“ครั้งนี้คงไม่ได้ครับ ผมมีธุระที่เมืองหลวงรอผมทำธุระเสร็จจะหาเวลาไปหาคุณที่เขาซู่ซานนะครับว่าแต่คุณไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีธุระอะไรเหรอครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่เมืองหลวงน่ะเดี๋ยวลงจอดที่ตงซานแล้วพวกเราไปเมืองหลวงด้วยกันเถอะ ฮ่าๆ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ
“เครื่องบินกำลังจะลงจอดแล้ว อาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบายโปรดทุกท่านอย่ากังวลใจไปนะคะ” เสียงของหวังเสวี่ยดังขึ้นในเครื่องบินอีกครั้งหนึ่งกัวไฮว่สูดลมหายในลึก ในที่สุดก็ลงจอดเสียทีต่อไปจะนั่งเ้าเครื่องบ้านี่ไม่ได้อีกแล้ว
ยังไม่ทันจะลงจากเครื่องบินกัวไฮว่ก็เห็นว่าทั้งสนามบินมีคนยืนอยู่เต็มทหารราวหนึ่งกองทัพต่างก็ถืออาวุธหลากชนิดเข้ามาประชิดเครื่องบินดูท่าทางทุกคนยังไม่วางใจกัน
“หัวหน้าแอร์คนสวยครับ คุณลงจากเครื่องไปก่อนเถอะ ให้ทหารด้านล่างถอยไปก่อนคนบนเครื่องพวกนี้วุ่นวายกันมากแล้วล่ะครับ อย่าให้ปืนพวกนั้นมาทำให้ใอีกเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หวังเสวี่ยปลอบใจพนักงานบนเครื่องบินอีกครั้งจากนั้นเธอก็เดินออกจากเครื่องบินไปเป็คนแรก
“เสี่ยวเสวี่ย ไม่เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินใช่ไหมพวกเราได้เตรียมมือสไนเปอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว” ชายชราผู้หนึ่งจำหวังเสวี่ยได้ชื่อของหวังต้าจวินยังคงโด่งดังมากในหมู่กองทัพ หวังต้าจวินผู้มีน้ำเสียงแหบแห้งใครพูดถึงก็เป็อันหัวเราะลั่นขึ้นมาแต่ใครจะไปคิดว่ายีนส์เ้ากรรมแบบนี้จะมีหลานสาวที่สวยสะพรั่งได้ขนาดนี้
“พวกโจรถูกยิงตายแล้วเหรอ” ชายชราพูดเบาๆ “ดูท่าทางเหล่าฉางพูดถูกนะเนี่ยว่าบนเครื่องบินมียอดฝีมืออยู่” ชายชราก็ทำมือให้ทหารที่อยู่รอบเครื่องบินสลายตัวออกจากนั้นคนบนเครื่องบินก็ค่อยๆ เดินออกมาจากเครื่องบินในที่สุดเส้นทางแห่งอันตรายในครั้งนี้ก็ได้สิ้นสุดลง
“ไอ้น้อง นี่นามบัตรฉันนะ ถ้าถึงเมืองหลวงแล้วมีปัญหาอะไรมาหาฉันได้นะถ้า้าเงินนายแค่ปริปากบอก ฉันจะออกเงินห้าร้อยล้านให้นายเอง ฉันขอบคุณเธอสำหรับเื่ในวันนี้มากเลยนะ” ทันทีที่เครื่องบินลงจด เ้าปิ่งกังเ้าของบริษัทเทคโนโลยีปิ่งกังในเมืองหลวงก็เดินเข้ามาใกล้กัวไฮว่โดยทันทีได้ผูกสัมพันธ์กับเด็กวัยรุ่นแบบนี้จะอย่างไรเขาก็ไม่เสียเปรียบ
กัวไฮว่ยิ้มพลางรับนามบัตรเอาไว้ มาเมืองหลวงในครั้งนี้รู้จักเพื่อนเอาไว้เยอะหน่อยก็ไม่เลวจากนั้นคนอื่นๆต่างก็ยื่นนามบัตรพร้อมทั้งแสดงความขอบคุณให้เขาเช่นเดียวกับเ้าปิ่งกังและแน่นอนว่าปู๋เอ้อร์เต้าเหรินก็รับนามบัตรมากองหนึ่งเช่นเดียวกันทว่าไม่รู้ว่าด้วยวิธีการใด นามบัตรทั้งหมดก็หายไป
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่ม เธอนี่วาสนาดีกว่าฉันอีกนะ พวกเราลงไปกันเถอะ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ
“คุณเดินไปก่อน เดี๋ยวผมอุ้มพี่เซวียนลงไป สภาพเธอตอนนี้จะเคลื่อนตัวไม่ได้เดี๋ยวเจอกันนะครับ” กัวไฮว่พูดพลางเดินไปยังด้านหน้าของเซวียนตั่วที่อยู่แถวหน้าสุดหูเม่ยเอ๋อร์อุ้มทารกชายพลางมองไปยังกัวไฮว่ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “กัวไฮว่ พี่ฉันขยับตัวไม่สะดวกน่ะ นายช่วยอุ้มเธอลงไปหน่อยสิ”
กัวไฮว่ยิ้มพลางผงกศีรษะ เขามองทารกทั้งสองแวบหนึ่งทั้งคู่มีโหงวเฮ้งบุญวาสนาห้าประการ เมื่อผ่านเหตุการณ์จี้ในวันนี้จากนี้ไปชีวิตก็จะสงบสุขราบรื่น
“เธออุ้มเด็กไว้ให้ดีนะ ถ้าไม่ไหวก็รอเดี๋ยว เดี๋ยวฉันขึ้นมาอุ้มอีกรอบ” กัวไฮว่อุ้มยิ้มๆ พลางอุ้มเซวียนตั่วขึ้นแล้วเดินลงเครื่องบินไป
“อาตั่ว ไม่เป็ไรใช่ไหม นายเป็ใครกัน ปล่อยอาตั่วนะ” ชายหน้าตากลางๆ รูปร่างบึกบึนผู้หนึ่งเดินไปยังเบื้องหน้ากัวไฮว่พร้อมกับพูดด้วยเสียงดังกัวไฮว่ก็ััได้โดยทันทีว่าคนคนนี้เป็ยอดฝีมือเซียนเทียนระยะกลางทว่าด้วยศักยภาพเช่นนี้ก็นับว่าอ่อนเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้ากัวไฮว่ทว่ากัวไฮว่ก็เดาออกว่าคนผู้นี้เป็ใคร ภรรยาเขาถูกกัวไฮว่อุ้มอยู่ก็ต้องขู่เป็ธรรมดา
“ไปหาเปลหามมาหน่อย พี่เซวียนเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอมากถ้าคุณไม่อยากให้เธอมีอาการข้างเคียงอะไรล่ะก็รีบไปหาเปลกับผ้าห่มมาด่วนเลยถ้าคุณอยากได้ภรรยาคุณตอนนี้ก็เอาไป” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็ส่งเซวียนตั่วให้เซวียนหยวนเถิงเฟย
“ไอ้น้อง ขอโทษด้วยนะ ฉะ...ฉันจะไปหาเปลก่อน รบกวนนายอุ้มอีกรอบหน่อยสิ” เซวียนหยวนก็รีบวิ่งไปยังกองทัพด้วยความไว “อาตั่วคลอดลูก?เด็กกะ...เกิดแล้วเหรอ ทำไมยังไม่เห็นเด็กล่ะ” เซวียนหยวนเถิงเฟยวิ่งพลางพูดพึมพำในใจ
ทว่าไม่ถึงสามนาทีเซวียนหยวนเถิงเฟยก็นำเปลเข็นมาคันหนึ่งด้านหลังยังมีหมออีกสามคนตามมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล กัวไฮว่ผงกศีรษะเบาๆจะวิตกไปทำไม ถ้าเื่นี้เทพเซียนยังจัดการไม่ได้พวกเธอมากันกี่คนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ ไม่ใช่เทพเซียนสิ เทพที่ถูกเนรเทศต่างหาก
“นี่ พวกคุณสามคนฟังให้ดีนะ ไม่ต้องให้ยาแผนปัจจุบันพี่เซวียนหรอกเดี๋ยวผมจะเขียนใบสั่งยาให้แล้วคุณไปเอายาจีนมานะแบบนี้พี่เซวียนจะฟื้นฟูไวมากกว่า” กัวไฮว่พูดกับหมอทั้งสามคน “ถ้าคุณอยากเจอลูกคุณก็ขึ้นไปบนเครื่องบินเองเลย น้องภรรยาคุณดูแลเด็กๆอยู่น่ะ ฮ่าๆ” เมื่อพูดเสร็จกัวไฮว่ก็เดินออกไปทางออกชั่วคราวของกองทัพ
เซวียนหยวนเถิงเฟยมองภรรยาที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่งก่อนจะมองไปยังเครื่องบินจะไปก็ไม่ใช่ ไม่ไปก็ไม่ใช่
“เถิงเฟย มัวอึ้งอะไรอยู่ ไปอุ้มเด็กลงมาสิหมอจู้อยู่นี่คุณไม่ต้องเป็ห่วงฉันหรอก” เซวียนตั่วมองสามีของตนท่าทางซื่อบื้อก็พูดยิ้มๆจากนั้นเซวียนหยวนเถิงเฟยก็ขึ้นเครื่องบินไปอย่างเร่งรีบ
“เป็พี่ได้ไง แล้วกัวไฮว่ล่ะ” เมื่อหูเม่ยเอ๋อร์ได้ยินเสียงฝีเท้าก็คิดว่ากัวไฮว่มาแล้วไม่คิดเลยว่าจะเป็สามีพี่ของตนเอง เฮ้อ คิดจะเข้าใกล้กัวไฮว่เสียหน่อยไม่คิดเลยว่าสามีพี่ของตัวเองจะขึ้นมา
“เด็กล่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย” เซวียนหยวนเถิงเฟยถามด้วยความตื่นเต้น
“ดูแล้วก็รู้เองแหละ” ในขณะที่พูดหูเม่ยเอ๋อร์ก็ส่งทารกทั้งสองให้เซวียนหยวนเถิงเฟยจากนั้นก็เห็นว่าเซวียนหยวนเถิงเฟยรับทารกทั้งสองมาอย่างระมัดระวังราวกับได้รับแก้วแหวนอันล้ำค่าจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“คะ...คนไหนลูกฉันเหรอ” เซวียนหยวนเถิงเฟยถามขึ้นเบาๆ
“พี่บ้า ทั้งสอง ทั้งสองคนเลย ไม่รู้ว่าเมียตัวเองท้องใครเหรอพี่เป็สามีประสาอะไรเนี่ย แปลกจริงๆ เลย พี่ฉันนี่ตาถั่วแท้ๆทำไมถึงได้ชอบคนบ้าแบบพี่ได้” หูเม่ยเอ๋อร์พูดด้วยความโมโห
“หลายวันก่อนตรวจดูแล้วล่ะว่าเด็กใหญ่มาก แต่ก็คนเดียวไม่ได้บอกว่าเป็แฝดสักหน่อย” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดด้วยความรู้สึกผิดเขามองหูเม่ยเอ๋อร์เดินลงจากเครื่องบินไปจากนั้นก็ตัวเองเดินไปอย่างระมัดระวังทีละก้าวๆ
“สองคน? เป็ไปไม่ได้ตรวจครรภ์เมื่อคราวก่อนเราก็ดูกันชัดแล้วนี่นาว่าเป็เด็กคนเดียว” คุณหมอจู้เห็นเซวียนหยวนเถิงเฟยอุ้มเด็กมาสองคนก็พูดขึ้นด้วยความตกอกใ
“เหล่าจู้ อย่าเพิ่งพูดเื่นี้เถอะ ไปห้องพักกันก่อนหมอที่ทำคลอดให้อาตั่วไปไหนแล้วล่ะ เราไปถามเขาหน่อย เขาต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น” การตัดสินใจของเซวียนหยวนเถิงเฟยในครั้งนี้ถือว่าน่าเชื่อถือเลยทีเดียวจากนั้นทุกคนก็มุ่งเดินไปยังห้องพัก
“พ่อหนุ่ม เธอจะไปหาตระกูลกู่เหรอไอ้เด็กตระกูลกู่คนนั้นไม่ใช่คู่ปรับที่ต่อกรได้ง่ายเลยนะเื่นี้ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ “เด็กนั่นมีคนปกป้องอยู่ เธอไปหาตระกูลกู่คราวนี้ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดีนะฮ่าๆ”
“เหอะๆ เตรียมตัวให้ดี ใครไม่ยอมผมก็จะจัดการมันจนกว่าจะยอม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ