หยางหนิงรู้ดีว่ายาในขวดนี้น่าจะเป็ยาพิษ เขายิ้มแล้วถามว่า “ดูท่าข้าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ แต่ว่าข้ายังมีเื่ที่ยังไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเ้าจะชี้แนะข้าได้หรือไม่?”
“ซื่อจื่อคิดอยากจะถามอะไรเล่า?” จ้าวยวนรู้ว่าเื่ทั้งหมดอยู่ในกำมือแล้ว จึงไม่รีบร้อนอะไร
หยางหนิงถามขึ้นว่า “การเก็บภาษีที่ดินศักดินาสี่ส่วน เื่นี้ไม่ใช่เื่โกหก ฮูหยินสามตรวจบัญชี ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร”
จ้าวยวนจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ผิด การทำบัญชีปลอม เสียเวลาลงแรงมากก็จริง” เขายิ้มแล้วพูดต่อไปอีกว่า “บัญชีพวกนั้น ทำไว้เพื่อรับมือกับพวกเ้าอย่างไรเล่า ข้ารู้ว่ากู้ชิงฮั่นจะต้องตรวจบัญชีแน่ๆ จึงเตรียมการไว้ก่อนแล้ว”
“เอาไว้รับมือกับพวกข้าอย่างนั้นหรือ?” หยางหนิงนิ่งไป “หรือว่าพวกเ้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะมาที่นี่?”
จ้าวยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ซื่อจื่อเหตุใดเ้าไม่คิดบ้างล่ะว่า หลายปีมานี้เงินภาษีไม่เคยขาดส่งไปที่เมืองหลวงเลย แล้วเหตุใดถึงมาขาดในเวลาเช่นนี้ได้เล่า? พวกเ้ากลับมาที่เจียงหลิง มันก็คือหนึ่งในแผนการของพวกเรา การทำบัญชีปลอม มันเป็เื่ที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว”
หยางหนิงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า “พวกเ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าพวกเราจะต้องกลับมา?”
จ้าวยวนพูดว่า “แน่นอน จวนจิ่นอีโหวไม่มีเงินใช้ เงินภาษีก็ส่งมาไม่ถึงเสียที ส่งคนมาก็ไม่มีใครกลับไปรายงานสักคน พวกเ้าก็ต้องมาเอง”
หยางหนิงคิดในใจว่า ทางจวนส่งคนมาถามเื่เงินภาษี หลายต่อหลายคนก็ไม่มีข่าวคราว คนที่ส่งมาก็หายไปหมด จวนโหวรู้สึกว่าเื่นี้จะต้องมีเงื่อนงำ เขาขมวดคิ้วแล้วถามต่อว่า “หรือว่าคนที่ส่งมาทั้งหมดถูกพวกเ้า...?”
“ซื่อจื่อท่านรู้อยู่แล้ว แล้วเหตุใดท่านยังต้องมาถามข้าเล่า” จ้าวยวนยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเขายังมาไม่ถึงจวนเก่าด้วยซ้ำก็ตายอยู่กลางทางเสียแล้ว ไม่มีทางกลับไปรายงานอะไรพวกท่านได้อีก”
“เ้าหมายความว่า พวกเ้ามีคนอยู่ในจวน บอกความเคลื่อนไหวของพวกเขาให้รู้อย่างนั้นหรือ?” หยางหนิงถามอีกว่า “พวกเ้าวางแผนไว้ล่วงหน้าหมดแล้วใช่หรือไม่?”
จ้าวยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ซื่อจื่อท่านกินยาลงไปก่อนเถิด เื่อะไรหลายๆเื่ก็จะชัดเจนขึ้น”
หยางหนิงจับขวดเอาไว้ แล้วถามว่า “ข้าอยากรู้ว่า พวกเ้า้าให้ข้าร่วมมืออะไรกับเ้า? พวกเ้า้าให้ข้าอยู่ในการควบคุมของพวกเ้า ข้าก็ต้องรู้ก่อนสิว่า้าให้ข้าทำอะไร?”
“จริงๆ ซื่อจื่อท่านก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” จ้าวยวนพูดต่อไปว่า “จริงๆหากท่านมีเสพสังวาสกับกู้ชิงฮั่น ทำเื่ที่ผิดศีลธรรม ท่านเองก็คงไม่มีหน้าจะรับตำแหน่งจิ่นอีโหว...!”
หยางหนิงเหมือนนึกขึ้นมาได้ แล้วพูดกลับไปว่า “ฉีอวี้หรือ? พวกเ้าเป็คนของฉีอวี้อย่างนั้นหรือ?” เขาคิดขึ้นมาได้ว่า ฉีอวี้ลูกอนุภรรยาจ้องตำแหน่งจิ่นอีโหวอยู่ สองแม่ลูกคิดวางแผนชิงตำแหน่งจิ่นอีโหวไป เหมือนจ้าวยวน้าจะให้เขาปล่อยตำแหน่งจิ่นอีโหวไป เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อตัวเองรับตำแหน่งจิ่นอีโหว คนที่ถูกทิ้งก็น่าจะเป็ฉีอวี้ คนพวกนี้เป็คนของฉีอวี้หรือ?
จ้าวยวนพูดขึ้นมาว่า “อ๋อ” จากนั้นก็พูดอีกว่า “เ้าบอกว่าฉีอวี้ ลูกอนุในจวนตระกูลฉีใช่หรือไม่? เ้าประเมินเขาสูงไปหรือไม่ พวกข้าไม่ใช่คนของเขาเสียหน่อย แต่เขาเองก็เป็หมากตัวหนึ่งของพวกข้าเช่นกัน”
หยางหนิงใ แอบคิดว่าคนพวกนี้มีความเกี่ยวข้องกับฉีอวี้จริงๆ ด้วย แต่ว่าจากน้ำเสียงของจ้าวยวน เขาไม่ได้มีท่าทีใยดีกับฉีอวี้เลย หยางหนิงเชื่อในความสามารถของฉีอวี้ ไม่มีทางวางแผนอะไรพวกนี้ได้อย่างแน่นอน จ้าวยวนบอกว่าฉีอวี้เป็เพียงหมากตัวหนึ่งของพวกเขา เื่นี้ไม่น่าจะใช่เื่โกหก
คนพวกนี้บังอาจยึดจวนเก่าเอาไว้ในกำมือ คิดจะก่อความวุ่นวายจับตัวซื่อจื่อ เพื่อให้ฉีอวี้ได้ตำแหน่งไป ส่วนฉีอวี้ก็ถูกหลอกใช้ ไม่อยากจะคิดเลย ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไรกันแน่
หยางหนิงรู้ว่าเมื่อกินยานี้เข้าไป เป็ตายอยู่ในกำมือของพวกมันแล้ว เขาเกร็งขาขึ้นมา อยากจะใช้ท่าเท้าท่องคลื่นหนีเอาตัวรอด
พวกของหมู่บ้านหลู่เคยปะทะฝีมือกันมาแล้ว ชายฉกรรจ์สองคนข้างหลังฝีมือธรรมดา รับมือได้ง่าย แต่ว่าธนูในมือของจ้าวยวนนี่สิสำคัญที่สุด
เขาก็พอจะรู้จักอาวุธชนิดนี้อยู่ รู้ว่าหากยิงออกมามันจะเร็วยิ่งนัก ตอนนี้อยู่ห่างจากเขาไม่กี่ก้าวเท่านั้น ขอเพียงอีกฝ่ายยิงมันออกมา ตัวเขาก็หนีไม่พ้นแล้วแน่นอน แต่ว่าหากหลบได้ก็อาจจะเปลี่ยนจากฝ่ายเสียเปรียบเป็ได้เปรียบก็ได้
ท่าเท้าท่องคลื่นที่แปลกประหลาด ที่นี่มีแต่ต้นไม้ จะหลบก็ไม่ใช่เื่ง่าย
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินจ้าวยวนพูดขึ้นมาว่า “ซื่อจื่อ ยังมีเวลาอีกมาก ท่านรีบกินยาลงไปเถอะ เื่หลังจากนี้ท่านอยากจะรู้อะไร ท่านไม่ต้องถาม ข้าก็จะบอกท่านเอง”
หยางหนิงเปิดขวดออก ได้กลิ่นเหม็นลอยมา แค่ได้กลิ่น ก็รู้ว่าของข้างในไม่ใช่ของดีอะไร
จ้าวยวนกลับยกธนูขึ้นมา เล็งมาที่หยางหนิง เหมือนกลัวว่าหยางหนิงจะเล่นลูกไม้อะไรอีก
ในเวลานี้เอง ก็เหมือนมีอะไรลอยอยู่กลางอากาศ พริบตาเดียวก็มาอยู่ที่มือของจ้าวยวน จ้าวยวนรู้สึกว่ามันหนาวเย็นเหลือเกิน มันเริ่มเคลื่อนไหว จ้าวยวนใมาก รีบเก็บมือกลับไป เขาเห็นได้ชัดว่าที่มือของเขามีงูเขียวตัวหนึ่งกำลังเลื้อยอยู่ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก
หน้าของจ้าวยวนเริ่มถอดสี ปล่อยมือออกไป แล้วใช้มือสะบัดอย่างแรง คิดอยากจะทำให้งูตัวนั้นหล่นลงไปที่พื้นให้ได้ ใครจะคิดว่าเ้างูนั่นกลับรัดแน่นขึ้นอีก เหมือนกับว่ามันเป็ส่วนหนึ่งของมือนั้นไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ตกลงไปเด็ดขาด
หยางหนิงเห็นดังนั้น แอบคิดว่า์ช่วยข้าแล้ว ฉวยโอกาสรีบหยิบมีดสั้นที่อยู่ที่พื้นขึ้นมา เขารู้ว่าต้องรีบลงมือก่อน จากนั้นก็กลิ้งตัวไปหาจ้าวยวน
จ้าวยวนเองก็มีปฏิกิริยาไวไม่น้อย มือของเขาถูกงูพันอยู่ ไม่สามารถยิงธนูได้แล้ว เห็นหยางหนิงกลิ้งมาหาเขา ก็รีบถอยหลัง พิงไปกับต้นไม้ แล้วกระแทกมือที่มีงูอยู่กระแทกกับต้นไม้อย่างแรง วิธีนี้ได้ผล เมื่อเขากระแทกกับต้นไม้แล้ว งูก็หลุดออก
ชายฉกรรจ์สองคนได้สติกลับมา ร้องะโอย่างฮึกเหิม แล้วถือดาบพุ่งเข้าหาหยางหนิง
แต่แค่เดินออกไปสองก้าว ก็มีคนหนึ่งร้องขึ้นมาด้วยความใว่า “งู...งู...!” แล้วก็ไม่กล้าเดินเข้ามาอีก จากนั้นก็เห็นงูอีกราวสิบตัวหล่นลงมาจากฟ้า ราวกับสายฝน
หยางหนิงคิดอยากจะจับตัวจ้าวยวนเอาไว้ กลับรู้สึกว่างูกำลังหล่นลงมาใส่ตัวเขา ตอนนี้จึงไม่มีเวลาสนใจจ้าวยวน เขาใช้มีดสั้นปัดแกว่งไปในอากาศ พริบตาเดียวงูก็ขาดเป็สองท่อน
งูมาแปลกๆ เช่นนี้ หยางหนิงไม่เข้าใกล้จ้าวยวน แต่หลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว
จ้าวยวนเจองูตัวหนึ่งรัดเขาเอาเป็เอาตาย ใครจะคิดว่าจะมีงูหล่นลงมาอีกสิบตัว ในตอนนี้มีงูอยู่บนตัวเขากว่าสามสี่ตัว บางตัวพันอยู่ที่มือ บางตัวอยู่ที่คอ
ชายฉกรรจ์สีหน้าใ ไม่กล้าเดินเข้าไป ทันใดนั้นเองก็เห็นคนผู้หนึ่งะโโลดเต้น ทิ้งดาบในมือ แล้วยื่นมือไปจับเสื้อของตัวเอง แล้วะโไปมา ร้องะโออกมาว่า “แย่แล้ว มีงูอยู่ในตัวข้า รีบมาช่วยข้าจับที”
เพื่อนข้างๆ ของเขาจะไปกล้าช่วยเขาได้อย่างไร เขาถอยหลังออกไป จากนั้นร้องะโและวิ่งหนีไป แต่ไปไม่ถึงไหน ก็เห็นชายกำยำร่างใหญ่ยืนขวางเอาไว้ จากนั้นก็เห็นคนผู้หนึ่งถือสามง่ามเดินมาหาตนเอง
คนผู้นั้นใมาก แต่ก็ไม่ได้หยุดเดิน ยกดาบขึ้นมา แล้วก็ฟันลงไป จากนั้นเขาก็พุ่งมาที่ชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์คนนั้นกำลังจะรับมือ แต่เห็นสามง่ามหมุนสะบัด อ้อมไปที่ข้อมือของเขา มันแทงเข้าไปที่มือของเขา เขาร้องออกมาด้วยความเ็ป ดาบหลุดจากมือของเขาไปในทันที
อีกฝ่ายถือสามง่ามอย่างสบายๆ ใช้สามง่ามเกี่ยวตัวชายฉกรรจ์ไปพร้อมยกตัวเขาขึ้น จากนั้นก็ทิ้งตัวเขาลงมาอย่างแรง
หยางหนิงรู้สึกว่าเื่นี้มันแปลกๆ กำลังจะหลบไป แต่เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว ก็เห็นมีเงาๆ หนึ่งโผล่ออกมา เป็ชายกำยำร่างั์ผู้นั้น หยางหนิงมองไป ก็จำได้ทันทีว่าคนคนนั้นคือคนจับงูที่เขาเห็น เขารู้ว่าคนคนนี้เหี้ยมโหดนัก ลงมือไม่มีความเมตตา เห็นอีกฝ่ายที่ถือสามง่ามพุ่งเข้ามา เขาก็ไม่ได้คิดจะหลบ ในมือถือมีดสั่นรับมือไว้ จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกรกๆๆ” สามง่ามของเขาก็ขาดเป็ท่อน
คนจับงูพลันใ ทันใดนั้นเองเขาก็ร้องะโออกมาเหมือนกับสัตว์ป่า ใช้สามง่ามที่เหลืออยู่ตวัดเข้าใส่หยางหนิง
อีกฝ่ายมีแรงมาก แถมยังมีสามง่ามลงมาอีก หยางหนิงเห็นอีกฝ่ายสูงใหญ่กำลังมากกว่า ตัวเขารู้ว่าใช้แรงรับมือคงไม่ไหวแน่ เลยถอยหลังไปสองก้าว เพื่อหลบสามง่ามนั้น ทันใดนั้นเองในมือเหมือนถูกรัดไว้แน่น งูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยพันที่มือของเขา หยางหนิงปฏิกิริยาฉับไวไม่น้อย งูตัวนั้นก็ไม่ช้า เหมือนถูกฝึกมาแล้วเป็อย่างดี มันเลื้อยเร็วยิ่งนัก หยางหนิงไม่ลังเลใช้มีดสั้นของเขา ฟันไปที่คองู
เขาคิดว่าคนจับงูจะฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้ามา ใครจะคิดว่าคนจับงูกลับถอยหลังออกไป หยางหนิงยิ่งมองยิ่งแปลกใจ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากด้านหลัง เสียงนั้นทำให้เขาใเป็อันมากจึงหันหลังกลับไปดู เห็นแมลงบินมาทั่วทุกสารทิศ เสียงที่ได้ยินนั้น มันคือผึ้ง
เมื่อผึ้งนับสิบตัวพุ่งเข้ามา หยางหนิงคิดอยากจะฉีกเสื้อมาบังหน้าเอาไว้ แต่ก็รู้สึกเจ็บที่คอไม่น้อย เขาถูกผึ้งต่อยเข้าให้แล้ว
ตอนนี้จ้าวยวนถูกงูพันอยู่เจ็ดแปดตัว จ้าวยวนพยายามดิ้น กลับไม่เป็ผล ชายอีกคนดิ้นอยู่ที่พื้น บนตัวก็มีงูอยู่ประมาณสามสี่ตัว
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง เป็เสียงขลุ่ยมันฟังรื่นหูยิ่งนัก ผึ้งที่บินอยู่ฝูงใหญ่ทันใดนั้นก็บินหายวับไปกับตา หยางหนิงมองไปตามทางที่ผึ้งบินไป เห็นต้นไม้ใหญ่มีกิ่งยื่นออกมา กิ่งไม้นั้นมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่ เห็นได้ชัดเจนว่ามีคนนั่งอยู่บนนั้น เขายื่นเท้าออกมา ในมือถือบ้านไม้ไผ่เล็กๆ ผึ้งบินเข้าบ้านไม้ไผ่เล็กๆ นั้นไป
หยางหนิงมองไปดีๆ คนที่อยู่บนต้นไม้เป็หญิงสาววัยสิบหกสิบเจ็ดปี ถึงแม้จะเป็กลางคืน แต่สองขาขาวเรียวนั้นมันช่างดูสะดุดตานัก มือทั้งสองข้างก็โผล่ให้เห็นชัดอยู่ ขาวเรียวราวกับหิมะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหญิงคนนั้นพูดว่า “เ้าพวกสวะ ทำให้ข้าไม่ได้ดูอะไรดีๆ เลย พวกเ้าสมควรตายจริงๆ” คำพูดของนางหยาบคลายยิ่งนัก