"อาเหลยเอ๊ย กินช้าๆ หน่อย อย่ารีบร้อนนักสิ"
"อาเหลยเอ๊ย เ้ากินเนื้อเยอะขนาดนั้น แล้วมันจะย่อยหรือ"
"อาเหลยเอ๊ย พรุ่งนี้ข้าจะต้มผักคาวมัจฉาให้ แม้แต่รากที่ติดมากับน้ำแกงเ้าก็อย่าให้เหลือเลยนะ"
"อาเหลยเอ๊ย ตัวของเ้ามีขนคอยปกป้อง หน้าหนาวก็ยังสบายกว่าพวกเราซะอีก"
แม่นางผู้นี้คิดจะร่ายมนตร์เอาคำว่าอาเหลยสลักใส่ตัวของลิงน้อยหรืออย่างไร
เหลียนเซวียนทั้งฉิวทั้งขัน
ลิงน้อยถูกนางเรียกจนเวียนหัวไปแล้วจริงๆ เซวียเสี่ยวหรั่นคีบเนื้อส่งให้ถึงปากของมัน มันก็เอามือหยิบออกมาดู แล้วถึงใส่เข้าไปในปากเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย
ชัดเจนว่ามันไม่เคยกินอาหารประเภทเนื้อมาก่อน ที่กินไปตอนเที่ยงคือหางกับกระดูก รสชาติแตกต่างกับเนื้อ
ป้อนอาเหลยจนอิ่มแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็อุ้มมันออกไปนอกถ้ำ
มีประสบการณ์แล้วครั้งหนึ่ง อาเหลยหัวไวอย่างมาก แค่วางเท้าขวาของมันแตะพื้น มันก็ฉี่ของมันเองโดยที่เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ต้องผิวปาก
"ฮ่าๆ อาเหลยของเราเป็เด็กเฉลียวฉลาดมาก"
เซวียเสี่ยวหรั่นวางมันลง แล้วลูบหัวของมันพลางกล่าวชมเชย
"เจี๊ยกๆ " แม้อาเหลยจะฟังไม่เข้าใจ แต่ััได้ถึงความยินดีปรีดาของเธอจากภาษากาย ก็เลยตอบกลับอย่างมีความสุข
ฉลาดมากจริงๆ สอนรอบเดียวก็จำได้แล้ว เหลียนเซวียนค่อนข้างประหลาดใจ ฝูงลิงในหุบเขาราชันโอสถก็ไม่น้อย ชอบลงจากเขามาขโมยของกินบ่อยๆ อาจารย์กับศิษย์พี่ก็ไม่รำคาญ ยังให้อาหารพวกมันเป็ครั้งคราว
เหลียนเซวียนย่อมเคยคลุกคลีกับเหล่าวานรเป็ธรรมดา ลิงมีความหวาดระแวงสูง ไม่ค่อยเข้าใกล้คนมากเกินไป ้าให้พวกมันเป็สัตว์เลี้ยงอยู่ในโอวาท เป็เื่ยากมาก
ลิงฉลาดเฉลียวมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นิสัยดื้อรั้นมาก ยากจะเลี้ยงให้เชื่อง
ลิงตัวนี้อาจยังอายุน้อย ซ้ำได้รับาเ็ แม่นางผู้นี้ช่วยชีวิตมัน ดังนั้นลิงน้อยจึงค่อนข้างสนิทสนมกับนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นเล่นกับอาเหลยครู่หนึ่ง เห็นมันเริ่มง่วงแล้ว จึงตักน้ำมาล้างมือ แล้วถือโอกาสล้างหินที่ใช้ย่างเนื้อโดยเฉพาะไปด้วย หลังจากนั้นก็ย้ายมาข้างกองไฟ แล้วตั้งไฟเผาให้ร้อน
หยิบขวดที่ใส่น้ำมันเลียงผาตักใส่ลงไปหนึ่งช้อน เสียงฉี่ๆ ดังออกมา เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งไขว้ขาขัดสมาธิ ใช้ตะเกียบคีบปอดกับตับที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไปย่างบนหิน
"พวกเรามีหนังเลียงผาหนึ่งผืน หนังงูสามผืน หนังเลียงผาใหญ่หน่อยเอามาทำเป็เสื้อกั๊กได้ แต่ข้าไม่รู้ว่าฟอกอย่างไรหรอกนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นพลิกเนื้อไปอีกด้าน "เหลียนเซวียน ท่านรู้วิธีฟอกหนังหรือไม่ ต้องมีดีเกลือก่อนรึเปล่าถึงจะฟอกหนังได้"
ฟอกหนัง? เหลียนเซวียนไม่เคยฟอกมาก่อน แต่เขารู้วิธีการมากมาย
ไม่มีดีเกลือก็เป็ปัญหา แต่วิธีการแบบดั้งเดิมมีอยู่หลายหนทางเช่น การฟอกด้วยน้ำมัน วิธีรมควัน การฟอกด้วยน้ำ การฟอกด้วยดิน เป็ต้น
การฟอกด้วยน้ำมันต้องใช้น้ำมันถูซ้ำๆ กลับไปกลับมา ส่วนการฟอกด้วยดินต้องใช้ดินเค็มในกระบวนการ ด้วยเงื่อนไขที่เป็อยู่ขณะนี้สองวิธีนี้จึงไม่เหมาะสม
เช่นนั้นก็เหลือแต่วิธีรมควันกับใช้น้ำฟอก เมื่อคิดโยงจากชื่อไปถึงความหมายของมัน ทางหนึ่งต้องรมควัน อีกทางต้องใช้น้ำ
เหลียนเซวียนค่อยๆ เขียนวิธีการไปบนแผ่นหิน
เซวียเสี่ยวหรั่นอ่านจบ ดวงตาก็เป็ประกาย
"งั้นแบบนี้ ข้าจะใช้น้ำขยี้ก่อนสักสองสามรอบ ขูดเศษเนื้อและไขมันที่ติดอยู่ให้เกลี้ยง จากนั้นค่อยเอามารวมควัน ฮ่าๆ ใช้หนังห่มอุ่นกว่าชุดเฮ่อ [1] เยอะเลย"
สวมชุดที่ถักจากเส้นใยเฮ่อห้าหกตัวยังไม่อุ่นเท่ากับเสื้อหนังสัตว์ตัวเดียว
"แต่ไม่มีเข็มนี่สิ ด้ายยังเอาเส้นใยจากเฮ่อมาฟั่นเป็เกลียว" เซวียเสี่ยวหรั่นโรงฮวาเจียวบนเนื้อย่าง แล้วเริ่มวิตกกับปัญหาเื่เข็ม
เหลียนเซวียนฉุนกลิ่นฮวาเจียวต้องหลบไปด้านหลัง
"ช่างปะไร เอาไว้จับปลาได้ ลองใช้ก้างปลามาทำเข็มดู ในบทเรียนมีสอนไว้ว่า เข็มที่ใช้ในสมัยดึกดำบรรพ์ล้วนทำมาจากกระดูกสัตว์ ฮิๆ พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน"
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
บทเรียนมีสอน? แม่นางผู้นี้เคยร่ำเรียนที่สถานศึกษาส่วนตัว หรือเชิญอาจารย์มาสอนที่บ้าน ดูท่าฐานะครอบครัวจะค่อนข้างดี
ควรรู้ว่าในหมู่สามัญชนทั่วไปทุกวันนี้ มีบุรุษเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เรียนหนังสือ สตรียิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง หากไม่ใช่บุตรสาวของตระกูลผู้ลากมากดี ไม่มีบ้านไหนจะยอมเสียเงินทองจำนวนมากให้กับการศึกษาของสตรีคนหนึ่ง
สำเนียงของนางค่อนไปทางใต้ เป็ไปได้ว่าอาจเป็ชาวแคว้นหลี แต่การใช้ถ้อยคำของนางกลับพิกลนัก ทำให้เหลียนเซวียนคาดเดาไม่ถูก
เซวียเสี่ยวหรั่นเอาเนื้อที่ย่างแล้วใส่ในชามของเขา เหลียนเซวียนนั่งกินเงียบๆ มีเื่ครุ่นคิดอยู่ในหัว จึงไม่ได้สนใจว่ากำลังกินอะไรเข้าไปบ้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นลอบมองเขาก็รู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อย
หรือว่าครั้งก่อนเธอมองผิดไป แท้จริงแล้วเขาไม่ได้รังเกียจพวกเครื่องใน?
เนื้อย่างไม่ได้ใส่เกลือ พูดตามความจริงรสชาติค่อนข้างแย่ แต่ถ้ากินอิ่มท้อง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่รังเกียจ
ปอดกับตับย่างเสร็จเรียบร้อย ยากยิ่งนักที่ทั้งสองจะได้กินอย่างอิ่มหมีพีมันเช่นนี้
หลังเก็บกวาดสิ่งของแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็วิ่งออกไปนอกถ้ำ หอบหญ้าไส้ตะเกียงกลับเข้ามามัดหนึ่ง
"เหลียนเซวียน ข้าจะทำรองเท้าฟางให้ท่าน แต่ต้องวัดดูก่อนว่าเท้าของท่านยาวแค่ไหน" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบหญ้าต้นหนึ่งวิ่งมาหาเหลียนเซวียน
ทำรองเท้าฟางให้เขา? เหลียนเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
อันที่จริง... เท้าคือตำแหน่งที่เป็ส่วนตัวมาก
"เร็วหน่อย เร็วหน่อย มาวัดความยาว ถึงข้าจะไม่เคยทำรองเท้าฟางมาก่อน แต่ข้าเคยถักรองเท้าอยู่ แค่นี้ไม่เกินความสามารถของข้าหรอก"
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งย่อตัวลงข้างกายเขาพลางเร่งเร้า
เอาเถอะ เหลียนเซวียนยื่นเท้าซ้ายให้นางด้วยความจนใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้หญ้าไส้ตะเกียงเทียบความยาวเท้าของเขา พอได้ความยาวที่แน่นอนแล้วก็ตัดส่วนเกินทิ้งไป
"เรียบร้อย เท้ายาวจริงๆ น่าจะสวมรองเท้าเบอร์สี่สิบสาม สี่สิบสี่ได้"
พอเห็นความยาวของต้นหญ้า เซวียเสี่ยวหรั่นก็จุปากอุทาน
เบอร์สี่สิบสาม สี่สิบสี่คือความยาวแค่ไหน นางพูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจอีกแล้ว เหลียนเซวียนย่นคิ้ว
"เหลียนเซวียน ไหนๆ ท่านก็ว่างอยู่ ช่วยเหลาไม้นิตติ้งให้ข้าสักสี่อันเถอะ"
ไม้นิตติ้งคือสิ่งใด เหลียนเซวียนพึ่งเคยได้ยินคำนี้เป็ครั้งแรก
เซวียเสี่ยวหรั่นค้นหาในกองฟืน แล้วตัดกิ่งไม้ซี่เล็กๆ ที่มีทั้งขนาดและความยาวเหมาะสมมาสี่ห้าอัน
"เอ้า ท่านเอากิ่งไม้เหล่านี้ไป เหลาหัวท้ายสองด้านให้เรียว แต่อย่าแหลมเกินไป เอาแหลมแบบกลมมน ส่วนตรงกลางก็แต่งให้เรียบเสมอกัน อย่าให้เงี่ยงโผล่ขึ้นมา มิเช่นนั้นหากเกี่ยวถูกเส้นด้ายเดี๋ยวจะยุ่ง ส่วนขนาด เอาพอๆ กับอันนี้ แค่เหลาเปลือกไม้ออกก็พอ" เซวียเสี่ยวหรั่นวางกิ่งไม้เรียวเล็กใส่มือเขา ให้ััความยาวและขนาดที่ตนเอง้า
เธอเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ทั้งยังจับมือเขาขยับไปมา สีหน้าของเหลียนเซวียนแลดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
"เข้าใจแล้วหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นถาม
ก็แค่เหลาปลายสองด้านของกิ่งไม้ให้เรียวแหลมเล็กน้อยเองมิใช่หรือ มีอะไรไม่เข้าใจ เหลียนเซวียนทำหน้าบึ้งแต่ก็ผงกศีรษะ
"ฮิๆ งั้นก็ดี มีดนี้ให้ท่าน"
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่เสียเวลาไร้สาระ ไขว้ขาขัดสมาธิข้างกองไฟ เริ่มสานรองเท้า
เธอไม่เคยสานรองเท้าฟางมาก่อน แต่มีพื้นฐานในการถักไหมพรมก็เลยสามารถเชื่อมโยงได้
หลังจากรื้อทำใหม่มาสองหน ในที่สุดเธอก็พบวิธีที่ถูกต้อง ถึงได้เริ่มคล่องมือขึ้นมาบ้าง
ภายในถ้ำมีแต่เสียงแกรกๆ
เหลียนเซวียนเหลาไม้ซี่เล็กๆ ในมือ แต่หูกลับคอยเงี่ยฟังความเคลื่อนไหวของหญิงสาวตลอดเวลา
"เฮ่อ เบี้ยวอีกแล้ว ต้องรื้อทำใหม่"
"จิ๊ พื้นรองเท้าแค่ชั้นเดียวเหยียบถูกก้องหินก็ทะลุถึงฝ่าเท้าแล้ว ต้องเพิ่มความหนาอีกสักหน่อย"
"ตรงนี้ล็อกยากจังเลย"
"อากาศหนาว ด้านหน้ารองเท้าต้องปิด ทิ้งหลังส้นเท้าไว้ก็พอ"
"แบบนี้คล้ายกับรองเท้ารู [2] เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ"
รองเท้ารูคืออะไร? เหลียนเซวียนงุนงง
...
[1] โดยมากผ้าที่ทอจากเฮ่อเนื้อผ้าจะบาง มักใช้ทำชุดสำหรับฤดูร้อน
[2] คือรองเท้ายางแฟชั่นที่มีรูระบายน้ำและอากาศ