สีหน้าของฮั่วเยี่ยนไหวมืดมน ดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
จิ้งจอกน้อยปีนขึ้นโต๊ะ แล้วมองหน้าเขา
เหตุใดจู่ๆ ถึงได้โกรธเล่า?
มันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่นา
“หงิง!”
เ้าเป็อะไรไป?
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่ได้ไม่เห็นที่จิ้งจอกน้อยแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขา
ตอนนี้เพิ่งคิดได้ว่าต้องห่วงเขาหรือ?
สายไปแล้ว!
จิ้งจอกน้อยสูดจมูก จิตใจของบุรุษเปรียบดั่งเข็มในมหาสมุทรจริงๆ วินาทีก่อนยังอารมณ์ดีอยู่เลย วินาทีต่อมากลับชักสีหน้าใส่นางเสียแล้ว
“กรร!”
ไม่สนใจแล้ว!
จิ้งจอกน้อยเปลี่ยนไปนั่งฝั่งตรงข้าม โดยยื่นใบหน้าเล็กๆ ออกนอกหน้าต่างครึ่งหนึ่ง
เพื่อมองวิวทิวทัศน์
ฮั่วเยี่ยนไหวแทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
อะไรที่เรียกว่าเย่อหยิ่งเพราะได้รับความโปรดปราน!
ดูเหมือนจิ้งจอกน้อยตัวนี้ที่เขาเลี้ยงจะเป็เช่นนั้นเสียแล้ว
“เมี้ยว”
ท้ายที่สุดแล้วแมวสีขาวก็เป็เพียงสัตว์ตัวหนึ่ง มันแยกแยะบรรยากาศอันแปลกประหลาดภายในห้องส่วนตัวไม่ออก
ฮั่วเยี่ยนไหวมุ่นคิ้ว เขาหันไปบอกอิ๋งเฟิงอย่างไม่สบอารมณ์ “พามันออกไปเสีย ส่งเสียงดังเกินไปแล้ว”
“กรร!”
อย่านะ พาออกไปไม่ได้นะ!
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่สนใจ เขาหันไปมองอิ๋งเฟิงที่มีสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะหรี่ตาลงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นะเืไปถึงเก้าชั้นฟ้า “ยังไม่ทำตามคำสั่งอีก?”
เขารู้สึกว่าการช่วยแมวสีขาวตัวนี้เป็การตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดของเขา
จิ้งจอกน้อยยืนอยู่ตรงหน้าแมวสีขาว ในสายตาของมัน แมวสีขาวตัวน้อยถูกจัดอยู่ในกลุ่มอ่อนแอ
แม้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ฮั่วเยี่ยนไหวถึงได้โกรธขึ้นมา ทว่านางไม่อยากให้พาแมวสีขาวออกไป
เมื่อเห็นท่าทีแยกเขี้ยวของจิ้งจอกน้อย ฮั่วเยี่ยนไหวก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที
จิ้งจอกน้อยที่ตนเลี้ยงดูมานานปานนี้ นึกไม่ถึงว่าจะแยกเขี้ยวใส่เขาเพียงเพื่อแมวตัวหนึ่ง!
บรรยากาศในห้องส่วนตัวเย็นะเืขึ้นมาทันที
“จิ้งจอกน้อย เอ่อ...เจตนาของท่านอ๋องคือพาพวกมันกลับไป เพื่อตรวจดูว่าาเ็สาหัสหรือไม่” อิ๋งเฟิงรีบอธิบาย
“เฮอะ”
โชคดีที่หลังจากฮั่วเยี่ยนไหวแค่นเสียงอย่างเ็าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
จิ้งจอกน้อยจ้องมองอิ๋งเฟิงด้วยความสงสัย จ้องเสียจนอิ๋งเฟิงรู้สึกหนาวที่แผ่นหลัง
จิ้งจอกตัวนี้อย่างน้อยต้องบำเพ็ญเพียรนานถึงพันปีหรืออะไรเทือกนั้นเป็แน่
อิ๋งเฟิงลอบคาดเดา
จากนั้นเขาก็พาแมวที่ ‘ขวางหูขวางตา’ ท่านอ๋องออกไป
จิ้งจอกน้อยผลักองุ่นบนโต๊ะไปตรงหน้าของฮั่วเยี่ยนไหวทีละน้อย
ศีรษะเล็กที่มีขนปุกปุยถูไถเข้ากับมือของเขา ทั้งยังแลบลิ้นเล็กๆ อันอ่อนนุ่มออกมาเลียนิ้วมือของเขาด้วย
“หงิง!”
จิ้งจอกน้อยสำนึกผิดแล้ว
ข้าไม่ควรเข้าใจเ้าผิดไป
แววตาของเขาหม่นแสงลง ความอุ่นร้อนและเหนียวเหนอะหนะที่ปลายนิ้วราวกับกระแสไฟฟ้าก็ไม่ปาน มันถือโอกาสที่เขาใจลอยไหลเวียนไปทั่วสรรพางค์กายของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพุ่งเข้าไปที่ก้นบึ้งหัวใจ
ก่อนจะอันตรธานหายไป
เมื่อฮั่วเยี่ยนไหวมองจิ้งจอกน้อยที่ทำตัวน่ารักและเอาอกเอาใจ โทสะก็ค่อยๆ สลายไป
เขาดีดหน้าผากของจิ้งจอกน้อยอย่างเบามือ “ไม่อนุญาตให้มีครั้งต่อไป”
ก็ได้
จิ้งจอกน้อยผงกศีรษะราวกับลูกไก่จิกข้าวสารอย่างไรอย่างนั้น
การทำตัวน่ารักโดยไม่ได้ตั้งใจต่างหากที่น่ารักจนถึงขีดสุด
ฮั่วเยี่ยนไหวหยิบองุ่นที่จิ้งจอกน้อยผลักมาให้ขึ้นมา ก่อนจะปอกองุ่นอย่างพิถีพิถันด้วยนิ้วเรียวยาวที่ข้อนิ้วเด่นชัด
องุ่นดูแวววาว น้ำองุ่นอันหอมหวานค่อยๆ ไหลลงมาตามนิ้วมือเรียวยาวของเขา
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยทำเื่พรรค์นี้มาก่อน
เมื่ออิ๋งเฟิงที่มอบแมวให้คนอื่นเรียบร้อยแล้วกลับมาเห็นเ้านายที่สูงศักดิ์และน่าเกรงขามคนนั้นของเขา
กำลังปอกองุ่นลูกแล้วลูกเล่า จากนั้นยื่นให้จิ้งจอกน้อยที่อยู่ตรงหน้า
เหตุใดภาพนี้ถึงได้แปลกประหลาดและดูกลมกลืนเช่นนี้เล่า!
“ท่านอ๋อง แม่ทัพไป๋กลับเมืองหลวงเป็การส่วนตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
นิ้วมือที่กำลังปอกองุ่นของฮั่วเยี่ยนไหวหยุดชะงักไปทันที เพราะเขาเห็นว่าองุ่นที่จิ้งจอกน้อยถือไว้ในอุ้งมือหล่นลงมาจากมือของมันหลังจากอิ๋งเฟิงรายงานจบ
ก่อนจะตกลงจากโต๊ะ กระเด็นกระดอนอยู่บนพื้น และกลิ้งไปที่มุมห้อง
จิ้งจอกน้อยตัวแข็งทื่อไปแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าไป๋เสียนอันจะกลับมาเร็วปานนี้
กล่าวตามหลักแล้ว ระยะทางระหว่างชายแดนกับเมืองหลวงนั้น แม้ว่าจะลงแส้และใช้ม้าเร็ว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหกหรือเจ็ดวัน
แต่ไป๋เสียนอันกลับใช้ระยะเวลาน้อยลงถึงครึ่งหนึ่ง
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เป็ห่วงไป๋เซี่ยเหอหรือ?
หากเป็ห่วงจริงๆ เหตุใดถึงปล่อยให้นางใช้ชีวิตตามยถากรรมและอาศัยอยู่ในเรือนที่เปลี่ยวร้างที่สุดภายในจวนตามลำพังเล่า!
“ท่านอ๋อง!”
อิ๋งเฟิงเห็นฮั่วเยี่ยนไหวจับจ้องท่าทีของจิ้งจอกน้อย ก็รู้สึกตื่นกระหนกเล็กน้อย
เซ่อเจิ้งอ๋องเป็อะไรไป?
ความหนาวเย็นคืบคลานบนแผ่นหลังของอิ๋งเฟิงอย่างอธิบายไม่ได้ ปีศาจจิ้งจอกในนิทานปรัมปรานั้นกลืนกินพลังหยางของบุรุษ และล่อลวงจิตใจของผู้คน
แม้ว่าจิ้งจอกที่อยู่ตรงหน้าจะไม่ได้จำแลงกายเป็มนุษย์ จึงไม่นับว่าเป็ปีศาจจิ้งจอกอย่างแท้จริง ทว่าอย่างน้อยก็ก้ำกึ่งกระมัง?
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นจิ้งจอกที่มีสติปัญญาเช่นนี้มาก่อน
“รู้สาเหตุหรือไม่?” ฮั่วเยี่ยนไหวเอ่ยถามโดยที่สายตาไม่ละไปจากจิ้งจอกน้อยแม้แต่น้อย ดูเหมือนเขา้าที่จะค้นหาอะไรบางอย่างจากแววตาของมัน
“คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮั่วเยี่ยนไหวละสายตาไปมองอิ๋งเฟิงทันที “เป็ไปไม่ได้”
ไม่แปลกที่คนอื่นไม่รู้ แต่มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้?
แม้ว่าชาวบ้านจะลือกันว่าคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ถูกพิษจนตาย ทว่าพวกเขารู้ว่าคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ได้ดื่มเืจิ้งจอกแล้ว
ฮั่วเยี่ยนไหวมองจิ้งจอกน้อยด้วยสายตาที่ล้ำลึกอย่างยิ่ง
ในเมื่อจิ้งจอกน้อยเต็มใจที่จะสละโลหิตให้คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ ย่อมเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นแน่นแฟ้น หากคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ตายจริงๆ มันไม่มีทางนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยท่าทีใจเย็นปานนี้แน่
“หากอิงตามคำบอกเล่าจากหน่วยสอดแนมของพวกเรา ไม่มีใครเห็นคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ออกนอกประตูเรือนมาสองสามวันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มุมปากของจิ้งจอกน้อยกระตุกอย่างอดไม่ได้
พูดเช่นนี้ต่อหน้านางจะดีหรือ?
นางไม่รู้ว่าฮั่วเยี่ยนไหวส่งหน่วยสอดแนมมาที่เรือนของนางั้แ่เมื่อใด
หากนางไม่ได้จำแลงกายเป็จิ้งจอกแล้วนั่งอยู่ตรงนี้และได้ยินกับหูตนเอง นางคงไม่เชื่อเป็แน่
ข่าวนี้ลอยเข้าหูนางกะทันหันเกินไปนัก
มุมปากของจิ้งจอกน้อยกระตุก ร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออก
แน่นอนว่าพวกเ้าย่อมไม่เห็นคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ออกนอกเรือนเพราะนางอยู่ตรงหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือไร!
“เข้าใจแล้ว จับตาดูไป๋เสียนอันเอาไว้”
ฮั่วเยี่ยนไหวสังเกตท่าทีของจิ้งจอกน้อย และนั่นก็ทำให้เขายิ่งแน่ใจได้ว่าจิ้งจอกน้อยมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสกุลไป๋
จิ้งจอกน้อย เ้ามาจากไหนกันแน่?
ส่วนไป๋เซี่ยเหอ...
เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางยังมีชีวิตอยู่ ทว่ากลับให้คนปล่อยข่าวว่าตนเองตายไปแล้ว นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
น่าสนใจ
จิ้งจอกน้อยไม่ทราบว่าตนเองถูกสงสัยเข้าแล้ว หลังจากได้ฟังข่าวที่ตนเองอยากรู้เรียบร้อยแล้ว ก็ก้มหน้าก้มตากินองุ่นต่อไป
ปากของจิ้งจอกเล็กเกินไป จึงไล่ตามความเร็วในการปอกของฮั่วเยี่ยนไหวไม่ทัน
“เอิ๊ก”
จิ้งจอกน้อยกินองุ่นจนอิ่มแล้ว
“เสด็จอา ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยเ้าค่ะ” ฮั่วอวิ๋นเยียนผลักประตูเข้ามา
มารดาแท้ๆ ของฮั่วอวิ๋นเยียนเสียเืมากยามที่ให้กำเนิดนาง จึงเสียชีวิตคาที่ นางจึงถูกเลี้ยงดูโดยฮองเฮามาตลอด
ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับพี่น้องคนอื่นๆ แล้ว นางย่อมใกล้ชิดกับฮ่องเต้มากกว่า และติดต่อกับฮั่วเยี่ยนไหวมากกว่าด้วย
นางทั้งเคารพและหวาดกลัวเสด็จอาผู้นี้ของนาง
อืม ส่วนใหญ่น่าจะเป็หวาดกลัว
ฮั่วอวิ๋นเยียนย่างกรายเข้ามา แม้ว่าจะดูระมัดระวังเล็กน้อย ทว่าหากเปรียบเทียบกับผู้อื่นเมื่ออยู่ต่อหน้าฮั่วเยี่ยนไหว ก็นับได้ว่าท่าทีของนางกล้าหาญแล้ว
“ว้าว จิ้งจอกน้อยน่ารักจัง”
ฮั่วอวิ๋นเยียนอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
เด็กสาวที่ปฏิบัติต่อสัตว์เล็กที่มีขนปุกปุยอย่างมีเมตตาคืุ์ประเภทที่ไป๋เซี่ยเหอไม่อาจต่อต้านได้
หากไม่ใช่เพราะจิ้งจอกตัวนี้เป็ของฮั่วเยี่ยนไหว นางคงอุ้มกลับไปแล้ว
จิ้งจอกน้อยช่างนุ่มนิ่ม ขนปุกปุย ทั้งยังมีจมูกรั้นสีชมพูดูเย่อหยิ่งนั้นอีก
น่ารักเกินไปแล้ว!
“เสด็จอา ท่านได้จิ้งจอกน้อยมาจากที่ใดหรือ? ข้าเองก็อยากได้บ้างเ้าค่ะ”
จิ้งจอกน้อยกลอกตา คิดว่าจิ้งจอกหิมะพันปีคือผักกาดขาวที่หาได้ทุกที่หรือไร!
ฮั่วเยี่ยนไหวแย่งจิ้งจอกน้อยมาจากมือของฮั่วอวิ๋นเยียน ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจังโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ย่อมต้องเก็บมาได้”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้