เย่เฟิงยืนอยู่ริมทะเลสาบจำลอง เงยหน้ามองใบหน้าขาวซีดของจ้าวอี้เปย พลางนึกถึงเซวี่ยนเฟิงฝูที่เขาเพิ่งสะบั้นคออีกฝ่ายหัวขาดจนร่างกลายเป็เถ้าถ่าน
“หลินซิวเหวินคนนั้นถูกชายชราควบคุมให้ทำร้ายเซียวฉี่” ชายหน้ากากหัวกะโหลกพูดต่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม “โม่จิ่วเกอ ด้วยความแข็งแกร่งของนาย หากนายจัดการชายชราคนนั้นได้ พวกเราต้องจัดการไช่เฉ่าหงสำเร็จแน่!”
“เข้าใจแล้ว” เย่เฟิงพยักหน้าแต่ก็ไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา
ในเวลานี้เขาพยายามเต็มที่เพื่อค้นหาร่องรอยของชายชรา น่าเสียดายที่นอกเหนือจากพวกเขาสองคน และศพเดินได้ทั้งแปดตนแล้วก็ไม่เห็นเงาใครในป่าไผ่แห่งนี้เลย!
‘หากเรามีพลังบ่มเพาะระดับสิบปี คงมีจิตหยั่งรู้เพื่อรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนี้ โดยไม่มีอะไรสามารถหลุดรอดััเราได้แม้แต่สิ่งเดียว ช่างน่าเสียดาย...’ เย่เฟิงครุ่นคิด ถ้าเขาได้รับพลังฟ้าดินที่ััได้จากห้องใต้ดินในบ้านของไช่เฉ่าหง ระดับพลังบ่มเพาะของเขาอาจเพิ่มเป็ระดับสิบปีก็ได้ หากเป็เช่นนั้นจะทำให้เขามั่นใจกับการตามหาซูเฟยหยิ่งที่ทะเลตะวันออกมากขึ้น
ไช่เฉ่าหง แกต้องตาย!
เมื่อศพเดินได้ทั้งแปดล้อมพวกเขาไว้ ลัวลี่และลัวเหลยเริ่มเหวี่ยงหมัดปืนใหญ่สามจักรพรรดิที่ทั้งคู่ร่ำเรียนมาจากสำนักหมัดเทวาขณะยังมีชีวิตใส่เย่เฟิง
เมื่อต้องจัดการกับศพทั้งสองร่างนี้เย่เฟิงย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขาหลบหมัดอีกฝ่าย ก่อนแทงกระบี่เจินชี่ใส่ศพทั้งสองร่างอย่างแรงจนเกิดเสียง ‘ฉึก’ ร่างทั้งร่างสลายเป็ผุยผง!
ร่างของชายสวมหน้ากากโครงกระดูกสั่นสะท้านเมื่อเห็นการต่อสู้ตรงหน้า เขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิงมากยิ่งขึ้น แม้แต่ปืนที่เขามีก็ไม่สามารถจัดการศพตรงหน้านี้ได้ แต่ ‘โม่จิ่วเกอ’ เพียงแกว่งกระบี่ในมือก็สามารถจัดการซากศพพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย ฝีมือช่างร้ายกาจเสียจริง!
ภาพติดตาของเย่เฟิงปรากฏขึ้นทั่วบริเวณนั้น แสงจากดาบในมือสว่างวาบสองสามครั้งเหล่าซากศพเดินได้ที่เหลือก็ถูกจัดการจนกลายเป็ผุยผง เหลือเพียงศพเดียวนั่นคือจ้าวอี้เปยที่เย่เฟิงยังตัดใจลงมือไม่ได้
เย่เฟิงสังเกตบริเวณโดยรอบขณะจัดการซากศพตรงหน้า ถึงป่าไผ่แห่งนี้อยู่ไกลจากบริเวณเขตบ้านพัก แต่ไม่มีเงาร่างน่าสงสัยกปรากฏตัวเลย เพราะเื่นี้ทำให้เขาใจลอยชั่วขณะ
ชายชรานั่นไม่มีทางใช้ทักษะล่องหนได้แน่นอน กลางป่าไผ่เช่นนี้ไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้เลย เขาเป็ผู้ควบคุมศพเหล่านี้ ระยะห่างระหว่างเขากับศพเดินได้เหล่านี้ต้องไม่ห่างกันมากเกินไป จากการคาดเดาของเย่เฟิง ฝ่ายตรงข้ามน่าจะใกล้ออกมาจากที่ซ่อนแล้ว
ขณะเย่เฟิงขบคิดและแสร้งทำเป็จะจัดการศพจ้าวอี้เปย ทั้งร่างของเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจม!
ชายหน้ากากหัวกะโหลกมองร่างพลิ้วไหวของโม่จิ่วเกอขณะจัดการเหล่าศพเดินได้ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะคนผู้นี้ทรงพลังและแข็งแกร่ง หากเผชิญหน้ากับไช่เฉ่าหงต้องไม่พ่ายแพ้แน่นอน
รอเพียง...
ขณะครุ่นคิด เสียงน้ำพลันดังจากด้านหลังของเขา ร่างหนึ่งโผล่พ้นน้ำด้วยความเร็วจนเห็นได้เลือนรางพุ่งโจมตีเย่เฟิงรวดเร็วดุจสายฟ้า!
“กรงเล็บพิฆาติญญา!” เสียงทุ้มแหบน่ากลัวดังเข้าหูทั้งสองข้าง ไม่แปลกใจว่าทำไมเย่เฟิงถึงไม่เห็นศัตรูแม้แต่เงา เพราะชายชราคนนี้ซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบจำลอง!
“มาสักที!” เย่เฟิงรออีกฝ่ายมานานแล้ว!
เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเสลาบจำลอง แต่เพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับความสามารถของคู่ต่อสู้จึงไม่กล้าลงไปใต้น้ำ ทว่า ชายหนุ่มรับรู้การลอบโจมตีของอีกฝ่ายทั้งหมด และกลายเป็ฝ่ายได้เปรียบทันที!
ชายชราหมุนตัวหลบการจับกุมของเย่เฟิง ถึงอย่างนั้นเย่เฟิงก็ไม่ได้ผละมือ พลังชี่เดือดจนแทบปะทุ ชายหนุ่มใช้วิชากรงเล็บัเพื่อจับชายชราที่ไม่ทันตั้งตัวไว้แน่นแล้วเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง
ปัง!
ฝุ่นกระจายทั่วบริเวณ ตามด้วยหยดน้ำกระจายออกจากร่างของชายชรา ร่างของคนตรงหน้าคลุกฝุ่นจนสภาพดูไม่จืด
“วิชากรงเล็บัขั้นที่สอง!” ชายชราร้องด้วยความใ
ในโลกใบนี้มีผู้ฝึกวรยุทธ์เพียงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถปล่อยพลังภายในออกมาได้ ขนาดชายชราที่มีระดับวรยุทธ์ยี่สิบปียังยากที่จะทำเื่เช่นนี้ได้
หากชายชราสามารถปล่อยพลังภายในออกมาได้ก็จะใช้กรงเล็บพิฆาติญญาขั้นที่สองได้ มันจะทำลายโสตประสาทรวมทั้งจักษุประสาทของอีกฝ่ายทันที ทำให้สามารถสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเย่เฟิงคงกลายเป็ศพไปอีกคน
ปัง! ปัง! ปัง!
ปฏิกิริยาของชายสวมหน้ากากโครงกระดูกก็รวดเร็วเช่นกัน เขายกปืนขึ้นยิงเข้าเป้าจนชายชราล้มลงทันที
“น่าเสียดายที่ระดับวรยุทธ์แกต่ำเกินไป!” ชายชรากล่าวเสียงเหี้ยม ก่อนโคจรพลังภายในไหลเวียนรุนแรงทั่วทั้งร่างจนหลุดจากพันธนาการกรงเล็บัของเย่เฟิง แล้วใช้ท่าร่างพุ่งตัวหลบวิถีะุจากชายสวมหน้ากากโครงกระดูกอย่างง่ายดาย
เย่เฟิงไม่คิดว่าชายชราจะดิ้นหลุดจากกรงเล็บัได้ เพราะเขาใช้วิชากรงเล็บัขั้นที่สอง แต่เพราะความต่างของระดับวรยุทธ์มากเกินไปจนต้องพลาดท่า เมื่ออีกฝ่ายใช้พลังทั้งหมดจึงจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ง่ายๆ แล้ว
เคร้ง!
ร่างเย่เฟิงพลิ้วไหวขณะจู่โจมคู่ต่อสู้ด้วยกระบี่ ทว่าถูกขัดขวางโดยของแข็งบางอย่างที่ชายชราดึงออกจากอก เมื่อมองใกล้ๆ ก็พบว่ามันคือไหสีดำคล้ายโกศเก็บเถ้ากระดูก มันไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีรุนแรงของแหวนกระบี่ัโบราณเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังโจมตีกลับจนเย่เฟิงเกือบร่วงลงพื้น
“หรือนั่นคือ... เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์?” เย่เฟิงใจเต้นรัว
เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ คือ อาวุธที่มีพลังิญญาอยู่ภายใน เป็กลุ่มอาวุธระดับต่ำที่สุดในโลกเทวะ แม้จะมีระดับต่ำที่สุด แต่ก็เป็กลุ่มอาวุธพิเศษชนิดหนึ่งที่คมยิ่งกว่าดาบและดียิ่งกว่าปืน นับว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว! ไม่เพียงแต่ความแข็งดีกว่าหลายเท่า ยังมีคุณสมบัติพิเศษอย่างอื่นอีกด้วย
“เด็กน้อยเอ๋ย แกคิดว่าตัวเองสังหารคู่รักดาบ์อย่างไห่ถางได้แล้วจะจัดการคนอย่างข้าได้งั้นหรือ? ฮ่าๆ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!” เสียงหัวเราะไม่น่าฟังดังทั่วบริเวณ ชายชรายื่นมือเหี่ยวย่นของตัวเองเคาะไหสีดำอย่างแรง
ตึง!
ฉับพลันพลังบางอย่างก็พวยพุ่งออกจากไหสีดำก่อนก่อตัวเป็เงาเลือนราง แล้วค่อยๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้น
ศพเดินได้ใบหน้าขาวซีดอีกแล้ว!
“ไห่ถาง?” เย่เฟิงมองศพตรงหน้า นั่นไม่ใช่ผู้หญิงจากวิหารดาบ์ที่ถูกเขาฆ่าตายตอนอยูู่เาฉางไป๋หรอกหรือ ไหสีดำนั่นคืออะไรกันแน่?
“แกคือโม่จิ่วเกอสินะ?” ชายชราแสยะยิ้ม “ไม่ต้องห่วง พอแกตายไป ิญญาของแกจะถูกข้าเก็บไว้ในไหกักิญญานี่ เมื่อข้า้าใช้งาน ก็จะทำให้แกเป็ศพเดินได้เหมือนเ้าพวกนี้ไงล่ะ...”
ไหกักิญญา?
ที่กักเก็บิญญา แสดงว่าิญญาของจ้าวอี้เปยก็ถูกเก็บไว้ในไหสีดำนั้นด้วยงั้นเหรอ?
ถ้าแย่งไหสีดำนั้นมาได้... เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเหลือบมองชายหน้ากากหัวกะโหลกที่ยืนอยู่ข้างๆ
ระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงยังไม่สูงพอที่จะจัดการชายชราตรงหน้าได้ หากเขา้าสังหารฝ่ายตรงข้ามต้องร่วมมือกับชายสวมหน้ากากผู้นี้ ถึงชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาจะมีเพียงปืนกระบอกเดียว แต่หากใช้ใน่เวลาสำคัญได้ถูกจังหวะ ชายชราคงไม่รอดแน่ แม้ผู้ใช้ความตายอย่างคนตรงหน้าจะหลบะุได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่กลัวะุ ถ้าถูกยิงที่หัว อย่างไรก็หมดทางรอดแน่นอน
ชายหน้ากากหัวกะโหลกรับรู้สถานการณ์ตรงหน้าจึงพยักหน้าตอบรับ
การร่วมมือกันของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้