หญิงชราที่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างนายหญิงวังมีสีหน้าซีดเผือด ยืนนิ่งถือกะละมังใส่น้ำ ไม่ขยับตัวราวกับรูปปั้น
ตอนที่เห็นหลินฟู่อินเดินเข้ามา ทั้งสองก็มีท่าทีราวกับมิได้เห็นนางเป็มนุษย์เป็ๆ
ชัดเจนว่ากำลังสั่นสะท้านอยู่
หลินฟู่อินรีบไปดึงตัวหญิงชรามา แล้วเข้าไปเปิดเปลือกตาของนายหญิงวัง โชคดีที่ั์ตายังปกติอยู่ แปลว่าผู้เป็แม่แค่หมดแรงเท่านั้น
แล้วนางจึงไปตรวจตรงช่องคลอด แม้ช่องคลอดจะเปิดเต็มที่แล้ว แต่หัวเด็กมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นจึงยากที่จะคลอดแม้มันจะเปิดเต็มที่
“ท่านหมอตำแย ั้แ่ตอนที่ช่องคลอดเปิดนี่ เวลาผ่านมานานแค่ไหนแล้ว?” หลินฟู่อินถามเสียงต่ำ
ดวงตาของหญิงชรากระจ่างขึ้น “ราวๆ สามเค่อ…”
หลินฟู่อินโล่งอก โชคดีที่รถม้าของหลี่อี้มาเร็วพอ และนางมาได้จังหวะพอดี
หลินฟู่อินพยายามปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า แล้วกล่าวกับนายหญิงวังด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหญิง นี่เป็บุตรคนแรก การคลอดยากถือเป็เื่ปกติ ท่านอย่าได้กลัวแล้วฟังคำของข้า ก่อนอื่นหายใจเข้าลึกๆ เพื่อท่านจะได้มีแรงเบ่งต่อ”
เมื่อได้ยินคำของหลินฟู่อินแล้ว ผู้เป็แม่จึงลืมตาขึ้นมา แต่เมื่อเห็นว่าคนที่คุยกับนางเป็เพียงเด็กผู้หญิง นางก็นิ่วหน้า
แต่พอได้เห็นั์ตาทรงผลซิ่งของหลินฟู่อินที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจแล้ว นางก็เริ่มมีเรี่ยวแรงกลับมาอีกครั้ง
นางกะพริบตารับตอบหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินพยักหน้า จากนั้นจึงไปดูตรงช่องคลอดพลางบอกให้หมอตำแยขึ้นไปปิดตาของผู้เป็แม่เสีย ก่อนจะหยิบเอากรรไกรเล็กๆ ออกมาจากกล่องยา ล้างด้วยเหล้าขาว แล้วจึงตัดเปิดด้านข้างของสตรีอย่างคล่องแคล่ว
เพราะความเ็ปในระหว่างการคลอดมันมหาศาล นางจึงไม่ทันรู้สึกถึงแผลที่ถูกตัดเลยแม้แต่น้อย จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงของหลินฟู่อินดังมา “เบ่งเลย!”
หมอตำแยเองก็เผลอเกร็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“อุแว้…”
ผู้เป็แม่ผ่อนคลายลงจนเผลอหลับตา
หมอตำแยหันมามองแล้วก็ะโอย่างเริงร่า “คลอดออกมาแล้ว! ตัวเล็กน่ารักนัก…”
หลินฟู่อินยกเ้าตัวน้อยผมดกขึ้นมา พลิกตัว แล้วจึงตีก้นน้อยๆ นั่นสองครั้ง ทว่าเด็กไม่ตอบสนอง
“แม่นาง… เหตุใดนายน้อยถึงไม่ร้องกัน?” หญิงชราที่รื่นเริงจนถึงเมื่อครู่กลับมาวิตกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเด็กไม่ยอมร้อง
หมอตำแยเฒ่าเองก็หวาดกลัวขึ้นมา นี่เป็หลานชายของวังฮูหยิน หากตายขึ้นมา นางคงได้ถูกเ้าบ้านวังขูดรีดจนตายแน่!
“ข้าช่วยอะไรได้บ้าง!” หญิงชราเริ่มส่งเสียงร้องขึ้นมา
“ใอะไรกัน?” หลินฟู่อินหันไปมองทั้งสองด้วยสายตาคมปลาบ ก่อนจะมองหญิงชราตรงๆ “ท่านป้า มัวแต่คิดอะไรอยู่? รีบไปทำความสะอาดคนแม่สิ!”
แล้วนางจึงตีก้นเด็กอีกครั้ง
“อุแว้ อุแว้…”
เ้าตัวน้อยแรกเกิดอ้าปาก ยู่หน้า ส่งเสียงร้องในที่สุด
เมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็กแล้ว ผู้เป็แม่จึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
หลินฟู่อินส่งเด็กให้หญิงชรา “ไปเช็ดเด็กให้สะอาดด้วยผ้าไหมสีขาวในกล่องที่ข้าเอามาเสีย อย่าได้ล้างตัว”
และในระหว่างที่หญิงชรากำลังตกตะลึง หลินฟู่อินก็นั่งลงร้อยด้าย แล้วลงมือเย็บแผลที่ตัดแนวขวางเมื่อครู่ทันที
การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและเบามือ จนผู้เป็แม่ที่กำลังเอาแต่สนใจลูกไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
เมื่อหลินฟู่อินช่วยทำความสะอาดนางเสร็จแล้ว ก็ไปล้างมือด้วยการราดเหล้าขาวใส่ผ้าขาวแล้วเช็ดมือจนสะอาด ก่อนจะไปดูแผลที่เย็บของผู้เป็แม่
ผู้เป็แม่นั้นมีอายุอย่างมากก็สิบเจ็ดหรือสิบแปด ยังมีเค้าลางความเป็เด็กเหลืออยู่ ในตอนที่หลินฟู่อินไปตรวจ ใบหน้าของนางจึงขึ้นสีแดงแฝงด้วยความอาย หลินฟู่อินถอนหายใจ
แต่ก็ยิ้มออกมา “ยินดีกับการคลอดด้วยเ้าค่ะ พักให้สบายเสีย เพราะตัวท่านในตอนนี้สามารถให้นมเด็กได้แล้ว”
“ให้นมหรือ?” ผู้เป็แม่ถามด้วยใบหน้าที่สุกเป็ลูกตำลึง
“อ๊ะ เป็วิธีพูดของแม่ข้าน่ะเ้าค่ะ หมายถึงให้ดื่มนมวัวนั่นแหละเ้าค่ะ” หลินฟู่อินรูปหัวพลางยิ้มอายๆ
หญิงชราเองก็มิได้พาเด็กไปล้างตัวให้สะอาดเช่นปกติ แต่เลือกที่จะเช็ดตัวตามที่หลินฟู่อินบอกแทน จากนั้นจึงห่มผ้าบางๆ แล้วนำไปให้แม่เด็ก
เมื่อหมอตำแยาุโเห็นแผลของผู้เป็แม่ในตอนที่ไปช่วยทำความสะอาดตัวแล้ว ใจนางก็สั่นสะท้านขึ้นมา
นางไม่ได้กลัวการทำคลอด นางเป็หมอตัวแยมาหลายสิบปีแล้ว นางจะยังต้องกลัวอะไรอีก?
แต่เด็กน้อยผู้นี้เรียกได้ว่าเป็ยอดฝีมือ! หากนางไม่มาในวันนี้ วันดีๆ ของนายหญิงวังคงได้กลายเป็วันตายแทนเป็แน่
เมื่อหลินฟู่อินเห็นตนไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว จึงเก็บของใส่กล่องยา แล้วเลิกม่านขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับ
“แม่นาง หยุดก่อน!” ผู้เป็แม่รีบส่งเสียงเรียกหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินที่เพิ่งก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวหยุดขาลง หันกลับมามอง
จึงได้เห็นว่าคนเรียกนั้นมีสีหน้าจริงจังทั้งยังคลอไปด้วยน้ำตา และนางก็กล่าวออกมาทั้งใบหน้าเปื้อนน้ำตานั่น “วันนี้เ้าช่วยชีวิตของพวกเราแม่ลูกเอาไว้ หากไม่มีเ้าแล้ว ข้า… พวกข้าคง…”
“ท่านหญิง ผ่อนคลายเถอะเ้าค่ะ ทุกอย่างจบลงแล้ว รักษาตัวให้ดี การเลี้ยงลูกให้ดีเองก็เป็สิ่งสำคัญนะเ้าคะ” หลินฟู่อินคลี่ยิ้มบางแล้วกล่าวออกมา
“เฉินอวิ๋น ไปเอาปิ่นปักผมทองคำสำหรับให้เ้าสาวมาให้แม่นางท่านนี้เพื่อเป็การขอบคุณเสีย!” นายหญิงวังยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา แล้วมองหลินฟู่อิน “แล้วข้าจะทำตามที่แม่นางว่าเป็อย่างดี… นี่ข้ายังไม่รู้ชื่อของแม่นางเลยมิใช่หรือ?”
“ข้าสกุลหลิน นามว่าฟู่อินเ้าค่ะ” หลินฟู่อินคลี่ยิ้มแล้วผงกศีรษะ แล้วจึงกล่าว “การรั้งคนจากความตายและรักษาคนเจ็บเป็หน้าที่ของหมอ ท่านหญิงมิต้องแสดงความขอบคุณด้วยของมีค่ามากมายก็ได้เ้าค่ะ เพราะการที่พวกท่านไม่ต้องพบข้าอีก คงเป็เื่ที่มีความสุขที่สุดสำหรับข้าแล้ว”
เมื่อคำพูดของหลินฟู่อินจบลง วังฮูหยินที่มีรอยยิ้มเบ่งบานราวกับบุปผาที่ผลิดอก ก็เปิดม่านประตู “โอ แม่นางหลิน เ้าช่างเป็หมอเทวดาจริงๆ เมื่อครู่เป็เพราะข้าไม่รู้กาลเทศะเอง โปรดอย่าใส่ใจ ท่านปู่เองก็บอกว่าจะจ่ายค่าทำคลอดให้แม่นางหลินอย่างงาม! เฝิงฮูหยิน พาแม่นางหลินไปทานขนมอี๋เสีย ให้ทานหลายๆ ถ้วยเลย!”
ริมฝีปากของหลินฟู่อินกระตุกขึ้นมา ขนมอี๋เป็ขนมแช่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ให้พวกหมอตำแยกิน หากเป็ขนมอี๋ในบ้านที่ฐานะยากจนมักจะมีหกลูกต่อหนึ่งถ้วย นั่นหมายถึงขนมคำโตๆ หกคำ และผู้ใหญ่ทั่วไปยังแทบทานได้ไม่ครบหกลูก แต่วังฮูหยินผู้นี้กลับอยากให้นางทานหลายๆ ถ้วย…
วังฮูหยินไม่เอะใจถึงสิ่งที่หลินฟู่อินกำลังคิด เมื่อกล่าวจบ นางก็กรีดร้องขึ้นมาทันที “หลานข้า มาให้ย่า มาให้ย่าดูหน่อย…”
เมื่อหลินฟู่อินเห็นฮูหยินผู้นี้เรียกหาหลานชายอย่างตื่นเต้นแล้ว นางก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ ในใจเผลอมีอารมณ์ร่วมไปกับความสุขของวังฮูหยินและคนบ้านวัง
ขนมอี๋ถูกนำมาทานที่โต๊ะร่วมกับหมอหลี่และหลี่อี้ รวมไปถึงหมอตำแยเฒ่า
เ้าบ้านวังเป็ชายวัยกลางคนร่างเล็ก แต่งตัวหรูหรา มีหนวดเล็กๆ ประดับ ใบหน้าดูเ้าเล่ห์
การที่เ้าบ้านวังมาทานขนมอี๋ด้วยเช่นนี้ หลินฟู่อินเดาว่าทำไปเพื่อรักษาหน้าหมอหลี่
และนางก็ยังเดาว่า แม้เ้าบ้านวังจะกล่าวขอบคุณนางในตอนแรก แต่เขาก็หันไปคุยและขอบคุณหมอหลี่ที่ช่วยชีวิตหลานชายของเขาไม่หยุดหลังจากทานเสร็จ
หลินฟู่อินไม่รู้ตัวเลย ว่าหลี่อี้กำลังลอบมองนางไม่หยุด เพราะกลัวว่านางจะไม่พอใจ…