เล่มที่ 10 บทที่ 297 นกเฮยจิงอู
และในขณะเดียวกัน ห้วงมิติสีเืภายในโลงศพหินนั้น…
“ฮ่าๆ ข้ารอคอยมานับแสนปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!”
หลังจากสะบั้นตัดสัมพันธ์กับสิ่งชั่วร้ายแล้ว ก็มีเปลวไฟสีดำลุกท่วมทั้งร่างของผู้เฒ่าชรา เพียงครู่เดียวร่างของผู้เฒ่าชราก็หายวับไปท่ามกลางเปลวไฟสีดำ
จากนั้นก็มีนกเฮยจิงอูขนาดประมาณฝ่ามือปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวไฟสีดำขนาดจ้างกว่า เพียงครู่เดียวเ้านกน้อยก็สยายปีกออก หลังจากส่งเสียงเจื้อยแจ้วออกมาแล้ว เปลวไฟสีดำก็ลุกลามไปยังรอบข้างทันที…
ขนาดตัวของนกเฮยจิงอูเองก็ขยายใหญ่พร้อมๆกับเปลวไฟที่ลุกลามออกเป็วงกว้าง…
และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ เดิมทีนกเฮยจิงอูมีกลิ่นอายพลังระดับย่างชี่เท่านั้น แต่เพียงสองอึดใจ มันกลับมีพลังทะลุถึงขั้นจู้จีเลยทีเดียว และกลิ่นอายพลังก็ยังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย…
เพียงสิบอึดใจเท่านั้น กลิ่นอายพลังของนกเฮยจิงอูก็พุ่งสูงถึงขั้นฟ่าเซี่ยงแล้ว…
เมื่อนกเฮยจิงอูกางปีกออก ทันใดนั้นปีกของมันก็ปกคลุมไปนับพันจ้าง เปลวไฟสีดำอันร้อนแรงก็เปล่งกระแสความร้อนออกมาไม่ขาดสาย ทำให้ภายในสุสานร้อนระอุยิ่งขึ้น ทั่วทุกพื้นที่ที่มองเห็นล้วนบิดเบี้ยวไม่เป็รูปเป็ร่าง เพราะกระแสความร้อนอันรุนแรงนี้…
ทันใดนั้น หลินเฟย หวังจิ่ง และจงหยางก็ร่วมมือกันปลดปล่อยลำแสงกระบี่ ไออสูร เปลวไฟและสายฟ้าออกมาต้านทานเปลวไฟอันร้อนแรงเอาไว้…
ทว่าน่าเสียดายที่ต้านได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะต่อให้ไม่ได้จงใจโจมตีก็ตาม แต่ผู้บำเพ็ญแค่ขั้นมิ่งหุนก็ไม่อาจต้านทานพลังของผู้บำเพ็ญขั้นฟ่าเซี่ยงได้…
“เกิดอะไรขึ้น?” หวังจิ่งเอ่ยถามออกมาอย่างคับข้องใจว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนใบหน้าก็แดงก่ำเพราะเปลวไฟร้อนแรงที่สุมอยู่รอบตัว
“เราอาจจะถูกหลอก” หลินเฟยตอบออกมา ขณะต้านทานเปลวไฟอย่างสุดชีวิต อีกทางก็มองไปยังนกเฮยจิงอูก่อนจะเอ่ยเสริมออกมา
“เ้าไม่ใช่เศษเสี้ยวิญญา แต่เป็แรงอาฆาตที่หลงเหลืออยู่สินะ”
“ฮ่าๆ เข้าใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ข้าผู้เฒ่าต้องขอบคุณเ้าเป็อย่างมาก หากไม่ได้เ้าสะบั้นกระบี่เมื่อครู่ละก็ ข้าผู้เฒ่าอาจจะต้องถูกกักขังอยู่ที่นี่ไปอีกหลายหมื่นปีเลยทีเดียว…” นกเฮยจิงอูที่ลอยอยู่กลางอากาศเอ่ยตอบ ขณะที่ดวงตาดำขลับก็จ้องมองมาที่หลินเฟย หลังจากะเิหัวเราะออกมา มันก็กระพือปีกบินลอยขึ้นไปกลางอากาศ
หลังจากนกเฮยจิงอูที่มีเปลวไฟสีดำลุกโชติ่ บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว พริบตาถัดมามันก็ส่งเสียงหวีดร้องดังออกมา จากนั้นก็อ้าปากสูดลมทันที จากนั้นไม่ว่าจะเป็กระแสลมที่โหมกระหน่ำ เปลวไฟสีดำอันร้อนแรง หรือแม้แต่ห้วงมิติพิภพสีเืก็ราวกับหยุดนิ่งลงกลายเป็เพียงภาพวาดอันเลือนรางเท่านั้น…
เพียงไม่กี่อึดใจผ่านไป ภาพวาดที่มีนกเฮยจิงอูเป็ศูนย์กลางก็เริ่มบิดเบี้ยวลง คล้ายกับว่าภาพวาดกำลังถูกเ้านกเหวี่ยงสะบัด…
หลังจากนั้นเพียงสองอึดใจ ทั่วทั้งห้วงมิติก็บิดเบี้ยวรุนแรง ก่อนจะถูกนกเฮยจิงอูกลืนกินเข้าไป…
รวมทั้งหลินเฟย หวังจิ่งและจงหยาง…
เสี้ยววินาทีที่กำลังจะถูกกลืนกินเข้าไป หลินเฟยก็เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
“ขอบคุณเร็วไปหน่อยนะ…”
พริบตาต่อมาที่กลางอากาศเหนือหุบเขาสูงก็มีภาพนิมิตเปลวไฟสีดำปรากฏขึ้นเลือนราง จากนั้นห้วงมิติก็บิดเบี้ยวลงเล็กน้อย ก่อนจะมีนกเฮยจิงอูที่เต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำลุกโชติ่ปรากฏออกมาอีกครั้ง เดิมทียังเป็เพียงเงาอันเลือนราง ทว่าครู่เดียวก็พลันชัดเจนขึ้น
ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำที่เต็มไปด้วยกระแสความวังเวงก็ลุกโชนรุนแรงขึ้น ก่อนจะมีแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกมา อากาศรอบด้านก็กลายเป็กระแสพายุโหมกระหน่ำรุนแรง ไอิญญามากมายก็พากันปั่นป่วนไม่หยุด…
เดิมทีเหล่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันก็าเ็สาหัสมากพออยู่แล้ว บัดนี้ถูกแรงกดดันมหาศาลกดทับลงมาอีก จึงถือว่าบอบช้ำหนักกว่าเดิมเสียอีก…
ส่วนมือั์สีเืก็ชะงักนิ่งไปชั่วขณะ เพียงครู่เดียวหมอกควันสีแดงที่รายล้อมก็หดกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหมือนกำลังรวบรวมกำลังเพื่อรับมือกับเ้านกเฮยจิงอูที่ลอยอยู่กลางอากาศ…
ส่วนนกเฮยจิงอูที่อยู่กลางอากาศนั้นก็หดปีกลับเข้ามาเช่นเดิม จากนั้นมันก็ก้มหัวลง โดยหมายจะพุ่งตัวลงมาปะทะกับมือั์สีเื…
บัดนี้นกเฮยจิงอูก็เป็เหมือนกับเปลวไฟสีดำที่กำลังพวยพุ่งลงมาจากฟ้า เพียงครู่เดียวมันก็หวีดร้องเสียงแหลมและพุ่งชนเข้ากับมือั์สีเือย่างเต็มแรง
ไม่นานมือั์สีเืก็เกิดเป็รูโบ๋ขนาดใหญ่ หมอกควันสีแดงจำนวนมากพลันปั่นป่วน ก่อนจะหดตัวกลับเข้าไปในโลงศพหินพร้อมกับมือั์สีเื และในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงโหยหวนดังออกมาจากโลงศพ…
“ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จมปลักอยู่ที่นี่ตลอดกาลก็แล้วกัน!” นกเฮยจิงอูตวาดกร้าวออกมา ส่วนกรงเล็บทั้งสองข้างก็พุ่งเข้าไปยังโลงศพหินทันที…
จากนั้น…
ขณะที่นกเฮยจิงอูกำลังจะพุ่งตัวลงไปที่โลงศพหินนั้นเอง หมอกควันแดงที่หดกลับเข้าไปในโลงก็พลันะเิราวกับูเาไฟปะทุ ทันใดนั้นก็มีหมอกควันสีแดงพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าอย่างรุนแรง ไม่นานก็มีหมอกควันสีแดงปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ
และภายในหมอกควันแดงนี้ ก็ปรากฏัสีเืตัวยาวนับพันจ้างพุ่งตัวออกมา…
ัสีเืตนนี้มีหัวขนาดใหญ่นับร้อยจ้าง แถมบนหัวของมันยังมีเขาเดี่ยวงอกขึ้นมาอีกด้วย ส่วนลำตัวของมันก็ยาวใหญ่ หลังจากหมอกควันแดงสลายจมหายเข้าไปในลำตัวของเ้าัแล้ว มันก็พลันกลายร่างเป็เกล็ดที่มีอักขระแปลกตา…
ัสีเืกางกรงเล็บออกมาอย่างดุร้าย ก่อนจะพุ่งตัวลงมาจากฟ้า ทันใดนั้นเอง ก็คล้ายกับอุกกาบาตขนาดั์พุ่งตกมาจากนอกโลก บัดนี้มันกำลังปะทะเข้ามาด้วยพลังรุนแรง พร้อมจะทำลายฟ้าดินให้พินาศ แม้แต่ห้วงมิติรอบด้านก็ยังเกิดรอยแตกร้าว ได้ยินเป็เสียงดังสนั่นขึ้นราวกับเสียงฟ้ากำลังถล่ม…
พลังระดับนี้ ต่อให้เทียบกับาาปีศาจขั้นเยาตี้ หรือไม่ก็าาอสุรกายกุ่ยตี้แล้ว ก็ยังถือว่าเหนือชั้นกว่ามาก…
ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังระดับนี้แล้ว นกเฮยจิงอูกลับแค่นหัวเราะออกมาเท่านั้น
“สัตว์ก็ยังคงเป็สัตว์อยู่วันยังค่ คงจะลืมไปแล้วสินะ ว่าัเจินหลงตัวสุดท้าย ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของนกจิงอู…”
ขนาดัเจินหลงยังไม่อาจต่อกรได้ แล้วนับประสาอะไรกับัธรรมดาๆ…
นกเฮยจิงอูแหงนหน้าพุ่งตัวขึ้นต้าน จากนั้นมันก็อ้าปากพ่นเปลวไฟสีดำจำนวนมหาศาลออกมา พริบตานั้นเอง ภายในรัศมีร้อยลี้ก็กลายเป็ทะเลเพลิง ปิดล้อมเ้าัสีเืเอาไว้ทันที ภายใต้เปลวไฟอันรุนแรงนี้เอง ก็ดุจกับการต่อสู้ระหว่างมารและเซียนก็ว่าได้ เพียงถูกเผาไหม้เพียงนิดเดียว เกล็ดับนตัวก็หลุดลอกออกมาแล้ว…
เกล็ดัที่หลุดลอกออกมา ก็จะสลายกลายเป็หมอกควันสีแดงจมหายเข้าไปในเปลวไฟสีดำ ไม่ต่างอะไรกับการเติมเชื้อไฟเลยทีเดียว เพราะจากนั้นเปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นไปอีก…
นกจิงอูสามขาสามารถควบคุมเปลวไฟไท่หยางเจินหั่วที่เป็หนึ่งในสิบเปลวไฟเจินหั่วเอาไว้ได้ และเปลวไฟนี้ก็ไม่เหมือนกับเปลวไฟทั่วๆไป เพราะมันได้รับขนานนามว่าต้นตอของหมื่นเปลวไฟ มันสามารถฟื้นคืนชีพสรรพสิ่งได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายทุกสิ่งให้วอดวายได้อีกด้วย
และการสืบทอดเปลวไฟนี้เอง ก็จะกระทำได้เพียงสายเืบริสุทธิ์จากนกจิงอูสามขาเท่านั้น…
ทว่าเปลวไฟสีดำที่นกเฮยจิงอูพ่นออกมานี้ ต่อให้มีพลังร้ายแรงอย่างไรก็ไม่อาจสู้เปลวไฟไท่หยางเจินหั่วที่แท้จริงได้ แต่ก็ยังมีเป็เปลวไฟต้ารื่อที่บงการได้เฉพาะเหล่านกจิงอูเท่านั้น
เปลวไฟต้ารื่อนี้ แฝงไปด้วยพลังที่ร้ายกาจมาก มันปรากฏขึ้นครั้งแรกในยุคา ตำนานได้บันทึกเอาไว้ว่า นี่เป็เศษเสี้ยวเปลวไฟที่หลงเหลือหลังจากเซียนที่มีพลังสูงส่งผู้หนึ่ง ซึ่งสามารถดับดวงตะวันอันร้อนแรงของพิภพแห่งหนึ่งไว้ได้ แถมตำนานบางเล่มยังบันทึกไว้อีกว่า มันเป็ถึงเศษเสี้ยวพลังของเปลวไฟไท่หยางเจินหั่วอีกด้วย
บัดนี้ัสีเืกำลังร้องโหยหวนอยู่ภายในทะเลเพลิงเปลวไฟต้ารื่อ ทันใดนั้นหมอกควันแดงก็พวยพุ่งอย่างรุนแรง ส่วนเ้าัก็หมายจะฝ่าวงล้อมออกมาให้ได้…
และตอนที่ัสีเืใกล้จะหนีออกมาได้นั้น นกเฮยจิงอูก็โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง พริบตาถัดมาก็สำแดงร่างเป็ดวงตะวันสีดำขนาดใหญ่โต ก่อนจะพุ่งลงสู่ทะเลเพลิง และอัดกระแทกเข้ากับัสีเืเต็มแรง…
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------