ล่วงเกิน? เหยียนอู๋อวี้ไม่คิดว่าเป็เช่นนั้น เมื่อครู่ยามที่เดินผ่านทะเลสาบหยวนหู นางรู้สึกคล้ายมีคนกำลังจับจ้องตนเองอยู่ เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็เขา เมื่อครู่นางไม่ทันได้สังเกตว่าเขาเข้ามาใกล้เสียด้วยซ้ำ!
“เื่วันนี้...…” เหยียนอู๋อวี้กำลังจะเอ่ยบางสิ่ง ทว่าจวินอู๋เสียที่คล้ายจะเข้าใจความคิดนางทะลุปรุโปร่งกล่าวว่า “ข้าจะไม่เปิดเผยออกไปแม้เพียงครึ่งประโยค”
นางเผยสีหน้าราวกับได้ยกูเาออกจากอก หากจวินอู๋เสียผู้นี้พูดเื่ที่นางแอบฟังไทเฮาอยู่ตรงมุมกำแพงในวันนี้ออกไป ไทเฮาคงไม่ปล่อยนางไปแน่
ยามนี้ จวินอู๋เสียกลับเลิกคิ้วเผยรอยยิ้มมุมปาก “จะว่าไป ท่านทราบได้อย่างไรว่าข้าแซ่จวิน?”
เหยียนอู๋อวี้แอบคิดว่าแย่แล้วอยู่ในใจ
ปีนั้นยามที่นางยังเป็อวิ๋นอู๋เหยียน แคว้นเซวียนที่เป็แคว้นบริวารของราชวงศ์ใต้เกิดการฏ นางไปสยบความวุ่นวายในสนามรบด้วยตนเอง
เนื่องจากนางมีคุณงามความดีในการทำให้ราชวงศ์ใต้สงบลง ส่งผลให้ตำแหน่งองค์ชายของซ่งอี้เฉินโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดทำให้ซ่งอี้เฉินเอาชนะรัชทายาทอย่างซ่งอี้หานได้
ส่วนเื่การจัดการกับราชวงศ์ใต้ ซ่งอี้เฉินกับซ่งอี้หานในยามนั้นต่างสนับสนุนการสังหารหมู่เชื้อพระวงศ์ จากนั้นจึงส่งบุตรหลานตระกูลซ่งไปกินตำแหน่งอ๋องที่ราชวงศ์ใต้
ในเวลานั้นนางไม่อาจฝืนทนต่อการที่ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าได้ จึงเสนอให้ประนีประนอมกัน
ท้ายที่สุดจวินอู๋เสีย รัชทายาทแห่งราชวงศ์ใต้มาที่แคว้นเซวียนในฐานะองค์ชายตัวประกัน นับแล้วผ่านมาเป็เวลาแปดปี
ยามที่จวินอู๋เสียอยู่แคว้นเซวียนมีอายุเพียงสิบสี่ปี บุตรหลานราชวงศ์ตระกูลซ่งรังแกเขาอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งที่นางเห็นก็มักจะเอนเอียงไปทางเขาเสมอและคอยดูแลเขาเป็ครั้งคราว
เพียงแต่จวินอู๋เสียไม่เคยรับน้ำใจนางเลยสักครั้ง
นึกแล้วก็ไม่แปลกใจ สำหรับจวินอู๋เสียแล้ว อวิ๋นอู๋เหยียนเป็ศัตรูของราชวงศ์ใต้
“องค์ชายจวินมีสถานะสูงส่ง หม่อมฉันทราบย่อมเป็เื่ที่ไม่น่าแปลกอันใด” ครู่หนึ่งเหยียนอู๋อวี้จึงกล่าวเสียงเบา
“สถานะสูงส่ง? ท่านคิดเช่นนั้นหรือ?” จวินอู๋เสียแย้มยิ้ม ดวงตาหงส์เรียวรีเผยความเย้ยหยัน ท้ายที่สุดจึงฟื้นคืนสู่ความล้ำลึก เขาจ้องใบหน้านาง แววตากลับยิ่งเฉียบคม
เหยียนอู๋อวี้เงยศีรษะขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะสบตากับเขาเข้าพอดี
ปีนั้นยามที่นางอยู่ในวังหลวง เขายังเป็เพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ยามนี้นางอายุยี่สิบห้าปี และเขาได้เติบใหญ่เป็บุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสองปีแล้ว
เขาสูญเสียความอ่อนวัยและความกล้าแสดงออกในวัยเยาว์ไป ใบหน้าที่เคยน่ารักยิ่งดูหล่อเหลาคมสันมากยิ่งขึ้น เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลาประณีตราวกับออกมาจากรูปแกะสลัก กระทั่งนิสัยยังสุขุมนุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม
แปดปีในราชสำนักที่หลอกลวงฉ้อฉล ในการต่อสู้ทางการเมืองที่ผันเปลี่ยนคาดเดาไม่ได้ บุรุษผู้นี้คล้ายจะฉลาดเฉลียวขึ้นมากนัก!
“ในฐานะที่ท่านเป็รัชทายาท และเป็ฮ่องเต้ของราชวงศ์ใต้ในอนาคต ย่อมมีสถานะสูงส่งอยู่แล้วเพคะ”
“แต่ในแคว้นเซวียนของพวกท่าน ข้าเป็เพียงตัวประกันเท่านั้น”
“องค์ชายจวิน ท้ายที่สุดท่านก็ต้องกลับไป”
“เฮอะ” แววตาของจวินอู๋เสียเ็านัก “เคยมีสตรีนางหนึ่งบอกข้าเช่นนี้เหมือนกัน นางยังบอกอีกว่าหากพวกเขาไม่ปล่อยข้า นางจะ...…” จวินอู๋เสียเอ่ยถึงตรงนี้ก็รู้ตัวทันทีว่าพูดมากไปแล้ว เขาจึงหยุดพูดกะทันหัน
เหยียนอู๋อวี้รู้ว่า ‘สตรีนางหนึ่ง’ ที่เขาพูดถึง สตรีผู้นั้นก็คือนางในอดีต...…อวิ๋นอู๋เหยียน
ปีนั้นจวินอู๋เสียทุกข์ทรมานจากการถูกรังแก
นางเอ่ยปลอบโยนเขา ทว่าเขากลับสูญเสียความปรารถนาในการมีชีวิตอยู่
ดังนั้นนางจึงเอ่ยว่า “เ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“มีชีวิตต่อไปไม่พ้นได้รับความอัปยศจากคนแคว้นเซวียนอย่างพวกเ้าเช่นนั้นหรือ”
“ท่านเป็รัชทายาทแห่งราชวงศ์ใต้ ท้ายที่สุดท่านก็ต้องกลับไปเป็ฮ่องเต้”
“พวกเขาไม่ปล่อยข้าแน่นอน เ้าก็ด้วย”
“หากพวกเขาไม่ปล่อยเ้าไปจริงๆ เช่นนั้นข้าก็จะส่งเ้าไป ต่อให้ต้องผ่านูเากระบี่ทะเลเพลิงก็ตาม”
“เ้ามันคนโกหก!”
“ข้าอวิ๋นอู๋เหยียนหนึ่งคำพูดหนักแน่นดั่งกระถางสัมฤทธิ์ทั้งเก้า หากพูดปดแม้เพียงครึ่งประโยคต้องถูกคนแทงทะลุหัวใจจนสิ้นอย่างแน่นอน” นางให้คำมั่นสัญญาด้วยความจริงใจและน่าเชื่อถือ
นางรักษาสัญญามาโดยตลอดและไม่เคยคิดที่จะผิดสัญญาต่อจวินอู๋เสีย
ทว่านางก็ยังถูกคนแทงกระบี่ทะลุหัวใจอยู่ดี
ผู้ที่มอบกระบี่ให้นางก็คือพระสวามี ฮ่องเต้ที่นางรักอย่างลึกซึ้ง...… ซ่งอี้เฉิน!
เหยียนอู๋อวี้ฟื้นคืนความคิดกลับมาพลางกล่าวว่า “วันนี้หม่อมฉันขอบพระทัยองค์ชายจวินอย่างยิ่งเพคะ วันหน้าหากมีโอกาส หม่อมฉันจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” สถานที่แห่งนี้คือสถานที่อันตราย นางไม่อยากอยู่นานไปกว่านี้
เดิมทีวางแผนจะกลับไปตามทางเส้นทางเดิม ทว่าเมื่อเหยียนอู๋อวี้ขยับเท้า เบื้องหน้านางกลับมีมือข้างหนึ่งมาขวางทางนางไว้
“เหยียนเฉิงเซี่ยงทำตัวน่าสงสัยมาโดยตลอด ระหว่างทางมาที่นี่เขาต้องเตรียมคนมาเฝ้าด้านนอกเป็แน่ หากท่านกลับทางเดิมตอนนี้ ระวังแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยไม่รู้ตัว”
จวินอู๋เสียเอ่ยพลางชี้ไปทางตรอกเล็กๆ อีกด้านหนึ่งพร้อมกล่าวเสียงเบา “มิสู้หาทางอื่นดีกว่า”
เหยียนอู๋อวี้เหลือบมองจวินอู๋เสียแวบหนึ่ง ความระแวดระวังในใจพลันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
บุรุษผู้นี้ไฉนจึงรู้เสียทุกอย่าง?
การที่เขาสนใจนางเพียงนี้ หรือว่าตัวตนของนางเขามองออกแล้ว?
“เชิญ” เมื่อเห็นเหยียนอู๋อวี้ไม่ขยับ จวินอู๋เสียจึงทำท่าผายมือเชื้อเชิญ
แม้ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าเหยียนอู๋อวี้ยังคงเดินนำหน้าจวินอู๋เสีย
ทันใดนั้นพลันมีเสียงดังแหวกอากาศ ทำให้เหยียนอู๋อวี้หมุนกายหันไปตรวจดูโดยไม่รู้ตัว ทว่าด้านหลังกลับว่างเปล่า ไหนเลยจะมีเงาคน?
ดูท่าแล้วไม่เจอกันนานแปดปี วิชาตัวเบาของจวินอู๋เสียร้ายกาจกว่าเก่ามากทีเดียว
เพียงแต่ยามนี้ไม่ใช่เวลามาอ้อยอิ่ง นางต้องรีบกลับเข้าไปในงานเลี้ยงก่อนไทเฮาจะกลับมา
เมื่อคิดได้เช่นนี้เหยียนอู๋อวี้จึงเร่งฝีเท้าทันที ขณะที่กำลังจะเดินผ่านป่าไผ่ตรงหัวโค้ง ในป่าไผ่พลันมีเสียงคนพูดคุยกันดังขึ้น
“ท่านแม่ ดูเหมือนไทเฮาจะเกี่ยวข้องกับการตายของพี่สาว”
เป็เซียวหรูเสวี่ย!
เหยียนอู๋อวี้ซ่อนร่างตนเองอยู่ในเงามืด นางไม่คาดคิดเลยว่ากระทั่งที่นี่ยังมีคนพูดคุยกันอยู่
“เ้ามีหลักฐานที่แน่ชัดหรือ?” เสียงของฮูหยินเซียวร้อนรนอย่างยิ่ง นางอยากรู้ว่าผู้ใดเป็ผู้ใส่ร้ายบุตรสาวคนโตของตนเอง
“ตอนนี้ยังไม่มีเ้าค่ะ นางกำนัลเพียงผู้เดียวที่รู้ความจริงกลับตายด้วยน้ำมือเต๋อเฟยไปแล้ว ราวกับนางจงใจปกปิดบางอย่าง”
เซียวหรูเสวี่ยมิได้โง่เขลา นางรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
ป้าโฉ่วเคยพูดว่า คนธรรมดาใช่ว่าจะรับรู้ถึงพิษกู่ได้ ทว่าขณะที่กำลังจะเอ่ยออกมาว่าใครคือผู้ที่อยู่เื้ันางกลับเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่ามันผิดปกติ
โดยเฉพาะภายใต้อำนาจของเต๋อเฟย อย่างไรเสียเต๋อเฟยก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้น ในฐานะที่ไทเฮาเป็ผู้อยู่เื้ั เต๋อเฟยย่อมมีความเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
การที่ตระกูลเหยียนเข้ามาแทนตำแหน่งของตระกูลอวิ๋นได้รวดเร็วเพียงนี้ สามารถอธิบายได้ว่าบางทีตระกูลอวิ๋นที่ถูกปรักปรำว่าร่วมมือกับศัตรูขายชาติบ้านเมืองอาจมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน
ในเมื่อตระกูลเซียวไม่ลงรอยกับตระกูลเหยียน เช่นนั้นสำหรับเหยียนอู๋อวี้แล้วมันก็คือดาบคมเล่มหนึ่งที่สามารถทิ่มแทงตระกูลเหยียนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับการร่วมมือกับศัตรูขายชาติบ้านเมืองของตระกูลอวิ๋น
ทว่าบทสนทนาต่อไปของสองแม่ลูกได้ดึงดูดความสนใจของนาง
“ได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ทำคุณงามความดี มีความลำพองใจถึงขั้นไม่ลงรอยกับไทเฮา หากเ้ามีโอกาสได้พบนางในวังหลวง อย่าลืมลองหยั่งเชิงดูเสียหน่อย”
คำพูดนี้ของฮูหยินเซียวเปรียบเสมือนเสียงฟ้าร้องในที่ราบ ทำให้เหยียนอู๋อวี้หูตั้งทันที
เดิมทีนางคิดว่ามันแปลกเล็กน้อยที่วันนี้องค์หญิงใหญ่ไม่มาร่วมงาน
ว่ากันตามเหตุผล เสียนอ๋องกับไทเฮามีความแค้นในอดีตต่อกัน องค์หญิงใหญ่ไม่น่าจะหลบเลี่ยงไทเฮาได้ ทว่านางก็ไม่มาเช่นกัน แสดงว่าสิ่งที่ฮูหยินเซียวเอ่ยพอมีความจริงอยู่บ้าง
นางต้องให้ความสนใจกับองค์หญิงใหญ่และตระกูลเซียวเสียหน่อยแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ เหยียนอู๋อวี้จึงเดินออกจากป่าไผ่โดยแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่อันใดทั้งสิ้น
หากเพิ่งเริ่มต้น นางเพียงแค่้าให้ฮวารั่วซีมีส่วนเกี่ยวข้อง ทว่ายามนี้นางเปลี่ยนใจแล้ว
ทุกอย่างชี้ไปที่ไทเฮา สถานการณ์เช่นนี้ย่อมเป็ประโยชน์ที่สุดสำหรับนาง!
เมื่อนางคิดได้เช่นนี้ นางจึงเลี่ยงแม่ลูกคู่นี้แล้วเดินกลับไปที่งานเลี้ยง
นางกลับมาได้ไม่นาน เซียวหรูเสวี่ยและไทเฮาเองก็เข้ามาในงานเลี้ยงในเวลาไล่เลี่ยกัน
เหยียนอู๋อวี้กวาดสายตามองทั่วงาน ก่อนจะพบว่าตำแหน่งที่ใกล้ซ่งอี้เฉินมากที่สุดมีที่นั่งว่างอยู่หนึ่งที่ ดูเหมือนว่าตำแหน่งนี้เตรียมไว้สำหรับผู้ที่มีสถานะสำคัญ
ผู้ใดจะอยู่เหนือกว่าเหยียนเฉิงเซี่ยงเล่า?
เหยียนอู๋อวี้สงสัยในใจเล็กน้อย ทว่ายามนี้ถึงเวลามอบของขวัญแล้ว
ขุนนางกรมพิธีการเริ่มอ่านรายชื่อทุกคน ซึ่งทุกคนต้องนำของขวัญของตนเองไปแสดงความยินดีเบื้องพระพักตร์ไทเฮาเพื่อแสดงความจริงใจของตนเอง
อันดับแรกเป็ขุนนางในราชสำนัก ตระกูลเหยียนมอบทองพันชั่งกับคทาหยกหรูอี้ ตระกูลเซียวมอบตะเกียงหลิวหลี ทั้งสองตระกูลมีกำลังทรัพย์สูสีกัน มูลค่าสิ่งของที่มอบให้จึงใกล้เคียงกัน
ตามมาด้วยผินเฟยในตำหนักหลัง คนแรกคือเต๋อเฟย
ปกติเต๋อเฟยชอบถือศีลกินเจ สิ่งที่นางมอบให้เป็วัชรปรัชญาปารมิตาสูตรที่เขียนด้วยลายมือตนเอง และยังมีลูกประคำไม้จินสื่อหนานปลุกเสกอีกหนึ่งเส้น
สิ่งของที่ฮวารั่วซีมอบให้เป็ผ้าไหมอายุยืน ทั้งหมดเป็ผ้าอายุยืนที่ปักด้วยดิ้นทอง มีความละเอียดอ่อนประณีตอย่างยิ่ง ไทเฮาจึงสั่งให้คนแขวนไว้ข้างกายทันที แสดงให้เห็นว่านางชอบผ้าผืนนี้อย่างยิ่ง
สิ่งที่อู๋เจี๋ยอวี๋ผู้ตั้งตัวเป็ศัตรูกับเหยียนอู๋อวี้มอบให้เป็หยกโลหิตเนื้อดีชิ้นหนึ่ง
ของขวัญจากนางสนมแต่ละนางที่อยู่เบื้องหน้าล้ำค่ายิ่งนัก จนกระทั่งยามที่ขุนนางกรมพิธีการอ่านชื่อเหยียนอู๋อวี้ โถงใหญ่ที่มีเสียงดังเล็กน้อยพลันเงียบลงทันใด
แววตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้หยุดอยู่บนร่างของเหยียนอู๋อวี้
เหยียนเฉิงเซี่ยงก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาได้ยินมานานแล้วว่าเหยียนเป่าหลินผู้นี้เรียกได้ว่าเป็ที่โปรดปรานของฝ่าาั้แ่เข้าวังหลวงมา
เหยียนอู๋อวี้รับรู้ได้ถึงแววตามองประเมินของแต่ละคน นางเดินขึ้นไปบนแท่นทีละก้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมมอบของขวัญให้ไทเฮา
“หม่อมฉันปักผ้าอายุยืนหนึ่งผืนเองกับมือเพคะ ขอให้ไทเฮามีแต่ความโชคดี มีพระชนมายุยืนยาว มีความสุขตลอดไปเพคะ” นางคุกเข่าพร้อมยื่นของขวัญในมือ
ขันทีด้านข้างรับผ้าอายุยืนมาเปิดเบื้องหน้าทุกคน
เส้นด้ายเป็แบบธรรมดา เมื่อเทียบกับผ้าอายุยืนของฮวารั่วซีแล้วดูเหมือนคุณภาพต่ำกว่าไม่น้อย ยังดีที่งานปักดีเยี่ยมและนับว่าละเอียดประณีตยิ่งนัก
ไทเฮานิ่งเงียบมองเหยียนอู๋อวี้ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
คนในวังควรหลีกเลี่ยงการมอบของขวัญแบบเดียวกันให้มากที่สุด โดยเฉพาะของขวัญที่แยกแยะสูงต่ำได้ในพริบตาเช่นนี้ นี่เป็การทำให้ตนเองขายหน้าชัดๆ และนางยังมอบให้หน้าตาเฉยเช่นนี้อีก?
“ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย!” อู๋เจี๋ยอวี๋ยิ้มแดกดัน นางกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าจู่ๆ กลับถูกสายตาหนึ่งจับจ้อง นางจึงกลืนคำพูดด้านหลังกลับลงไปทันที
“ผ้าอายุยืนสองผืน มีแต่ความโชคดี มีพระชนมายุยืนยาวจริงๆ เอาแขวนด้วยกันเถิด!” ประโยคเรียบง่ายของซ่งอี้เฉินช่วยแก้ไขวิกฤตของเหยียนอู๋อวี้ได้อย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างตกตะลึงและมองเหยียนอู๋อวี้ด้วยมุมมองที่ต่างกันออกไป
ขณะที่พวกเขากำลังคาดเดาความสำคัญของเหยียนเป่าหลินผู้นี้ในใจฝ่าา จู่ๆ ขันทีด้านนอกพลันะโขึ้นมาเสียงดัง “องค์ชายราชวงศ์ใต้เสด็จ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้