บทที่ 22
...
แดดอ่อน ๆ ลอดส่องเข้ามาตามช่องว่างของผ้าม่าน กระทบเปลือกตาที่หนักอึ้งของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า เปลือกตาของเธอค่อย ๆ ขยับเปิดขึ้นทันที เธอลุกขึ้นนั่งบิดไล่ความเมื่อยขบเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กับเด็กน้อยที่นอนดิ้นดุ๊กดิ๊ก อยู่ข้าง ๆ
“อรุณสวัสดิ์ลูกสาว ลูกชายของมี๊”
เธอยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กทั้งสองก่อนจะก้มลงหอมแก้มยุ้ย ๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่อตัวเพียงเล็กน้อย ทั้งสองคนยังคงหลับอย่างสบายอารมณ์ตามประสาเด็กแรกเกิด กอหญ้ารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ลูกของเธอไม่ใช่เด็กที่เลี้ยงยากหรืองอแง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังนอนหลับเธอก็เตรียมจัดการทำธุระส่วนตัวทันที
อุแว๊!อุแว๊!
แต่เหมือนเด็ก ๆ จะไม่คิดเช่นนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะเดินก้าวขาเข้าห้องน้ำ เสียงเ้าหนูก็ร้องขึ้นมาราวกับว่ากลัวแม่จะหายไปอย่างไรอย่างนั้น เธอเดินกลับมาอย่างไม่ต้องคิด อุ้มลูกชายที่ร้องไปอ้าปากงับผ้าไปมานั่งปลายเตียงก่อนจะเปิดเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่ง พร้อมกับอุ้มให้ลูกชายเข้าเต้า เด็กน้อยลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอจ้องตาแป๋ว ถึงแม้จะฟังที่คุณหมอบอกมาบ้างแล้วว่าเด็กเพิ่งคลอดจะมองยังไม่ชัด แต่เธอรู้สึกได้เลยว่าคุณหนูอาร์เดนนั้นจ้องหน้าเธอจริง ๆ
ลูกชายเธอดูดนมพักใหญ่ ๆ ก่อนจะหลับคาเต้าไปอีกครั้ง กอหญ้าที่เห็นว่าลูกของเธอหลับไปแล้วและปากที่ดูดนมอยู่ก็หลุดออกจากเต้าแล้ว เธอจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อยก็จับลูกชายอุ้มพาดบ่าเขย่าเบา ๆ ไม่นานเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงเรอออกมาเบา ๆ เธอจึงหยุดก่อนจะวางลูกชายลงนอนอีกครั้ง
เมื่อจัดการลูกชายเรียบร้อยก็เห็นคุณหนูอลิซที่ตื่นมาลืมตาจ้องหน้าเธอ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเด็ก ๆ น่าจะมองเห็นเธอจริง ๆ แต่ไม่มีเสียงร้องของอลิซเลย เธอดูเป็เด็กผู้หญิงที่เงียบมาก ทั้งที่วันที่อยู่ รพ. ลูกสาวเธอก็ร้องเสียงดังไม่แพ้ใครเลย
“กินนมนะคะลูกสาว”
กอหญ้าบอกอลิซเบา ๆ ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาเปิดเต้านมอีกข้างและจัดแจงให้ลูกสาวกินนมได้ถนัด อลิซเองก็เหมือนอาร์เดนเช่นกัน เธอดูดนมไปจ้องหน้าเธอไปราวกับว่าสงสัยว่าเบื้องหน้านี้เป็ใคร แต่ก็ตามประสาเด็กแรกเกิด เมื่อกินนมไปได้สักพักเธอเองก็หลับคาเต้าไปตามระเบียบ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเพราะประตูเบา ๆ ดังขึ้นหลังจากที่กอหญ้าจัดการ พาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอนอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาเปิดประตูจึงได้พบว่าเป็เว่ยเอิน ที่กำลังยิ้มแป้นแล้น อยู่ด้านหน้าประตู ชะเง้อซ้ายชะเง้อขวา มองเข้าไปด้านในห้อง
"พี่กอหญ้า คุณหนูอาร์เดนกับคุณหนูอลิซยังนอนอยู่หรอ"
" ใช่แล้ว จะเข้ามาดูไหมล่ะ"
" ไม่เป็ไรค่ะ ไว้รอคุณหนูตื่นเดี๋ยวค่อยมาดูอีกทีก็ได้ พี่หญ้าเว่ยเอิน ทำกับข้าวเสร็จแล้วพี่หญ้าออกไปทานข้าวนะคะ"
" ขอบคุณนะที่ดูแลพี่มาตลอดเดี๋ยวพี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วจะตามออกไปนะ"
" ได้ค่ะงั้นเดี๋ยวเว่ยเอิน ออกไปตั้งโต๊ะรอนะคะ"
กอหญ้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้เธอ หลังจากที่เห็นว่ากอหญ้านั้นเดินกลับเข้าไปเตรียมตัวที่จะอาบน้ำแต่งตัวแล้ว เว่ยเอินก็เดินออกมาจากห้องทันที
วันๆ หนึ่งของเธอหมดไปกับการเลี้ยงดูเ้าเด็กแฝด เป็่เวลาที่มีความสุขที่สุด เวลาที่เธอเห็นมือเล็ก ๆ แก้มยุ้ย ๆ ของลูก ๆ ทั้งสองคน ต่อให้เธอเหนื่อยแค่ไหน เธอก็ยังมีความสุข เวลาผ่านไป ก็ยิ่งทำให้เธอ ลืมเื่ราวของราชันย์เข้าไปทุกที เธอรู้สึกโชคดีที่เธอมีธันวาและเว่ยเอิน ที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกๆ เื่ระหว่างที่เธอนั้นต้องดูแลเด็กแฝดทั้งสองคนด้วยตัวคนเดียว จะมีบ้างที่ปอร์เช่บินมาหาเธอแต่เธอก็รู้สึกว่าที่เป็อยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่
2 สัปดาห์ต่อมา
"คุณราชันย์ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยคะ"
"ของบำรุงกอหญ้า แล้วก็มีขนมเอามาฝากเธอด้วย"
"ว้าว! ขนมจากประเทศไทยหรอคะ"
"อ๋อ เปล่าหรอก ฉันแวะซื้อที่สนามบินเมื่อตะกี้นี้แหละ"
"แหะ ๆ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ"
“กอหญ้ากับเ้าตัวเล็กอยู่ที่ไหนหรอ”
“อยู่ในห้องค่ะ”
“งั้นตรงนี้ฝากเราจัดการทีนะ ฉันขอเข้าไปดูลูกกับเมียก่อน”
“เอ่อ...แต่ว่าพี่ปอร์เช่ก็อยู่ด้วยนะคะ”
“อ๋อ...ลืมเ้าหมอนั่นไปสนิทเลยแฮะ”
เว่ยเอินที่เห็นว่าราชันย์เองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร ก็ได้แต่ยักไหล่แล้วเดินหยิบข้าวของไปจัดการให้เป็ที่ โดยที่มีธันวาเดินตามหลังมาเงียบ ๆ เธอจัดการเก็บข้าวของเรียบร้อยก่อนจะบิดซ้ายขวาไล่ความขบเมื่อย ก็ต้องใที่เห็นธันวายกเก้าอี้ที่เธอจำได้ว่ามันเคยถูกวางที่หน้าบ้าน มานั่งไขว่ห้าง จิบน้ำชา จ้องเธอตาเขม็งโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่
“ใหมด นึกว่าผีหลอก”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย ผีที่ไหนจะหล่อขนาดนี้”
“โห คนอะไรชมตัวเองก็เป็”
“ไม่จริงตรงไหนเอาปากกามาวง”
“ว่าแต่นายมานั่งทำมะเขือดองอะไรหน้าห้องครัวเนี่ย”
“หิวข้าว”
“หิวนายก็เข้ามาทำสิ”
“อยากกินข้าวผัด”
“แล้วนายมาบอกฉันทำไมละ ก็มาทำสิ”
“...ทำไม่เป็”
“งั้นก็อดไปซะ เพราะฉันไม่มีทางทำให้นายแน่นอน”
“สองร้อย จ้าง”
“เงินไม่สามารถซื้อฉันได้นะ”
“สามร้อยข้าวผัดจานนึง”
“ไม่อะ อดตายไปซะ”
“อัลบั้ม Black pink limited ล่าสุดพร้อมลายเซ็น”
“จะกินข้าวผัดหมูหรือทะเล”
“ทะเล”
หลังจากนั้นสาวน้อยตัวกะเปี๊ยกก็อารมณ์ดีหันหลังไปจัดการกับอาหารที่ธันวา้าทันที ธันวาที่เห็นภาพความอารมณ์ดีของเธอก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ
“แล้วจะไปหาที่ไหนให้ละทีนี้ เฮ้อ”
ทางด้านในห้อง ที่เด็กแฝดกำลังหลับปุ๋ยอย่างน่าเอ็นดูก็มีปอร์เช่ยืนยิ้มหล่อให้ไม่ห่าง แม้ทั้งคู่จะหลับไปแล้วก็ตาม กอหญ้าที่นั่งอยู่โซฟาปลายเตียงนอนขนาดกลาง นั่งพับเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ ใส่ตะกร้าพร้อมกับมองปอร์เช่ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็ทำให้เธอเองเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ภาพทั้งหมดในห้องอยู่ในสายตาของราชันย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องที่ประตูปิดไม่สนิท รอยยิ้มที่เขาเองแทบจะไม่เคยเห็น ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาจะเห็นแค่สีหน้าเรียบเฉยของกอหญ้าก็เท่านั้น
แต่ถึงแม้จะรู้สึกปวดใจแต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ทุกอย่างจะเป็แบบนี้ ราชันย์ดันประตูให้กว้างขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง ดึงความสนใจของปอร์เช่และกอหญ้าได้เป็อย่างดี
กอหญ้าที่เห็นราชันย์เดินเข้ามานั้น ก็เหมือนร่างกายมีปฏิกิริยา ที่ทำให้เธอต้องหุบยิ้มลงทันที เธอมองบุคคลที่เดินเข้ามาด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะหันกลับมาโฟกัสกับกองเสื้อผ้าของใช้ชิ้นเล็ก ๆ ด้านหน้าต่อ โดยที่ไม่สนใจคนที่เข้ามาเลยแม้แต่น้อย
ราชันย์ที่รู้สึกได้กับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดนี้ แต่ก็ไม่สามารถเดินออกไปหรือกล้าที่จะทักเธอได้ ทำได้แค่เดินตรงมาที่เตียงกั้นขนาดเล็กที่มีเด็กน้อยสองคนกำลังนอนหลับอยู่เท่านั้น
“เด็ก ๆ หลับอยู่นายอย่าเสียงดังละ”
เป็ปอร์เช่ที่ทนรู้สึกอึดอัดไม่ไหวเอ่ยออกมาเบา ๆ ทันทีที่เห็นราชันย์มายืนมองที่เตียงเล็ก ราชันย์เหลือบมองปอร์เช่แค่แวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ เขาใช้นิ้วชี้ค่อย ๆ จิ้มไปที่แก้มยุ้ย ๆ ของลูกสาว สลับกับลูกชาย แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ปอร์เช่ที่ยืนดูการกระทำของเขา ยืดตัวเต็มความสูงก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ ปล่อยให้กอหญ้าและราชันย์อยู่ในห้องเพราะคิดว่าราชันย์เองก็คงมีเื่อยากคุยกับเธอ
“เจ็บจี๊ด ๆ ใช่ไหมล่ะ”
“แก่แดดใหญ่ละเราอะ”
“เื่จริงใช่ไหมล่ะ พี่ปอร์เช่ออกจะหล่อแถมดูแลพี่หญ้ามาอย่างดีตั้งนาน ไม่ใช่เพราะว่ารักหรอ”
“พี่ต้องทำยังไงละ”
“ถ้าเป็เว่ยเอิน ก็คงจะถามละมั้ง”
“แล้วถ้าเื่ที่อยากถาม เรารู้คำตอบอยู่แล้วละ”
“ก็ยังคงต้องถามอยู่ดี เพราะสิ่งที่เราคิด อาจจะไม่ใช่ความจริง…แต่ถ้าสุดท้ายมันเป็ความจริง มันก็คือความจริงที่เราถามแล้ว”
“ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิ”
