ง้าวหักท้าทายอำนาจนฤบาลแห่งเวหา ปักษาอัสนีเก้า์บันดาลโทสะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันจักต้องสยบง้าวหักนั่นให้ได้!
ง้าวหักมีจิติญญา ตัวง้าวสั่นสะท้าน แสงเส้นหนึ่งพุ่งทะยานผ่านเมฆา พริบตาเดียว อัสนีบาตนับพันหมื่นกลับกลายเป็ความว่างเปล่า ง้าวทมิฬเล็กนับไม่ถ้วนโถมกระหน่ำใส่ศีรษะปักษาอัสนีเก้า์!
ครั้นสูญเสียอัสนีห่อหุ้มร่างกาย ในแววตาของปักษาอัสนีเก้า์สาดประกายหวาดผวา ก่อนที่กายใหญ่ั์จักร่วงตกลงไปยังบริเวณหนึ่งของเกาะหลัวโหว!
มิว่าจะเป็อัจฉริยะ เช่น ชวีหลิงเฟิง ซั่งกวานจือหนิง จินขวาง หรือศิษย์สามัญขุนเขากระบี่เทียนหยวน เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าถึงกับต้องใจสั่นสะท้านอย่างอดมิได้
มิต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของปักษาอัสนีเก้า์ มีคัมภีร์ขุนเขากระบี่เทียนหยวนจำนวนไม่น้อยที่บันทึกเื่ราวของสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ แม้เป็ผู้าุโของขุนเขากระบี่เทียนหยวนยังต้องศิโรราบให้กับปักษาอัสนีเก้า์!
มันเป็ถึงปักษาอัสนีเก้า์ชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกล ทว่าต่อหน้าง้าวหักกลับถูกสังหารลงอย่างง่ายดายในหนึ่งการโจมตี มิต่างอันใดกับนกกระทา
จินขวางมองง้าวหัก ความเร่าร้อนในดวงตามลายสูญ ความกลัวเข้ามาทดแทน ศัสตราวุธิญญานี้สามารถฆ่าปักษาอัสนีเก้า์ได้ง่ายๆ มันมิใช่สมบัติที่คนอย่างเขาจักแตะต้องได้
ทว่าเมื่อคิดภาพปักษาอัสนีเก้า์ถูกสังหาร ภายในใจของจินขวางพลันร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน ศพของปักษาอัสนีเก้า์เปรียบดั่งสมบัติฟ้าดิน ถ้าได้มันมา เส้นทางบำเพ็ญเพียรจักต้องราบลื่นปราศจากอุปสรรค มีโอกาสสำเร็จเป็ผู้เยี่ยมยุทธ์สูงสุด
มิใช่แค่จินขวางที่คิดเช่นนั้น ชวีหลิงเฟิงกับซั่งกวานจือหนิงเองก็คิดแบบเดียวกัน พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าบางทีมันอาจเป็สิ่งล้ำค่าที่สุดที่ขุนเขากระบี่เทียนหยวนค้นพบบนเกาะหลัวโหวก็เป็ได้
แม้ว่าขุนเขากระบี่เทียนหยวนเป็สำนักอันดับต้นๆ ของทวีปเฉียนหยวน มีจอมยุทธ์อยู่มากมาย ทว่าผู้ที่สามารถเข้ามาในเกาะหลัวโหวได้นั้นมีไม่สูงมากนัก ของล้ำค่าที่เก็บเกี่ยวมาได้จากเกาะหลัวโหวจึงมีจำกัด
เช่นผลไม้อายุวัฒนะที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มอายุขัยต่างอยู่ในอาณาเขตของอสูรดึกดำบรรพ์ ถ้าคิดเก็บเกี่ยวมันจักต้องสังหารอสูรดึกดำบรรพ์เ่าั้เสียก่อน สำหรับจอมยุทธ์ที่ถูกยับยั้งขั้นพลังอยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณแล้ว มันเป็เื่ที่แทบเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นสมุนไพริญญาดึกดำบรรพ์จึงนับว่าเป็ของหายากในขุนเขากระบี่เทียนหยวน
ศพของปักษาอัสนีเก้า์ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวน ถ้าพวกเขานำมันไปมอบให้กับสำนัก สำนักจักต้องมอบรางวัลให้กับพวกเขาอย่างงามแน่นอน
“ศิษย์พี่ชวี โอกาสพันปียากนักจะพานพบ พวกเราจักพลาดไม่ได้เด็ดขาด” ศิษย์คนหนึ่งของขุนเขากระบี่เทียนหยวนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ชวี ศพของปักษาอัสนีเก้า์มูลค่าเหลือล้น ถึงพวกเราจักแบ่งกัน มูลค่ายังคงมากกว่าของล้ำค่าที่พวกเราหาได้ทั้งชีวิตอีก” ศิษย์อีกคนเสริม
“ศิษย์น้องซั่งกวาน เ้าคิดว่าอย่างไร?” ชวีหลิงเฟิงถามซั่งกวานจือหนิง
เขาเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด หากแต่สถานะของซั่งกวานจือหนิงนั้นมิใช่สามัญ กระทั่งเขายังต้องให้ความเคารพกับนาง
อีกทั้งระยะทางที่ปักษาอัสนีเก้า์ตกอยู่ไกลจากที่นี่มาก ไม่รู้ว่าระหว่างทางจักเจออันตรายอะไรบ้าง เป็ไปได้ว่าอาจพบเจอกับอสูรดึกดำบรรพ์ขั้นหลอมลมปราณ หากไม่มีวิธีรับมือจักต้องถูกอสูรดึกดำบรรพ์ฆ่าตายอย่างแน่นอน
สถานะของซั่งกวานจือหนิงสูงศักดิ์ยวดยิ่ง ในหมู่พวกเขาถ้ามีใครสักคนที่สามารถต่อต้านอสูรดึกดำบรรพ์ขั้นหลอมลมปราณได้ คนๆ นั้นก็คือซั่งกวานจือหนิง
“ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปคงน่าเสียดาย” ซั่งกวานจือหนิงยิ้ม
มุมปากของชวีหลิงเฟิงกับจินขวางยกยิ้ม ซั่งกวานจือหนิงพูดแบบนี้แสดงว่านางเห็นด้วย เมื่อมีซั่งกวานจือหนิงเข้าร่วม โอกาสที่จักสำเร็จก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนง้าวหักที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ไม่มีใครอาจหาญกล้าแตะต้อง กระทั่งปักษาอัสนีเก้า์ยังถูกฆ่าตายในการโจมตีครั้งเดียว แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขา
ใครๆ ก็อยากสิ่งล้ำค่า หากแต่ก็ต้องตระหนักให้ถี่ถ้วนถึงความสามารถตน เพราะเหตุนั้นแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าการหาศพของปักษาอัสนีเก้า์ย่อมดีกว่า
“ศพของปักษาอัสนีเก้า์ นฤบาลแห่งเวหา!” เย่หยางะโด้วยความตื่นเต้น
ทั้งชีวิตเขามิเคยได้ััสิ่งล้ำค่าเฉกเช่นนั้นมาก่อน วันนี้ฟ้าได้มอบโอกาสนั้นให้ ถ้าไม่คว้ามันไว้ก็คงเสียใจไปตลอดชีวิต
สมบัติหอมหวาน เย้ายวนเกินต้านทาน อีกทั้งยังเป็ปักษาอัสนีเก้า์ เย่หยางลุ่มหลงอยู่ในวังวนราวกับถูกต้องมนต์ไปชั่วขณะ
เปรียบเสมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ถึงสุดท้ายจักถูกไฟแผดเผาจนมอดไหม้ แต่ก็ยังอยากเข้าไปอยู่ดี
จูชิงส่ายหัว “ข้าไม่ไป ถ้าเ้าอยากไปก็ไปเถอะ”
“เ้าไม่ไปรึ?” เย่หยางเบิกตากว้างมองจูชิง
ไม่มีใครต่อต้านความยั่วเย้าของปักษาอัสนีเก้า์ได้ แม้เป็ผู้าุโของขุนเขากระบี่เทียนหยวนก็ยังทำไม่ได้ เย่หยางไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบอย่างจูชิงจักต้านทานความเย้ายวนนั้นไหว
ทว่าเย่หยางไม่รู้ว่าจูชิงเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงปักษาอัสนีเก้า์จักล้ำค่าปานใด แต่ถ้าต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง จูชิงเลือกยอมแพ้เสียดีกว่า
สำหรับจูชิงแล้ว ไม่มีของล้ำค่าใดจักสำคัญไปมากกว่าชีวิตของตัวเอง เขาตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ไม่มีทางที่จักยามตายง่ายๆ อีกเป็ครั้งที่สอง
แิของจูชิงนั้นจักพูดว่ากลัวตายก็ไม่ผิด ไม่ว่าเย่หยางจักพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจจูชิงได้เลย
เย่หยางขบฟันแน่น แต่ก็ยังเลือกที่จะไป ปักษาอัสนีเก้า์อาจเป็โอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายของเขา และเขาจักพลาดมันไปมิได้โดยเด็ดขาด
“ขอให้เ้าโชคดี” จูชิงถอนหายใจเล็กน้อย เขาพอนึกออกว่าเย่หยางจักต้องเจอกับอะไร บางทีเย่หยางอาจยังมิทันไปถึงจุดหมายก็น่าจักถูกอสูรดึกดำบรรพ์ฆ่าตายก่อนแล้ว
จูชิงแหงนหน้ามองง้าวหักพลางส่ายศีรษะ มันทรงพลังเกินกำลังของเขามากเกินไป
“ง้าวปีศาจิญญาอำมหิต!” เฒ่าปีศาจทำกรรมฐานอยู่บนศิลาผนึกิญญาพิชิต์กล่าวหน้าเครียดขรึม ดวงตาเป็ประกายคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เ้าหนู สยบง้าวหักนั่นซะ” ครั้นครุ่นคิดเสร็จ เฒ่าปีศาจก็พูดกับจูชิง
จูชิงกำลังก้าวเท้ามาดหมายจะไปจากที่นี่ ได้ยินดังนั้นตัวพลันแข็งค้าง ฉงนสงสัยนึกว่าตัวเองฟังผิด
“เฒ่าปีศาจ ล้อกันเล่นงั้นรึ เ้าก็เห็นพลานุภาพของง้าวหักแล้ว กระทั่งปักษาอัสนีเก้า์ยัง...”
“ข้าจักถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เ้าสื่อสารกับง้าวหัก” เฒ่าปีศาจพูด
“ข้าไม่เอาด้วยหรอก!” จูชิงปฏิเสธทันที
พอเห็นพลานุภาพของง้าวหักแล้ว ไม่ว่าใครจักพูดอย่างไรจูชิงก็ไม่มีทางเข้าใกล้ง้าวหักอย่างเด็ดขาด ปักษาอัสนีเก้า์ยังถูกฆ่าตายในสามลมหายใจ อย่างเขาน่าจักมีชีวิตอยู่ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจด้วยซ้ำ
“เ้าหนู ถ้าเ้าไม่คว้าง้าวหักไว้ เ้าจักเสียใจไปชั่วชีวิต” เฒ่าปีศาจกล่าวเสียงจริงจัง
“ถ้าข้าเชื่อท่าน ข้าคงเสียใจไปชั่วชีวิต” จูชิงกลอกตา
“มันเป็ง้าวปีศาจ มีพลังของธาตุปีศาจอยู่!” เฒ่าปีศาจอธิบาย
“ถึงจักเป็ง้าวเทพก็มิได้ข้องเกี่ยวอะไรกับข้า” จูชิงแค่นเสียงหึ ก้าวเท้าเดินต่อ ทั้งยังเพิ่มความเร็วให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“เถียงคำไม่ตกฟาก แล้วนั่นเ้าจะไปไหน!” เฒ่าปีศาจทำกรรมฐานอยู่บนศิลาผนึกิญญาพิชิต์เป็โทสะแทบกระอักโลหิต
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่เอาด้วย!” จูชิงกลอกตา
เฒ่าปีศาจพูดต่อ “เ้าไม่รู้อะไร ถ้าสยบง้าวหักนั่นได้มีแต่จักส่งผลดีกับตัวเ้า”
“จักดีเลิศเลอแค่ไหน แต่ถ้าต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ข้าไม่เอา!” จูชิงเบ้ปาก
“แล้วปราณมรณะในตัวเ้าล่ะ?” เฒ่าปีศาจแสยะยิ้ม
จูชิงหน้าเปลี่ยนสี “ปราณมรณะ?”
“เ้าฟื้นคืนชีพจากความตาย ปราณมรณะที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายใช่ว่าจักจัดการได้ง่ายๆ ถ้ามิใช่เพราะว่ามีหินนั่นคอยต่อต้านปราณมรณะ เ้าคิดว่าเ้าจักยังเดินเหินได้เช่นนี้อยู่รึ?” เฒ่าปีศาจยิ้ม
จูชิงเอามือลูบหินโลหิต เขารู้เื่ปราณมรณะเป็อย่างดี ทีแรกยังนึกว่าถ้ามีหินโลหิตก็ไม่น่าจักเป็อะไร แต่พอได้ยินเฒ่าปีศาจพูดดังนั้น ดูเหมือนปราณมรณะคงมิได้จะจัดการได้ง่ายดายอย่างที่คิด
“ปราณมรณะ่ชิงชีวิต มีแค่คนที่ตายไปแล้วที่มีปราณมรณะ คนเป็ที่มีปราณมรณะอยู่ในร่างกายนั้นผิดกฎธรรมชาติ!” เฒ่าปีศาจพูดต่อ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับง้าวหัก?” จูชิงถาม
“ง้าวปีศาจิญญาอำมหิตสร้างขึ้นจากหินเหล็กปีศาจ สามารถกลืนกินปราณมรณะได้!” เฒ่าปีศาจคำราม
“กลืนกินปราณมรณะ?” จูชิงตาเป็ประกาย
“ง้าวปีศาจิญญาอำมหิตมิได้เป็แค่ศัสตราวุธิญญา หากยังช่วยเ้ากำจัดปราณมรณะได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” เฒ่าปีศาจกล่าว
จูชิงสงสัยกับคำพูดของเฒ่าปีศาจ “มันดีอย่างที่ท่านว่าจริงรึ?”
“เ้าเด็กนี่ มาถึงตอนนี้แล้วเ้ายังไม่เชื่อใจข้าอีกรึ ศิลาผนึกิญญาพิชิต์ยอมรับเ้า ส่วนข้าถูกกักขังเอาไว้ในศิลาผนึกิญญาพิชิต์ เ้าตายแล้วข้าจะได้อะไร” เฒ่าปีศาจตอบ
“ใครใช้ให้ท่านเมินข้าล่ะ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านคิดอะไรอยู่” จูชิงเม้มปาก
“อย่ามัวแต่ชักช้า รีบชิงลงมือซะ ผู้ง้าวปีศาจิญญาอำมหิตตายแล้ว สิ่งที่เ้าเห็นเป็เพียงพลานุภาพที่หลงเหลืออยู่ ปักษาอัสนีเก้า์บินไปถูกคมหอกแทงตายเอง ถ้ามีอสูรดึกดำบรรพ์มาอีกตัวแล้วถูกมัน่ชิงไป ถึงเวลานั้นเ้าจักร้องไห้ไม่ออก” เฒ่าปีศาจเร่งเร้า
“นึกว่าเก่งกาจที่แท้ก็บินมั่วหอกทิ่ม!” จูชิงกลอกตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้