หลี่ฮ่าวหรานในตอนนี้ แทบไม่มีแรงที่จะต่อต้านใครได้อีก กู่ไห่เอื้อมมือออกไปค้นตามร่างกายของอีกฝ่าย เหมือนกำลังหาของบางอย่าง ไม่นานนัก ก็พบกับเหรียญทองชิ้นหนึ่ง
“นั่นไม่ใช่อาวุธวิเศษ ดูที่กำไลข้อมือของเขา! เขานำหยกัไปไว้ในกำไลนั้น” หลงหว่านชิงร้องบอกมาจากนอกเขตแดนป้องกัน
“อา?” กู่ไห่ก้มมอง จึงพบว่าหลี่ฮ่าวหรานสวมกำไลวงหนึ่งไว้บนข้อมือขวา
กู่ไห่เตะกระดูกที่แห้งกรังออกไปให้พ้นทาง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบกำไลขึ้นมา พลางจับจ้องเครื่องประดับในมือของตนครู่หนึ่ง
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวกลางเวหา
“ท่านเว่ยเซิงเหริน?” ไต้ซือหลิวเหนียนที่กำลังกุมาแของตัวเองแน่น มองอีกฝ่ายด้วยความพิศวง
“หลิวเหนียน เหตุใดถึงได้มีสภาพชวนสังเวชเช่นนี้? เ้าในตอนนี้ ดูไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด?” เว่ยเซิงเหรินกล่าว น้ำเสียงราบเรียบ
ไต้ซือหลิวเหนียนยกยิ้มอย่างขมขื่น “นี่คือกลหมากของท่านผู้เฒ่า และข้าไม่ใช่ผู้เดินหมาก จึงต้องดิ้นรนจนมีสภาพเช่นนี้!”
เว่ยเซิงเหรินส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ ก่อนหันไปมองหลี่ฮ่าวหรานที่อยู่ไม่ไกลนัก
สีหน้าของหลงหว่านชิงที่อยู่ข้างๆ พลันเปลี่ยนไปทันที เมื่อมองเห็นชายในชุดคลุมสีดำขาว หลังนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยถาม “ผู้าุโเว่ยเซิงเหริน ไม่ทราบว่าที่ท่านเดินทางออกจากดินแดนแรกประจบสาบสูญในครั้งนี้ ได้อะไรกลับมาบ้างหรือไม่?”
“ท่านเว่ยเซิงเหริน?” กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนมองอีกฝ่ายนิ่งๆ
เพราะเขารู้สึกได้ว่าท่านเว่ยเซิงเหรินผู้นี้ เข้ามายังโลกของหมากล้อมแห่งความตาย โดยไม่มีหมากที่เป็ร่างแยกเช่นคนอื่นๆ? ไม่ใช่ทั้งหมากสีขาว สีดำ โปร่งใส? แล้วเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?
ฟึ่บ!
เว่ยเซิงเหรินโบกมือ
ฟู่!
ทันใดนั้น ก็มีสายลมแรงพัดผ่านพวกเขาไป จากนั้น เงาร่างสีเขียวอ่อนก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ร่างนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็หญิงสาว ที่สวมผ้าคลุมหน้าบางๆ ดวงตาทั้งสองที่ปิดสนิท ค่อยๆ ลืมขึ้น
“ท่านป้าลวี่? นั่นคือท่านอย่างนั้นหรือ? ท่านป้าลวี่?” หลงหว่านชิงร้องด้วยความประหลาดใจ
“นี่คือิญญา? ท่านพาดวงิญญาปฐมโลกที่กำลังจะกลับชาติไปเกิด มาจากไหน?” ไต้ซือหลิวเหนียนถามด้วยความอัศจรรย์ใจ
“ิญญา? นี่คือิญญาของท่านป้าลวี่อย่างนั้นหรือ? ป้าลวี่ ท่านจำข้าหรือไม่? นี่หว่านชิงเอง! โอ... ข้าคือหว่านชิง!” หลงหว่านชิงร้องบอกทันที
ภูติญญาจ้องมองนาง ก่อนจะค่อยๆ เผยสีหน้าปีติยินดี “คุณหนูใหญ่... ท่านโตขนาดนี้เชียวหรือเ้าคะ?”
“ท่านป้าลวี่ พวกท่านจากไปยี่สิบปีเห็นจะได้ ข้าในตอนนี้อายุสามสิบปีแล้วนะ!” หลงหว่านชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้าสร้อย
“ยี่สิบปี? โอ... นี่มันคือฝันร้ายจริงๆ! ที่ข้าต้องมาตายอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ เดิมทีนึกว่าชาตินี้ จะไม่อาจแก้แค้นให้ท่านถังจู่ได้แล้ว คิดไม่ถึง ว่าก่อนที่จะกลับชาติไปเกิดใหม่ ยังมีโอกาสได้พบกับท่าน ทั้งยังมีโอกาสได้แก้แค้น... ฮือๆๆ!” ภูติญญาร้องไห้โฮอย่างเศร้าโศก
บริเวณโดยรอบ ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ต่างมองผู้าุโที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความแปลกใจ
ิญญา? ท่านเว่ยเซิงเหรินพานางมาได้อย่างไร?
“ป้าลวี่... ใคร? ใครเป็คนสังหารท่านแม่ของข้า?” หลงหว่านชิงถามอย่างร้อนรน
“ใครกันนะ? ใครกัน? เหอะๆ! ไม่มีใครคาดคิดหรอก ว่าคนที่ฆ่าท่านถังจู่ก็คือเขา หลี่ฮ่าวหราน ผู้ที่แสนจะจงรักภักดี... เป็เขา ที่สังหารท่านถังจู่!” ทันใดนั้น ภูติญญาก็ชี้นิ้วไปยังผู้บัญชาการหนุ่ม พร้อมเอ่ยอย่างเกลียดชัง
“อะไรนะ?” สีหน้าของหลงหว่านชิงเปลี่ยนไป
กู่ไห่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้พูดอะไร เพียงเฝ้าดูสถานการณ์ตรงหน้าเงียบๆ เท่านั้น
“เป็ไปไม่ได้! เหตุใดถึงเป็เขา?” ไต้ซือหลิวเหนียนนึกประหลาดใจกับคำตอบ
“ไต้ซือหลิว เหตุใดท่านถึงได้ออกจากจวนไป?” ิญญาดวงนั้นจ้องมองภิกษุชรา
ไต้ซือหลิวเหนียนส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
“เป็เพราะท่านถังจู่อย่างนั้นหรือ? โอ้! ข้าเคยคิดว่าท่านรักนาง ดังนั้น เมื่อท่านถังจู่ตายจาก ก็เท่ากับหัวใจของท่านได้ตายจากไปด้วยเช่นกัน
ข้าเป็สาวใช้ของท่านถังจู่ ความจริงแล้วในตอนนั้น คนที่อยู่กับท่านถังจู่ก็คือหลี่ฮ่าวหราน เป็เขาที่บ้าคลั่งและฆ่าพวกเราทุกคน ข้าเองก็เป็หนึ่งในนั้น ก่อนที่ข้าจะตาย ยังได้เห็นเขาสังหารท่านถังจู่ ลูกธนูดอกหนึ่งยิงออกมา... ฮ่าๆๆ! ใครจะไปคิด ว่าหลี่ฮ่าวหรานจะลอบสังหารพวกเรา?... ฆาตกรก็คือเขา!” ิญญาป้าลวี่ชี้ตรงไปยังหลี่ฮ่าวหราน พร้อมกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวและเกลียดชัง
สีหน้าของหลงว่านชิงเปลี่ยนไป ก่อนที่ติงรุ่ยจะตาย ก็พูดทิ้งเอาไว้แบบนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงถูกหลี่ฮ่าวหรานฆ่าปิดปาก กู่ไห่ที่เริ่มสงสัยอีกฝ่ายจึงเอ่ยเตือน แต่ข้ากลับไม่เชื่อ?
หลงหว่านชิงมองชายหนุ่มด้วยแววตาสำนึกผิด
แต่กู่ไห่กลับจ้องมองเว่ยเซิงเหรินอย่างสงบ เพราะหากผลการสืบสวนออกมาเป็ที่แน่นอน เขาก็ไม่ควรแสดงสีหน้าเช่นนี้ต่อท่านไต้ซือหลิวเหนียน
“ไม่...! ข้าไม่ได้ฆ่า… ข้า… แค่กๆๆ! ไม่ใช่ข้า!” หลี่ฮ่าวหรานถลึงตา ก่อนปฏิเสธเสียงดังอย่างใ
“เป็เ้า หลี่ฮ่าวหราน ข้าเห็นมันด้วยตาของข้าเอง นอกจากข้าแล้ว ก็ยังมีติงรุ่ย! ติงรุ่ยก็เห็นเช่นเดียวกับข้า… แล้วนางล่ะ?” ภูติญญาถามเสียงร้อนรน
“เป็หลี่ฮ่าวหรานจริงๆ อย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงเบิกตากว้าง
“ไม่มีทาง! หากเป็หลี่ฮ่าวหรานจริง ท่านตาของหลงหว่านชิงจะต้องรู้ และตามหาตัวเขาพบแน่!” ไต้ซือหลิวเหนียนพูด พลางสั่นศีรษะปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“หาใช่ข้า! ไม่!... ข้าไม่ได้ทำ!” หลี่ฮ่าวหรานร้องด้วยความหวาดกลัว
“แต่ข้าเห็นด้วยตาของตัวเอง... ไม่ผิดแน่!” ิญญาดวงนั้นจับจ้องหลี่ฮ่าวหรานเขม็ง ด้วยความเกลียดชัง
แต่เว่ยเซิงเหรินกลับก้าวไปยังร่างของผู้บัญชาการหนุ่ม กู่ไห่ค่อยๆ คลายเขตแดนป้องกันของตนลง ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินต่อไปด้านหน้า
“หลี่ฮ่าวหราน หลานชายของหลี่เฉินจีใช่หรือไม่? ตอนที่เขาก่อตั้งกองกำลังเฉินจีหยิงขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง ก่อนส่งมอบให้เ้าดูแลนั้น ก็ถือว่าเป็คนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีหลานชายที่โง่เขลาเช่นนี้?” เว่ยเซิงเหรินเอ่ยเสียงเบา พร้อมเหลือบตาลง มองร่างปางตายเบื้องล่าง
“อา... ผู้าุโ? ท่านรู้จักลุงของข้าอย่างนั้นหรือ?” หลี่ฮ่าวหรานที่กำลังอ่อนแรง กล่าวอย่างมีความหวัง
“ข้าขอถาม เ้าคิดที่จะฆ่าถังจู่อย่างนั้นหรือ? แล้วหลงเสี่ยวเยว่ล่ะ? เ้าได้สังหารนางหรือไม่?” เว่ยเซิงเหรินถามเสียงเรียบ
ทว่าในน้ำเสียงนั้น ราวกับมีพลังบางอย่างแฝงอยู่ ทันทีที่ได้ยิน เสียงอันน่าเกรงขามเช่นนี้ พวกเขาก็เกิดความรู้สึกมึนงง ดั่งถูกมนต์สะกด
ทันใดนั้น ดวงตาของหลี่ฮ่าวหรานก็ว่างเปล่า ขณะตอบอย่างสับสน “ไม่! ข้าไม่ได้ฆ่าหลงเสี่ยวเยว่ ข้าเพียงแต่้าอยู่เคียงข้างนางเท่านั้น แต่นางกลับไม่ชอบข้า... ข้าไม่ได้สังหารนาง!”
“ฮึ่ม!”
ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงเล็กน้อย ไม่นานก็ได้สติกลับคืนมา พวกเขาต่างมองเว่ยเซิงเหรินด้วยความครั่นคร้าม
ตอนนี้ กู่ไห่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังเวทที่พุ่งเข้ามาในสมองของตนแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีหมากล้อมสีดำตรงช่องว่างมิติหว่างคิ้วละก็ เขาคงโดนสะกดไปแล้ว
“ท่านผู้าุโ เป็เขาจริงๆ ข้าขอสาบานด้วยิญญาปฐมโลก ว่าข้าเห็นมันด้วยตาของตัวเอง... เป็หลี่ฮ่าวหรานแน่!” ภูติญญายืนยันอย่างกังวล
“หากทำอะไรข้า ท่านลุงจะไม่ปล่อยท่านไว้แน่!” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ยด้วยความหวาดผวา
“ลุงของเ้า... หลี่เฉินจี? ฮ่าๆ! หากเ้าฆ่าหลงเสี่ยวเยว่จริง คิดหรือว่าลุงของเ้า จะกล้าท้าทายบิดาของหลงเสี่ยงเยว่?” เว่ยเซิงเหรินตอบเสียงเรียบ
สีหน้าหลี่ฮ่าวหรานพลันซีดเผือด อย่างพรั่นพรึงและหวั่นเกรง
เห็นได้ชัด ว่าท่านตาของหลงหว่านชิงนั้นยิ่งใหญ่เกินไป แม้แต่ท่านลุงผู้ภาคภูมิของหลี่ฮ่าวหราน ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้
“ข้าก็คิดว่าหลี่เฉินจีคงจะไม่กล้าทำเช่นนั้น หลี่ฮ่าวหราน เ้ากล้าสังหารหลงเสี่ยวเยว่ได้อย่างไร? ไม่มีความลังเลสักนิดเลยหรือ? เ้าไม่กลัวว่าบิดาของนางจะรู้หรืออย่างไร?” เว่ยเซิงเหรินมองหลี่ฮ่าวหรานอย่างนึกกังขา
“ใช่! หากเป็หลี่ฮ่าวหราน ท่านตาของถังจู่ต้องรู้แน่!” ไต้ซือหลิวเนียนพูดด้วยความสงสัย
“แต่สิ่งที่ข้าเห็น คือเขาเป็คนทำ!” ิญญาป้าลวี่ยืนยันเสียงดัง พลางชี้ไปยังหลี่ฮ่าวหราน
“ข้าไม่ได้ทำ... ข้าไม่ได้ฆ่าหลงเสี่ยวเยว่!” หลี่ฮ่าวหรานตะเบ็งเสียงตอบ
“ไม่! หรือว่า... มันจะเป็แบบนั้น...!” เว่ยเซิงเหรินกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
“เอ๋?” ไต้ซือหลิวเหนียนหรี่ตาลง ราวกับว่าเขาเองก็คิดเหมือนกัน “ลบความทรงจำหรือ? หลี่ฮ่าวหรานลบความทรงจำของตัวเองไป จึงไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้น เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าใครจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจแทรกเข้าสู่ความทรงจำของเขาได้”
“ความทรงจำของเขา? ลบความทรงจำ?” หลงหว่านชิงถามอย่างข้องใจ “เขาทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ? แต่การลบความทรงจำนั้น อาจจะเป็อันตรายถึงขั้นทำลายดวงจิตทั้งสามเลยมิใช่หรือ? “
“ใช่! ให้ข้าดูจิตทั้งสามของเ้า หากว่ามีจุดที่เสียหาย นั่นก็หมายความว่าความทรงจำบางส่วนถูกลบทิ้งไป” เว่ยเซิงเหรินกล่าว พลางจ้องหลี่ฮ่าวหรานเขม็ง
“ไม่! ไม่…!” หลี่ฮ่าวหรานกู่ร้อง
เว่ยเวิงเหรินจับศีรษะของหลี่ฮ่าวหราน
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้น แสงสีทองก็ผุดขึ้นมาบนหว่างคิ้วของหลี่ฮ่าวหราน สีหน้าของเขาในยามนี้ เผยให้เห็นความเ็ปอย่างถึงที่สุด “อ๊าก!”
“อะไรน่ะ?” เว่ยเซิงเหรินอุทานอย่างตะลึงงัน
ตูม!
ทันใดนั้น จู่ๆ สายลมแรงก็กระโชกพัดไปทั่วสารทิศ
ฟู่!
เมื่อพายุพัดผ่าน ศีรษะของหลี่ฮ่าวหรานก็ะเิจนเป็จุณ
“ใครกัน?” สีหน้าของไต้ซือหลิวเหนียนพลันแปรเปลี่ยน เขาเอื้อมมือปล่อยไข่มุกพุทธะเก้าเม็ด
ลูกประคำทั้งเก้าเม็ดส่องประกายแสงสีเขียวเจิดจ้า ปกคลุมไปทั่วสารทิศ สายลมแรงค่อยๆ อ่อนกำลังลงและสลายหายไป ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เว่ยเซิงเหรินเอื้อมมือออกไป
ฟู่ๆ
ทันใดนั้น ก็มีควันสีเขียวพวยพุ่ง
“นี่คือ...?” ไต้ซือหลิวเหนียนถามด้วยความพิศวง
“ดวงจิตทั้งสามของหลี่ฮ่าวหรานสูญสลายไปแล้ว” เว่ยเซิงเหรินตอบอย่างเ็า
“หลี่ฮ่าวหรานฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงถามด้วยความรู้สึกที่แหลกสลาย
“นี่หาใช่การฆ่าตัวตายไม่... แต่มันคือการฆ่าปิดปาก!” ไต้ซือหลิวเหนียนตอบเสียงเรียบ “ใครกัน? ที่สามารถทำลายดวงจิตทั้งสามของเขาได้ ทั้งๆ ที่หลี่ฮ่าวหรานอยู่ในเงื้อมมือของเราเช่นนี้?”
“คนผู้นั้นน่าจะทิ้งตราประทับบางอย่างเอาไว้ในสามดวงจิตของหลี่ฮ่าวหราน และเมื่อมีคนไปแตะต้องมันเข้า เขาก็จะรับรู้ได้ และกระตุ้นกลไกบางอย่างจากระยะไกล ดังนั้น ดวงจิตทั้งสามจึงะเิหายไป” เว่ยเซิงเหรินพูดเสียงต่ำ
“หลี่ฮ่าวหรานตายแล้ว ถังจู่ ท่านหมดห่วงได้แล้ว ในที่สุด เขาก็ตาย... ฮือๆๆๆ!” ิญญาสาวร้องไห้อย่างดีใจ
“เอาละ! ครั้งนี้ขอบคุณเ้ามาก ข้าจะส่งเ้ากลับไปยังที่ของเ้า!” เว่ยเซิงเหรินเอ่ยเสียงเรียบ
“เ้าค่ะ!... ขอบพระคุณท่านผู้าุโ” ภูติญญากล่าว พลางร้องไห้อย่างโล่งใจ
เว่ยเซิงเหรินสะบัดมือขึ้น
ฟึ่บ!
ิญญาป้าลวี่ค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน เหล่าผู้ฝึกตนต่างหันไปมองรอบตัวอย่างสะพรึงกลัว
“ความแค้นของแม่ข้า ถือว่าได้ชำระแล้วอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงมองศพของหลี่ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเฉยเมย ทว่า ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ชวนให้สับสน
“หึๆ! ความแค้นของท่านถังจู่? บางทีนี่อาจจะเพิ่งเริ่มต้น?” กู่ไห่เอ่ย พลางยิ้มอย่างรันทด
“เ้าหมายความว่า...?” หลงหว่านชิงหันไปยังกู่ไห่ หลังจากผ่านเื่ราวมามากมาย ตอนนี้ดูเหมือนนางจะเชื่ออีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจ
“หลี่ฮ่าวหรานน่าจะเป็เพียงเครื่องมือเท่านั้น ท่านไต้ซือคิดว่าอย่างไร?” กู่ไห่มองภิกษุชราพลางยกยิ้มเล็กน้อย
ไต้ซือหลิวเหนียนเห็นพ้อง จึงพยักหน้าตอบ “หลี่ฮ่าวหรานคงจะถูกสิงร่างในตอนนั้น มีคนใช้พลังจิต เพื่อผสานตัวเองเข้ากับเขา แล้วยืมมือของหลี่ฮ่าวหราน เพื่อสังหารเสี่ยวเยว่!”
“ใครกัน? ที่จะมีความสามารถผสานตนเองเข้ากับหลี่ฮ่าวหรานได้ขนาดนี้?” หลงหว่านชิงถามด้วยใบหน้าถอดสี
“แน่นอนว่าต้องเป็มือมืด ที่ไม่้าจะเปิดเผยตัวตน คนที่แข็งแกร่งกว่าหลี่ฮ่าวหรานนั้น มีมากจนนับไม่ถ้วน คนผู้นั้นอาจจะอยู่ในขั้น ‘เปิดจุดไคเทียน[1]’ ก็เป็ได้” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าวอย่างหวาดหวั่น
“ผู้แข็งแกร่งในขั้นเปิดจุดไคเทียนอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงเบิกตากว้าง เมื่อได้ยินคำพูดของภิกษุชรา
“ตอนนี้เบาะแสขาดหายไปอีกครั้ง มือมืดผู้นี้ช่างรอบคอบนัก ฝังตราประทับไว้ในดวงจิตทั้งสามของหลี่ฮ่าวหราน? เหอะๆ! สาวน้อย… ครั้งนี้เ้าไปสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ใดกัน?” เว่ยเซิงเหรินถามอย่างอ่อนล้า
----------------------------------------------
[1] 'เปิดจุดไคเทียน' เป็ระดับการฝึกตนเพื่อฝึกสามจิต ซึ่งผู้ฝึกตนจะเปิดจุดไคเทียนได้ หลังจากบรรลุระดับหยวนอิง โดยต้องรวบรวมปราณก่อกำเนิดทั้งหกจุดคือ ตันเถียน หัวใจ ม้าม ปอด ตับ และไต ให้ได้เสียก่อน ดังนั้นผู้ฝึกตนในขั้นเปิดจุดไคเทียน ก็คือผู้ฝึกตนในระดับที่สูงกว่าหยวนอิงนั่นเอง