“ฝูงผึ้ง!” ถูหนานซิวไม่สนใจ เขาก็ได้ยินเสียงขยับปีกมากมายนับไม่ถ้วน
“พี่ใหญ่ รีบหนีเร็ว มันคือผึ้งกร่อนิญญา!” ถูฮาฮามิได้รู้สึกผ่อนคลายเพราะความสบายใจของถูหนานซิว แต่กลับตื่นตัวมากยิ่งขึ้น
“ผึ้งกร่อนิญญา!” ถูหนานซิวใอย่างยิ่ง ไม่แม้แต่ขบคิด รีบจับผึ้งเงาภูตผีแล้วหันหลังวิ่งหนีทันที
ผึ้งกร่อนิญญาไม่น่ากลัว เพียงแค่จัดเข้าอยู่ในรายการสัตว์อสูรเท่านั้น แต่ว่าผึ้งกร่อนิญญาทั้งฝูงกลับน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เนื่องจากพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้มิเพียงใช้กับผึ้งกร่อนิญญาไม่ได้ผล อีกทั้งเป็อาหารของผึ้งกร่อนิญญาอีกด้วย หากยังไม่บรรลุขั้นราชันาขั้นสูงสุด สามารถสร้างเขตแดนปราณของตนเองได้ เช่นนั้นแล้วเกราะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้จะถูกผึ้งกร่อนิญญาแทะกัดจนพรุน จากนั้นจะถูกผึ้งกร่อนิญญาบีบให้ต่อสู้ด้วยกายเนื้อ หากเป็แค่ผึ้งกร่อนิญญาไม่กี่ตัว มิจำเป็ต้องใช้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้เลย สามารถตบให้ตายก็ได้ แต่ว่าถ้าเป็ฝูงผึ้ง เช่นนั้นแล้ว ยังมิทันรอให้ฆ่ามันได้ไม่กี่ตัวก็จะถูกฝูงผึ้งขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือต่อยจนพรุนทั่วตัว ทั้งยังใช้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ไม่ได้อีกด้วย แค่คิดก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งแล้ว อีกทั้งพิษร้ายของผึ้งกร่อนิญญายังสามารถทำให้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้หยุดชะงักลง ถ้าผึ้งเพียงตัวเดียวยังไม่เท่าไร พิษของผึ้งนับพันนับหมื่นตัวแล่นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ผู้บ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ทั่วไปก็จะกลายเป็อัมพาต ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ ดังนั้นพอถูหนานซิวได้ยินว่าเป็ผึ้งกร่อนิญญา ไหนเลยยังกล้าอยู่นิ่งเฉยอีก “พี่ใหญ่ มากเกินไปแล้ว” ถูฮาฮาสีหน้าแปรเปลี่ยน ผึ้งกร่อนิญญาพุ่งเข้ามาหาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง เป้าหมายก็คือต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าพวกเขา
ถูหนานซิวไม่สนใจอะไรอีก รีบโคจรพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ป้องกันร่างกาย ทะยานหนีไปสุดชีวิต ก่อนที่ผึ้งกร่อนิญญาจะกัดแทะเกราะกำบังทะลุ ขอเพียงสามารถออกจากวงล้อมจึงจะมีโอกาสรอดชีวิต เขาคิดไม่ถึงว่าดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้อยู่ดีๆ กลับปรากฏผึ้งกร่อนิญญาน่าขยะแขยงออกมาฝูงหนึ่ง
ตอนที่ถูหนานซิวและถูฮาฮาพุ่งออกจากวงล้อมมาได้ เกราะกำบังพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้แทบจะทะลุแล้ว หากช้าอีกเพียงนิดเดียวก็ได้แต่ต่อสู้ด้วยกายเนื้อแล้ว ที่ทำให้ถูหนานซิวตกตะลึงคือฝูงผึ้งติดตามเขาไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมเลิกรา ถูฮาฮาที่อยู่ด้านข้างกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยนิด
“ไฉนจึงเป็เช่นนี้?” ถูฮาฮาสงสัย เขากับถูหนานซิวมาที่นี่พร้อมกัน ผึ้งกร่อนิญญาเหล่านี้กลับไล่ล่าแต่ถูหนานซิวเท่านั้น กลับละเลยไม่สนใจตนเลย ทำให้ไม่เข้าใจยิ่งนัก มองๆ ดูถูหนานซิวแล้วก็มองดูต้นไม้ใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยผึ้ง ทันใดนึกถึงแผ่นเหนียวเหมือนยางสนขึ้นมาได้ พูดโพล่งขึ้นมา “ผลึกน้ำค้างหอมส่องิญญา!”
ถูหนานซิวร้องโหยหวนอยู่ในใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ในเวลาเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้ไฉนจึงมีผลึกน้ำค้างหอมส่องิญญาขึ้นมาได้ชิ้นหนึ่ง ของสิ่งนั้นมีแรงดึงดูดต่อผึ้งทั้งหมดทุกชนิดจนมิอาจต้านทานได้ ผึ้งเงาภูตผีเป็เช่นนี้ ผึ้งกร่อนิญญาก็เป็เช่นนี้ ที่ทำให้ปวดหัวที่สุดคือเมื่อครู่เอื้อมมือไปแตะเครื่องหอมชิ้นนั้นคราหนึ่ง บนร่างปนเปื้อนกลิ่นหอมติดตัว กลายเป็ที่โปรดปรานของผึ้งและแมลงไปแล้ว ดังนั้นผึ้งกร่อนิญญาจึงรายล้อมเขามิยอมเลิกรา
เล่าลือกันว่าผลึกน้ำค้างหอมส่องิญญาเป็น้ำค้างต้นสนพันธุ์พิเศษชนิดหนึ่ง ที่จับตัวขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมพิเศษ มักปรากฏขึ้นในคืนเดือนเพ็ญ เป็เครื่องหอมล้ำค่าในหมู่เครื่องหอม เป็ที่โปรดปรานยิ่งของชนชั้นสูงในแต่ละอาณาจักรมหาจักรพรรดิ ถูหนานซิวอดก่นด่าไม่ได้ “พระจันทร์นรกดวงนี้ กลมยิ่งนัก!”
“พี่ใหญ่ รีบหาแหล่งน้ำแล้วแช่สักครู่หนึ่ง กลิ่นหอมนั่นก็จะค่อยๆ จางลง” ถูฮาฮารีบพูดเตือนขึ้น
“ที่ไหนมีแหล่งน้ำกันเล่า?” ถูหนานซิวหดหู่ ูเาห่างไกลและป่าหนาทึบนี้ก็ไม่คุ้นเคย เส้นทางตอนที่เข้ามาไม่มีแน่นอน ได้เแต่ไปทางเยี่ยนซานตั้งด้านโน้นแล้ว
“เ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็มา” ถูหนานซิวหดหู่ยิ่งนัก ไม่กล้านิ่งเฉยอยู่ที่นี่อีกต่อไป ถ้าถูกล้อมด้วยผึ้งกร่อนิญญาอีกครั้งละก็...ถึงแม้ไม่ตาย แต่ก็เป็ทุกข์หนักหนาสาหัส
ถูฮาฮาก็อับจนปัญญา ไฉนจึงต้องมาเจอเื่ราวเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผึ้งเงาภูตผีแกะรอยล้มเหลวแล้ว
เยี่ยนซานตั้งเป็ทะเลสาบแห่งหนึ่ง เป็ที่ราบลุ่มผืนหนึ่งตรงกลางระหว่างูเา ถูหนานซิววิ่งออกมาสิบกว่าลี้ก็เห็นลำธารสายหนึ่ง แต่น้ำตื้นเขินเกินไป ร่างกายไม่สามารถแช่ได้ทั้งตัว ส่วนที่โผล่พ้นน้ำยังมิใช่อาหารของผึ้งกร่อนิญญาหรอกหรือ ได้แต่วิ่งเลียบขึ้นไปทางต้นน้ำ โชคดีที่มีหนองน้ำแห่งหนึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร หนองน้ำสีดำมืดมิดผืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์ แสงไฟสลัวๆ แสดงให้เห็นว่าแอ่งน้ำนี้ไม่ใหญ่มาก สายน้ำของลำธารน้อยไหลมาจากหนองน้ำแห่งนี้ มีตาน้ำหลายแห่งที่ต้นน้ำของหนองน้ำ ไหลลงหนองน้ำเสียงดัง “ซ่า ซ่า” กลับทำให้ยามราตรี ณ หนองน้ำแห่งนี้ดูสวยงามยิ่งขึ้น เพียงแต่ถูหนานซิวไร้อารมณ์จะชื่นชมความน่าสนใจเหล่านี้โดยสิ้นเชิง
ผึ้งกร่อนิญญาบินมาเร็วมาก แม้จะวิ่งสุดกำลังแล้วก็ยังสลัดพวกมันทิ้งยาก ถูหนานซิวมาถึงข้างหนองน้ำก็ยินดียิ่งนัก กระโจนลงไปทันทีโดยไม่ลังเล หนองน้ำไม่ลึกมากเพียงสามสี่วาก็ถึงก้นแล้ว ถึงแม้จะไม่กว้างมาก แต่ก็สามารถล้างกลิ่นอายต่างๆ ออกจากร่างกายได้หมดสิ้น ถึงแม้ว่า่นี้จะเป็่ปลายสารทฤดู อากาศยังหนาวเย็นอยู่บ้าง แต่สำหรับถูหนานซิวแล้วไม่นับเป็อะไรได้
ถูหนานซิวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกอยู่ใต้น้ำ ผึ้งฝูงนี้น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว บังคับตนให้อาบน้ำยามราตรีเช่นนี้ ท่ามกลางความมึนงงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล กลับไม่ทราบว่ามิถูกต้องตรงที่ใด ยังมิทันคิดให้เข้าใจก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลกระแทกใส่เอวของมัน
ถูหนานซิวนึกขึ้นได้ทันใด ทันทีที่กระโจนลงหนองน้ำ ภายใต้แสงจันทร์ดูเหมือนมีเงามืดจุดหนึ่ง แต่ในหนองน้ำเต็มไปด้วยระลอกคลื่นจึงไม่ได้คิดให้ละเอียด เวลานี้พอนึกขึ้นมาได้พลันมีความรู้สึกชวนขนหัวลุก นั่นคือดวงตาคู่หนึ่ง ั์ตาดุร้ายที่เหมือนดวงตาสัตว์ก็มิปาน แต่กลับซ่อนไว้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไม่มีร่องรอยของกระแสปราณเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย ราวกับหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับหนองน้ำแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวแม้แต่น้อย ตอนที่แรงมหาศาลกระแทกใส่เอว ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว พลังมหาศาลนั้นสลายพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ภายในร่างกายของเขาจนหมดสิ้น แม่นยำราวจับวางและแสนร้ายกาจ ขณะที่มันปลุกพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ก็กระทบกระเทือนถูกจุดตันเถียนของตน
“อัก…” โลหิตย้อนขึ้นจนต้องกระอักเืออกมาคำหนึ่งลงในหนองน้ำ จากนั้นก็เห็นดวงตาเ็าและดุร้ายคู่หนึ่ง แสงจันทร์พร่างพรายส่องผ่านแอ่งน้ำอันมืดมิด สาดส่องลงบนใบหน้านั้น กลับเป็ใบหน้าที่สลักอยู่ในใจ...จ้านอู๋มิ่งที่มัน้าฆ่าอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว คนที่อยู่ใต้หนองน้ำคือจ้านอู๋มิ่ง ถูหนานซิวตระหนักแล้วว่าเื่ทั้งหมดนี้ถูกควบคุมโดยชายหนุ่มเบื้องหน้า ผลึกน้ำค้างหอมส่องิญญาแผ่นนั้นก็เป็ผลงานชิ้นเอกของชายหนุ่มคนนี้เช่นกัน เขาคำนวณแล้วว่าจะมีคนไปตรวจสอบ แอ่งน้ำนี้เป็แอ่งน้ำเพียงแห่งเดียวในรัศมียี่สิบลี้ ถัดจากหนองน้ำนี้ไปเป็พื้นที่น้ำตื้นขนาดใหญ่ แต่จะไม่มีใครสละใกล้ไปหาไกล จ้านอู๋มิ่งคำนวณอย่างแม่นยำว่าจะมีผู้มากำจัดกลิ่นที่นี้ และผึ้งกร่อนิญญาเ่าั้ก็เป็เพียงผู้สมรู้ร่วมคิดในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
จิตใจถูหนานซิวรู้สึกไม่ยินยอม ตนในฐานะราชันาสองดาวผู้หนึ่ง ก่อนที่จะได้ต่อสู้กับจ้านอู๋มิ่งก็ถูกเล่นงานอยู่ในหนองเล็กๆ แห่งนี้แล้ว คนที่เล่นงานกลับเป็ผู้บ่มเพาะทางกายภาพที่ไม่สามารถฝึกพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ด้วยซ้ำ แต่เพราะจ้านอู๋มิ่งเป็ผู้บ่มเพาะทางกายภาพ จึงสามารถซ่อนตัวในแอ่งน้ำได้โดยไม่ถูกค้นพบ สำนึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ถูหนานซิวดิ้นรนอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา เพราะน้ำในแอ่งไหลเข้าลำคอทันทีที่อ้าปาก ปิดกั้นคำพูดของมันไว้ จวบจนกระทั่งคมดาบเย็นเฉียบพาดผ่านลำคอไป ก็ยังไม่สามารถกล่าวคำพูดใดกับจ้านอู๋มิ่งแม้แต่คำเดียว
จ้านอู๋มิ่งทะยานขึ้นจากน้ำ ศีรษะของถูหนานซิวอยู่ในมือแล้วและแหวนจักรวาลของถูหนานซิวก็เข้ามาในกระเป๋าข้างเอวของเขาด้วยเช่นกัน รวมถึงทองคำแท่งที่อยู่ในตัวถูหนานซิว
ทุกอย่างเป็ไปตามที่เขาคิด เขายังไม่ทราบชื่อแซ่ของมันด้วยซ้ำ แต่เขาทราบว่านี่คือราชันาสองดาว จ้านอู๋มิ่งหัวเราะ คนที่แข็งแกร่งที่สุดเสียชีวิตแล้ว คนที่เหลือก็จัดการได้ง่ายยิ่งกว่า
……
ถูฮาฮารู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ฝูงผึ้งกร่อนิญญาฝูงนั้นบินกลับมาแล้ว แต่พี่ใหญ่ยังไม่ได้กลับมา ดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่ถูหนานซิววิ่งไป
เดินผ่านหัวเลี้ยวทางโค้งแห่งหนึ่ง ถูฮาฮาหยุดชะงักลง เขาพบเสาหนึ่งปักตรงหน้า บนปลายสุดของเสาแขวนศีรษะคนไว้หัวหนึ่ง ดวงตาโกรธเคือง เบิกกว้างจนกลมโต
“พี่ใหญ่!” จู่ๆ ถูฮาฮาก็รู้สึกขนหัวลุก นี่กลับเป็ศีรษะของถูหนานซิว คนที่ฆ่าเขาและนำศีรษะมาแขวนตรงเส้นทางที่ต้องผ่าน สิ่งนี้ทำให้หนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจและขณะเดียวกันรู้สึกเศร้าโศก เกิดความโกรธเคืองไร้สิ้นสุด นี่คือการหยามิ่ สร้างความอัปยศแก่ผู้ตายอย่างหนึ่ง ร่างกายและศีรษะต่างอยู่คนละที่ มิตรภาพความสัมพันธ์ฉันพี่น้องในระยะเวลาหลายปีนี้ ทำให้กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไหลลงมาเป็ทางสองสาย
“ผู้ใดกันแน่ ออกมาหาข้า เ้าคนขี้ขลาดตาขาว แน่จริงจงก้าวออกมา…” ถูฮาฮาคำรามลั่นด้วยความโกรธแค้น คำตอบเดียวที่ได้รับเป็เพียงเสียงสะท้อนของป่าเขา แม้แต่หนอนราตรีก็ยังถูกรังสีการฆ่าฟันและความโกรธแค้น ทำให้ใจนหยุดส่งเสียง ผ่านไปเนิ่นนาน ราตรีกาลยังคงมืดสนิท เสาต้นนั้นตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ดวงตาทั้งคู่ของถูหนานซิวเบิกกว้างกลมโตเช่นเดิม
ถูฮาฮานำศีรษะลงจากเสา ทั้งเศร้าโศกและโกรธแค้น จิตสังหารไม่รู้จบเกิดขึ้นในใจ เขาปิดตาทั้งคู่ของถูหนานซิวลงเบาๆ ยามนี้เอง จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นวูบอย่างบรรยายมิถูก ััถึงสำนึกหนาวเหน็บจู่โจมเข้ามา กำลังจะเหลียวกลับไปมอง ศีรษะในมือ "ตูมมม" ะเิออก พลังจิติญญาอันรุนแรงบ้าคลั่งปะทุขึ้นทันใด พลังมหาศาลพุ่งพรวดเข้าสู่ร่างกาย ถึงแม้จะเร่งเร้าพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ขึ้นเป็เกราะกำบัง แต่พลังจิติญญานี้ะเิขึ้นรวดเร็วเกินไป จุดะเิก็อยู่ใกล้เกินไปเช่นกัน เกราะปราณไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด
ถูฮาฮาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนใช้ศีรษะของถูหนานซิวเป็กับดัก คนผู้นี้โเี้อำมหิต น่ารังเกียจกว่าที่ตนคาดคิด ผู้ใดก็ตามที่ประเมินศัตรูต่ำเกินล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งสิ้น มันอดกลั้นไม่ไหวกระอักพรวดพ่นโลหิตออกมาคำใหญ่ ในนั้นมีเศษชิ้นส่วนอวัยวะภายในปะปนออกมาด้วย ศัตรูผู้นี้ไม่เพียงแต่ชั่วร้ายและน่ารังเกียจเท่านั้น เขายังใจกว้างมากอีกด้วย ถึงกับใส่หินอัคคีิญญาไว้ในศีรษะของถูหนานซิวมากกว่าสิบก้อน พลังิญญาของหินอัคคีิญญากว่าสิบก้อนะเิพร้อมกัน ต่อให้มีการเตรียมพร้อมก็ต้องาเ็สาหัสเช่นกัน อย่าว่าแต่ยังมิได้เตรียมตัวใดๆ เลย สิ่งที่ทำให้เขาใคือการะเิหินอัคคีิญญาด้วยวิธีการพิเศษนี้เคยได้ยินแต่ในเื่เล่าเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนสามารถนำมาใช้งานได้จริงๆ
“โครม…” ร่างของถูฮาฮาตกลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง ไกลออกไปกว่าสิบวา ตำแหน่งเดิมที่เขาอยู่เมื่อครู่นี้กลายเป็หลุมลึกขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง ถูฮาฮาเห็นเงาร่างคนผู้หนึ่งก้าวออกมาจากความมืด เขาสบถออกมาสามคำอย่างดุดัน “จ้านอู๋มิ่ง!”
ผู้ที่ก้าวออกมาจากความมืดก็คือจ้านอู๋มิ่งนั่นเอง ชื่อที่เขาฝากไว้กับเมืองหนานเจามีเพียงอักษรสามตัว “จ้านอู๋มิ่ง” ถูฮาฮาจดจำชื่อนี้ไว้แล้ว ไม่คิดว่ายังมิทันได้ประมือกันจริงๆ ตนก็เสียท่าในมือฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าพวกตนพี่น้องทั้งสี่ช่างโง่งมจริงๆ คิดมาตลอดว่าคนผู้นี้เป็แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น อย่างมากที่สุดก็คือมดที่ค่อนข้างแข็งแกร่งสักหน่อย พวกเขาไม่เคยคิดว่าไฉนมดปลวกตัวนี้จึงออกจากเมืองไปอย่างกะทันหัน ไฉนจึงถูกหมายตาจากสำนักกระบี่ิญญาด้วยความบังเอิญถึงเพียงนี้ ยังถูกแอบทาน้ำผึ้งเงาภูตผี…จวบจนกระทั่งถึงเวลานี้ ในที่สุดถูฮาฮาก็เข้าใจแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็สิ่งที่มดปลวกตัวนี้เจตนาสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น จุดประสงค์ก็เพื่อกำจัดภยันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ เพียงแต่น่าเสียดายคนที่มาหาใช่ถูเหยียนเซิ่งไม่ แต่เป็พวกตนสี่พี่น้อง
“พวกเ้าไม่สมควรไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ข้าเพียงทำให้มันพิการเท่านั้น เหลือชีวิตไว้มิได้ฆ่ามัน ข้าเคยบอกกับถูเหยียนเซิ่งแล้ว ผู้ใดก็ตามที่คิดจะแก้แค้น ข้าล้วนรับไว้ ไม่ว่าจะเป็พวกเ้าหรือถูเหยียนเซิ่งเอง!” จ้านอู๋มิ่งเดินมาถึงเบื้องหน้าถูฮาฮาอย่างสบายๆ จากที่สูงมองลงมายังถูฮาฮาบนพื้น กล่าวพูดเสียงเรียบ
“เ้าประเสริฐนัก แม้แต่คนตายก็ไม่ละเว้น!” ถูฮาฮาแข็งขืนฝืนลุกขึ้น ในดวงตามีแต่ความเกลียดชัง
“ของทุกอย่างที่ใช้สอยได้ ล้วนแต่มีคุณค่าของมัน แม้แต่คนตาย! เหตุผลนี้หลังจากที่ข้าจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตแล้ว จึงเป็หลักความจริงที่เพิ่งตระหนักรู้” จ้านอู๋มิ่งนึกถึงชาติภพก่อน สีหน้าดูเฉยเมย กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกลึกซึ้งว่า “รู้หรือไม่ ค่ำคืนนี้เป็ครั้งแรกที่ข้าลงมือฆ่าคนด้วยตนเอง ความจริงแล้วข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่ว่าพวกเ้าบังคับให้ข้าทำ เ้าและพี่น้องของเ้าเป็คนกลุ่มแรกที่เสียชีวิตด้วยมือข้า สมควรรู้สึกได้รับเกียรติ”
ถูฮาฮารู้สึกเหลือเชื่อ ความโเี้ดุดันที่ััได้จากร่างจ้านอู๋มิ่ง รังสีมรณะชนิดนั้น เฉพาะผู้ที่สองมือแปดเปื้อนโลหิตสดๆ เท่านั้นถึงจะมี ไม่คิดว่านี่จะเป็ครั้งแรกที่จ้านอู๋มิ่งลงมือฆ่าคนด้วยตนเอง สิ่งนี้ทำให้รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกเศร้าใจ ราชันาสองคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนที่พื้นฐานการบ่มเพาะต่ำกว่าตนเองมากมายนักคนหนึ่ง แต่เขาไม่มีเวลาที่จะคิดแล้ว ภายใต้แสงจันทร์ส่องประกายเย็นเยียบสายหนึ่ง ในมือจ้าหวูมิ่งแวบผ่าน ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความเงียบสงัด
จ้านอู๋มิ่งมองๆ ดูซากร่างของถูฮาฮา ยื่นมือปลดแหวนจักรวาลออกมา ลองส่องดูกับแสงจันทร์ แล้วจึงใส่ลงในแหวนของตนเอง หันหลังกลับ หายลับไปในท่ามกลางความมืดอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้