เหมยเซียงไปเอาของว่างที่ห้องครัวเดินผ่านมาพอดีได้ยินเสียงร้องไห้จึงหยุดเดินแล้วชะเง้อคอมองหา นางเห็นจือชิวกำลังร้องไห้อยู่แอบคิดในใจว่าไม่ได้การแล้ว
นางเป็คนเรียกให้จือชิวไปช่วยดูแลฮูหยินใหญ่ล้างมือ อีกฝ่ายไม่ควรมาแอบร้องไห้อยู่ตรงนี้นี่
“จือชิว เหตุใดเ้าจึงมาร้องไห้อยู่ที่นี่มิใช่ให้เ้าไปช่วยดูแลฮูหยินใหญ่ล้างมือหรอกหรือ?” เหมยเซียงวางของว่างไว้ที่โต๊ะหินข้างทาง แล้วเดินเข้าไปประคองจือชิว
“พี่เหมยเซียง ข้ากลัว ข้ากลัวเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะถูกฮูหยินใหญ่ตีจนตายหรือไม่”จือชิวพูดไปร้องไห้ไป
เหมยเซียงได้ยินรีบเอามือไปปิดปากจือชิวไว้ นางเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะเอ่ยว่า “ระวัง อย่าพูดจาส่งเดช หากฮูหยินใหญ่มาได้ยินเข้าเ้าอยากถูกด่าทออีกหรือ?”
ในยามปกติเหมยเซียงก็จะแบ่งผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ให้สาวใช้เหล่านี้เพื่อให้นางได้ใช้สอยพวกสาวใช้ได้อย่างสะดวก นางจึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากพวกบ่าวอยู่มาก
เมื่อได้ยินว่าจือชิวถูกฮูหยินใหญ่ตบตีมาก็กังวลว่าฮูหยินใหญ่จะก่อเื่ใดขึ้นอีก นางไม่ทันปลอบจือชิวต่อ รีบยกของว่างเดินกลับไปทันที
เหมยเซียงเดินไปกังวลไป เมื่อใดฮูหยินใหญ่จะเลิกก่อเื่เสียทีต่อให้อยากก่อเื่ก็ควรจะมีชั้นเชิงบ้าง อย่าให้ผู้อื่นจับผิดได้แต่ที่นางอารมณ์ไม่ดีแล้วมาระบายเอากับบ่าวเช่นนี้ หากท่านแม่ทัพรู้เข้ามิใช่ว่าจะยิ่งไม่มีโอกาสได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากท่านแม่ทัพหรอกหรือ
ปรากฏว่าเหมยเซียงช่างเข้าใจนางจ้าวดีเหลือเกินนางเดาถูกแปดเก้าในสิบส่วนทีเดียว เพราะนางจ้าวนั่งไม่ติดอีกแล้วจริงๆ
“ไม่ได้การ ทำให้ฮูหยินซวยไม่ได้ แต่ทางอาหนูนั่นก็คงไม่มีผู้ใดคอยถือหางกระมัง”หลังจากนางจ้าวไล่จือชิวออกไปแล้ว นางก็ยังคงไม่อาจสงบจิตใจลงได้นางอดทนมาหลายปีนักแล้ว จะไม่ยอมรอต่อแม้สักวันเดียว อยากใช้อำนาจของนางจนอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว
“เหมยเซียง เหมยเซียง” นางจ้าวะโเรียกเสียงดัง
เหมยเซียงรีบวิ่งเหยาะๆ กลับมา แอบหวังว่าเมื่อนางกลับมาถึงห้องนอนก็จะเห็นฮูหยินใหญ่หายโกรธแล้วแต่นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันมาถึงลานบ้านก็ได้ยินอีกฝ่ายเรียกหาเสียแล้ว
นางฟังความร้อนใจในเสียงะโของนางจ้าวออกรู้สึกเป็ห่วงขึ้นมาว่านางจ้าวจะโมโหเกินไปจนส่งผลต่อครรภ์หรือไม่นางได้ยินแล้วก็รีบยกชายกระโปรงวิ่งมาหา
“ฮูหยินใหญ่เป็อย่างไรเ้าคะ”พอเข้ามาในห้องได้เหมยเซียงก็รีบถามทันใด
“ไปเดินเล่นที่เรือนอาหนูกับข้า”
“หา ที่เรือนฮูหยินรองหรือเ้าคะ?” เหมยเซียงมองนางจ้าวอย่างฉงน อาหนูถูกท่านแม่ทัพสั่งกักบริเวณแล้วระยะนี้นางย่อมไม่อาจสร้างคลื่นลมใดๆ ได้แล้วฮูหยินใหญ่คิดจะไปที่นั่นด้วยเื่ใดอีก
“ข้าอยากไปดูว่านางเขียนเทียบเชิญไปได้เท่าใดแล้วต้องคอยไปตรวจดูเรื่อยๆ จึงจะได้ มิเช่นนั้นหากอาหนูแอบี้เีพอถึงเวลาไม่ได้เทียบเชิญขึ้นมามิใช่จะทำให้เสียการใหญ่เื่งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าหรอกหรือ”
นางจ้าวหาเหตุผลไปหาเื่อาหนูได้แล้วจึงอารมณ์ดีนัก
เหมยเซียงอ้าปากอยากเอ่ยคำทัดทาน แต่พอนางเห็นแววตาร้ายกาจของนางจ้าวที่้าจะหาคนมารับเคราะห์แล้วจึงล้มเลิกความคิดจะเอ่ยปากเตือนเสีย
นางเป็สาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่งหลักการเอาตัวรอดเป็ยอดดีนี้นางเองก็เข้าใจดี อย่าออกหน้าแข็งขืนไปเสียทุกเื่หากทำให้นางจ้าวระแวง คนที่จะซวยก็คือนางเอง
“เ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่” เหมยเซียงวางของว่างเอาไว้นางรู้ว่าหากโทสะในอกของฮูหยินใหญ่ไม่ได้ระบายออก ก็คงทานของว่างใดๆ ไม่ลงแน่
ณ ลานหน้าเรือนเหมยลู่ ผิงเอ๋อร์กำลังชะโงกหัวออกไปมองข้างนอกหลังจากอาหนูไล่เป่าจุ้ยเอ๋อร์ออกไป พ่อบ้านหวังก็ย้ายนางมาเป็สาวใช้ขั้นรองคอยปรนนิบัติอาหนู
นางเพิ่งเข้ามาอยู่ในเรือนเหมยลู่ได้ไม่นานจึงรู้สึกว่าทุกสิ่งแปลกใหม่ไปหมด ทั้งยังรู้สึกว่าฮูหยินรองเป็คนที่อยู่ด้วยง่ายเห็นหรือไม่สองสามวันมานี้ ฮูหยินรองล้วนไม่ได้ให้นางทำงานใด บอกเพียงว่างานของนางก็คือการรับผิดชอบเฝ้าอยู่ที่หน้าเรือนทุกวันเพื่อไม่ให้ต้อนรับแขกที่มาหาไม่ทันการณ์
เมื่อมองออกไปจากลานหน้าเรือนก็จะมองเห็นแขกที่จะมายังเรือนเหมยลู่ได้
ผิงเอ๋อร์ยืนมองอยู่ที่นี่มาสองวันแล้วก็ไม่เห็นจะมีแขกมาสักคนแต่นางก็ไม่กล้าละเลยงาน จึงยังคงมายืนเฝ้าอยู่ที่นี่อย่างขยันขันแข็ง
ด้วยเหตุนี้ผิงเอ๋อร์จึงเห็นตั้งนานแล้วว่านางจ้าวกับเหมยเซียงเดินมาจากไกลๆและมุ่งหน้ามาทางนี้
ผิงเอ๋อร์จำคำที่ฮูหยินรองสั่งไว้ได้อย่างดีว่าเมื่อเห็นมีคนมาต้องรีบเข้าไปแจ้งนางทันที
คิดได้ดังนี้ ผิงเอ๋อร์จึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนบอกกับจื่อเซียวว่าฮูหยินใหญ่กำลังเดินมาทางนี้
“เอาล่ะ ที่นี่ไม่ใช่เื่ของเ้าแล้ว เ้าไปรอที่เรือนหลังก่อน”จื่อเซียวสั่งผิงเอ๋อร์ไปคล้ายกับไม่มีเื่ใด
จนผิงเอ๋อร์เดินไปไกลแล้วจื่อเซียวจึงรีบเข้าไปในห้องบอกกับอาหนูว่า “ฮูหยินรองเ้าคะผิงเอ๋อร์มารายงานว่าฮูหยินใหญ่กำลังเดินมาที่เรือนเราเ้าค่ะ”
อาหนูยิ้มเย็นะเื “ดีมากข้าจะต้อนรับการมาเยือนของนางอย่างอบอุ่นทีเดียว”
อาหนูว่าพลางนั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะเขียนเทียบเชิญใบแล้วใบเล่าตามรายชื่อแขกที่นางจ้าวส่งมาให้จื่อเซียวคอยยืนฝนหมึกให้นางอยู่ข้างๆ แสร้งทำเป็ว่าพวกนางกำลังตั้งใจทำงานกันอย่างวุ่นวาย
“อาหนูอยู่หรือไม่?” นางจ้าวอารมณ์ดีขึ้นมาทันใดเมื่อคิดว่ากำลังจะเห็นหน้าตายามถูกบีบคั้นจนต้องยอมจำนนของอาหนูนานๆ ครั้งนางจะมายืนถามอยู่ที่หน้าประตู ไม่ได้บุกอาดๆ เข้าไปข้างในเหมือนก่อนนี้
“ฮูหยินใหญ่ เชิญข้างในเ้าค่ะฮูหยินรองกำลังเขียนเทียบเชิญอยู่เ้าค่ะพอดีว่ากำลังเขียนได้ครึ่งหนึ่งจึงไม่สะดวกออกมาต้อนรับเ้าค่ะ”จื่อเซียวเปิดม่านที่ประตูให้นางจ้าว รับอีกฝ่ายเข้ามาข้างใน
นางจ้าวเข้ามาในห้องแวบแรกก็เห็นอาหนูนั่งเรียบร้อยอยู่ที่หน้าโต๊ะกำลังตั้งใจเขียนเทียบเชิญอยู่
“ฮูหยินใหญ่มาหรือ จื่อเซียวรีบประคองให้ฮูหยินใหญ่นั่งลงก่อนข้าเขียนเทียบเชิญใบนี้เสร็จแล้วจะไปหา” วันนี้ก็ไม่บ่อยนักที่อาหนูจะมีมารยาทกับนางจ้าวมิได้มีท่าทียโสวางอำนาจเช่นก่อนมา
“เหอๆ อาหนูก็ช่างตั้งใจทำงานเสียจริง ทำให้ข้าประทับใจนัก”นางจ้าวเหน็บแนม
ได้ยินคำของนางจ้าว อาหนูกลับไม่ได้โมโหยังคงเขียนเทียบเชิญของนางต่อไป
“ฮูหยินใหญ่สอนสั่งได้ถูกต้องนัก อาหนูตระหนักแล้วเ้าค่ะ”อาหนูพูดไปเขียนไป
คล้ายว่าอาหนูเปลี่ยนเป็คนละคนนางจ้าวมองอย่างเคลือบแคลงและหันไปสบตากับเหมยเซียงหลายหน
อาหนูเงยหน้าขึ้นมองนางจ้าวพลางเอื้อมมือขวาซึ่งจับพู่กันอยู่ไปที่แท่นหมึกคล้ายจะแต้มหมึกมาอีก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด แท่นหมึกนั้นกลับแตกออกเป็สองท่อนส่วนคมที่แตกออกมาก็ไปบาดมืออาหนูจนเืไหล
“โอ๊ย เจ็บ!”อาหนูเอามือซ้ายหยิบผ้าเช็ดหน้าบนโต๊ะมากดไว้ตรงตำแหน่งที่ถูกบาดในมือขวา
จื่อเซียวเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาแต่กลับเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าที่กดปิดแผลเอาไว้มีเือาบจนแดงไปหมด
“ฮูหยินรอง เหตุใดจึงาเ็หนักขนาดนี้ ให้บ่าวช่วยท่านทำแผลก่อนเถิดเ้าค่ะ”จื่อเซียวไม่มีเวลามาทักทายนางจ้าว นางรีบประคองอาหนูกลับไปนั่งบนเตียงแล้วพันแผลให้อาหนู
เื่ราวเกิดขึ้นเร็วเกินไป เร็วจนนางจ้าวยังไม่ทันมองได้ชัดเจนเห็นเพียงว่ามือของอาหนูมีเืออก
เมื่อได้กลิ่นคาวเืก็กระตุ้นให้นางจ้าวอยากอาเจียนนางไม่มีเวลามาบอกกล่าวกับอาหนูก็เอื้อมมือไปทางเหมยเซียง เหมยเซียงรู้จักความเคยชินของนางจ้าวดีจึงรีบประคองอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพวกนางก็รีบออกไปจากห้องนอนของอาหนูทันที
“โธ่ ฮูหยินใหญ่จะไปแล้วหรือเ้าคะ อภัยที่ยามนี้อาหนูไม่สะดวกจึงไม่อาจไปส่งฮูหยินใหญ่ได้ไว้คราหลังอาหนูจะต้องไปขอขมาฮูหยินใหญ่ที่เรือนเฉินจื่อแน่นอนเ้าค่ะ”
จื่อเซียวแอบมองผ่านช่องประตูจนกระทั่งเห็นว่านางจ้าวเดินไปไกลแล้วจึงกลับมาหาอาหนูและเอาผ้าที่กดแผลไว้ออก ทั้งสองคนสบตากันแล้วหัวเราะยกใหญ่
บนมือของอาหนูมีเพียงเส้นสีแดงบางๆ เส้นหนึ่งเืนั้นเป็เืไก่ที่นางเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าและกะเกณฑ์เวลาไว้อย่างพอเหมาะเพื่อแสดงละครตบตาต่อหน้านางจ้าวพวกนางคิดเอาไว้แล้วว่านางจ้าวต้องทนกลิ่นคาวเืไม่ไหว ซึ่งก็เป็ตามที่นางหวังไว้นางจ้าวรีบหนีออกไปทันที
_____________________________
