เพียงแต่ว่าในวันที่สอง ความปลื้มปีติยินดีของเขาก็ถูกทำให้จบลง เพราะเขาเจอเข้ากับคนๆ หนึ่ง
ภายในเทือกเขารกร้างเต็มไปด้วยนักเสี่ยงภัยและผู้ที่เขามาฝึกฝนตนเอง การพบเจอคนหนึ่งคนไม่ใช่เื่ที่น่าแปลก เมื่อเดือนก่อนเขาก็พบเจอกับนักเสี่ยงภัยอยู่บ่อยๆ มากมายหลายคน เพียงแต่...คนที่เจอในวันนี้ค่อนข้างพิเศษออกไป นอกจากดวงตาทั้งคู่ที่เอ่อล้นไปด้วยจิตสังหารและดาบฆ่าม้าเล่มยาวแล้ว ทั่วทั้งร่างของเขาต่างปกคลุมไปด้วยสีดำ
“ไอ้หนู ส่งของมีค่ามาให้หมด จากนั้นก็ไสหัวไปซะ”
บุคคลในชุดดำพูดขึ้น น้ำเสียงแสดงอำนาจเหมือนผู้บังคับบัญชาสั่งการลูกน้องอย่างไรอย่างนั้น
หืม? คนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือผู้ล่าที่คนเขาเล่าขานกัน? ไม่ล่ามารอสูร แต่เป็ผู้ล่าที่ล่าคนโดยเฉพาะ?
เย่ชิงหานหรี่ตาลงเล็กน้อย ภายในใจเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา ดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ เดินข้างแม่น้ำบ่อยๆ ต้องมีสักวันที่รองเท้าจะเปียกน้ำ และวันนี้ตนเองก็ได้เจอกับผู้ล่าที่มีจิตใจโเี้อำมหิตจริงๆ จนได้
แต่พริบตาเดียวเย่ชิงหานกลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาแทน ในหัวมีความคิดอย่างหนึ่งวาบผ่านทั่วทั้งร่างพลันสั่นเทิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “พี่...พี่ชาย เหลือเอาไว้พอเป็ค่าเดินทางให้ข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
“ค่าเดินทางกับชีวิตของเ้า เ้าเลือกเองแล้วกันว่าจะเหลืออะไรไว้”
ชายชุดดำพูดเสนอตัวเลือกให้ เขากระทำเื่ชั่วช้าเช่นนี้มาตลอดหลายปีจิตใจจึงไม่มีความเมตตาสงสารแม้แต่น้อย มีแต่เพียงความเหี้ยมเกรียมและความเืเย็น ในขณะที่พูดดวงตาของเขาเริ่มเป็ประกาย ดาบที่อยู่ในมือเลื่อนสูงขึ้นเล็กน้อย
“ก็ได้ ข้าเลือกชีวิตของข้า”
ร่างของเย่ชิงหานสั่นเทิ้มรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ปลดห่อสัมภาระโยนออกไปด้วยอาการลนลาน เขาขยับหมุนขาข้างซ้ายหน่อยหนึ่งเพื่อบังสายตาของชายชุดดำจากกริชสีดำที่ซ่อนเอาไว้
“อืม ไม่เลวเข้าใจสถานการณ์ดีนี่เ้าหนู! แต่ว่ากริชเล่มนั้นก็ดูไม่เลวเอามาให้ข้าด้วย”
ชายชุดดำยื่นมือออกไปรับห่อผ้า รู้สึกได้ถึงความหนักของสิ่งของที่อยู่ข้างในจึงพยักหน้าออกมาอย่างพอใจ และบังเอิญกวาดตามองเห็นกริชเล่มสีดำจึงเอ่ยขึ้น
ใบหน้าเย่ชิงหานตื่นใรีบร้อนพูดขึ้น “คือ...พี่ชายถ้าไม่มีอาวุธแล้วข้าจะออกไปจากเทือกเขาอย่างไรเล่า?”
“ส่งกริชมา ไม่งั้นเ้าก็เตรียมหลับอยู่ภายในเทือกเขาแห่งนี้ตลอดกาล!” ชายชุดดำไม่สนใจ ทำเพียงกวาดตามองอย่างเฉยเมย แววตาทั้งเ็าทั้งโอหังอวดดี
“เฮ้อ...” เพียงไม่กี่วินาทีเย่ชิงหานตัดสินใจจับกริชโยนออกไป ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดายอาลัยอาวรณ์ ในวินาทีนั้นเองเย่ชิงหานมองเห็นสายตากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจของชายชุดดำ
กริชที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันปรากฏแสงเส้นหนึ่งแยกออกมา ระดับความเร็วของมันรวดเร็วเป็อย่างมาก ชายชุดดำกำลังยิ้มหยันออกมา เตรียมที่รับเอากริช
ทันใดนั้น สายตาที่กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจของเขาพลันแปรเปลี่ยนไปโดยทันที เปลี่ยนเป็ตกตะลึงและหวาดกลัวขึ้น
ด้านหลังกริชปรากฏเงาสีดำสายหนึ่งลอยพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ระดับความเร็วของมันยังเร็วกว่ากริชเสียอีก เพียงไม่กี่วินาทีเงาสีดำก็ไล่ตามกริชจนทัน จากนั้นมันยื่นมือจับด้ามกริชพุ่งตรงต่อไปตามทิศทางของกริช จนกระทั่งมันใช้กริชเฉือนลงไปยังแขนของชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าอย่างหนักหน่วง
เคร้ง!
ดาบฆ่าม้าและห่อผ้าสีดำร่วงหล่นลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้น ดวงตาของชายชุดดำมีอาการหวาดกลัว แขนขวากุมแขนข้างซ้ายไว้แน่นส่วนเท้าก้าวถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่้าชีวิตเ้า ต่อไปเ้าอย่าทำอาชีพที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกเลย”
ร่างกายของเย่ชิงหานไม่ได้สั่นเทิ้มอีก ดวงตาก็ไม่ได้หรี่ลงเหมือนแต่ก่อน เขาหยิบห่อผ้าขึ้นตบปัดฝุ่นเบาๆ สองสามครั้งแล้วมัดไว้ด้านหลังดังเดิม
“ข้านี่ช่างตาบอดเสียจริงถึงกับกล้ามาล่ายอดฝีมือระดับขอบเขตยอดยุทธ์...ขอบคุณพี่ชายน้อยที่ไว้ชีวิต แขนพิการแล้วต่อไปคาดว่าคงจะทำอาชีพนี้ไม่ได้อีกแล้ว” ชายชุดดำหลังจากผ่านอาการตื่นตระหนกใจึงเริ่มสงบสติอารมณ์กลับมาได้ เขารู้ดีว่ารอบนี้เจอของแข็งเข้าให้แล้ว ทั้งพลังทั้งวิชามีดที่ใช้ รวมถึงอายุที่ยังหนุ่มกลับบรรลุถึงระดับขอบเขตยอดยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือในการแสดงละครจัดว่าอยู่ในระดับชั้นหนึ่ง ถึงขนาดหลอกตนเองที่อยู่ในสายอาชีพนี้ได้อย่างแเีจนเชื่ออย่างสนิทใจ
แขนซ้ายพิการแล้วชีวิตนี้คงไม่สามารถใช้มีดมือซ้ายได้อีก ในดวงตาของเขาแม้จะมีความโกรรธแค้นแต่ก็เป็คนรู้ทิศทางลมดี ดังนั้นจึงจำเป็ต้องยอมก้มหัวลง
“อืม”
เย่ชิงหานหลังจากเก็บของเสร็จ ใช้เท้าเขี่ยดาบฆ่าม้าเล่มยาวกระเด็นไปตกอยู่ใต้เท้าของชายเสื้อดำ จากนั้นจึงหมุนตัวจากไป
ในใจของเย่ชิงหานในตอนนี้เกิดอารมณ์พิเศษอย่างหนึ่งขึ้น อาจจะเป็เพราะเป็ครั้งแรกที่เอาชนะศัตรูคนแรกได้ด้วยมันสมองและพลังฝีมือของตนเอง หรืออาจจะเป็เพราะเป็ครั้งแรกที่ได้ใช้น้ำเสียงสั่งสอนคนอื่น หรืออาจะเป็เพราะชัยชนะครั้งแรกทำให้เขามีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น อารมณ์ของเขาในตอนนี้ยุ่งเหยิงเป็อย่างมากมีทั้งตื่นเต้น ทั้งปลื้มปีติยินดี และอารมณ์ที่แปลกพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา เนื่องจากตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงนี้ทำให้เขาไม่ได้หันกลับไปมองชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังอีก ชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้น
“อ๊าา...มารอสูร!”
เสียงร้องใดึงสติของเย่ชิงหานให้กลับคืนมา เขาหันกลับไปอย่างตื่นใ แต่สิ่งที่มองเห็นกลับเป็ม่านฝุ่นละอองสีขาวกลุ่มหนึ่งและคมดาบที่เย็นเฉียบปะปนมาด้วย
ผ่านการต่อสู้เป็ตายมาเดือนกว่าๆ ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเย่ชิงหานพัฒนาขึ้นเป็อย่างมาก ชั่วพริบตาเดียวเพียงไม่กี่วินาทีเขารีบหลับตาลงและเบี่ยงตัวหลบคมดาบออกไปยังด้านข้าง
เนื่องจากเป็เหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว แม้จะรีบหลับตาลงเร็วสักปานใดฝุ่นผงก็ยังมีเข้ามาภายในดวงตาไปอยู่ไม่น้อย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาดวงตาจึงเริ่มรู้สึกเ็ปและแสบร้อน...ความรู้สึกไม่ดีต่างๆ นานาจากเส้นประสาทััไหลประดังเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่เบี่ยงตัวหลบยังพอทำได้ไม่เลว คมดาบที่ฟันมาจึงคลาดเคลื่อนจากจุดสำคัญไป บริเวณหน้าอกถูกคมดาบเฉือนผ่านิัจนกล้ามเนื้อเปิดออก เืสีแดงสดไหลซึมเป็ทางยาว
ฝุ่นผงคือปูนขาว มือที่แกว่งดาบคือมือข้างขวา เ้าของมือที่แกว่งดาบคือชายชุดดำที่สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เย่ชิงหานล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง ชุดสีเขียวที่สวมใส่กลายเป็สีขาวโพลนเพราะฝุ่นผง เืสีแดงที่ไหลซึมออกมาจากหน้าอกย้อมชุดที่ขาวนั้นจนราวกับเป็เกราะสีแดง ดวงตาทั้งคู่ในตอนนี้ปิดสนิท กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นกระตุกไม่หยุด มือข้างหนึ่งพยายามเช็ดฝุ่นที่อยู่รอบดวงตาออกอย่างร้อนรน ส่วนมืออีกข้างถือกริชกวัดแกว่งไปมาอย่างมั่วซั่ว สภาพกระเซอะกระเซิงน่าเวทนา
“เ้าทำผิดอย่างมหันต์อย่างหนึ่งซึ่งก็คือ ความเมตตา ที่นี่ไม่ใช่ในเมืองและไม่ใช่ตระกูลที่เ้าอยู่ ที่นี่คือเทือกเขา” ชายชุดดำเดินถือดาบที่อาบไปด้วยเืเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เสียงเดินหนักๆ ของฝีเท้าฟังดูราวกับยมบาลที่ขึ้นมาจากนรกเพื่อรับดวงิญญาและกำลังค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาฉันนั้น
“เ้าทำลายแขนข้างซ้ายของข้า แต่หารู้ไม่ว่าข้าใช้แขนข้างขวาได้ดีกว่าเสียอีก อีกอย่างนิสัยของข้าคนนี้ไม่ดีเอามากๆ อยู่อย่างหนึ่งคือ มีแค้นต้องชำระ และไม่ใช่สิบปีไม่สาย แต่เป็คืนเดียวก็ถือว่าสายเกินไป”
ชายชุดดำพยักหน้าทำราวกับว่าคำพูดที่ตนเองพูดออกมาในวันนี้ฟังดูแล้วมีระดับขึ้นมาอีกไม่น้อย ดวงตาพลันปรากฏความโเี้ขึ้น ง้างดาบสูงขึ้นเล็งไปที่เย่ชิงหานที่นอนกลิ้งไปมาอบู่บนพื้นแล้วฟันลงไปในทันที ในความคิดของเขาเย่ชิงหานที่ร่างกายได้รับาเ็สาหัสแถมดวงตาที่มองไม่เห็น มือที่ถือกริชกวัดแกว่งไปมาอย่างมั่วซั่วนั้นไม่ได้เป็อันตรายกับเขาเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่ดาบฆ่าม้าเล่มยาวฟันลงไปนั้น เย่ชิงหานที่กลิ้งไปมาอยู่บนพื้นพลันหยุดลงในทันที สองตายังคงปิดสนิทดังเดิม แต่มุมปากกลับแสยะยิ้มออกมาซึ่งดูคล้ายกลับยิ้มแต่ก็ไม่เชิง
หืม?
ชายชุดดำถูกรอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ชิงหานทำให้ตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น ดาบในมือไม่ได้มีอาการสั่นหรือหยุดชะงักลงแต่อย่างใด ยังคงฟันดาบลงไปยังเบื้องล่างต่อ แต่ชั่วพริบตานั้นเอง สายตาที่เฉยชาของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็ตกตะลึง และจากนั้นแปรเปลี่ยนเป็ความหวาดกลัวอย่างสุดขีด
เขามองเห็นอสูรตัวเล็กสีดำตัวหนึ่ง เป็อสูรตัวเล็กซึ่งมีระดับความเร็วเป็ที่น่าหวาดกลัวเป็อย่างมาก
ดาบฆ่าม้าของเขายังไม่ทันที่จะฟันลงไปถึง เ้าอสูรตัวเล็กที่มุดออกมาจากรอยฉีกขาดของเสื้อตรงบริเวณหน้าอกของเย่ชิงหานก็พุ่งทะยานตรงเข้ามาหา ฉับพลันนั้นเขารู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ สมองถูกความรู้สึกเ็ปเข้าปกคลุม จากนั้นสติสัมปชัญญะจึงจมดิ่งสู่ความมืดมิดที่ไร้ขอบเขตไป
หลังจากที่ชายชุดดำล้มลงไปเย่ชิงหานไม่ได้สนใจต่อาแที่อยู่บริเวณหน้าอก แต่รีบปลดห่อผ้าที่อยู่ด้านหลังหยิบเอาน้ำออกมาล้างตาที่เต็มไปด้วยฝุ่นผง
กระแสพลังสีขาวจากแหวนทองเหลืองได้ไหลออกมารักษาาแตามร่างกายของเขาั้แ่แรกแล้ว อาการาเ็เล็กน้อยพวกนี้เย่ชิงหานจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อนแหวนทองเหลืองของล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณสมบัติในการรักษาเยียวยาวงนี้ได้พิสูจน์ตัวมันเองให้เห็นแล้ว
เมื่อมองไปยังเสี่ยวเฮยเห็นดวงตาคู่สีดำแวววาวของมันทำให้เย่ชิงหานรู้สึกดีขึ้นมา...โลกแห่งนี้ไม่เหมือนกับโลกเดิมที่สะอาดบริสุทธิ์ที่ที่เขาจากมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อออกจากเมืองเข้ามายังเทือกเขา
ที่แห่งนี้คือภายในเทือกเขา เป็สถานที่ที่ทั้งห้าตระกูลใหญ่ ทั้งเขตปกครองเทพาและทั้งนครแห่งเทพไม่สามารถแผ่อิทธิพลครอบคลุมเข้ามาถึง ที่แห่งนี้คือโลกแห่งการฆ่าฟัน เป็โลกของการแข่งขัน ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด เย่ชิงหานรู้สึกโชคดีมากที่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนตนเองไม่ได้บุ่มบ่ามเดินทางเข้ามาภายในส่วนลึกแห่งนี้
มองดูร่างชายชุดดำที่มือถือดาบดวงตาเบิกกว้างเหมือนกับตายตาไม่หลับ เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “แม้จะเคยทำผิดพลาดไปครั้งหนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำผิดพลาดเป็ครั้งที่สองอีก เกี่ยวกับเื่การล้างแค้นข้ารู้สึกว่าแม้เพียงคืนเดียวก็ถือยาวนานจนเกินไปเช่นกัน...”