เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมือนเป็การต่อสู้กันของบรรพชน
ที่ผ่านมามีเื่เล่าเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างข่งเซวียนและอูอวิ๋นเซียนมากมาย แต่วันนี้เป็เื่ราวการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจากเดิม
การต่อสู้ในครั้งนี้คือการเผชิญหน้ากันระหว่างหลัวเลี่ยที่ฝึกเคล็ดวิชาของข่งเซวียน และไก้อู๋ซวงที่เป็ศิษย์ของอูอวิ๋นเซียน
“การต่อสู้ในครั้งนี้ ยากที่จะคาดเดาได้ว่าใครจะเป็ผู้ชนะ” มู่เจี้ยนเฟยมองไปที่หลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงแล้วพูดออกมาเบาๆ
“ตอนที่องค์หญิงอยู่ในไข่ั พระองค์ก็ได้เรียนรู้วิชายุทธ์มาไม่น้อย จนถึงตอนนี้ที่ได้เป็ศิษย์ของอูอวิ๋นเซียน เช่นนั้นย่อมได้เรียนวิชายุทธ์ที่อูอวิ๋นเซียนสร้างขึ้นมาจนชำนาญ ไม่แน่ว่าบางเคล็ดวิชาองค์หญิงอาจบรรลุไปถึงระดับถ่องแท้แล้วก็เป็ได้ ส่วนหลัวเลี่ยก็ไม่ใช่ผู้ที่อ่อนแอเลย ดังนั้นการต่อสู้ของพวกเขาในครั้งนี้ก็ถือว่าสูสีทีเดียว” หลิวเย่เตาก็ไม่อาจคาดเดาผลของการต่อสู้ในครั้งนี้ได้เช่นกัน
มู่เจี้ยนเฟยพูดด้วยเสียงลึกล้ำว่า “ทำไมถึงไม่มีกองกำลังที่ทรงพลังใดยอมรับหลัวเลี่ยที่มีความสามารถขนาดนี้เป็ศิษย์”
หลิวเย่เตาพูดเบาๆ ว่า “ใครเป็คนบอกว่าไม่มี บางทีเขาอาจจะไม่้าเปิดเผยเื่นี้ก็เป็ได้ เมื่อความในไม่ออก จึงทำให้ผู้คนเข้าใจผิด” หลิวเย่เตามองร่างกายที่องอาจราวกับเทพเซียนของหลัวเลี่ยแล้วหวนนึกถึงพลังที่น่ากลัวของเขา “นอกจากนี้หลัวเลี่ยยังมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอีก ไม่รู้ว่าองค์หญิงจะเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินบ้างหรือไม่”
เมื่อมู่เจี้ยนเฟยและคนอื่นๆ ที่มาจากแคว้นเหยียนหลงได้ยินประโยคนี้ หัวใจของพวกเขาก็จมดิ่งลง
พวกเขาเพิ่งนึกได้ว่าสิ่งที่จะสามารถตัดสินการแพ้ชนะของการต่อสู้ในครั้งนี้ยังมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หลังจากหลัวเลี่ยได้รับรู้ความแข็งแกร่งของไก้อู๋ซวงแล้ว เขาก็ทำในสิ่งที่มู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตาคาดเดาทันที เขาไม่เพียงใช้วิชามหาหลุนิ แต่ทันใดนั้นที่ด้านหลังของเขายังปรากฏภาพสายน้ำไหลลงมา ซึ่งเป็สิ่งที่แสดงถึงพลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีอีกด้วย
“น้ำจากแม่น้ำฮวงโหกำเนิดมาจากฟ้าและไหลลงสู่ทะเลโดยไม่ย้อนกลับ!”
ทันใดนั้นสายน้ำที่ไหลอยู่ด้านหลังของหลัวเลี่ยก็ไหลมากับตราประทับของเคล็ดวิชามหาหลุนิที่หลัวเลี่ยเรียกออกมา
สิ่งนี้เป็ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุด มันเป็พลังที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างเคล็ดวิชามหาหลุนิและเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน
เมื่อวิชายุทธ์นี้รวมเข้ากับพลังอันน่าสะพรึงกลัวของหลัวเลี่ยที่อยู่ในระดับหยินหยางแล้ว เรียกได้ว่าเป็การรวมตัวกันที่ทำลายล้างทุกสิ่งให้ราบเป็หน้ากลองได้
ตูม!
หลังจากที่หลัวเลี่ยปล่อยพลังนี้ออกไปแล้ว ข้างหน้าของเขาก็ว่างเปล่า
ไก้อู๋ซวงยังคงพุ่งตัวเข้าหาหลัวเลี่ย นางคำรามออกมาอย่างดุร้าย นอกจากนี้พื้นที่ข้างหลังของนางก็ยังปรากฏสัญลักษณ์ของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านอัคคี และยังเป็พลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินในระดับสำริดเช่นเดียวกับหลัวเลี่ยอีกด้วย
แม้แต่พลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของทั้งสองก็ยังคงสูสีกันอยู่
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็เช่นนี้ มู่เจี้ยนเฟย หลิวเย่เตา และคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ทั้งหลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงล้วนเป็เพียงเยาวชน แต่พวกเขากลับมีพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอยู่ในระดับสำริดแล้ว ความสามารถที่โดดเด่นเช่นนี้นับว่าเป็การสั่นะเืกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างแท้จริง
หลังจากที่หลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงเปิดเผยพลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินแล้ว พวกเขาก็ตรงเข้ามาปะทะกันอีกครั้ง
ตูม!
หนึ่งโจมตี หนึ่งตั้งรับ
พลังจากเคล็ดวิชามหาหลุนิช่วยเสริมให้พลังของหลัวเลี่ยมีความรุนแรงมากขึ้น
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อพลังของทั้งสองปะทะกันก็ทำให้เกิดแรงะเิห้าครั้งติดต่อกัน
ร่างัดุร้ายทั้งห้าที่สร้างมาจากห้านิ้วของไก้อู๋ซวงแตกสลายเป็เสี่ยงๆ
แต่เดิมเคล็ดวิชามหาหลุนิก็เปรียบเสมือนวิชายุทธ์ที่ใช้ต้านวิชายุทธ์ที่อูอวิ๋นเซียนสร้างขึ้น ดังนั้นเมื่อมือของไก้อู๋ซวงถูกพลังจากเคล็ดวิชานี้โต้กลับ พลังของนางจึงสลายไป ยิ่งไปกว่านั้นคือมันสามารถทำให้นางกระอักเืออกมาและเซก้าวถอยหลังไปได้
หลังจากที่หลัวเลี่ยเริ่มเป็ฝ่ายรุกโจมตีครั้งแรก เขาก็สามารถทำให้ไก้อู๋ซวงเสียหลักได้แล้ว
แน่นอนว่าหลัวเลี่ยไม่มีทางเปิดโอกาสให้ไก้อู๋ซวงตั้งหลักได้ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นพลังของเคล็ดวิชามหาหลุนิก็พุ่งออกมาจากมือทั้งสองข้างของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาออกแรงส่งพลังออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ไก้อู๋ซวงถอยร่นไปเรื่อยๆ
ไม่ว่าไก้อู๋ซวงจะหลบ จะโจมตีโต้กลับ หรือใช้พลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านอัคคีต่อต้าน นางก็ไม่อาจต้านทานพลังของหลัวเลี่ยได้เลย นางทำได้เพียงถอยหลังไปทีละก้าวเท่านั้น
เหตุการณ์นี้ทำให้ไก้อู๋ซวงเกลียดชังหลัวเลี่ยมากขึ้น ดวงตาของนางมีประกายของความอาฆาตแค้นพาดผ่าน นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางสามารถเอาชนะนาง ทำให้นางอับอาย และอาจสังหารนางได้
ยิ่งไก้อู๋ซวงเคียดแค้นมากเท่าไร พลังของนางก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งนางต่อต้านพลังของหลัวเลี่ยมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างคอยพยุงนางเอาไว้
มู่เจี้ยนเฟยและคนอื่นๆ ดีใจมากเมื่อพวกเขาเห็นว่าไก้อู๋ซวงกำลังจะตอบโต้กลับ แต่พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
แน่นอนว่าไก้อู๋ซวงกำลังโกรธ แล้วหลัวเลี่ยเล่า
นับั้แ่หลัวเลี่ยได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนเหยียนหวง เขาก็ไม่เคยพบกับเื่ยุ่งยากเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เขาต่อสู้กับเมิ่งชิงหลงในภพจิตั เขาใช้เพียงเคล็ดวิชามหาหลุนิก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นหลัวเลี่ยกรุ่นโกรธและไม่พอใจมากเช่นกัน เมื่อหลัวเลี่ยโมโหมากขึ้น พลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หากก่อนหน้านี้สายน้ำจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีของเขามีความรุนแรงระดับการไหลของแม่น้ำ เช่นนั้นตอนนี้สายน้ำจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีของเขาก็มีความรุนแรงในระดับทะเลที่ปั่นป่วนจากพายุแล้ว
ทั้งสองออกแรงต่อสู้กันอย่างโเี้ยิ่งขึ้น
ไม่มีใครออมมือในการต่อสู้ครั้งนี้เลย
หากเป็เช่นนี้ต่อไป สุดท้ายทุกคนจะได้รับความเ็ป
มุมปากของหลัวเลี่ยมีเืซึมออกมาไม่หยุด ซึ่งเป็ผลจากการได้รับการกระแทกจากพลัง ร่างกายของเขาเ็ปอย่างมาก
แต่อย่าลืมว่าตอนนี้หลัวเลี่ยเป็ฝ่ายได้เปรียบไก้อู๋ซวง ดังนั้นแม้หลัวเลี่ยจะได้รับาเ็ แต่ไก้อู๋ซวงาเ็ยิ่งกว่าเขาหลายเท่า แขนทั้งสองข้างของนางต่างเต็มไปด้วยรอยเืที่เกิดจากการที่พลังของหลัวเลี่ยตรงเข้ามาบาดผิว นางมีเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และสุดท้ายนางก็เซถอยหลังไป
“ข้าจะฆ่าเ้า ข้าจะฆ่าเ้า!”
ไก้อู๋ซวงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางดิ้นเร่าอย่างทุรนทุราย หมดสภาพหญิงสาวผู้งดงามอีกต่อไป ตอนนี้นางเป็เหมือนัร้ายที่าเ็เท่านั้น
“เ้าสมควรได้รับความเ็ปเช่นนี้แล้ว หากเ้าไม่มีถุงมือที่เป็สมบัติวิเศษนั่น ข้าคงสังหารเ้าไปได้นานแล้ว” หลัวเลี่ยยังคงส่งพลังออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดสักนิด พลังจากเคล็ดวิชามหาหลุนิของเขายังคงตรงเข้าไปทำร้ายไก้อู๋ซวง
“ไม่มีใครสามารถเอาชนะข้าได้ ข้า ไก้อู๋ซวงผู้นี้ ไม่มีวันพ่ายแพ้!”
ไก้อู๋ซวงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่หลัวเลี่ยยังคงโจมตีนางอย่างรุนแรงมากขึ้น นางถอยหลังไปทีละก้าว “ข้าไม่มีวันอภัยให้เ้าแน่ ออกมา!”
พรึ่บ!
ทันใดนั้นที่ระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวงก็ปรากฏจุดเล็กๆ เปล่งแสงประกายออกมา
ไอพลังที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวง จากนั้นแสงสีทองสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้วของนาง
“ฮู่!”
เสียงัร้องดั่งสายฟ้าฟาดดังขึ้น
ภาพที่เลือนรางลอยออกมาจากจุดตรงกลางระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวง
มันคือมัจฉาัหนวดทองตัวหนึ่ง
“อสูรพิทักษ์เคียงตน!”
การปรากฏตัวของมัจฉาัหนวดทองตัวนี้ทำให้หลิวเย่เตาประหลาดใจ
“ดูท่าว่าอูอวิ๋นเซียนคงจะให้ความสำคัญกับองค์หญิงไม่น้อยจนสร้างอสูรพิทักษ์เคียงตนให้องค์หญิง” มู่เจี้ยนเฟยเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“แต่การที่อูอวิ๋นเซียนทำเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเขาต้องสูญเสียตบะที่บำเพ็ญวรยุทธ์มาไปถึงหนึ่งร้อยปี” หลิวเย่เตาเอ่ยอย่างตกตะลึง “แต่เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้ หลัวเลี่ยคงแย่แล้ว หากมีอสูรพิทักษ์เคียงตน ก็เท่ากับว่ามีองค์หญิงเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เช่นนี้หลัวเลี่ยจะสู้อย่างไรไหว”
ในจำนวนชายหนุ่มและหญิงสาวที่อยู่บริเวณนี้ล้วนไม่มีใครเคยได้ยินเื่อสูรพิทักษ์เคียงตนมาก่อน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินประโยคของมู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตา พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่ธรรมดาอย่างแน่นอน
หลัวเลี่ยที่เป็คนต่อสู้ในครั้งนี้ก็ใเช่นกัน
แน่นอนว่าเขารู้จักอสูรพิทักษ์เคียงตน
การกำเนิดของสิ่งนี้คงทำให้อูอวิ๋นเซียนสูญเสียพลังไปไม่น้อย อสูรพิทักษ์เคียงตนตัวนี้จะเติบโตไปพร้อมๆ กับไก้อู๋ซวงตลอดชีวิต และจะตายไปพร้อมกันยามไก้อู๋ซวงสิ้นชีพเท่านั้น
และความร้ายกาจของอสูรพิทักษ์เคียงตน ก็คือยิ่งไก้อู๋ซวงแข็งแกร่งมากเท่าไร มันก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น
เมื่อไก้อู๋ซวงเติบโต มันก็จะเติบโตเช่นเดียวกัน
หากพลังของไก้อู๋ซวงสามารถยกูเาได้ เช่นนั้นพลังของมันก็จะสามารถยกูเาได้เช่นกัน พลังของพวกเขาทั้งสองเหมือนกันราวกับว่ามีไก้อู๋ซวงที่ไม่ได้อยู่ในสถานะมนุษย์เพิ่มมาอีกตนหนึ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไก้อู๋ซวงปล่อยไพ่ใบนี้ออกมา ก็เท่ากับว่าจะมีนางสองคนมาต่อกรกับหลัวเลี่ย
“ข้าไร้พ่าย!”
ไก้อู๋ซวงคำรามออกมาอย่างรุนแรง นางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และนางก็้าเอาชนะหลัวเลี่ยให้ได้ ดังนั้นเมื่อนางปลดปล่อยมัจฉาัหนวดทองออกมา นางก็ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าวิธีนี้ต้องทำให้หลัวเลี่ยตาย หรือไม่ก็ได้รับาเ็สาหัสอย่างแน่นอน
ใน่เวลาวิกฤตเช่นนี้ แม้แต่ไก้อู๋ซวงก็คิดว่าหลัวเลี่ยคงเลือกที่จะยอมแพ้อย่างแน่นอน เพราะการเลือกเผชิญหน้ากันโดยตรงนั้นเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หลัวเลี่ยไม่เพียงแต่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น แต่เขายังเก็บพลังจากเคล็ดวิชามหาหลุนิกลับคืนมา จากนั้นก็ผายมือไปทางซ้ายและทางขวา แล้วพูดออกมาอย่างแ่เบาว่า
“จักรพรรดิฟ้าแดนประจิม!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้