“ขนมดอกกุ้ยของฮูหยินนี่อร่อยยิ่งนัก”
“พวกเ้านี่ก็อย่างไรกัน ปล่อยให้ฮูหยินเข้าครัวแล้วพวกเ้านั่งกิน!”
“ก็ฮูหยินไม่ให้เราช่วยนี่”
“ยังจะเถียงอีก”
“เอาเถิด เื่เล็กน้อยแค่นี้เอง”
จ้าวจื่อรั่วหัวเราะน้อยๆ มองดูบ่าวไพร่ในครัวพูดคุยกันอย่างเป็กันเอง หลังจากอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือน นางสนิทสนมกับทุกคน จดจำชื่อและตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคนได้ ยิ่งได้รู้ ยิ่งนับถือแม่ทัพกู้ตงหยาง ภาพนอกดูโเี้แต่แท้ที่จริงห่วงใยผู้อื่น เหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนเป็ญาติพี่น้องของคนในกองทัพที่ไม่มีที่ไป บางคนาเ็พิการไม่มีญาติพี่น้อง ท่านแม่ทัพก็ให้อยู่ในจวน ทำงานเล็กๆ น้อยๆ มีหญิงหม้ายที่สามีตายในสนามรบและไม่มีที่ไปก็มาอยู่ช่วยงานในจวน หากบางคนอยากออกไปตั้งตัว ท่านแม่ทัพก็ให้พ่อบ้านจัดการดูแลต่อไป
แม้เขาไม่เห็นนางเป็ภรรยา แต่สำหรับนาง เขาคือสามีสุดประเสริฐ นับว่าเป็วาสนาของนางนัก หญิงสาวตั้งใจจะทำหน้าภรรยาที่ดีชดเชยที่ตระกูลจ้าวส่งลูกอนุต่ำต้อยเช่นนางมาเป็ภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ แทนที่จะเป็บุตรสาวภรรยาเอกผู้เลอโฉมผู้นั้น
“อาหารที่ฮูหยินทำเลิศรสมาก ข้าแอบเห็นท่านแม่ทัพเติมข้าวตั้งสองถ้วย” เสี่ยวฉู่พูดด้วยท่าทีตื่นเต้น แต่ถึงกระนั้นคนทั้งจวนก็รู้ว่ามีแต่ท่านแม่ทัพที่หมางเมิน
“วันๆ ไม่เห็นมาหาฮูหยิน เอาแต่สนใจสตรีชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่พูดอย่างน้อยใจ ฮูหยินดีถึงเพียงนี้ ทำไมท่านแม่ทัพไม่เหลียวแลภรรยาของตน
“เสี่ยวฉู่!” แม่ครัวหันมาตำหนิสาวใช้ แต่คนอื่นก็ลอบมองสีหน้าฮูหยิน แม้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ท่าทีขมขื่นไม่น้อย
“ฮูหยิน ท่านอย่าคิดมากนะเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพของเรา ปกติเป็คนใส่ใจผู้อื่น คงเห็นว่าแม่นางผู้นั้นน่าสงสารจึงดูแลเป็พิเศษ”
นางจะไปมีสิทธิ์รู้สึกอะไรได้ แค่เขาไม่เอาเื่ที่ถูกเปลี่ยนตัวเ้าสาวก็นับว่าดีมากแล้ว
“ฮูหยินขอรับ บ่าวมีเื่อยากขอความช่วยเหลือขอรับ”
“มีเื่ใดรึ ถ้าข้าช่วยได้ย่อมทำสุดกำลัง”
“เป็เื่ของท่านแม่ทัพขอรับ” พ่อบ้านมีสีหน้าหนักใจ แล้วเชิญฮูหยินออกมาสนทนาด้านนอกห้องครัว
“ที่นี่ไม่มีผู้อื่นแล้ว พ่อบ้านพูดมาเถิด” จ้าวจื่อรั่วร้อนใจ
“หมอทหารกำชับให้บ่าวดูแลท่านแม่ทัพให้ดี ท่านแม่ทัพกรำศึกมานาน มีอาการาเ็เรื้อรัง แต่เื่นี้ย่อมให้ผู้อื่นรู้มิได้”
“ข้าเข้าใจ ข้าจะเก็บเป็ความลับ”
ได้ยินดังนั้น พ่อบ้านก็มีสีหน้าดีขึ้นและรีบพูดต่อ
“บ่าวอยากรบกวนฮูหยิน ช่วยดูแลท่านแม่ทัพขอรับ”
“ให้ข้าดูแลท่านแม่ทัพ? ทำอย่างไรเล่า? ปกติเขาไม่เคยเรียกพบข้าด้วยซ้ำ”
หากนางเสนอหน้าไปโดยที่เขาไม่เรียก จะไม่กลายเป็ว่าไปรบกวนสายตาและยังรบกวนเวลาที่อยู่กับแม่นางเฉียวฉู่หรือ?
“ข้าน้อยก็จนปัญญาขอรับ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกหนึ่งก่อนพูดต่อ “เป็หน้าที่พ่อบ้านอย่างข้าต้องดูแลใส่ยาให้นายท่าน แต่ต้องมารบกวนฮูหยินเช่นนี้ รู้สึกละอายใจยิ่งนัก”
“ใส่ยา?”
“ขอรับ นายท่านมีาแที่ด้านหลัง ใส่เองไม่สะดวก แต่พอข้าเข้าไปที่ไรก็โดนไล่ออกมาทุกที บรรดาหมอทหารก็ส่ายหน้าในความดื้อรัน แต่ทุกคนล้วนเป็ห่วงท่านแม่ทัพ”
“ก็ได้ ข้าจะลองดู” นางพยักหน้ารับ อย่างไรเขาก็เป็สามี ให้ภรรยาเข้าไปปรนนิบัติก็คงไม่เป็เื่ผิดสังเกตใดกระมัง
“พ่อบ้านอธิบายมาเถิด ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง”
พ่อบ้านยิ้มกว้างและเริ่มอธิบาย หลังจากนั้นไม่นาน ฮูหยินก็เดินกลับเรือนไป สาวใช้และคนครัวที่แอบอยู่หลังบานประตูจึงโผล่หน้าออกมา
“ท่านพ่อบ้านพูดอะไรกับฮูหยินรึ” เสี่ยวฉู่เอ่ยถาม “มีอะไรก็ให้ข้าไปทำก็ได้นี่”
“ไม่ได้ เื่นี้ต้องให้ฮูหยินเป็คนลงมือ”
“เื่ใดกัน”
“พวกเ้าไม่รู้อะไรนั้นก็ดีแล้ว” พ่อบ้านหัวเราะ “เอาล่ะ เสี่ยวฉู่ เ้ารีบยกน้ำชาไปให้แม่นางเฉียวฉู่ได้แล้ว”
“ข้าไม่อยากไปเห็นหน้าแม่นางชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่เบ้ปาก
“รีบไป แล้วคอยอยู่ดูจนแน่ใจว่าแม่นางเฉียวฉู่หลับสนิทแล้วค่อยกลับออกมา” พ่อบ้านกำชับ “พวกเ้าก็คอยดูอย่าให้ใครไปใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ”
คราแรกทุกคนทำหน้างุนงง แต่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย ทุกคนรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่อิดออด พ่อบ้านได้แต่ยิ้มกริ่มแล้วเดินไปตระเตรียม ‘ยา’ ให้ท่านแม่ทัพ
จ้าวจื่อรั่วมีเพียงใจที่้าช่วยเหลือท่านแม่ทัพ พ่อบ้านแนะนำอย่างไร นางก็ท่องจำในใจได้ครบทุกขั้นตอน เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ แม่ทัพกลับจากค่ายทหารเข้ามาที่เรือนของตน นางจึงถือถาดยาเข้าไปหา
กู้ตงหยางประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวเข้ามาในเรือนของเขา เขาจ้องนางเขม็งแต่หญิงสาวยังฝืนยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้
“ใครให้เ้าเข้ามา”
จะเอ่ยตอบว่าเป็พ่อบ้านก็เกรงว่าแม่ทัพใหญ่คงเรียกพ่อบ้านมาลงโทษ นางจึงตอบไปว่า
“เป็ข้าเองเ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มน้อยๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ “ผู้อื่นมีงานล้นมือ ข้าจึงอาสามาปรนนิบัติท่านแม่ทัพ”
“ปรนนิบัติข้า?” เขาทำเสียงดูแคลน เอาเถอะ นางอยากทำก็ให้ทำไป หากเห็นรอยแผลบนกายเขาก็คงขยาดหวาดกลัวไม่กล้ามาอีก
จ้าวจื่อรั่วมองร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกางแขนออก นางจึงเข้าไปช่วยถอดเสื้อของเขาออกที่ละชั้น การเคลื่อนไหวเงีบบเฉียบเรียบร้อยตามลำดับขั้นตอนดูแล้วสบายตาไม่ขัดเขิน เขามองนางเพลินจนกระทั่งท่อนบนเปลือยเปล่า ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วเรียวแตะโดนบริเวณแผลของเขา
“ท่านแม่ทัพจะอาบน้ำเลยไหมเ้าค่ะ น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้ว”
“อืม” เขาตอบรับแล้วเดินไปหลังฉากกั้น เพียงครู่เดียวก็ถอดกางเกงออกแล้วลงไปในอ่างน้ำ “หากไม่เข้ามาถูหลังให้ข้าก็ไสหัวออกไป”
หญิงสาวสะดุ้งแล้วตั้งสติครู่หนึ่งก่อนเดินไปหลังฉากกั้น แม้เป็หญิงออกเรือนแล้วแต่นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษเต็มวัยเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็แค่ดูแลน้องชายทั้งสอง แต่นั้นก็เพียงแค่เด็กชายเท่านั้น นางพยายามข่มใจม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อหยิบผ้ามาถูแผ่นหลังให้เขา
นางไม่ได้กลัวรอยแผลเป็น้อยใหญ่บนร่างกายเขา กลับรู้สึกเห็นใจและ...เอ่อ...สงสาร... ใครเลยจะรู้ว่าการชนะศึกามานับครั้งไม่ถ้วนต้องแลกกับสิ่งใดบ้าง บางแผลเหล่านี้อาจเล็กน้อยเท่านั้นหากเทียบกับชีวิตที่สูญเสียไป
สิ่งที่นางรู้สึกนั้น กู้ตงหยางย่อมไม่รู้ และเข้าใจไปว่า นางก็เป็เช่นสตรีอื่นที่เห็นาแของเขาแล้วหวาดกลัว แรงกดที่บีบนวดไปตามเนื้อตัวทำเอาเขาแทบหลุดเสียงคราง ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมาจนจ้าวจื่อรั่วรู้สึกได้
“เจ็บหรือเ้าคะ เช่นนั้นข้าจะเบามือ”
นางถามอย่างกังวล พ่อบ้านบอกว่ามีแผลที่ด้านหลัง แต่แผ่นหลังของท่านแม่ทัพ นอกจากแผลเป็ที่มีมาแต่เดิมแล้ว นางยังไม่เห็นแผลใหม่ที่ใดอีก นางพยายามเพ็งตามองให้ถ้วนทั่ว หรือพ่อบ้านจำตำแหน่งผิด น่าจะเป็ด้านหน้าเสียกระมัง ที่หน้าอกมีรอยแผลเป็ขนาดใหญ่ เป็รอยเหมือนถูดดาบฟัน นางเผลอยื่นหน้ามองข้ามไหล่มาด้านหน้า ลืมไปกว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของตนอยู่ใกล้กับใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่
รวดเร็วจนไม่ทันกะพริบตา จ้าวจื่อรั่วถูกจับเหวี่ยงลงอ่าง ร่างเล็กตะเกียดตะกายขึ้นจากน้ำ ทว่ามือใหญ่กดไหล่นางไว้ หญิงสาวสำลักน้ำเพียงแค่อึดใจสั้นๆ มือใหญ่ก็ดึงร่างนางขึ้นมา นางไอโขลกๆ พลางยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“คนเลว!”
จ้าวจื่อรั่วเผลอตวาดออกไป นางเป็อะไรไปไม่สำคัญ ถ้าหากจมน้ำตายไปจริงๆ น้องชายสองคนจะอยู่อย่างไร! นางจะพบหน้าท่านแม่ในปรโลกได้อย่างไร คำสั่งเสียสุดท้ายของมารดาคือดูแล น้องชายทั้งสองให้ดี ที่ผ่านมานางก็ ‘พยายาม’ และ ‘พยายาม’ อย่างที่สุด หากชีวิตนางไม่มีเฟยฉี และ เฟยหลิง น้องชายสองคนนี้ นางคง...
น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักราวเม็ดฝนและทำให้เสียงหัวเราะของชายหนุ่มหายไปในทันที.