คุณชายอานได้พากลุ่มัล่าถอยไป เหลือไว้เพียงเสียงร้องรำพันอย่างเศร้าโศก ที่ดังระงมไปทั่วบริเวณ...
ทันทีที่ท้องทะเลสงบลง เหล่าเสวียนอู่ต่างก็คร่ำครวญหวนไห้
“ผู้าุโโหมว ท่านพ่อของข้าตายอย่างน่าสงสาร...”
“พอัมา พวกอสูรทะเลที่เคยประจบประแจงเรา ก็พากันหนีหายไปหมด...”
“ท่านผู้าุโโหมว เผ่าเราถูกพวกเขากินไป 200 คน และาเ็อีก 300 คน...”
เสียงร่ำไห้ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ซากศพจำนวนมากยังคงลอยอยู่ บนผิวน้ำ แม้ตอนนี้โหมวเฉินจะรู้สึกเศร้าใจยิ่ง แต่ก็ยังข่มใจ ปลอบประโลมทุกคนในเผ่าตามหน้าที่
กู่ไห่และพวก จึงได้แต่รออยู่อย่างเงียบๆ
ถึงยามพลบค่ำ โหมวเฉินจึงบินกลับมาที่เรือเหาะไป๋อวิ๋น
“ฝ่าา สถานการณ์อันตรายจริงๆ หากพวกมันไม่ล่าถอยไป เผ่าของเราคงจะตายสิ้น” โหมวเฉินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
กู่ไห่พยักหน้า ก่อนเอ่ย “เ้าจงไปปลอบใจพวกเขา และเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย จากนั้นจงรีบมุ่งหน้าไปยังเกาะจิ๋วหวู่ ข้าได้อธิบายให้กู่ฉินฟังแล้ว ทะเลโดยรอบจะเป็สถานที่พักอาศัยของพวกเ้า”
โหมวเฉินพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ! ขอบพระทัยฝ่าาที่เสด็จมาที่นี่ แต่เมื่อไปถึงเมืองอิ่งโจวแล้ว โปรดระวังพวกเขาด้วย ดูเหมือนว่าเ้าหน้าผีนั่น ใกล้บรรลุขั้นเปิดจุดไคเทียนกงแล้ว!”
“วางใจเถอะ!” กู่ไห่พยักหน้า
“ท่านซ่างกวนเหิน จะไปกับเราหรือไม่ขอรับ?” โหมวเฉินมองไปยังอีกฝ่าย
เนื่องจากต้องปิดบังตัวตนมิให้ผู้ใดล่วงรู้ ดังนั้นซ่างกวนเหินจึงปฏิเสธ
“ไม่ละ! ข้ากับฝ่าาจะไปยังเมืองอิ่งโจว... เ้าจงดูแลตัวเองให้ดีตลอดทาง” ซ่างกวนเหินบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” โหมวเฉินพยักหน้า
หลังจากที่มารายงานให้ทราบแล้ว โหมวเฉินจึงได้กลับลงไปในทะเลอีกครา
ดวงตาของไต้ซือหลิวเนียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ บัดนี้โหมวเฉินได้จำนนต่อกู่ไห่แล้วหรือ? เ้าล้อข้าเล่นหรืออย่างไร?
กู่ไห่มองหลงหว่านชิง ก่อนเอ่ย “ถังจู่ ขอบคุณท่านมาก!”
“เ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ที่จริงแล้ว เมื่อครู่หากพวกเราไม่ลงมือ อย่างไรเสีย โหมวเฉินก็สามารถจัดการเ้าหน้าผีได้อยู่ดี แม้เ้าหน้าผีนั่นใกล้จะบรรลุขั้นเปิดจุดไคเทียนกงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงระดับหยวนอิงขั้นสูงสุด” หลงหว่านชิงพูด พลางยิ้มกว้าง
“ไม่! แม้ว่าโหมวเฉินจะสามารถจัดการกับเขาได้ก็จริง แต่เผ่าเสวียนอู่ก็จะสูญเสียมากขึ้น ด้วยน้ำมือของเผ่าัเช่นกัน ตอนนี้ทุกๆคนในเผ่า มีความสำคัญมากจริงๆ” กู่ไห่กล่าว
อีกด้านหนึ่ง ไต้ซือหลิวเนียนกำลังโบกมือให้สัญญาณ เหล่าคนรับใช้จึงควบคุมเรือเหาะให้แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเ้าอยากขอบคุณข้า ก็สอนข้าเล่นหมากล้อมสิ! คราวนี้ ห้ามบอกว่าไม่ได้เล่นหมากล้อมกับใครมาหลายสิบปีแล้วนะ!” หลงหว่านชิงเอ่ย พร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า
“ท่านถังจู่สนใจการเดินหมาก กู่ไห่ทราบแล้ว” กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
…
ต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่าจะถึงเสินโจว ระหว่างนี้ กู่ไห่จึงสอบถามหลงหว่านชิงในหลายๆ เื่เกี่ยวกับดินแดนเสินโจว ซึ่งหญิงสาวก็รอบรู้ทุกสิ่ง จึงทำให้สนทนากันได้อย่างออกรส
...
หลายวันต่อมา
ภายในห้องโถงใหญ่ของเรือเหาะไป๋อวิ๋น
กู่ไห่เก็บตัวเงียบอยู่ตามลำพัง เบื้องหน้ามีคัมภีร์ ‘เคล็ดวิชาัแก่นทองคำ’ วางอยู่ และเขากำลังศึกษาเคล็ดลับการฝึกพลังนี้อย่างละเอียด
“พัฒนาการของระดับแก่นทองคำนั้น จะใช้พลังลมปราณเข้าทะลวง ‘หัวใจ ม้าม ปอด ตับและไต’ เพื่อเปิดห้าจุดนี้? หัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไต?
เดิมที ตันเถียนเป็จุดรวบรวมพลังชี่แท้โดยส่วนใหญ่ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
การทะลวงห้าจุดนี้ จะทำให้มันมีลักษณะคล้ายจุดตันเถียนเลยไม่ใช่หรือ? พูดอีกอย่างก็คือ ระดับแก่นทองคำ จะเปิดจุดตันเถียนอีกห้าแห่ง?” ดวงตาของกู่ไห่ฉายแววอัศจรรย์ใจ
จิตสำนึกของเขาจมเข้าไปในจุดตันเถียน พลังหยวนทรงกลมในนั้น กำลังค่อยๆ หมุน ราวกับว่ามีห้วงน้ำวนอยู่้า เขาดูดซับพลังชี่และแปรมันไปเป็พลังหยวน
ในมวลพลังชี่แท้ทรงกลม มีสิ่งที่ดูเหมือนัน้อยสีม่วง กำลังว่ายวนอยู่
ัน้อยสีม่วงนี้ ก่อตัวขึ้นจากพลังชี่แท้ และถูกกู่ไห่หลอมรวมเข้ากับจิตใจ ดังนั้น จึงสามารถบังคับให้เคลื่อนไหวได้ตามใจนึก
ภายใต้การควบคุมของกู่ไห่ ัน้อยเริ่มแหวกว่ายออกจากมวลพลังชี่แท้ ผ่านจุดตันเถียน แล้วเพื่อนำพลังชี่แท้เคลื่อนผ่านไปตามเส้นลมปราณ ว่ายวนไปโดยรอบ ก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่หัวใจ
เส้นลมปราณบริเวณหัวใจของเขา เหมือนจะมีพลังสีเทาอยู่ภายใน
ัน้อยชี่แท้ ปลดปล่อยพลังจำนวนมากออกไป
ตูม...!
หัวใจของกู่ไห่สั่นสะท้านด้วยความเ็ป ทำให้ต้องหยุดมือทันที ทว่าพลังสีเทานั้น กลับเสียหายเพียงเล็กน้อย และยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน
“หัวใจ? นี่คือทางเข้าหัวใจ? อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนมวลพลังหยวนแท้จะลดลง… ไม่สิ! คล้ายยังมีบางอย่างขาดหายไป?” ดวงตาของกู่ไห่ฉายแววพิศวง
ัน้อยแหวกว่ายในเส้นลมปราณ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังปอด แน่นอนว่าทางเข้ายังคงมีสีเทาเช่นกัน จึงไม่อาจเปิดทางเข้าไปภายในได้
ม้าม ตับ ไต
กู่ไห่เคลื่อนัพลังชี่ไปทั่วทุกแห่ง แต่ใช่ว่าจะทะลวงจุดได้ในชั่วข้ามคืน ยังคงต้องสะสมพลังชี่แท้ต่อไป เพื่อรอเวลาอันเหมาะสม
หลังจากฝึกพลังมาสองวัน กู่ไห่ก็เดินออกจากตำหนัก
...
บนเรือเหาะ
หลงหว่านชิงยืนอยู่ที่หัวเรือเพียงลำพัง พร้อมทอดสายตาไปไกล พระอาทิตย์ยามเย็น สาดส่องต้องใบหน้าขาวผุดผาด ดูงดงามราวกับ อัญมณีอันเลอค่าที่สุดในโลก
กู่ไห่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก คล้ายสงสัยเล็กน้อยในท่าทีของอีกฝ่าย
เหมือนกับว่าหลงหว่านชิงเองก็รู้สึกได้ นางหันไปมอง จึงเผลอสบเข้ากับดวงตาของอีกฝ่าย
หญิงสาวคลี่ยิ้มบางๆ บนใบหน้า รอยยิ้มนั้นงดงามราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง วินาทีนั้น กู่ไห่รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจ ที่ถูกแช่แข็งมาอย่างยาวนาน
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเรียบเฉย เพื่อสกัดกั้นความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในหัวใจ
“เ้าออกจากการฝึกตนแล้วหรือ?” หลงหว่านชิงเอ่ยถาม ก่อนยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ใช่แล้ว! ข้าเพิ่งศึกษาเคล็ดวิชาัแก่นทองคำมา ลำดับการเดินลมปราณอันแท้จริงนั้น ยากกว่าการบรรลุระดับแก่นทองคำที่ข้าเคยพบมาเสียอีก มันน่าเกรงขาม และมุ่งเน้นไปที่ห้าจุดสำคัญ” กู่ไห่ยิ้ม
“การทะลวงห้าจุดนั้นสำคัญมาก หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต คือตัวแทนของห้าธาตุ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน หากสามารถทะลวงผ่านห้าจุดนี้ได้ เ้าจะก้าวเข้าสู่ระดับหยวนอิง” หลงหว่านชิงอธิบาย
“หืม?”
“ตันเถียนเป็จุดรวบรวมปราณก่อกำเนิด ในอนาคตทั้งห้าจุดนี้ ก็จะทำหน้าที่ในการรวบรวมปราณก่อกำเนิดเช่นกัน” หลงหว่านชิงอธิบาย
“เพิ่มจุดรวบรวมปราณก่อกำเนิดอีกห้าจุด? นี่มิใช่จะกลายเป็ทั้งหมดหกจุดหรอกหรือ?” กู่ไห่ถามอย่างงุนงง
หลงหว่านชิงพยักหน้า “ใช่แล้ว! นี่ก็คือดวงิญญาของเ้า...ดวงิญญาที่ถูกรวบรวมมา ก็คือ ‘หยวนอิง’ หรือ ‘ปราณก่อกำเนิด’ ที่มาของความแข็งแกร่งนั่นเอง”
“หืม? มนุษย์มีสามจิตเจ็ดิญญา เหตุใดจึงมีเพียงหกปราณก่อกำเนิดเล่า?” กู่ไห่ถามด้วยความสงสัย
หลงหว่านชิงขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่การฝึกตนบนโลกล้วนเป็เช่นนี้ หากผู้ฝึกตนสามารถรวบรวมปราณก่อกำเนิดทั้งหกจุดได้ ก็จะสามารถเปิดจุดไคเทียนกง เพื่อฝึกสามจิตได้เช่นกัน”
กู่ไห่มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความงงงัน ก่อนพยักหน้า
“จริงด้วย! อีกไม่นานก็จะถึงเมืองอิ๋นเยวี่ยแล้ว... เมืองใหญ่ริมทะเลในเสินโจว คนของหออี้ผินกำลังรอเราอยู่ ที่นั่นมีตำหนักที่มารดาข้าเคยสร้างขึ้น นับเป็สาขาของหออี้ผินอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็สำนักงานของข้า...” หลงหว่านชิงมองออกไปไกล
“หืม? ตำหนักที่ท่านแม่ของท่านสร้างขึ้น? แม่ของท่านสร้างตำหนักเอาไว้หลายที่อย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ถามด้วยความอยากรู้
“ก็ไม่มากนัก มีตำหนักทั้งหมดสองแห่งในเมืองอิ่งโจว” หลงหว่านชิงส่ายหน้า
“หืม? แล้วเหตุใดถึงเลือกเมืองอิ๋นเยวี่ยเล่า?” กู่ไห่ข้องใจ
“แม่ข้าเป็คนจากอีเจียน กู่ฉินของเมืองอิ๋นเยวี่ยดีมากเลยนะ กู่ฉินเกือบทุกชนิดบนโลกนี้ สามารถพบได้ในเมืองนี้ ที่นี่มีช่างทำกู่ฉินอยู่เป็จำนวนมาก” หลงหว่านชิงอธิบาย
“จริงหรือ?” กู่ไห่พยักหน้าด้วยความสงสัย
เรือเหาะแล่นเร็วมาก หลงหว่านชิงชี้ไปยังจุดที่ห่างไกลออกไป แต่กู่ไห่ก็ยังไม่อาจมองเห็นเมืองใหญ่ที่ว่าได้
...
ณ เมืองใหญ่ ริมทะเล
เมืองแห่งนี้ มีขนาดใหญ่กว่าเกาะจิ๋วหวู่มาก
รู้หรือไม่? เกาะจิ๋วหวู่นั้น ใหญ่พอๆ กับส่วนที่เป็ผืนแผ่นดินในโลกที่เขาจากมา ซึ่งเป็ดาวเคราะห์เล็กๆ ดวงหนึ่ง
ทว่า เมืองแห่งนี้กลับใหญ่เท่ากับครึ่งหนึ่งของโลกทั้งใบเลยทีเดียว!
อย่าถามว่ากู่ไห่วัดได้อย่างไร เพราะเมืองนี้มีกำแพงขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
กำแพงสูงถึงห้าร้อยจั้ง
ห้าร้อยจั้งเทียบเท่ากับตึกสูงห้าร้อยชั้น เหนือตัวเมือง มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่โดยรอบ ราวกับไม่้าให้ผู้คนภายนอก มองเข้าไปเห็น ว่าภายในกำแพงนั้นเป็อย่างไร
ทั้งบนกำแพงเมือง ยังมีค่ายกลนับไม่ถ้วนอีกด้วย
“นี่คือเมืองอิ๋นเยวี่ย ทั่วทั้งเมืองล้วนเป็ค่ายกลขนาดมหึมา สามารถต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นเปิดจุดไคเทียนกงได้ ช่างแข็งแกร่งยิ่ง!” หลงหว่านชิงอธิบาย
“ใหญ่มาก!” กู่ไห่ยิ้มอย่างยอมจำนน
คิดถูกแล้ว ที่ตัดสินใจออกจากเกาะมาเปิดหูเปิดตา... ไม่แปลกเลย ที่คนจากดินแดนเสินโจว จะคิดว่าทะเลพันเกาะเป็ดินแดนที่แห้งแล้งและป่าเถื่อน
แคว้นต้าฮั่นของเขานั้น ยังห่างชั้นมากนัก
กู่ไห่สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะมองไปยังเมืองใหญ่ตรงหน้า
ตอนนี้ เหล่าขุนนางที่กู่ไห่พามาด้วย ต่างก็สูดลมหายใจอย่างเรียกขวัญและกำลังใจของตน
“นี่คือเมืองเทพหรืออย่างไร? เหตุถึงได้งดงามขนาดนี้?”
“เมือง? เป็แค่เมืองเมืองเดียวหรือนี่?”
“ไม่แปลกใจเลย ที่ฝ่าาจะใช้ด่านหู่เหลาทั้งหมด สร้างเป็วังหลวง.. ใช่แล้ว! เป็ข้าที่คิดน้อยเกินไป”
เหล่าขุนนางของต้าฮั่น ต่างรู้สึกว่าตัวเองตาฝาด เมื่อพบว่าที่นอกเมืองอิ๋นเยวี่ย มีสัตว์อสูรหายากมากมายกำลังโบยบินอยู่
เรือเหาะค่อยๆ ร่อนลงนอกเมืองอิ๋นเยวี่ย ในจุดจอดเรือเหาะโดยเฉพาะ
เมื่อลงจากเรือเหาะจู่ๆ ก็มีกลุ่มคนเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา
“นี่คือนกกระเรียน์ ที่เมืองนี้ ไม่อนุญาตให้ใช้เรือเหาะตามใจชอบในพื้นที่สาธารณะ นกกระเรียน์ตัวนี้ สามารถพาเราเดินทางไปได้อย่างรวดเร็ว... เอ่อ! เหมือนรถม้ารับจ้างของพวกเ้า ซึ่งต้องจ่ายค่าโดยสาร” หลงหว่านชิงอธิบาย
กู่ไห่พยักหน้า ถึงต้องจ่ายก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขายังมีหินิญญาอยู่มาก
ผู้คนเกือบร้อยคน จึงขึ้นไปบนตัวนกกระเรียน และบินไปยังประตูเมือง ซึ่งสูงนับร้อยจั้ง ้าของประตูใหญ่ มีอักษร 'อิ๋นเยวี่ย' สองตัวลอยออกมา
ทหารเฝ้าหน้าประตูเมืองกำลังเดินมาตรวจสอบ หลงหว่านชิงจึงหยิบป้ายคำสั่งระดับหนึ่งขึ้นมา แล้วรีบเข้าเมืองไปทันที
เมื่อเข้าไปด้านใน จึงมองเห็นได้แต่ไกล ว่าภายในเมืองมีเกาะจำนวนมากลอยอยู่กลางเวหา เหนือเกาะเ่าั้มีศาลาจำนวนมาก
ภาพตรงหน้าช่างงดงามยิ่ง แน่นอน! ว่ายังมีหมอกหนาปกคลุมอยู่เช่นเดิม เห็นได้ชัด ว่าไม่อยากเปิดเผยสู่โลกภายนอก นกกระเรียน์บินไปรอบๆ เกาะลอย
เหล่าขุนนางที่มาพร้อมกัน เอาแต่มองไปทั่วบริเวณตาไม่กะพริบ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ไกลออกไปนั้น คือถนนมากมาย ที่ตอนนี้ มีผู้ฝึกตนหลายคนกำลังวิ่งอยู่
หลงหว่านชิงลอบมองกู่ไห่มาตลอด จึงเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทีตื่นตาตื่นใจเพียงชั่วครู่ ก่อนกลับคืนสู่ความสงบ ทั้งยังเผยสีหน้าสงสัยอีกด้วย... ครั้งแรกที่เห็นเมืองนี้ คนทั่วๆ ไป ไม่ว่าใครก็มักจะตื่นเต้นอยู่เป็นานกันทั้งนั้น มิใช่หรือ?
“ในเมืองนี้ ล้วนเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนหรือ?” กู่ไห่กล่าวด้วยความพิศวง
“มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็มนุษย์ธรรมดา โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็ผู้ฝึกตน แต่ก็เป็เพียงระดับก่อกำเนิด ซึ่งถือได้ว่าเป็ระดับล่างสุด ตามมาด้วยก่อ์ แล้วจึงเป็แก่นทองคำ แต่ก็มีอีกหลายคนก็อยู่ในระดับหยวนอิง” หลงหว่านชิงพยักหน้า
“มีกี่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้?” กู่ไห่ถามอย่างสนใจใคร่รู้
“ราวๆ หนึ่งล้านคน” หลงหว่านชิงมองไกลออกไป
กู่ไห่นิ่งงัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางต่างก็เบิกตากว้างด้วยความใ... หนึ่งล้านคน? ในเมืองมีคนถึงหนึ่งล้านคน? ที่เกาะจิ๋วหวู่ของพวกเขา หากมีคนถึงล้านคน ก็นับว่าเป็แคว้นขนาดใหญ่แล้ว!
“เมืองอิ๋นเยวี่ยค่อนข้างอยู่ห่างไกล จึงมีประชากรไม่มากนัก” หลงหว่านชิงเอ่ยเสียงเรียบ
เหล่าขุนนางของแคว้นต้าฮั่นถึงกับไร้คำพูด
ทว่า กู่ไห่ดูจะไม่ใเท่าใดนัก เพราะตัวเลขนี้ ก็เป็แค่สี่เท่าของประชากรเซี่ยงไฮ้เท่านั้น ในโลกเดิมของเขา ยังคงมีประเทศที่ใหญ่กว่าประเทศจีน ประชากรหนึ่งล้านคน จึงไม่ถือว่ามากนักสำหรับเขา
...
ณ ห้องโถงที่งดงาม ในเมืองอิ๋นเยวี่ย
คุณชายอานกำลังเช็ดกู่ฉินคู่ใจของตนอย่างเบามือ
ทันใดนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณชายอาน มีคนส่งข่าวมาเมื่อครู่ ว่าตอนนี้หลงว่านชิงกับพวก ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว” คนใต้อาณัติรายงานด้วยความนอบน้อม
“โอ้! หลงหว่านชิงและพวก มาถึงเมืองอิ๋นเยวี่ยแล้วอย่างนั้นหรือ?” คุณชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ขอรับ! ยกเว้นเพียงโหมวเฉิน ที่ไม่ปรากฏตัว แต่ผู้คนบนเรือเหาะไป๋อวิ๋นมากันหมดทุกคน” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวด้วยความเคารพ
คุณชายอานเผยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า “โลกนี้ช่างกลมจริงๆ อีกนานหรือไม่ กว่าที่พวกเขาจะบุกเข้ามา? หืม?”