เติ้งซุ่นถูกหลงวี้บดขยี้หัวใจในหอกเดียว สองตาเบิกโพลงทันที
ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเขามาก่อนเลย!
แต่เดิมเขายังคิดว่า ต่อให้ครั้งนี้จะไม่สามารถฆ่าหลงอวี้ตามคำสั่งสังหารของทะเลดาวเย่หลุนได้ แต่อย่างน้อยแค่ได้แสดงความตั้งใจของตัวเองให้เห็นก็พอแล้ว
ถึงอย่างไรหากพวกเขาสี่คนร่วมมือกันแล้ว ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ก็สามารถต่อกรได้ มีหรือจะมาสิ้นท่าให้กับไอ้หนูระดับิญญาแท้ขั้นที่สองแค่คนเดียว?
ต่อให้ฆ่าไม่ได้ อย่างมากก็แค่ปล่อยให้ไอ้หนูนี่หนีรอดไปได้ก็เท่านั้น!
ใครจะไปรู้ว่าหลงอวี้เคยฆ่าสัตว์อสูรสุดแกร่งระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่แล้วถึงสองตัว?
และเป็เพราะพวกเขาดูถูกศัตรูมากเกินไป จนกระทั่งเติ้งซุ่นถูกฆ่าตายแล้ว ทั้งสี่คนก็ยังไม่ได้งัดเอากลยุทธ์ที่พวกตัวเองใช้ประจำออกมาต่อกรกับหลงอวี้เลย
หลังจากเติ้งซุ่นตายไป ในที่สุดแก่นอัสนีซ่อนที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างของหลงอวี้ก็ได้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณอย่างสมบูรณ์
หอกัปรภพในเมืองของหลงอวี้ได้แทงออกไปอย่างหนักหน่วงพร้อมกับแก่นอัสนีซ่อนอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่ง พลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงนั่นได้ปะทุออกมา ทำให้ทั้งสามคนที่เหลือที่แต่เดิมก็ถูกแก่นอัสนีซ่อนเล่นงานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้วก็ยิ่งไม่เหลือพลังที่จะต่อต้านขัดขืนได้อีกอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพลังทำลายล้างของแก่นอัสนีซ่อนปะทุออกมา แม้แต่นาคาทมิฬแห่งหุบเขาปีศาจที่เปลี่ยนิญญาแท้ให้กลายเป็รูปธรรมได้แล้วก็ยังทนรับไม่ไหวจนต้องถอยหนี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่มีพลังแค่ระดับิญญาแท้ขั้นสามอย่างทั้งสามคนตรงหน้านี้เลย
ทั้งสามคนนั้นถูกแก่นอัสนีซ่อนปกคลุมไว้แทบจะพร้อมๆ กันทันที
เมื่อถูกพลังกฎเกณฑ์สี่ชนิดเล่นงานพร้อมกัน ผู้ที่มีพลังแค่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สามนั้นย่อมไม่มีทางต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย ไม่จำเป็ต้องทำอะไรอีกเลยด้วยซ้ำ แค่แก่นของกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนอย่างเดียวก็สามารถสังหารพวกมันทั้งหมดได้แล้ว
“กฎเกณฑ์ระดับลัญจกรดิน มีอานุภาพไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
หลงอวี้ตาเป็ประกายขึ้นมา เข้าใจในพลังของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว!
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะใช้พลังเหล่านี้ในการฆ่าหลงซีศิลาและนาคาทมิฬที่เป็สัตว์อสูรอันแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็สัตว์อสูร หลงอวี้ยังไม่เคยต่อกรกับยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่มาก่อนเลย
แต่ตอนนี้หลงอวี้มั่นใจแล้วว่า ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ เขาก็สามารถต่อกรได้!
ต่อให้จะต่อกรไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้โดยไม่ทันได้สู่แน่ เท่ากับว่าหลงอวี้ในตอนนี้ไม่น่าจะพ่ายแพ้ให้กับอวี่เชียนหนิงเมื่อสามเดือนก่อนแล้ว
แต่แน่นอนว่า ใน่เวลาสามเดือนนี้ อวี่เชียนหนิงเองก็ย่อมต้องมีการพัฒนาขึ้นด้วยเหมือนกัน
ตอนนี้ไม่มีใครรู้แล้วว่าอวี่เชียนหนิงยกระดับวิถียุทธ์ไปถึงขั้นไหนแล้ว แข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหน!
หลงอวี้กำหอกัปรภพแน่น ยืนตระหง่านอย่างหยิ่งผยอง เขาหันมองดูรอบตัว พบว่าชายตาแดงแขนเดียว ชายฉกรรจ์ค้อนคู่และชายลึกลับสวมหมวกกระดาษสามคนได้ล้มลงไปนอนกองบนพื้นพร้อมกัน!
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ราวกับััได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงะโร้องแหลมสูงดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขากะทันหัน
“ลอบโจมตี?”
สีหน้าของหลงอวี้อำมหิตขึ้นมา ทันทีที่เขาได้ยินเสียงร้องนั่นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็เฟิงเหยาที่ยืนดูอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดคิดจะลอบโจมตีใส่เขา!
“แม่นางเฟิง หยุดนะ!”
พลันเกิดเสียงะโอย่างดุร้ายขึ้นมาอีกเสียงหนึ่ง เหมือนจะดังมาจากใกล้ๆ กันเลย ต่อจากนั้นเงาร่างของฉือเสียวเสว่ก็ได้เคลื่อนตัวมาที่ด้านหลังของหลงอวี้อย่างรวดเร็ว!
คลื่นอากาศสายหนึ่งได้ะเิขึ้นจากด้านหลังของหลงวี้ ต่อจากนั้นเงาร่างสองสายก็ได้แยกออกมา
เฟิงเหยาคิดจะฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีหลงอวี้ แต่ฉือเสียวเสว่เองก็ได้ลงมือช่วยเหลือในจังหวะสำคัญเช่นกัน เขาเข้ามาขวางเฟิงเหยาไว้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะกันที่ด้านหลังของหลงอวี้นั่นเอง!
เมื่อหลงอวี้หันกลับไปมองก็เห็นเงาร่างอันใหญ่โตกำยำของฉือเสียวเสว่ยืนขวางอยู่ที่ด้านหลังของตน กำลังเผชิญหน้ากับเฟิงเหยาในชุดสีเขียวอ่อนโดยที่ในมือของนางถือกระบี่ยาวที่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษเอาไว้ มีจิตสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง
“แม่นางเฟิง แม้ข้าฉือเสียวเสว่จะไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร แต่ข้าก็พอรู้ว่าแม่นางกับสหายน้อยหลงมีบิดาคนเดียวกัน”
ฉือเสียวเสว่เอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เหตุใดถึงมาฆ่าฟันกันเองเช่นนี้ล่ะ?”
คำพูดนี้ตรงใจหลงอวี้พอดีเลย
เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองเคยไปล่วงเกินอะไรเฟิงเหยาไว้ ทำไมนางถึงได้จ้องจะเล่นงานเขาถึงตายตลอดเวลาเช่นนี้!
“เป็อย่างที่สหายฉือว่าไม่ผิด เฟิงเหยา ตอนอยู่ในเมืองอวี้กวนเ้าก็เคยส่งคนรับใช้มาสังหารข้าครั้งหนึ่ง เื่นี้ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเ้าเลยด้วยซ้ำ”
หลงอวี้เอ่ยพูดเสียงเรียบ
“คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เ้ายังจะไปผูกมิตรกับทะเลดาวเย่หลุนอะไรนั่นแล้วให้มันมาเอาชีวิตของข้าอยู่อีก ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ เ้ามีความแค้นอะไรกับข้ากันแน่?”
“พวกเ้าจะไปเข้าใจอะไร?”
เฟิงเหยากระแทกเสียงเ็าออกมา จ้องเขม็งหลงอวี้พร้อมกับถือกระบี่ที่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษเอาไว้ในมือก่อนจะกล่าวขึ้น
. “หากไม่ใช่เพราะเ้า หลงอวี้ มีหรือที่บิดากับมารดาข้าต้องแยกจากกันอย่างเช่นทุกวันนี้?”
หลงอวี้ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว
เฟิงฉางเกอกับหลิ่วอวี้แยกกันอยู่หรือ?
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ?
“เฟิงเหยา ข้าไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับมารดาเ้าเลยนะ และยิ่งไม่เคยพูดอะไรกับพ่อบุญธรรมด้วย แล้วเ้าจะบอกว่าข้าเป็ต้นเหตุที่พ่อบุญธรรมกับมารดาเ้าแยกกันอยู่ได้อย่างไร?”
หลงอวี้เอ่ยพูดเสียงเรียบ น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความแดกดันเล็กน้อย
อันที่จริงแค่ดูจากสีหน้าของเฟิงเหยาในตอนนี้หลงอวี้ก็เข้าใจเื่ราวทั้งหมดแล้ว ที่เฟิงเหยากับมารดาของนางหลิ่วอวี้จ้องเล่นงานเขามาโดยตลอดนั้น อันที่จริงก็เป็เพราะความอิจฉาริษยา!
“เ้ายังกล้าพูดอีก?”
เฟิงเหยาตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด
“หากไม่ใช่เพราะเ้า มีหรือที่บิดาจะทุ่มเทความรักความเอาใจใส่ทั้งหมดไปที่เ้าเพียงคนเดียวแล้วทำตัวเหินห่างกับข้าและมารดาเช่นนี้? หากไม่ใช่เพราะเ้า มีหรือที่บิดาจะตัดขาดกับข้าและมารดาอย่างสิ้นเชิงจนต้องแยกจากกันจนถึงทุกวันนี้? เ้าจะบอกว่าเื่เหล่านี้ล้วนไม่ใช่ความผิดของเ้าอย่างนั้นหรือ!”
“หือ?”
ในดวงตาของหลงอวี้ฉายแววดูแคลน
“พ่อบุญธรรมทำตัวเหินห่างกับพวกเ้าเมื่อไรกัน? ตอนที่เ้ากลับมาจากสำนักน้ำแข็งเยือกแล้วขอกระบี่โบราณปิ่งถงไป พ่อบุญธรรมก็ยังยกให้เ้าอย่างไม่ลังเล! ส่วนเื่ที่พวกเ้าตัดขาดกับพ่อบุญธรรมน่ะ... พวกเ้าจำไม่ได้หรือว่าตอนที่พ่อบุญธรรมถูกเฟิงอวิ๋นทำร้ายจนาเ็ก่อนหน้านี้ ตอนนั้นพวกเ้าทำอะไรกันอยู่?”
พอพูดถึงตรงนี้แล้วหลงอวี้ก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าว จี้ถามอย่างไร้ปรานี
“ตอนนั้นพวกเ้ายังไปร่วมงานฉลองที่เฟิงอวิ๋นได้ขึ้นเป็ประมุขตระกูลเฟิงอยู่เลย ไปแสดงความยินดีให้กับคนที่ทำร้ายบิดากับสามีของตัวเอง!”
หลังสิ้นเสียง เฟิงเหยาก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธทันที หลังจากนั้นนางก็ตอบโต้กลับ
“ตอนนั้นเฟิงอวิ๋นเอาชนะข้ากับบิดาของข้าได้แล้ว มันย่อมมีสิทธิ์ขึ้นเป็ประมุขตระกูลได้อยู่แล้ว!”
“เ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือว่าพวกเ้าผิดตรงไหน?”
หลงอวี้หัวเราะอย่างเ็า
“เฟิงอวิ๋นมันจะได้เป็ประมุขหรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับเ้า? ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็ศัตรูที่ลงมือทำร้ายพ่อบุญธรรมจนาเ็ แต่พวกเ้าไม่เพียงแต่จะไม่อยู่ดูแลพ่อบุญธรรม กลับยังมีหน้าไปแสดงความยินดีให้กับศัตรูอีก หากผู้อื่นรู้เข้าไม่ว่าใครก็ต้องหัวเราะดูถูกเ้าเป็แน่!”
หลังจากฟังจบแล้ว ฉือเสียวเสว่ก็พอจะเข้าใจเื่ราวคร่าวๆ ได้ทันที จึงอดรู้สึกอึ้งไม่ได้
เฟิงเหยากับมารดาของนางดูจะทำเกินไปหน่อยจริงๆ!
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นพ่อบุญธรรมก็ใช่ว่าจะไม่ให้โอกาสอะไรพวกเ้าเลยด้วย”
หลงอวี้หัวเราะเย็นเบาๆ แล้วกล่าวต่อ
“ตอนนั้นข้าบอกแล้วว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงเป็ผู้ที่ยังคิดจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อตระกูลเฟิงต่อไปล่ะก็ ทั้งหมดล้วนเป็คนของตระกูลเฟิงใหม่ทั้งสิ้น แต่เ้ากับมารดาของเ้ากลับเลือกที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป พ่อบุญธรรมเป็คนทิ้งพวกเ้าหรือเป็พวกเ้าเองที่ทิ้งพ่อบุญธรรม? เฟิงเหยา ไหนเ้าลองพูดมาสิ?”
พอได้ยินแล้ว เฟิงเหยาก็คิดจะตอบกลับไปทันทีว่า หลังจากนั้นนางก็ยินยอมรับคำขอหมั้นกับหวังเทียนจั๋วเพื่อช่วยเหลือตระกูลเฟิงแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร?
แต่เมื่อคำพูดมาถึงมุมปากแล้ว นางกลับพูดไม่ออก!
เพราะนางนึกขึ้นได้ว่า ถึงแม้ตอนนั้นนางจะไม่ได้กลับไป สุดท้ายก็มีลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของลัทธิสยบฟ้าปู้สิงมาช่วยอยู่ดี จะอย่างไรหลงอวี้กับเฟิงฉางเกอก็ไม่มีทางเป็อะไรแน่นอน!
เมื่อเฟิงเหยาพูดอะไรไม่ออก หลงอวี้เองก็คร้านจะต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้แล้วเช่นกัน
ความจริงก็เป็เช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้มีแค่การมอบบทเรียนให้เฟิงเหยาสักครั้งเท่านั้น!
“เฟิงเหยา ข้าเคยรับปากกับพ่อบุญธรรมแล้วว่าหากวันใดข้าได้พบกับเ้าอีก ให้ข้าไว้ชีวิตเ้าหนึ่งครั้ง... ตอนนี้ข้าจะทำตามที่รับปากกับพ่อบุญธรรม จะยอมปล่อยเ้าไป”
“หลงอวี้มีสีหน้าเ็า
“แต่ก่อนจะไป เ้าต้องทิ้งยุทธภัณฑ์ในมือเ้าก่อน!”
หากเฟิงเหยาคิดจะฆ่าเขาอีกครั้งล่ะก็ เขาย่อมไม่มีทางนิ่งเฉยอีกต่อไปแน่!
ต่อให้เขาต้องทำตามที่รับปากกับเฟิงฉางเกอ เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเสียผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษหนึ่งชิ้น มีมูลค่าอย่างต่ำก็ห้าพันเหรียญผลึกขึ้นไปเลยทีเดียว
มันคือทรัพย์สินก้อนโตอย่างแน่นอน!
เมื่อเฟิงเหยาได้ยินคำพูดของหลงอวี้ บนใบหน้าก็มีเส้นเืปูดโปนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ทันที
ให้นางทิ้งยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษเอาไว้แล้วหนีเอาชีวิตรอดไปอย่างนั้นหรือ?
นางมีทะเลดาวเย่หลุนคอยหนุนหลังอยู่เชียวนะ แต่ตอนนี้กลับโดนคนที่มีวิถียุทธ์แค่ระดับิญญาแท้ขั้นสองข่มขู่ให้ทิ้งยุทธภัณฑ์ไว้แล้วหนีเอาชีวิตรอดไปเนี่ยนะ!
เฟิงเหยาคิดอยากจะชักกระบี่ออกแล้วพุ่งเข้าใส่หลงอวี้ต่อทันทีโดยไม่รู้ตัว แต่สัญชาตญาณของนางกลับบอกว่าตัวเองในตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงอวี้!
ต่อให้่ที่ผ่านมานางจะได้เจอกับทะเลดาวเย่หลุนและได้รับการช่วยเหลือจากทะเลดาวเย่หลุนจนสามารถก้าวขึ้นมาสู่ระดับิญญาแท้ขั้นสองจากวิถียุทธ์ขั้นแปดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังได้รับกระบี่ที่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษหนึ่งเล่มด้วย แต่กระนั้นความเร็วในการพัฒนาของหลงอวี้กลับเร็วยิ่งกว่านางเสียอีก!
หลงอวี้ถือหอกัปรภพไว้ในมือ ทั่วทั้งร่างกายได้แผ่จิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา รอบตัวเขายังมีศพของพวกเติ้งซุ่นสี่คนนอนตายอยู่ด้วย ภาพนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศของหลงอวี้ดูดุดันน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม
ภาพตรงหน้านี้มันทำให้เฟิงเหยาหวาดกลัวไปอย่างสิ้นเชิง
“หึ”
เฟิงเหยากัดฟันแน่น แม้จะเจ็บใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมโยนกระบี่ในมือออกไปไว้ที่ใต้เท้าของหลงอวี้
หลังจากนั้นนางก็หันหลังแล้วมุ่งหน้าออกจากหุบเขาไปอย่างรวดเร็วทันที
“สหายน้อยหลง เ้านี่มัน... ร้ายกาจ”
ฉือเสียวเสว่ที่ชมเหตุการณ์อยู่ตลอดนั้นอดส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะใช้คำไหนมาพูดกับหลงอวี้ดี สุดท้ายก็พูดได้แค่คำว่า ร้ายกาจ
“สหายฉือ ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”
หลงอวี้หัวเราะเบาๆ
“สหายน้อยหลงไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ด้วยความสามารถของเ้า ต่อให้ไม่มีข้าฉือเสียวเสว่อยู่ เ้าก็ไม่มีทางเป็อะไรอย่างแน่นอน จะใช้คำว่าช่วยเหลือได้อย่างไร!”
ฉือเสียวเสว่หัวเราะก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยพูดขึ้น
“หากไม่ใช่เพราะเ้า เมื่อครู่นี้ข้าลงมือสังหารเฟิงเหยาทิ้งไปแล้วเป็แน่ หากเป็เช่นนั้นก็เท่ากับว่าข้าผิดสัญญากับพ่อบุญธรรมแล้ว...”
หลงอวี้อธิบายขึ้นมาก่อนจะเอ่ยพูดอย่างเฉยชา
“แต่ก็มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น หากยังมีครั้งหน้าอีกล่ะก็ ข้าไม่มีวันปล่อยเฟิงเหยาไปแน่!”
“บัดนี้นางเป็คนของทะเลดาวเย่หลุนไปแล้ว เป็คนหนุนหลังที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา เกรงว่านางคงจะยังไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่เลย”
สีหน้าของฉือเสียวเสว่เปลี่ยนไปกลายเป็สีหน้าเคร่งเครียด
“อย่างนั้นก็คอยดูแล้วกัน”
หลงอวี้หัวเราะเบาๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ถ้าอย่างนั้นข้าฉือเสียวเสว่ขอตัวลาไปก่อนหนึ่งก้าวแล้วกัน สหายน้อยหลง แล้วพบกันใหม่”
ฉือเสียวเสว่ยกมือขึ้นทำท่าคารวะ จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ได้นำอะไรติดมือไปด้วยเลยแม้แต่อย่างเดียว
เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะมอบของที่ได้มาทั้งหมดให้กับหลงอวี้!
สำหรับหลงอวี้มันก็ย่อมต้องเป็เื่ดีอยู่แล้ว ยุทธภัณฑ์ที่พวกเติ้งซุ่นสี่คน ซากศพของสัตว์อสูรฉางหมาน ทั้งหมดล้วนมีมูลค่าไม่น้อยเลย!
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็กระบี่ยาวที่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษที่เฟิงเหยาทิ้งไว้เล่มนั้น
