งานเลี้ยงของครอบครัวหูฉางกุ้ยจัดได้ค่อนข้างสนุกครึกครื้น
รูปแบบอาหารในงานเลี้ยงล้วนเป็กับข้าวแปดอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง โดยรวมเป็อาหารปรุงด้วยเนื้อสัตว์ทั้งหมด มีพะโล้ตุ๋น เนื้อตากแห้งผัดต้นกระเทียม แผ่นเนื้อผัดไฟแดง เนื้อปรุงน้ำแดง หูหมูหั่นเผ็ดหอม หม่าล่าต้มปลาผักดอง ไข่เจียวม้วนใส่ต้นหอมซอย สามชั้นผัดผักกาดขาว สุดท้ายคือน้ำแกงลูกชิ้นผักกุยช่าย
ไม่เพียงปริมาณเต็มที่และเพียงพอ รสชาติยิ่งอร่อยอย่างยิ่ง แม้แต่ลิ้นก็แทบทำให้คนอยากจะกลืนลงไปด้วยทั้งหมด ชาวไร่ชาวนาที่มาทานมาดื่มขณะนี้ตะเกียบผลัดกันคีบอาหารขึ้นลงลอยว่อน แต่ละคนทานกันจนปากมันวาวไปหมด
พื้นที่เล็กๆ เช่นหมู่บ้านวั้งหลินนี้ โต๊ะเลี้ยงของครอบครัวผู้ใดจะยอมจ่ายเงินมากเช่นนี้ได้ ต้องรู้ว่าของขวัญของชาวไร่ชาวนาทั่วไปล้วนเป็ไข่ไก่ไม่กี่ฟอง ผักไม่กี่กำหรือเศษผ้าไม่กี่ฉื่อ ต่อให้สูงขึ้นหน่อยก็เป็เงินยี่สิบหรือสามสิบเหวิน จ้าวเหวินเฉียงหัวหน้าหมู่บ้านนับว่าไม่ตระหนี่ แต่ก็มอบเงินให้แค่ห้าสิบเหวินเท่านั้น อาหารคาวหนึ่งแถวเลี้ยงคนสิบกว่าโต๊ะ หากนำของขวัญเหล่านี้รวมกันแล้วคาดว่าแม้แต่เศษเสี้ยวยังไม่พอเลย
ทั้งลานล้วนเป็เสียงชื่นชม ทุกคนต่างยื่นตะเกียบยาวออกไปคีบอาหารเนื้อด้วยความเร็วสูง ชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่ตลอดทั้งปีทานเนื้อได้แค่ไม่กี่หน เวลาเช่นนี้เป็ธรรมดาที่จะไม่เกรงใจ
ไม่นาน พะโล้ เนื้อตากแห้ง เนื้อปรุงน้ำแดง หูหมู ได้ถูกทุกคนกวาดไปรอบหนึ่ง ในปากเคี้ยวแล้วชมว่าอร่อย ในมือคีบแล้วอุทานว่ารสเด็ด ทานเนื้อทั้งหมดจนเกลี้ยงแล้วจึงทานผักไม่กี่จานที่เหลืออยู่อย่างเชื่องช้า
เนื้อปลาหม่าล่ากลิ่นหอม ความแปลกใหม่ของลูกชิ้นรสเด็ด พาให้เกิดคำชื่นชมขึ้นมาอีกพักหนึ่ง ล้วนกล่าวกันว่าไม่แปลกใจเลยที่สกุลหูหาเงินจากอาหารการกินได้ ฝีมือบนเตานี้ดีกว่ารสชาติของโรงเตี๊ยมใหญ่ในเมืองอีก มิน่าที่แม้แต่เ้าของร้านใหญ่ของสือหลี่เซียงจะมาแสดงความยินดีด้วยตนเองถึงบ้าน
ตรงหน้ากู้ฉีคือถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวใบใหญ่หนึ่งใบ น้ำแกงไก่ที่ใส่อยู่มีไอความร้อนแผ่คลุม ด้านในล้วนเป็น่องไก่กับเนื้ออกไก่ ใส่แค่ขิงฝานกับต้นหอมซอย น้ำแกงไก่ใสขาวไม่มัน
กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ในปากและลิ้นของกู้ฉีน้ำลายแตกเล็กน้อยชั่วขณะ เขาอดประหลาดใจไม่ได้
เพราะดื่มสมุนไพรต้มทุกชนิดมาตลอดทั้งปี ประสาทรับรสของเขาเลยรู้สึกชาไปนานแล้ว การทานอาหารส่วนใหญ่ล้วนเพื่อประทังชีวิต ความรู้สึกที่ปากและลิ้นเกิดน้ำลายสอเพราะความหอมรสอร่อยเช่นนี้ เขาไม่เคยได้ััมานานเท่าไรแล้ว
เขาอดใจไม่ไหวจึงหยิบตะเกียบขึ้น และคีบเนื้ออกไก่หนึ่งชิ้นใส่เข้าในปาก
เนื้อไก่นุ่มลื่น กลิ่นหอมอร่อย รสชาติในนั้นเขาให้คะแนนห้าถึงหกแต้ม นี่…หมายความว่าร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่แข็งแรงขึ้นแล้วหรือไม่ กู้ฉีตื่นเต้นเล็กน้อย และไอขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“คุณชาย” หลิวผิงมายืนข้างกายเขาทันที ถามเสียงเบาด้วยความร้อนใจ “ท่านกล่าวปฏิเสธออกมานิดหน่อยก็พอแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่แม่ครัวของที่บ้าน อาหารที่ทำออกมาเกรงว่าจะไม่ถูกปากท่านนะขอรับ”
กู้ฉีฝืนหยุดยั้งอาการไอ พร้อมกับโบกมือให้หลิวผิง เห็นว่าคนทั้งโต๊ะพากันหยุดตะเกียบลงและมองเขา จึงวางตัวไม่ถูกเล็กน้อย เขายิ้มบางๆ “ไม่เป็ไร เป็ข้าทานเร็วไปหน่อย รสชาติเนื้อไก่นี่อร่อยมาก”
“ไม่เป็อะไรก็ดี ทานช้าๆ หน่อย ไม่ต้องรีบร้อน” ชายชราสกุลหูเบาใจ คุณชายสกุลกู้ผู้นี้นอบน้อมถ่อมตัวอ่อนโยนรูปลักษณ์สง่าผ่าเผย น่าเสียดายร่างกายนี่อ่อนแอไปหน่อยจริงๆ
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชาวไร่ชาวนาที่ทานดื่มอิ่มหนำสำราญใจได้แยกย้ายกันกลับไปเรื่อยๆ แม้การปรับปรุงดินใกล้จบสิ้นแล้ว แต่งานเกษตรของคนชนบทจะมีเวลาไหนที่ทำงานได้เสร็จหมดกัน ส่วนใหญ่เป็ชาวไร่ชาวนาขยันขันแข็ง พวกเขาจะพัก่เที่ยง และ่บ่ายมีงานอะไรที่ควรต้องทำก็จะไปทำ
บนโต๊ะเ้าบ้าน กู้ฉีซดน้ำแกงไก่ครึ่งถ้วยอย่างเชื่องช้า ทานเนื้อเล็กน้อยแล้ววางตะเกียบลง แค่เท่านี้ล้วนทานเยอะกว่าปกติมากแล้ว
เขาเองก็ดูออก เพราะเขากำลังนั่งอยู่ คนทั้งหมดบนโต๊ะที่อยู่ด้วยกันจึงระมัดระวังและเกร็งจนเกินไป เขาจึงหาข้ออ้างออกจากห้องไปห้องน้ำ
หลิวผิงลุกขึ้นคิดจะติดตามไปด้วย แต่กู้ฉีส่ายหน้า หลิวผิงจึงทำได้เพียงกลับไปนั่งแต่โดยดี
“ผิงอัน เ้าไปนำทางคุณชายกู้ เดินดูทางหน่อยล่ะ” ชายชราสกุลหูะโเรียกผิงอันที่อยู่โต๊ะด้านข้าง ให้เขานำทางไปห้องน้ำ
ผิงอันเคยเจอกู้ฉีอยู่สองสามครั้ง ไม่ได้เกิดความกลัวต่อคนผู้นี้แล้ว จึงขานรับแล้วพาคนไปห้องส้วมสร้างใหม่ด้านหลังบ้าน
สกุลหูสร้างห้องส้วมสองส่วน หน้าบ้านคนมาก ห้องน้ำตรงนั้นจึงถูกชาวไร่ชาวนาเวียนกันใช้หลายรอบแล้ว กลิ่นในระหว่างนั้นแค่คิดก็จินตนาการได้ ผิงอันพากู้ฉีเดินไปทางหลังบ้านอย่างฉลาดปราดเปรื่อง หลังบ้านคนน้อยกว่าหากเปรียบเทียบกันแล้วสะอาดกว่าหน่อย
“คุณชายกู้ ตรงนั้นใช้เป็ส้วมได้ ในถังเป็น้ำสะอาด ใช้ส้วมเสร็จราดน้ำลงไปได้ ส่วนตรงนี้คืออ่างล้างมือ ท่านทำความสะอาดมือตรงนี้ได้” ผลักประตูไม้เคลือบสีแดงเปิดออก ผิงอันชี้ส้วมนั่งยองข้างล่าง แล้วชี้ไปที่อ่างล้างหน้าบ้วนปากอีกด้านหนึ่ง
“ผิงอัน นี่… เป็ห้องส้วม?” กู้ฉีแปลกใจ การเดินทางจากเมืองหลวงลงใต้ครั้งนี้ ตลอดทางเคยหยุดพักตามสถานที่ต่างๆ มาไม่น้อย แต่ห้องส้วมเช่นนี้กลับเป็ครั้งแรกที่เคยเห็น
“ใช่แล้ว นี่เป็ส้วมนั่งยองที่ท่านพี่ข้าให้คนทำการเผาขึ้นเป็พิเศษ ทั้งสะดวกแล้วก็สะอาดด้วย” ผิงอันเชิดหน้าขึ้น สีหน้าอิ่มอกอิ่มใจเล็กน้อย ห้องส้วมของบ้านเขาแปลกใหม่มีลักษณเฉพาะ คนที่เคยใช้ล้วนชมว่าดีทั้งนั้น
“…ทำไมท่านพี่ของเ้าถึงรู้สิ่งเหล่านี้ได้?” ไม่เหมือนสิ่งของที่เด็กสาวครอบครัวเกษตรกรคนหนึ่งจะรู้ได้เลยจริงๆ
“ท่านพี่ข้าฉลาดน่ะสิ ท่านพี่ข้าฉลาดที่สุด เื่ที่รู้มีมากมาย” ใบหน้าเล็กเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“…” เด็กสาวผู้นั้นดูแล้วฉลาดนัก แต่ของในห้องส้วม…
ั้แ่ออกมาจากห้องส้วม กู้ฉีสะบัดมือที่เปียกชื้นสองข้างด้วยความไม่สบายใจ
กู้ฉีล้างมือเสร็จ แต่ไม่มีผ้าสะอาดเช็ดมือ
ที่ห่างออกไปไม่ไกล ผิงอันกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยกวาดขยะบนพื้นห้องครัวให้รวมเป็หนึ่งกอง
ฟู่เหรินสองคนนั่งอยู่ด้านหนึ่ง ล้างถ้วยและตะเกียบในอ่างใบใหญ่ให้สะอาด
กู้ฉีลังเลเล็กน้อย ยกเท้าก้าวไปทางผิงอัน ทว่าหัวโค้งกลับมีแม่นางผู้หนึ่งเดินออกมาอย่างเขินอายและมีความขลาดกลัวแฝงอยู่ นางเม้มปากแล้วก้มหน้าลง ย่างเท้าเข้ามาทางเขาด้วยใบหน้าขัดเขิน
กู้ฉีชะงัก นี่เหมือนจะเป็ลูกพี่ลูกน้องของสกุลหู เขาได้ยินผิงอันเรียกนางว่าพี่สาวจากที่ไกลๆ ตอนอยู่ในบ้าน
กู้ฉีขมวดคิ้ว แม้เจ็บป่วยอยู่ตลอดจึงไม่ค่อยได้ติดต่อกับผู้คน แต่อย่างไรเขาก็เป็ลูกหลานคนสกุลกู้ เดินไปไหนมักพบเข้ากับคนประจบเอาใจ้าอาศัยอิทธิพลเส้นสาย สตรีสีหน้าขวยเขินเช่นนี้จะคิดเป็อะไรไปได้ ย่อมชัดเจนมากโดยไม่ต้องกล่าวเป็อื่น
บนใบหน้ากู้ฉีเรียบนิ่งฉับพลัน ชำเลืองมองนางอย่างเ็าแวบหนึ่ง แล้วหมุนกายเดินไปทางผิงอัน
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนที่แสร้งย่ำเท้าก้าวเล็กก้าวน้อยอย่างกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะหยุดชะงักอยู่กับที่ ทำไมเขาถึงไปแล้วล่ะ? ไม่เห็นว่านางกำลังเดินไปทางเขาหรือ? นางยกมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าสีชมพูขึ้น ปิดแก้มของตนเองเบาๆ นางงดงามเพียงนี้ เขามองไม่เห็นหรือ?
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนมั่นใจโฉมหน้าของตนเองมาก ชายหนุ่มที่อยู่ในหมู่บ้านทั้งหมด ขอแค่ตนเองยิ้มส่งไปเล็กน้อย พวกเขาก็แทบอยากจะควักหัวใจให้กับนางแล้ว
หรือว่าคุณหนูตระกูลร่ำรวยล้วนงดงามไปกว่านาง? เพราะอย่างนั้นจึงไม่สนใจนาง? เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเอามือทาบอกคิดด้วยความกลุ้มใจ
ไม่มีทาง! เขาต้องไม่เห็นนางอย่างแน่นอน ใช่! ต้องเป็เช่นนี้แน่ๆ!
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนมองเงากายที่ไกลออกไปแล้วกัดฟันคิด
กู้ฉีหาได้สนใจว่านางจะคิดอะไรหรือไม่ ตนเองเพียงก้าวไปทางผิงอัน ยังไม่ทันเดินไปถึงก็ได้ยินคนพูดคุยกัน
“ผิงอัน แปลงดินทางนั้นเก็บไว้ปลูกผักหรือ?” ฟู่เหรินล้างชามคนหนึ่งถามขึ้น
“ใช่แล้ว ป้าสะใภ้ ที่ผืนใหญ่ตรงกลางนั่นเป็ที่ปลูกผัก สองข้างเก็บไว้ปลูกต้นไม้ขอรับ”
“อ้อ ทำไมปลูกต้นไม้ในลานบ้านล่ะ? ต้นไม้ทั่วทั้งูเายังไม่มากพออีกหรือ”
“แหะๆ ท่านพี่ข้าอยากปลูกต้นพุทรา ต้นแปะก๊วย และต้นยู่หลันขอรับ”
“โอ๊ะ ต้นพุทราเป็ของดี แต่ต้นแปะก๊วยกับต้นยู่หลันนี่คืออะไรกัน” ฟู่เหรินอีกคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ป้าสะใภ้ ท่านพี่กล่าวว่า อย่างหนึ่งสามารถออกผลที่มีประโยชน์ได้ อีกอย่างหนึ่งสามารถออกดอกไม้ที่สวยงามได้ขอรับ”
“จุ๊ๆ สมองของยัยหนูเจินจูนี่ช่างพลิกแพลงนัก เื่ที่รู้มีมากมายจริงๆ แต่พวกเราที่นี่ไม่มีต้นอ่อนของสองชนิดนี้กระมัง?”
“ไม่ทราบได้ ในเมืองคงมีกระมัง”
“ก็ใช่ มีเงินจะกลัวว่าซื้อต้นอ่อนไม่ได้อีกหรือ ฮ่าๆ เอ๊ะ... ผิงอัน คุณชายผู้นั้นเดินมาแล้วนี่”
ผิงอันวางไม้กวาดในมือลงให้เรียบร้อยทันที เตรียมพาคนกลับไปในห้องโถง
“ผิงอัน อีกเดี๋ยวเ้าเอาตะกร้ากับข้าวนี่ไปให้ยู่เซิงที ถือโอกาสเอากระดูกนิดหน่อยนี่ไปเลี้ยงเสี่ยวหวงด้วย” เจินจูกำลังทำความสะอาดแท่นเตาอยู่ในห้องครัวกับหลี่ซื่อ ได้ยินเสียงของผิงอันจึงหิ้วตะกร้าหนึ่งใบเดินออกมา บ้านใหม่จัดงานเลี้ยง คนมากเอะอะวุ่นวาย สัตว์เลี้ยงของที่บ้านเลยยังอยู่ที่บ้านเก่าท้ายหมู่บ้าน
“ได้ เข้าใจแล้ว ท่านพี่ ข้าพาคุณชายกู้กลับห้องโถงก่อน เดี๋ยวกลับมา” ผิงอันยิ้มแล้วตอบรับ
คุณชายกู้? เจินจูกวาดสายตามองรอบหนึ่ง ไม่ไกลออกไปเป็คุณชายกู้ยืนอยู่
“พี่ชายกู้อู่ ท่านทานอิ่มแล้วหรือ? ในหม้อยังมีน้ำแกงไก่อยู่อีกครึ่งหม้อ เติมให้ท่านอีกหน่อยดีหรือไม่?” คนเขามาอวยพรแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ นางย่อมต้องดูแลให้ทั่วถึงหน่อย เจินจูถามพร้อมกับยิ้มให้เขา
“ทานอิ่มแล้ว ขอบคุณน้องสาวเจินจู” กู้ฉีเห็นเด็กสาวยิ้มดวงตาโค้งดังคันธนู ในใจอดมีความสุขตามขึ้นมาไม่ได้
“ขอบคุณอะไรกัน ท่านมาเป็แขกบ้านพวกข้า จะให้ท่านทานไม่อิ่มได้อย่างไร เช่นนั้นคงเสียมารยาทมากเลยล่ะ” เจินจูเม้มปากหัวเราะ
กู้ฉีใจเต้น น้ำแกงไก่ของเขาเป็การเคี่ยวขึ้นโดยเฉพาะ บนโต๊ะตัวอื่นไม่มีอาหารชนิดนี้ นั่นแสดงว่านางรู้อะไรบางอย่างใช่หรือไม่?
“ครั้งก่อนท่านมาบ้านข้าไม่ได้ต้อนรับให้ดี ท่านย่าข้าจดจำไว้มาโดยตลอด รู้ว่าอาหารมากมายท่านทานไม่ได้ ครั้งนี้ท่านย่าจึงจับแม่ไก่ตัวน้อยหนึ่งตัวมาเป็พิเศษ บ้านข้าเลี้ยงได้เกือบหนึ่งปีแล้ว คิดว่าท่านต้องทานได้แน่นอน” เจินจูยิ้มแล้วอธิบาย ราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“รสชาติอร่อยนัก ต้องขอบคุณท่านย่าของเ้ามากๆ” กู้ฉีกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
บางทีสกุลหูนี่อาจเป็ดาวนำโชคในชีวิตเขาจริงๆ กระมัง ร่างกายของเขาเขารู้ชัดแจ้งดี การที่ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่ผลของการทานสมุนไพร แต่เป็เพียงผลของวัตถุดิบอาหารจากสกุลหูเท่านั้น แม้ไม่รู้มูลเหตุละเอียดแน่ชัด แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจๆ ที่บ้านมีกระต่ายสองสามตัวกับไก่ที่เลี้ยงโตมากพอแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะกลับไปจับไก่ให้ท่านพอดี” เจินจูยังคงยิ้มตาหยี ยังไม่ต้องสนใจว่าเื้ัของกู้ฉีจะใหญ่โตแค่ไหน สำหรับนางที่มาจากยุคปัจจุบันแล้ว ไม่มีการแบ่งชนชั้นความสูงส่งและต่ำต้อยทั้งนั้น นางทั้งไม่ได้รู้สึกว่าราชนิกุลครอบครัวขุนนางมีฐานะสูงส่งและเย่อหยิ่ง แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าชาวไร่ชาวนาพ่อค้าจะยากจนต่ำต้อยและไร้ค่าอีกด้วย
นางดูเพียงคนหนึ่งที่เป็เช่นนี้หากช่วยแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ ตลอดมาเขาถูกอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ทรมาน บนใบหน้าเฉยเมยไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่แววตากลับปรากฏให้เห็นความสิ้นหวังของการมีชีวิตอยู่ และเื้ัของการหมดหวังยังมีความปรารถนาของการมีชีวิตอยู่อีกด้วย เจินจูไม่รู้ว่าทำไมตนเองมีความรู้สึกชัดเจนเช่นนี้ ยามที่นางมองเขาก็อดสงสารขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
“ดี” กู้ฉีไม่ได้เกรงใจอีก ตอบอย่างอ่อนโยน “ได้ยินผิงอันกล่าวว่า เ้า้าปลูกต้นยู่หลันกับต้นแปะก๊วยหลังบ้าน ให้ข้าช่วยเ้าจัดหาต้นอ่อนมาให้สักหน่อยหรือไม่?”
เจินจูดวงตาเป็ประกาย “ดีเลย บ้านข้ามีต้นพุทราแล้ว เพราะอย่างนั้นข้าจึงอยากได้ต้นแปะก๊วยสองต้น ต้นยู่หลันสองต้น ต้นดอกกุ้ยฮวาสองต้น และทับทิมสองต้นก็ดี อ๊ะ... หากว่ามีต้นหวายม่วง [1] หรือกุหลาบพันธุ์ไม้เลื้อย ที่เป็พวกเถาวัลย์เลื้อยตามขอบกำแพงจำพวกนั้นก็ช่วยจัดหาให้นิดหน่อย อืม... ยังมีอะไรอีกนะ ขอข้าคิดก่อน”
ผิงอันที่ได้ฟังตกตะลึงตาค้าง ไม่ใช่ว่าจะปลูกแค่สองหรือสามต้นหรือ ทำไมไม่นานก็เปลี่ยนมาเยอะเช่นนี้ได้ล่ะ
เชิงอรรถ
[1] ต้นหวายม่วง หรือวิสทีเรีย (Wisteria) เถาของวีสทีเรีย จะเลื้อยโดยใช้กิ่งก้านพันเกี่ยวกันไปตามเข็มนาฬิกาหรือทวนเข็มนาฬิกา เป็วงตามที่สามารถเลื้อยไปถึงได้ สามารถปีนได้สูงถึง 20 เมตรจากพื้น และแผ่ขยายด้านข้างอีก 10 เมตร สามารถขึ้นได้เองบนดินโดยไม่ต้องดูแลเป็พิเศษ และจะไต่เลื้อยไปตามซุ้มไม้เลื้อย กำแพง หรือโครงสร้างอื่นๆ เมื่อเติบโตจะมีลำต้นและกิ่งก้านใหญ่ แผ่ขยาย สามารถเลื้อยทะลุไม้ระแนงเบียดเสาไม้บางๆ และสามารถคลุมต้นไม้ใหญ่ได้ วิสทีเรียมีช่อดอกสีม่วงห้อยระย้าลงมาจากโครงสร้างดูสวยงามมาก