว่าตอนนั้นนางจะเป็เพียงดวงิญญา แต่กลับเห็นฉากลอบสังหารที่น่าพรั่นพรึงเองกับตา
ห้าปีผ่านไป นางเองก็ลืมรายละเอียดตอนนั้นไปบ้างแล้ว แต่นางมักคิดหาเหตุผลอยู่เป็ร้อยครั้งว่าทำไมมีดของหมอหญิงในตอนนั้นถึงเสียบเข้าร่างของนางได้
เป็เื่จริง หรือแค่ความฝัน?
ทว่าก็ผ่านไปห้าปีแล้ว นางไม่เคยได้ยินบิดามารดาเอ่ยถึงเหตุการณ์ลอบสังหารครานั้นอีกเลย
เดิมทีนางลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่ทันทีที่เห็นทั้งสองวางแผนวางยาพิษมารดา นางก็นึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนั้นได้ทันที
เพราะอะไร?
เหตุใดถึงมีคนคิดจะสังหารมารดาของนางตลอดมา?
"คุณหนู... คุณหนูเ้าคะ..." เสียงของเสี่ยวชุ่ยแว่วมา เฉียวเยว่พลันหัวใจกระตุก แย่แล้วสิ...
สองคนนั้นต่างตื่นตระหนก บุรุษผู้นั้นเอ่ยทันควัน "เ้าไปซะ!"
สตรีท่าทางหวาดผวาและตื่นกลัวอย่างหนัก นางพูดเสียงสั่น "จะทำอย่างไร?"
"คุณหนู..."
บุรุษล้วงมีดออกมา "ข้าจัดการเอง เ้ารีบไป ไม่ต้องเป็ห่วง"
สตรีรีบวิ่งออกไปทันที ส่วนบุรุษกลับเดินไปหาเสี่ยวชุ่ย
ศาลาที่เฉียวเยว่อยู่มีตำแหน่งที่สูงกว่า เมื่อเห็นชายผู้นั้นเดินไปทางเสี่ยวชุ่ย หัวใจพลันบีบรัด ลุกขึ้นร้องว่า "เสี่ยวชุ่ย เ้ารีบหนีไป ทางนี้มีคนร้าย"
บุรุษหันมาอย่างตื่นตระหนก เห็นหนูน้อยอวบอ้วนยืนอยู่ในศาลาโบกมือร้องะโเสียงดัง "เสี่ยวชุ่ยรีบวิ่ง หาคนมาช่วยพวกเรา"
เสี่ยวชุ่ยพลันตกตะลึง แต่นางวิ่งหนีไม่ทันแล้ว บุรุษผู้นั้นไม่สนใจเฉียวเยว่ เงื้อมีดจ้วงเข้าใส่กลางอกตรงตำแหน่งหัวใจของเสี่ยวชุ่ยทันที
เขาไม่รั้งอยู่นาน หลังแทงเสี่ยวชุ่ยแล้ว ก็ผลักนางออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันหลังกลับวิ่งไปหาเฉียวเยว่
บัดนี้ขาสั้นๆ ของเฉียวเยว่วิ่งมาถึงด้านข้างของศาลา เห็นชายคนนั้นถือมีดวิ่งใกล้เข้ามา ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ะโลงไปในสระน้ำข้างศาลาทันที
เสียงตูมดังขึ้นน้ำแตกกระจายไปโดยรอบ เฉียวเยว่จมลงสู่ใต้น้ำ
ชายผู้นั้นมั่นใจว่าเด็กน้อยอย่างนางต้องว่ายน้ำไม่เป็ จึงคิดจะย้อนกลับไปแทงเสี่ยวชุ่ยซ้ำอีกที แต่เสียงกรีดร้องของเฉียวเยว่ กับเสียงตกน้ำเมื่อครู่กลับเรียกคนมา
"เกิดอะไรขึ้น?" มีคนได้ยินเสียงรีบวิ่งมา
ชายผู้นั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ชาติก่อนเฉียวเยว่ว่ายน้ำเป็ ชาตินี้ก็เคยะโลงไปเล่นน้ำมาแล้ว ถึงอย่างอื่นจะทำไม่ได้ แต่เื่ว่ายน้ำทำได้อย่างแน่นอน
นางกลั้นหายใจ ไม่กล้าลอยตัวขึ้นมา
"์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" คนเริ่มมากันเยอะขึ้น
ในที่สุดเฉียวเยว่ก็โผล่ศีรษะขึ้นมา "ช่วยด้วย..."
นางโบกไม้โบกมืออยู่ในสระ
...
ซูซานหลางหน้าดำคร่ำเครียด ไท่ไท่สามก็น้ำตาคลอเบ้า แต่กลับไม่ร่วงลงมา นางกอดเฉียวเยว่ ถามท่านหมอตรงหน้า "ท่านหมอ เป็อย่างไรบ้าง?"
ท่านหมอสีหน้าเคร่งขรึม "ฮูหยิน ท่านวางใจได้ ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัส เพียงแต่เด็กยังเล็ก บัดนี้ได้รับความเย็น ก็ย่อมาเ็อยู่บ้าง ให้ดื่มน้ำขิงมากหน่อย ช่วยขจัดความเย็นไปได้"
ไท่ไท่สามรีบพยักหน้า
"แต่การดื่มน้ำขิงตอนเย็นไม่ดีต่อสุขภาพ ค่อยดื่มยามเช้าตรู่จะเหมาะสมที่สุด"
สายตาของท่านหมอมองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความห่วงใย นึกในใจต้องเป็คนเช่นไรกันหนอถึงลงมือกับเด็กน้อยน่าเอ็นดูเยี่ยงนี้ได้ลงคอ
เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน "เ้าไม่มีอันตรายถึงชีวิต พักผ่อนสักหน่อยไม่ช้าก็หาย"
เฉียวเยว่พยักหน้า
"ข้าจะดีขึ้นใช่หรือไม่?" นางสอบถามทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากรู้ "ข้าจะกลับมาะโโลดเต้นได้เหมือนเมื่อก่อนใช่หรือไม่?"
ท่านหมอพยักหน้า "ใช่ ลุงจะช่วยเ้าเอง"
มุมปากของเฉียวเยว่โค้งขึ้น
ซูซานหลางลูบศีรษะของบุตรสาว "เ้าทำให้พ่อใแทบตาย"
เฉียวเยว่ยื่นมือไปขอให้อุ้ม
ซูซานหลางไม่นำพาว่าบุตรสาวอายุเกินสามขวบแล้ว อุ้มนางขึ้นมา "ไม่กลัว ไม่กลัว"
เฉียวเยว่กระซิบข้างหูของซูซานหลาง "ท่านพ่อ ให้พวกเขาออกไปทั้งหมดได้หรือไม่ ท่านกับท่านแม่อยู่เป็เพื่อนข้า"
นางทำท่าคล้ายขวัญหนีดีฝ่อ
ซูซานหลางตอบอืม แล้วให้ทุกคนออกไป
ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถาม เฉียวเยว่ก็ละล่ำละลักเอ่ยว่า "ท่านพ่อ มีคนจะสังหารท่านแม่"
ซูซานหลางหน้าถอดสี "เกิดอะไรขึ้น?"
เฉียวเยว่พูดจาคล่องแคล่ว ไม่ช้าก็เล่าเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างชัดเจน ก่อนที่จะเอ่ยว่า "ท่านพ่อ ข้าจำพวกเขาสองคนได้ หากท่านคิดว่าสามารถเปิดเผยต่อสาธารณะ ข้าก็สามารถชี้ตัวบุคคลได้"
ซูซานหลางไม่รอช้า สั่งให้คนไปจัดการทันที
"แล้วก็ยังมีท่านแม่อีกคน ต้องตรวจร่างกายของท่านแม่อย่างละเอียด จริงด้วยสิ แล้วให้ท่านหมอไปทำไม ข้านี่โง่เสียจริง! รีบให้เขากลับมาตรวจท่านแม่เถอะเ้าค่ะ ไม่รู้ว่าพวกเขาแค่เตรียมลงมือ หรือว่าลงมือไปแล้ว ์ ข้าช่างโง่งมนัก..."
คุณหนูเจ็ดสองนายบ่าวพบกับคนร้ายเกือบถูกสังหารอย่างหวุดหวิด
ไม่ช้าเื่นี้ก็แพร่ออกไปราวกับว่าวที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ซูซานหลางก็เคลื่อนไหวรวดเร็ว เพียงชั่วครู่เดียว สาวใช้และบ่าวชายทั้งหมดในจวนก็ถูกเรียกให้มารวมตัวกัน
แม้ว่าบัดนี้จะย่ำค่ำแล้ว แต่โคมไฟในจวนซู่เฉิงโหวก็ยังสว่างไสว
ซูซานหลางอุ้มบุตรสาว "ไม่ต้องกลัว พ่ออยู่นี่ เ้าชี้ตัวคนร้ายได้ พ่อจะซื้อเป็ดย่างจากร้านรุ่ยฝูเสียงให้กิน"
เฉียวเยว่ตอบเสียงดังฟังชัด "เ้าค่ะ"
นางดิ้นขลุกขลัก "ท่านพ่อปล่อยข้าลง ข้าจะจัดการเ้าอันธพาลคนนี้ให้ได้"
...
[1] เหอเปา คือถุงผ้าขนาดเล็กมักใช้สำหรับใส่ของจุกจิกพกติดตัว
[2] กุ้งฝูหรง หรือกุ้งผัดไข่ บ้างก็เปลี่ยนจากไข่มาใส่เต้าหู้อ่อนแทน เป็อาหารรสชาติอ่อน เด็กๆ สามารถรับประทานได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้