นอกประตูจวนสกุลอวี๋มีบุรุษสองคนยืนเฝ้าราวกับเทพอารักษ์ คนในหมู่บ้านต่างไม่กล้ามาเยือนจวนเพราะกลัวจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย อีกทั้งคนสกุลอวี๋ก็ออกไปไม่ได้ ได้แต่หวังเพียงว่าคนสกุลเหอจะคิดบัญชีกับอวี๋เจียว พวกเขาจะได้ตัดสัมพันธ์กับนางอย่างสิ้นเชิง
เพราะอวี๋ฉี่เจ๋อไม่ฟังคำห้ามปรามและไปหาอวี๋เจียวที่จวนสกุลเหอ อวี๋หรูไห่ขุ่นเคืองใจยิ่งนัก เขาอยากจะตัดขาดจากอวี๋เจียวในทันทีทันใดเสียด้วยซ้ำ ทว่าอวี๋ฉี่เจ๋อกลับเอาสกุลอวี๋เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นหลายวันมานี้เขาจึงไม่มีสีหน้าท่าทีที่ดีต่อครอบครัวรอง สตรีเเซ่อวี๋โจวก็ไม่แสดงสีหน้าท่าทีที่ดีให้สตรีแซ่ซ่งดูเช่นกัน ทั้งยังด่าทอนางหลายครั้ง
แม้ว่าสามวันจะสั้น แต่สำหรับอวี๋หรูไห่สองสามีภรรยากลับยาวนานแรมปี ทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดหวั่นอยู่ตลอดทุกวัน กระทั่งประตูห้องโถงก็ยังไม่กล้าก้าวเท้าออกไป ครั้นนอกประตูจวนมีลมพัดกระโชก พวกเขาพลันหวาดผวาแทบตายเพราะระแวงว่าสกุลเหอจะส่งคนมาจับตัวอวี๋หรูไห่ไปอีก
"หยุด!" สารถีดึงบังเหียนหยุดรถม้าไว้นอกประตูจวนสกุลอวี๋ เขาะโลงจากรถม้าและกล่าวกับอวี๋เจียวที่อยู่ข้างในรถม้าว่า "แม่นางเมิ่ง พวกเรามาถึงแล้วขอรับ”
อวี๋ฉี่เจ๋อเลิกม่านรถและลงจากรถม้าก่อน เขาหันไปหาอวี๋เจียวที่อยู่ในรถม้า ยื่นฝ่ามือขาวสะอาดข้อนิ้วเด่นชัดไปให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียวชะงักชั่วครู่ก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือของเขาแล้วลงจากรถม้า
เด็กรับใช้สองคนที่เฝ้าหน้าประตูจวนต่างรู้จักสารถี ครั้นเห็นเขามาที่นี่ยังนึกว่านายท่านของตนมีคำสั่งใด พวกเขาเดินตรงเข้ามา เมื่อเห็นเมิ่งอวี๋เจียวที่ถูกพ่อบ้านพาตัวไปในวันนั้นลงจากรถม้า จึงนึกสงสัยอย่างไม่อาจเลี่ยง
สารถีได้รับคำสั่งจากเหอตงเซิงก่อนเดินทางมาที่นี่ เขาเดินไปหาเด็กรับใช้ทั้งสองที่เฝ้าประตูกระซิบว่า "นายท่านสั่งให้พวกเ้าเฝ้าจวนสกุลอวี๋ต่อไป เพียงแต่ต้องสุภาพกับแม่นางเมิ่งสักหน่อย”
เด็กรับใช้หนึ่งในนั้นมีไหวพริบอยู่บ้าง เขารีบคลี่ยิ้มกล่าวว่า "เ้าบอกพี่น้องสักหน่อย แท้จริงแล้วควรเกรงใจอย่างไร พวกเราจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูก”
สารถีกับบ่าวรับใช้ทั้งสองต่างมาจากจวนสกุลเหอ เพราะเมื่อก่อนเคยดื่มสุราด้วยกันเขาจึงเอ่ยปากเตือนว่า "นายท่านผู้เฒ่าของพวกเราอาการค่อยๆ ดีขึ้นหลังได้เทียบยาของแม่นางเมิ่ง ข้าเดาว่ารอให้อาการของนายท่านผู้เฒ่าหายดี นายท่านก็จะเรียกพวกเ้าสองคนกลับไป”
“ได้! พวกเราเข้าใจแล้ว” เด็กรับใช้เฝ้าประตูกล่าว
สารถีหันไปหาอวี๋เจียวและเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า "แม่นางเมิ่ง ข้าจะกลับไปเรียนนายท่านก่อนแล้วขอรับ”
อวี๋เจียวกล่าวขอบคุณเขา สารถีโบกมือไปมาอย่างประหลาดใจเมื่อได้รับคำขอบคุณอย่างกะทันหัน "แม่นางเมิ่งสุภาพเกินไปแล้วขอรับ”
ภายในเรือนสกุลอวี๋ ั้แ่ได้ยินเสียงรถม้านอกเรือน ทั่วทั้งห้องโถงพลันเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตกพื้น อวี๋หรูไห่มีสีหน้าหวาดหวั่น ใจนใบหน้าขาวซีด เขาคว้าราวเก้าอี้ไม้ใต้ร่างเพื่อช่วยพยุงตัวไว้
สตรีแซ่อวี๋โจวเงี่ยหูฟังเสียงจากด้านนอกอย่างตั้งใจ ได้ยินเพียงเสียงพูดคุยนอกเรือน แต่เพราะเสียงเบาเกินไปจึงฟังอะไรไม่ออก
กระทั่งประตูเรือนถูกผลักออกจนส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ อวี๋หรูไห่ผวาจนตัวสั่นเทา เขาลุกจากเก้าอี้เตรียมจะไปซ่อนตัวในเรือนฝั่งตะวันออก สายตาของสตรีแซ่อวี๋โจวจ้องเขม็งไปยังประตูจวน ครั้นเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาคืออวี๋เจียวและอวี๋ฉี่เจ๋อ นางจึงรีบเรียกอวี๋หรูไห่ที่รีบร้อนไปซ่อนตัวเอาไว้
"นายท่าน เ้าห้ากับเมิ่งอวี๋เจียวกลับมาแล้วเ้าค่ะ" สตรีแซ่อวี๋โจวพึมพำอย่างเหม่อลอย
"ด้านหลังพวกเขามีคนสกุลเหอตามมาด้วยหรือไม่?" อวี๋หรูไห่ชะงักฝีเท้า ถามอย่างแตกตื่น
เมื่อเห็นอวี๋เจียวหันกลับไปปิดประตู สตรีแซ่อวี๋โจวถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก "มีเพียงพวกเขาสองคน ไม่มีผู้อื่นเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก ร่างกายที่ตึงเครียดพลันผ่อนคลายลง เขาถอนหายใจยาวแล้วนั่งเป็อัมพาตอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเงยหน้าขึ้น พบว่ามีเพียงอวี๋ฉี่เจ๋อและอวี๋เจียวแค่สองคนจริงๆ หัวใจตื่นตระหนกของเขาพลันสงบลง
อวี๋เจียวและอวี๋ฉี่เจ๋อตรงกลับไปที่เรือนฝั่งตะวันออก สตรีแซ่ซ่งกำลังเย็บพื้นรองเท้า ม่านประตูถูกเปิดออกกะทันหัน ครั้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา นางดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร กระทั่งเข็มทิ่มมือก็ยังไม่รู้สึกเจ็บ หยัดกายลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เจ๋อเกอเอ๋อร์[1] แม่หนูเมิ่งกลับมาแล้วหรือ?” นางจับมือของอวี๋เจียวพลางมองพิจารณาั้แ่หัวจรดเท้า เอ่ยอย่างกังวลว่า “กลัวแย่แล้วหรือไม่? อยู่ในจวนสกุลเหอถูกทำร้ายหรือไม่? เหตุใดพวกเขาจึงปล่อยพวกเ้ากลับมา?”
ความเป็ห่วงของสตรีแซ่ซ่งแสดงออกอย่างเป็ธรรมชาติยิ่งนัก ทำให้อวี๋เจียวนึกถึงมารดาของนาง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งทรวงอก อวี๋เจียวส่ายหน้า เอ่ยพลางตรวจดูนิ้วที่ถูกเข็มตำของสตรีแซ่ซ่ง "อาการป่วยของนายท่านผู้เฒ่าเหอไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้ ทั้งยังมีเทียบยารักษาอยู่ สกุลเหอไม่ได้ทำให้ข้าต้องลำบากใจแต่อย่างใดเ้าค่ะ”
อวี๋เมิ่งซานผู้ไม่ค่อยเผยความรู้สึกเท่าใดนักเอ่ยย้ำซ้ำไปมาว่า "กลับมาก็ดีแล้วๆ”
ครั้นอวี๋ฝูหลิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว นางรีบเดินออกมาจากห้องด้านข้าง ใบหน้าเล็กเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น “ในที่สุดเ้ากับน้องเล็กก็กลับมาแล้ว หลายวันมานี้ข้ากับท่านพ่อท่านแม่เป็ห่วงแทบแย่”
ในวันนั้นที่คนสกุลเหอมาก่อเื่ อวี๋ฝูหลิงไปเก็บหญ้ากรงหมูที่ตีนเขา หลังกลับมาถึงได้ยินว่าอวี๋เจียวถูกคนสกุลเหอจับตัวไป ในใจของนางนึกขุ่นเคืองท่านปู่เช่นอวี๋หรูไห่อย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่เขาเป็คนรักษาคนสกุลเหอ วันนั้นหาเงินได้ตั้งมากมายก็ยังดีใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี ทันทีที่เกิดเื่กลับผลักภาระทั้งหมดมาให้อวี๋เจียว การกระทำเช่นนี้ช่างทำให้ผู้อื่นเรียกได้ว่าไร้ยางอายยิ่งนัก
อวี๋เจียวััได้ถึงความเป็ห่วงของพวกเขาจริงๆ นางหัวเราะออกมา ครั้นเห็นรอยเข็มทิ่มบนนิ้วของสตรีแซ่ซ่งไม่ร้ายแรง จึงปล่อยมือจากฝ่ามืออุ่นร้อนของสตรีแซ่ซ่ง
พวกเขาไม่กี่คนยังไม่ทันพูดคุยกันเท่าใด นอกม่านประตูพลันมีเสียงของสตรีแซ่อวี๋โจวดังลอดเข้ามา “เ้าห้ากับแม่หนูเมิ่งกลับมาแล้วหรือ? ท่านปู่ของเ้าเรียกพวกเ้าไปห้องโถงเพื่อถามไม่กี่ประโยค”
“ท่านพักผ่อนเถิด” อวี๋เจียวยัดก้อนหมึกและกระดาษใส่มือของอวี๋ฉี่เจ๋อ เอ่ยพลางเงยหน้ามองเขา “อีกประเดี๋ยวข้าจะต้มยาให้”
อวี๋ฉี่เจ๋อพยักหน้าเมื่อเห็นว่านางคล้ายจะเตรียมการเอาไว้แล้ว
อวี๋เจียวเปิดม่านไม้ไผ่ตามสตรีแซ่อวี๋โจวไปที่ห้องโถง
อวี๋หรูไห่กำลังนั่งตัวตรง เมื่อเห็นอวี๋เจียวเดินเข้ามา เขาเปิดเปลือกตาหย่อนยานเอ่ยถามอย่างอดใจไม่ไหวว่า “เหตุใดเ้าถึงกลับมาจากจวนสกุลเหอเสียแล้ว? ร่างกายของนายท่านผู้เฒ่าสกุลเหอเป็อย่างไรบ้าง?”
อวี๋เจียวเอ่ยอย่างสบายๆ “อาการของนายท่านผู้เฒ่าเหอยังไม่หายดี นายท่านเหอให้ข้ากลับมาเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ได้ฟังสีหน้าพลันเปลี่ยนไป เดิมทีเขานึกว่าอวี๋เจียวรักษานายท่านผู้เฒ่าสกุลเหอจนหายดีแล้ว ไม่เช่นนั้นจากท่าทางดุดันในวันนั้นของคนสกุลเหอ จะยอมปล่อยนางกลับมาได้อย่างไร!
ยามนี้ได้ยินอวี๋เจียวบอกว่านายท่านผู้เฒ่าเหอยังไม่หายดี อวี๋หรูไห่ถึงกับเปลี่ยนสีหน้า “คนสกุลเหอหมายความว่าอย่างไร? ไม่สืบสาวราวเื่เื่นายท่านผู้เฒ่าเหอแล้วหรือ?”
เขากลัวยิ่งนักว่าที่อวี๋เจียวถูกปล่อยตัวกลับมาเพราะนางไปพูดบางอย่างต่อหน้าเหอตงเซิง ที่เหอตงเซิงปล่อยอวี๋เจียวก็เพราะจะไต่สวนเขา
อวี๋เจียวมองปราดเดียวก็ล่วงรู้ถึงความคิดอันบิดเบี้ยวของอวี๋หรูไห่ พลันกระตุกยิ้มหยัน “ข้าก็ไม่รู้เจตนาของนายท่านเหอเช่นกันเ้าค่ะ”
นางไม่อยากให้อวี๋หรูไห่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ร่างกายของนายท่านผู้เฒ่าเหอก็ยังไม่แข็งแรงดี นางก็พูดความจริงเช่นกัน
ในฐานะที่อวี๋หรูไห่เป็หมอ ทั้งๆ ที่รู้ว่าชีพจรและโรคของนายท่านผู้เฒ่าเหอต่างจากมู่เหิง เขากลับเขียนเทียบยาเพราะความละโมบในเงินตรา นี่ก็คือความบกพร่องในหน้าที่ของเขา
ในใต้หล้ามีหมอที่ดีอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อพบกับหมอที่หวังผลประโยชน์จากการรักษาจึงถูกพวกตาปลาปลอมปนไข่มุกเหล่านี้ทำร้ายไปเสียหมด
สีหน้าอวี๋หรูไห่ไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิมหลังได้ฟัง เอ่ยเสียงนิ่งว่า “นายท่านเหอไม่ได้พูดอะไรกับเ้าหรือ?”
“ไม่เ้าค่ะ” อวี๋เจียวตอบเสียงเรียบ
อวี๋หรูไห่มองอวี๋เจียวด้วยใจเบาหวิว ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ลอบเอ่ยว่า จบสิ้นแล้ว เกรงว่าคนสกุลเหอคงไม่มีทางละเว้นเขาอย่างง่ายดายแน่นอน
สตรีแซ่อวี๋โจวฟังแล้วขมวดคิ้วเช่นกัน นางโน้มกายไปเอ่ยชิดใบหูของอวี๋หรูไห่สีหน้าเคร่งขรึม “นายท่าน พวกเราจะปล่อยตัวหายนะเช่นอวี๋เจียวเอาไว้ไม่ได้ จะต้องรีบขับไล่นางออกไปเพื่อตัดความสัมพันธ์เ้าค่ะ!”
..........
เชิงอรรถ
[1] เกอเอ๋อร์ คือคำเรียกบุตรชายในสกุลที่มีฐานะ
