เฉินเนี้ยนหรานตกตะลึง เอียงหัวมองเขา “ท่านไม่รู้สึกว่าระหว่างเราสองคนกะทันหันไปสักหน่อยหรือ? หรือเพราะข้าตั้งครรภ์ท่านจึง้าคบกับข้า? ฮ่า โจวอ้าวเสวียนท่านต้องคิดให้ดีนะ ที่เรือนของท่านยังมีฮูหยินอยู่นะ”
“ข้าคิดดีแล้ว ั้แ่ก่อนหน้านี้ข้าคิดถึงเื่ของพวกเราแล้ว แม้ตอนนี้ข้าจะอยู่ในอันตรายและไม่สามารถมอบสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้พวกเ้าได้มากนัก แต่จากนี้ไปข้าไม่้ารู้สึกผิดภายหลัง กลับเป็เ้า...” ที่แม้จะแยกกับเขาคงไม่มีทางรู้สึกไม่ยุติธรรมนัก! วินาทีนี้โจวอ้าวเสวียนกลับไม่แน่ใจเสียแล้ว
แต่ไหนแต่ไรมา สตรีผู้นี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขามักเป็คนเข้มแข็งและไม่ยอมพึ่งพาเขา หากนางไม่้าคบหากับเขา เขาจะทำอย่างไรได้?
เหมือนมองความในใจของเขาออก “โจวอ้าวเสวียน หากข้าปฏิเสธ ท่านจะทำอย่างไร?”
บุรุษที่เดิมทีทั้งหวาดหวั่นและหวาดกลัวกลับกรุ่นโกรธขึ้นมาฉับพลัน เดินเข้าใกล้นางอย่างเอาแต่ใจ “ข้าไม่มีทางให้โอกาสเ้าได้ปฏิเสธ ข้าจะแบกเ้ากลับจวน แม่นาง ฝ่าความลำบาก...ไปด้วยกันกับข้าได้หรือไม่? ข้าสามารถรับประกัน หลังจากที่เ้ากับข้าคบกัน ชีวิตของเ้าจะมีชีวิตชีวาอย่างเช่นตอนนี้ แน่นอนว่า สองปีนี้ ข้าอาจจะ...ยังไม่สามารถให้ตำแหน่งนั้นกับเ้าอย่างเป็ทางการได้ รอจนหลังจากแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว มั่นใจแล้วว่าคนรอบตัวของพวกเ้าปลอดภัย ข้าจะให้เ้ากลับมาในตำแหน่งนั้น”
เฉินเนี้ยนหรานอยากจะปฏิเสธ แต่ทำได้เพียงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนางจะพยักหน้าตอบรับ
“ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสองปี ในสองปีนี้ ข้ากับลูกจะอยู่ด้วยกัน ท่านปล่อยมือแล้วไปทำเื่ของท่าน ยังมี...คนที่เรือนของท่านผู้นั้น ข้าเชื่อว่าท่านกับนางยังไม่เคยมีการกระทำของสามีภรรยาจริงๆ ตรงนี้ข้ามองออก ว่าไปแล้ว นางนับเป็คนน่าสงสาร ดังนั้นข้าหวังว่าท่านจะดูแลนางอย่างดี อย่าได้ทำสิ่งใดเกินไปนัก”
“นางมีชีวิตอยู่ได้ไม่ยืนยาวมาตั้งนานแล้ว นอกเสียจากคนพวกนั้นที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้จะปรุงโอสถให้นาง ไม่เช่นนั้นนางคงสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ ข้าใช้ประโยชน์จากนางจริงๆ หากสามารถเจอคนจากเบื้องบนมารักษาชีวิตนางได้ ข้าก็จะปกป้องนางไว้”
“ปกป้องนางแล้ว นางจะเป็อย่างไรต่อท่าน?” เฉินเนี้ยนหรานถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าจะอธิบายกับนาง แล้วยกของบางส่วนที่เป็ของข้าให้แก่นาง”
“อ้อ...ดีนัก!” เฉินเนี้ยนหรานรับคำเบาๆ เื่นี้ทำให้โจวอ้าวเสวียนยินดีมาก เขากอดนางแน่น พูดเสียงแ่ด้วยความซาบซึ้ง “แม่นาง ให้เวลาข้าสองปี รอข้านะ จะต้องรอข้านะ”
เฉินเนี้ยนหรานที่ถูกดึงเข้ามาในอ้อมกอดของเขา มุมปากยกยิ้มเย็น ให้นางเป็ชู้แล้วรอเขาเช่นนี้ โจวอ้าวเสวียนท่านคิดว่าข้าเป็ผู้ใดกัน? เพื่อพวกเด็กๆ ตอนนี้ข้าถึงได้แสร้งทำเป็ยอมรับปากท่าน เวลาสองปี ข้าจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้น และ...ทำให้ตนเองสามารถปกป้องพวกเด็กๆ ได้
ดังนั้นโจวอ้าวเสวียน หลังจากสองปี นั่นจะเป็เวลาที่พวกเราต้องแยกจากกัน...
โจวอ้าวเสวียนจากไปด้วยความพอใจ เฉินเนี้ยนหรานมองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ ข้าไม่มีทางมอบความรู้สึกจริงๆ ให้แก่ท่านได้ เพื่อลูกๆ ของข้า ข้าในตอนนี้ทำได้เพียงใช้ความเชื่อใจที่ท่านมีต่อข้าเท่านั้น...”
“นายหญิง คนข้างเรือนของพวกเราย้ายออกไปแล้วเ้าค่ะ” ตอนที่กลับเรือนมา เฉินเนี้ยนหรานได้ยินหนิวซื่อพูดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางขมวดคิ้ว “อ๋อ ย้ายออกไปแล้วหรือ ครอบครัวก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าอยู่ที่นี่ดีๆ อยู่หรอกหรือ เหตุใดจึงคิดจะย้ายก็ย้ายเลยเล่า?”
“ข้าไม่รู้แน่ชัด ก่อนหน้านี้ยังพูดคุยกันดีๆ อยู่เลย เมื่อวานได้ยินพวกเขาจะย้ายออกกันหมดเรือน ดูจากท่าทางดีใจของพวกเขาแล้ว คิดไปแล้ว ครั้งนี้คงจะมีเื่ดีๆ แล้วล่ะเ้าค่ะ”
เฉินเนี้ยนหรานหยอกล้อลูกชายของหนิวซื่อ เพื่อนบ้านใหม่นี้...เกรงว่าคงจะเข้ากันไม่ได้เช่นนั้น ตอนนี้อยากจะย้ายเรือนออกไปก็ไม่ทันแล้ว จากอำนาจของจวนสกุลโจวจากที่โจวอ้าวเสวียนพูดในวันนี้ หากฮูหยินผู้เฒ่า้าสิ่งใด นางคงไม่สามารถสลัดพ้น อย่างเช่นวันนี้ สิ่งที่นางสามารถทำได้คืออยู่ที่นี่แต่โดยดี แล้วคลอดลูกๆ ออกมา
วันต่อมา เฉินเนี้ยนหรานยังออกไปเดินเล่นด้านหลังเรือนตามปกติ
นางพบเข้ากับคู่แม่ลูกส่งยิ้มสดใสมาให้ สตรีหน้าตาใจดีนางหนึ่ง เมื่อเห็นนางก็พยักหน้าให้ “เด็กคนนี้ใกล้คลอดแล้วใช่หรือไม่ พวกเราเป็เพื่อนบ้านที่เพิ่งจะย้ายมาใหม่ ไม่ทราบว่าฮูหยินมีชื่อว่าอะไรหรือ ต่อไปจะได้ไปมาหาสู่กันสะดวก”
การพบกันที่ดูเหมือนมาเจอผ่านๆ เป้าหมายที่แท้จริงนั้น เกรงว่าจะเพื่อมาใกล้ชิดนาง
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้าให้อย่างเป็กันเอง “ใช่เ้าค่ะ สิ้นเดือนนี้แล้ว ทั้งสองคนเรียกข้าว่าแม่นางสกุลเฉินก็ได้ ข้าเป็ฮูหยินไม่ไหวหรอก เมื่อคืนเพิ่งจะได้ข่าวมาว่าข้างเรือนของข้ามีหญิงงามราวดอกไม้เหมือนดั่งหยกย้ายมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็น้องสาว” เฉินเนี้ยนหรานยิ้มมองสตรีที่อยู่ข้างสตรีวัยกลางคน สตรีนางนั้นสามารถใช้คำชมว่าเป็คนหน้าตาดีได้ แต่หากให้เทียบงามราวดอกไม้เหมือนดั่งหยกแล้ว ยังห่างอีกไกลนัก
ทั้งๆ ที่รู้ว่าคำชมนี้เกินความจริงนัก ทว่าในแววตาสตรีนางนั้นยังมีความดีใจ มองออกเลยว่า คนคนนี้ไม่ใช่คนที่มีกลอุบายมาก กลับเป็สตรีวัยกลางคนคนนั้น แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็คนที่มีเล่ห์เหลี่ยม
“เด็กคนนี้น่ะ ฮูหยินก็ชมนางเกินไป เสี่ยวอวี้ ต่อไปเ้าก็มาเดินกับฮูหยินเขาให้มากเสียหน่อย ข้าเห็นว่าฮูหยินพูดจาไม่เหมือนคนธรรมดา เ้าจะต้องเรียนรู้ให้มากสักหน่อย”
ั้แ่วันนั้น สตรีที่ชื่อว่าเสี่ยวอวี้มาหานางที่เรือนแทบทุกวัน
สำหรับเป้าหมายของการกระทำพวกนาง แม้แต่พวกหนิวซื่อล้วนพอจะมองออก
ในวันหนึ่งหนิวซื่ออาศัยตอนที่ในเรือนไม่มีใคร เข้าไปดึงเฉินเนี้ยนหรานเดินมาด้านข้างเงียบๆ “คุณหนู คนที่ท่านให้ข้าไปหา ข้าหาเจอแล้ว จะให้เขาเข้ามาพักหรือว่า?”
“ให้เขาเข้ามา!” เฉินเนี้ยนหรานกัดฟัน ตัดสินใจเด็ดขาด
เรือนของเสี่ยวอวี้ที่อยู่ข้างๆ
“ท่านแม่ ลูกของเฉินเนี้ยนหรานคนนั้นเป็ของคุณชายจริงๆ หรือ?”
สตรีวัยกลางคนที่กำลังเลือกผักอยู่เมื่อได้ยินจึงถลึงตาใส่ “เ้านี่พูดเหลวไหลอะไรกัน เบื้องบนเพียงให้เรามาแอบจับตามอง และไม่ได้พูดว่าเด็กคนนั้นเป็ลูกของคุณชายจริงๆ คำพูดเช่นนี้พูดที่นี่ก็พอแล้ว หากไปพูดในจวนไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเื่ใหญ่ขึ้นมาได้”
เสี่ยวอวี้แลบลิ้นออกมา “ท่านแม่ ท่านระวังตัวมากไปแล้ว ทั้งๆ ที่คนในจวนต่างพูดว่าเด็กนั่นเป็ลูกของคุณชายห้า จะไม่ใช่ได้อย่างไรเล่า พวกเราน่ะ ขอแค่รอลูกของพวกนางคลอดออกมาและรีบอุ้มเด็กกลับจวน เช่นนั้นถือว่าทำสำเร็จแล้ว ท่านแม่ อยู่ที่นี่เฉยๆ น่าเบื่อมากเลย ข้าอยากกลับไปที่จวนไวๆ ที่จวนมีอาหารอร่อยๆ เครื่องแต่งกายดีๆ มากมาย อยู่ที่นี่ทำได้แค่มองคนท้องโต น่าเบื่อจริงๆ”
สตรีวัยกลางคนถลึงตาใส่อวี้เอ๋อร์ “พูดให้น้อยลงเสียบ้าง คนในจวนปากมากนัก ข้ายอมอยู่ที่นี่ดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงความคิดใดของเ้าเลย อยากจะเอาใจนายหญิงไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ข้าว่าเ้าหรอกนะ การเป็หญิงอุ่นเตียงไม่ได้ดีหรอกนะ คนในจวนสกุลโจวน่ะ นอกจากคุณชายห้าแล้ว ข้าไม่เห็นบุรุษคนใดดีสักคน เฮ้อ ข้าพูดเื่พวกนี้ตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ เ้านี่ รีบไปดูข้างเรือนเถิด จะหย่อนยานตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ หากเกิดเื่วุ่นวายขึ้นมา พวกเราคงอยู่จวนสกุลโจวไม่ได้แล้ว”
แม้อวี้เอ๋อร์จะไม่พอใจ แต่ก็หยิบรองเท้าถักไปยังเรือนของเฉินเนี้ยนหรานแต่โดยดี
สตรีวัยกลางคนนั่งถอนหายใจเบาๆ อยู่ในเรือน ก่อนจะเตรียมตัวทำกับข้าว ผู้ใดจะรู้ว่ากระทะเพิ่งจะร้อน อวี้เอ๋อร์กลับร้องเรียกเสียงดังด้วยความใพร้อมวิ่งเข้ามา
“ท่านแม่ ท่านแม่ แย่แล้ว แย่แล้ว คนนั้น สตรีนางนั้นมีบุรุษ บุรุษคนนั้นหน้าตาดียิ่งนัก ์ นางเป็สตรีที่มีสามีแล้ว เด็กคนนั้นยังจะเป็ลูกของคุณชายห้าได้อย่างไร?”
แม่นมจูฟังแล้วกลับไม่เข้าใจนัก รีบวางกระทะเหล็กลง “เ้าอธิบายกับข้าให้ละเอียดสิ”
อวี้เอ๋อร์เอ่ยปากบอกเื่ที่เห็นเมื่อครู่ “ท่านแม่ ข้าไปดูที่ข้างเรือนตามที่ท่านบอกใช่หรือไม่ คนนั้น สตรีนางนั้นมีสามีแล้ว แม้จะเป็พ่อค้า แต่ข้าเห็นแล้วหน้าตาดูซื่อสัตย์มาก และถือเป็บุรุษที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง คนคนนั้นดีกับเฉินเนี้ยนหรานมากเสียด้วย เลือกของมากมายกลับมา บอกว่าเตรียมไว้ให้ลูก”
จูซื่อฟังจบสีหน้าพลันย่ำแย่ นางอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่ามานาน จึงรู้ดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าหวังว่าในเรือนจะมีคนสืบทอดมากเพียงใด
ยามที่ได้ยินว่าคุณชายห้ามีลูก ฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้ความสำคัญมาก ในใจของพวกนาง ลูกของเฉินเนี้ยนหรานถูกใส่ชื่อลงสกุลโจวไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีบุรุษโผล่มาทำลายความหวัง หรือคนคนนี้จะเป็สามีของเฉินเนี้ยนหราน?
จูซื่อไม่สามารถสงบใจได้ นางถอดผ้ากันเปื้อนออก และหมุนตัวเข้าไปหยิบถ้วยเปล่าออกมาจากในเรือน เื่นี้นางจะต้องไปพิจารณาให้ชัดเจน หากไม่ใช่สายเืของจวนสกุลโจวจริง แน่นอนว่าจะต้องกลับไปพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าให้ชัดเจน
“แม่นาง นี่คือหลิงกู่[1] ข้าไปขอให้ช่างที่รู้จักกันทำให้พวกลูกๆ เชียวนะ ยังมีผ้าอีกหลายชุ่นที่ข้าประหยัดเก็บเงินซื้อให้เ้า เ้าสามารถทำชุดสวยๆ ได้แล้ว ตอนนี้สามีเช่นข้ายังยากจนนัก แต่รอต่อไปมีเงินแล้วจะทำให้พวกเ้าแม่ลูกมีชีวิตที่ดีแน่นอน”
“เ้าก็รู้ว่าตอนนั้นที่ข้าชอบเ้าไม่ใช่เพราะเ้าร่ำรวย ตอนนี้ยังพูดไร้สาระเพื่อเหตุใดกัน ที่เป็เช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว ลำบากเ้าแล้วอยู่ด้านนอกแล้วยังคิดถึงพวกเราอีก” เฉินเนี้ยนหรานมีของกองใหญ่อยู่ในมือ พูดด้วยสีหน้าเขินอาย
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมองไปยังบุรุษตรงหน้า พร้อมกับแฝงไปด้วยความรัก จูซื่อมองแค่เพียงปราดเดียวก็มองออกว่า ความรักหวานชื่นของสองคนนี้ไม่มีทางเสแสร้ง
“แม่นาง ผมของเ้ายุ่งแล้ว” บุรุษผู้นั้นยกมือขึ้นไปสางผมให้เฉินเนี้ยนหรานอย่างเป็ธรรมชาติ
ในตอนนี้เอง เฉินเนี้ยนหรานเห็นจูซื่อยืนอยู่หน้าประตู จึงรีบตีมือของชายหนุ่ม “หยา ท่านป้ามาแล้วหรือ รีบเข้ามานั่งเถิดเ้าค่ะ สามี คนคนนี้คือป้าจูที่อยู่ข้างเรือนน่ะ นางทำงานตัดเย็บเก่งมากเชียวนะ รองเท้าเด็กของลูกที่ยังไม่เกิดของเราล้วนเป็ฝีมือป้าจู”
บุรุษคนนั้นหมุนตัวมาทำความเคารพจูซื่อ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
จูซื่อมองค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหาข้ออ้างเข้าไปในห้องของเฉินเนี้ยนหราน ทันทีที่เข้าไปก็เห็นรองเท้าบุรุษสองคู่วางอยู่ใต้เตียง...
ณจวนสกุลโจว หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าฟังจูซื่อรายงานเสร็จก็นั่งหน้าเขียวไม่พูดไม่จาอยู่นาน
จูซื่อที่อยู่ด้านข้างรู้สึกหวาดกลัว ภายใต้ความเงียบนางส่งสายตาขอร้องไปให้หงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง ตอนนี้มีเพียงคนข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่จะช่วยนางได้
เชิงอรรถ
[1] หลิงกู่ แทมบารีน
