กว่าหลินซย่าจื้อจะกลับถึงหมู่บ้านเค่าซาน ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
นางเหนื่อยจนทิ้งตัวนอนบนเตียงเหมือนสุนัขตาย ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งหนาว สำคัญที่สุดคือความโกรธในใจไม่มีที่ให้ระบาย
สวี่ซื่อต้มน้ำร้อนเข้ามาให้ ลากนางให้ลุกไปอาบน้ำและกรอกบะหมี่ร้อนๆ ลงท้อง นางถึงจะรู้สึกว่าได้ชีวิตคืนกลับมาครึ่งหนึ่ง
บ้านเจียง
หลินหวั่นชิวเป็คนปรับตัวไวมาก
โยนเื่ชาติกำเนิดตัวเองทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เถียนจวีเต๋อเป็โสวฝู ลูกสาวเป็กุ้ยเฟยที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด เขาสืบได้ว่าลูกสาวของหลินเจี้ยนหรงอยู่ที่หมู่บ้านเค่าซานแต่กลับไม่แจ้งราชสำนัก เลือกที่จะส่งคนมาเอาหยกแขวนเงียบๆ แทน
นี่หมายความ ตระกูลเถียนไม่มีความคิดที่จะเปิดโปงตัวตนของนาง
ส่วนบ้านหลิน…
บ้านหลินย่อมไม่โง่เช่นกัน ไม่มีเหตุผลให้ต้องป่าวประกาศว่านางเป็ลูกสาวนักโทษ เพราะต้องบอกก่อนว่าคนที่ช่วยซ่อนตัวลูกหลานนักโทษมีโทษจำคุกเช่นกัน
สถานการณ์เป็เช่นนี้ ในเมื่อนางเปลี่ยนแปลงแก้ไขกระไรไม่ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติเถิด
คนที่เคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง…จะกลัวกระไรกัน
ไม่มีกระไรต้องกลัวทั้งนั้น!
จางซื่อยังไม่มีความเคลื่อนไหว นางจึงรอ มีเวลาก็วาดรูปในห้องอันอบอุ่น
ตู้ซิวจู๋เป็อัจฉริยะโดยแท้ นางแค่วางโครงเื่กับแิให้ แต่เขากลับเข้าถึงแก่นหลักได้อย่างแท้จริง
เขียนบทนำมาหลายหมื่นตัวอักษร บรรยายความอยุติธรรมและการกดขี่ข่มเหงที่เด็กหนุ่มได้พบเจอออกมาได้อย่างสมจริง อ่านแล้วเกิดอารมณ์ร่วม อยากทะลุผ่านหนังสือเข้าไปฆ่าคนที่รังแกเขา
เขาไม่ได้ปาอุปสรรคใส่ตัวเอกตลอด แต่มอบความหวังท่ามกลางอุปสรรคให้ด้วย ความหวังก็คือสูตรโกงที่นางเคยบอกเขา
ตู้ซิวจู๋เขียนออกมาได้ดีมากจริงๆ สามารถทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่ยุติธรรมไปพร้อมกับตั้งตาคอยว่าตัวเอกจะใช้สูตรโกงทำกระไร
ตู้ซิวจู๋เขียนได้ดี หลินหวั่นชิวอ่านไปด้วย ในหัวจินตนาการภาพตามบทบรรยายไปด้วย ใช้พู่กันวาดภาพร่างออกมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้น นางใช้เวลาสี่วันมาวาดภาพต้นฉบับขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ได้ใช้ลายเส้นแบบหนังสือภาพ ใช้ลายเส้นแบบมั่นฮว่า ถ้าเป็แบบมันฮวา…เช่นนั้นก็เท่ากับดัดแปลงชิ้นงานขึ้นมาใหม่ บางจุดที่อธิบายด้วยคำบรรยายถูกเปลี่ยนเป็รูปภาพแทน
ตู้ซิวจู๋ให้เนื้อหานางมาสิบบท นางต้องใช้เวลาสี่วันกว่าจะวาดเนื้อหาของบทแรกออกมาได้
นางอยากมอบให้ตู้ซิวจู๋ดูก่อน พูดคุยเกี่ยวกับสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง
ไม่รู้ว่าตู้ซิวจู๋จะยินยอมหรือไม่
“ไท่ไท่ ป้าสองจ้าวมาเ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ลานชั้นนอก” เสียงของป้าฝูหรงดังมาจากนอกประตู “นางดูร้อนใจยิ่งนัก บอกว่าจ้าวหงฮวาหายตัวไป”
หลินหวั่นชิวรีบวางพู่กันลง “ไปเชิญเข้ามา”
พูดจบก็ลุกขึ้นตามออกไป
“หวั่นชิว…” ป้าสองจ้าวเช็ดน้ำตาพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา “หงฮวาหายไปแล้ว ป้าขอยืมคนของเ้าสักสองคนไปช่วยตามหาได้หรือไม่”
ถึงจะทำเื่ขายหน้าขนาดไหนก็ยังเป็ลูกสาวนาง นางจะไม่เป็ห่วงได้อย่างไร
“ท่านป้าอย่าเพิ่งใจร้อนเ้าค่ะ ข้าจะให้เจียงไฉกับเจียงเป่าตามท่านไปประเดี๋ยวนี้ หงฮวาหายไปเมื่อไร เกิดกระไรขึ้น?”
หลินหวั่นชิวพูดจบก็ให้ป้าฝูหรงไปตามเจียงไฉกับเจียงเป่า
ขณะที่กำลังรอ ป้าสองจ้าวก็ร้องไห้ว่า “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้ากลับมาจากข้างนอกก็ไม่เจอนางแล้ว คิดว่านางออกไปเดินเล่นจึงไม่ได้สนใจ แต่นี่ก็มืดแล้ว นางยังไม่กลับมาอีก… นางเป็สตรี ทั้งยังกำลังป่วย จะเดินไปที่ใดได้เล่า? จะคิดไม่ตกจนไปทำเื่โง่เขลาหรือไม่?”
หลินหวั่นชิวไม่คิดว่าจ้าวหงฮวาเป็คนที่กล้าฆ่าตัวตาย เพราะหากอยากตายก็คงทำไปนานแล้ว ไม่รอถึงตอนนี้
“ท่านดูในห้องนางหรือยัง เสื้อผ้าหายไปบ้างหรือไม่? ข้าวของยังอยู่ครบหรือไม่?”
“ดูแล้ว เสื้อผ้าหายไปสองชุด วัสดุที่ได้จากเ้าก็หายไปเช่นกัน อย่างอื่นอยู่ครบ”
“ในเมื่อนำของไปด้วย เช่นนั้นก็ไม่ได้คิดสั้น” หลินหวั่นชิวปลอบใจป้าสองจ้าว
แม้นางจะเป็คนเปลี่ยนน้ำถ้วยนั้นให้จ้าวหงฮวาดื่ม แต่หลินหวั่นชิวไม่รู้สึกผิดหรือเสียใจ
จะให้นางให้อภัยคนที่ทำร้าย ตอบแทนความแค้นด้วยความดีเช่นนั้นหรือ?
แต่ในเมื่อป้าสองจ้าวมาขอให้นางช่วย อกระไรที่นางช่วยได้ก็จะช่วย
นางไม่ได้รู้สึกขัดแย้งในตัวเองที่ทำเช่นนี้ ช่วยป้าสองจ้าวกับสั่งสอนจ้าวหงฮวาเป็คนละเื่กัน
“ลูกคนนี้จะไปที่ใดได้กัน?” ป้าสองจ้าวร้องไห้ “โลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตราย ต่อให้นางไม่ได้คิดสั้น แต่หากเจอคนไม่ดีเข้าจะทำอย่างไร?”
หลินหวั่นชิวไม่รู้ว่าควรปลอบอย่างไร จะให้บอกว่าไม่ต้องเอานังลูกสาวคนนี้แล้วก็ไม่ใช่
โชคดีที่เจียงไฉกับเจียงเป่ามาแล้ว หลินหวั่นชิวรีบให้ทั้งคู่ไปกับป้าสองจ้าว
“ป้าฝูหรง ท่านไปที่ประตูหน้าแล้วปิดประตูทางเข้าหลัก”
“เ้าค่ะ!”
ผ่านไปอีกสักพัก เจียงหงหย่วนก็ขี่ม้ากลับม้า หลินหวั่นชิวไปอุ่นกับข้าวในครัวให้ร้อน กินข้าวเย็นเป็เพื่อนเจียงหงหย่วนในครัว
ขณะที่กินข้าว นางเล่าเื่ที่จ้าวหงฮวาหายตัวไปให้เขาฟังไปด้วย
“ท่านว่าใช่ฝีมือจางซื่อหรือไม่?” หลินหวั่นชิวถามพร้อมกับตักน้ำแกงให้เจียงหงหย่วน
เจียงหงหย่วนรับน้ำแกงลูกชิ้นมากวาดลงท้อง ใช้ผ้าเช็ดปากหลังจากกินอิ่ม “น่าจะใช่ ข้าบอกหลินชุ่ยไปว่าคนที่ถูกย่ำยีคือจ้าวหงฮวา นางคงจะบอกเื่นี้ให้จางซื่อรู้”
“ก็หมายความว่า จางซื่อจะใช้จ้าวหงฮวาสาดน้ำสกปรกใส่ข้า? บ้านจ้าวสนิทกับบ้านพวกเราขนาดนี้ ชาวบ้านต้องเชื่อคำของจ้าวหงฮวาเป็แน่… บวกกับคำให้การของโจวเอ้อร์เหนิง เท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าคนที่ถูกโจวเอ้อร์เหนิงย่ำยีเมื่อวันนั้นคือข้า ส่วนตัวท่านเองก็ไม่น่า้าสตรีที่ไม่สะอาด ถึงเวลาแล้วจางซื่อจะก้าวออกมารับข้ากลับไปอยู่บ้านหลิน ตัวข้าที่ถูกท่านทอดทิ้งย่อมซาบซึ้งในบุญคุณนาง นางพูดกระไรก็ยอมทำเสียหมด ้าหยกแขวนก็มอบให้ หย่วนเกอ…ท่านว่าเถียนโสวฝู่ขาดแคลนเงินทองหรือไม่?”
หลินหวั่นชิววิเคราะห์ยาวเหยียดแต่กลับเปลี่ยนเื่คุยอย่างฉับพลัน เปลี่ยนมาคุยว่าเถียนจวีเต๋อมีเงินแค่ไหน วิถีการหักเหนี้…แทบจะหักเหจากขั้วโลกใต้ไปขั้วโลกเหนือ
แต่เจียงหงหย่วนกลับสามารถไล่ตามความคิดหลินหวั่นชิวทัน เขาอดหัวเราะไม่ได้ “น่าจะไม่ค่อยมีเงินนะ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงใช้ให้คนหูตาคับแคบเช่นนี้เป็คนทำงาน? เงินเดือนที่ให้คงจะไม่สูงนัก”
เงินเดือนไม่สูง คนที่จ้างมาจึงหน้าตาอัปลักษณ์และสมองผิดปกติ
ยังคงยืนยันคำเดิม หลินหวั่นชิวไม่ได้กินอิ่มที่บ้านหลิน คนบ้านหลินจะทิ้งหยกแขวนไว้กับนางได้อย่างไร?
เหอะๆ…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้