หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกว่าเป็เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ คนในสกุลหลิงล้วนเป็คนธรรมดา แต่ว่าคนาเ็เ่าั้ที่นางมักจะรับมาไว้ในบ้าน พวกเขาล้วนมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ถ้าหากคนเหล่านี้ทำให้ครอบครัวของนางเดือดร้อน นางก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้อย่างไรแล้ว ดังนั้นนางจึงตัดสินใจแล้วว่า ถ้าครั้งต่อไปได้ช่วยชีวิตคนอีก จะไม่ให้คนอื่นล่วงรู้ถึงสถานะหมอเทวดาของนาง ช่วยชีวิตคนเป็หน้าที่ของหมอ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนในสกุลหลิง พวกเขาเพียงแค่ใช้ชีวิตของตนเองต่อไป อย่าได้ทำให้นางเดือดร้อนไปด้วยเป็พอ
แต่ว่าซูเช่อล้มลงบริเวณเรือนด้านหลังของจวนสกุลหลิงเอง ตอนนี้จึงไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ถ้าออกไปในตอนนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ เช่นนั้นก็ให้เขาค่อยๆ รักษาตัวอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากมือสังหารเ่าั้ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีก พวกมันจะต้องมาค้นหาที่โรงหมอของที่นี่เป็แน่ โรงหมอของนางไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว
ครั้นซูเช่อเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่พอใจ เขาก็ฉลาดมากพอที่จะเข้าใจในเหตุผลของนาง เขานอนอยู่ตรงนั้นพลางกล่าวเสียงอ่อนแรง "อย่าได้เป็กังวล จะไม่มีคนมาหาเื่เ้าแน่"
หลิงมู่เอ๋อร์มองเขาอย่างไม่พอใจ "เ้ากล่าวว่าไม่มีก็จะไม่มีอย่างนั้นหรือ? หากเ้าเก่งกาจขนาดนั้น ก็คงไม่ถูกแทงจนนับครั้งไม่ได้กระมัง"
“ลูกน้องของข้าจะจัดการเื่นี้เอง” ซูเช่อกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “เมื่อวานข้าได้รับสารจากจื่อถงและอิ๋นถง พวกเขาจะกลับมาในไม่ช้าแล้ว”
"เช่นนั้นก็ดี ทันทีที่พวกเขากลับมา เมื่อทำการถอนพิษเสร็จ พวกเ้าก็รีบจากไปเถิด! ข้ากังวลว่าคนที่ลอบสังหารเ้าจะลงมือกับครอบครัวของข้า" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ซูเช่อไม่ปฏิเสธ "ตกลง"
เขาตอบรับอย่างง่ายดาย หลิงมู่เอ๋อร์กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง นางยังคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะปฏิเสธเสียอีก! คิดไม่ถึงว่าจะให้ความร่วมมือขนาดนี้
ั์ตาของซูเช่อมืดครึ้มลง
เขายังมีเื่ที่ต้องทำ แน่นอนว่าไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ได้นาน ขอเพียงแค่าแบนร่างกายหายดี เขาก็จะไปจากที่แห่งนี้
แต่ว่าเขามีลางสังหรณ์ว่าสักวันหนึ่งอาจจะยังได้พบกับเด็กสาวคนนี้อีก เด็กสาวคนนี้มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้อื่นได้
เขายังพบว่าเื้ัของนางคนนี้มีใครบางคนคอยปกป้องนางอยู่ ความแข็งแกร่งของคนเ่าั้ไม่ต่ำต้อย แต่ละคนล้วนดุร้ายราวกับหมาป่าราวกับเสือ และเขายังเป็คนหนึ่งในนั้นที่เคยได้รับคำเตือน
คนเ่าั้กล่าวว่าอย่างไรบ้างน่ะหรือ ‘แม่นางหลิงเป็พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกข้า เป็สตรีของลูกพี่พวกข้า ลูกพี่พวกข้าเป็คนที่เ้าล่วงเกินไม่ได้ เ้าอย่าได้มีความคิดเกินเลยเป็ดีที่สุด’
เหอะ! แม้แต่เขาที่เป็คนของตระกูลซูก็ไม่อาจล่วงเกินได้ คนผู้นี้เป็ใครกันแน่? เด็กสาวนางนี้เป็คนเงียบๆ ไม่ชอบทำตัวเป็จุดสนใจ ยามปกติมองไม่ออกว่ามีตัวตนพิเศษอันใด ช่างทำให้เขาสงสัยใคร่รู้จริงๆ!
ขั้นต่อไปคือการปรุงยาถอนพิษให้กับซูเช่อ โรงหมอจึงจำเป็ต้องปิดลงชั่วคราว นางแขวนป้ายหยุดสิบวันไว้ที่หน้าประตู คนป่วยจำนวนมากที่มาแต่กลับพบว่าประตูนั้นปิดสนิท พวกเขาแต่ละคนต่างก็รู้สึกผิดหวังเป็อย่างยิ่ง ถึงอย่างไรทั่วทั้งเมืองมีเพียงโรงหมอแห่งนี้ที่ถูกที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือวิชาแพทย์ของหมอหญิงท่านนั้นเก่งกาจยิ่งนัก โรคมากมายที่ว่ารักษายากล้วนรักษาให้หายขาดได้
“คนสกุลหวัง เ้าเป็อันใดไป?” คนรู้จักผู้หนึ่งกล่าวขึ้นเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ครั้นสตรีนางนั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคย จึงเงยหน้าขึ้นมองคนผู้นั้นพลางกล่าวอย่างโศกเศร้าว่า "ข้าอยากให้ท่านหมอหลิงช่วยตรวจร่างกายให้ข้า พี่สะใภ้นางหนึ่งในหมู่บ้านพวกเราแต่งงานมาสิบปีก็ยังไม่มีลูก สามีกำลังจะหย่ากับนางแล้ว พี่สะใภ้นางนั้นมาตรวจกับท่านหมอหลิง โรงหมอแห่งนี้วินิจฉัยออกมาว่าตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนแล้ว"
"อ้อ! หลังจากที่เ้าให้กำเนิดเซียงเม่ยจื่อก็ไม่ตั้งครรภ์อีกเลย เ้าจึงอยากคลอดลูกชายอีกสักคนใช่หรือไม่?" คนผู้นั้นมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ
สตรีนางนั้นก้มหน้าไม่เอ่ยอันใด
คนผู้นั้นมองแล้วก็ทอดถอนหายใจอยู่พักหนึ่ง ถึงอย่างไรตำแหน่งของสตรีผู้นี้ในเรือนก็วางตัวยากยิ่งนัก แทบจะเป็ที่ระบายอารมณ์ให้กับคนทั้งบ้าน สามีของนางยิ่งไม่พอใจที่นางไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้ วันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่หญิงหม้ายคนหนึ่ง
"คนสกุลหวัง ่นี้ท่านหมอหลิงมีเื่ต้องจัดการทำให้ไม่เปิดโรงหมอ อีกสิบวันค่อยกลับมาเถิด! ถึงอย่างไรก็รอมาหลายปีแล้ว คงไม่รีบร้อนภายในสิบวันนี้หรอกกระมัง" คนผู้นั้นกล่าวโน้มน้าว
ทุกวันล้วนมีคนป่วยจำนวนมากวนเวียนอยู่ที่หน้าประตู แม้ว่าบนป้ายจะเขียนว่าสิบวัน แต่พวกเขาคิดว่า ไม่แน่บางทีท่านหมอหลิงอาจจะแวะมาดูที่ร้านก็เป็ได้?
จื่อถงและอิ๋นถงกลับมาแล้ว พอมีพวกเขาสองคนี้แล้วก็ไม่มีผู้ใดมาสร้างปัญหาให้พวกนางจริงๆ มือสังหารลึกลับเ่าั้ยิ่งไม่เห็นแม้แต่เงา
ในเหลาอาหารสกุลหลิง โจวฉี่รุ่ยดึงแขนเสื้อของโจวฉี่เยี่ยน สองคนพี่น้องกำลังพูดคุยกันอยู่ในมุมห้อง
"พี่ชาย คนผู้นั้นที่อยู่ข้างในใช่… คนนั้นหรือไม่ขอรับ?" โจวฉี่รุ่ยอายุน้อยกว่าโจวฉี่เยี่ยน เมื่อก่อนเอาแต่แต่ร่ำเรียนหนังสืออยู่ในจวนทุกวัน ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานชุมนุมเ่าั้บ่อยๆ
ครั้นเขาเห็นซูเช่อ ก็มีเพียงภาพความทรงจำบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้คิดไปถึงฐานะของเขา ่นี้ยิ่งคิดมากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ จึงสอบถามโจวฉี่เยี่ยน
โจวฉี่เยี่ยนลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวเสียงเบาว่า "เขาเดินไปตามเส้นทางของเขา พวกเราข้ามสะพานต้นไม้เดียวของพวกเรา [1] ทุกคนเป็น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง [2] ไม่ต้องกลัว"
“ถ้าหากเขารายงานเื่ของพวกเราจะทำอย่างไร? ถึงกระนั้นพวกเราก็เพิ่งหลบหนีออกมาได้” การคาดเดาในใจของโจวฉี่รุ่ยได้รับการยืนยันแล้ว และสีหน้าของเขาก็ซีดเซียวเป็อย่างยิ่ง
“น้องฉี่รุ่ย เป็วาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ เป็คราวเคราะห์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้[3]” โจวฉี่เยี่ยนกล่าวนิ่ง “ให้ทุกอย่างเป็ไปตามชะตาที่์ลิขิตเถิด! สิ่งที่พวกเราสมควรทำก็ทำแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่า์ยัง้าให้พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่"
"คุณชายทั้งสองท่านไม่ต้องกังวล นายท่านของพวกข้ามิใช่คนที่ชอบยุ่งเื่ของผู้อื่น" ทันใดนั้นจื่อถงก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู มองไปยังทิศทางของพวกเขาแล้วกล่าว "นอกจากนี้แล้ว มิใช่เพียงแค่ตระกูลโจวเท่านั้นที่ได้รับความไม่เป็ธรรมเพราะเื่นี้ ยังมีอีกหลายตระกูลที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเช่นกัน พวกท่านสามารถหลบหนีออกมาได้ นั่นก็คือความโชคดีของพวกท่านแล้ว ถ้าข้าเป็พวกท่าน จะใช้ชีวิตในตอนนี้ให้ดี ความคิดนั้นในใจของพวกท่าน… ไม่สมควรมีมันขอรับ"
"เื่ของพวกข้าไม่ต้องให้พวกเ้ากังวลใจ" โจวฉี่เยี่ยนมองไปที่จื่อถงด้วยสายตาเฉียบคม "เ้าควรเกลี้ยกล่อมเ้านายของเ้า คนผู้นั้นไม่ใช่เ้านายที่ฉลาด พวกเ้าเปลี่ยนเ้านายเสียดีกว่า ครั้งนี้เขาไม่ตาย นั่นเป็เพราะได้พบกับแม่นางหลิง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโชคดีเช่นนี้ทุกครั้งไป หมอเทวดาอย่างแม่นางหลิงมีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
"เฮอะเฮอะ! เื่นั้นก็ไม่จำเป็ต้องให้ท่านกังวลเช่นกัน เอาเป็ว่า พวกท่านรู้เพียงแค่ว่า พวกข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเื่ของขุนนางชั้นสูง และจะถือว่าไม่เคยเห็นท่านทั้งสองแล้วกัน"
หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง มองจื่อถงและพี่น้องตระกูลโจวแยกย้ายจากกันด้วยความบาดหมาง
ในมือของนางถือขวดยาไว้หนึ่งขวด ภายในขวดยาได้บรรจุผลสำเร็จจากความมุมานะทั้งสิบวันนี้ของนางเอาไว้ ขอเพียงแค่ซูเช่อกินลงไป พิษที่เหลือในกายก็จะมลายหายสิ้น
ทว่า คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขา จากบทสนทนาของพวกเขา นางวิเคราะห์อะไรออกมาได้บางอย่าง อย่างเช่น การฆ่าล้างตระกูล...
ผู้ที่สามารถฆ่าล้างตระกูลได้ นอกจากฮ่องเต้แล้วยังจะเป็ผู้ใดได้อีก? ตระกูลโจวถูกสั่งให้ปะา นั่นเป็เพราะว่าได้ไปล่วงเกินฮ่องเต้ การที่พวกเขาหลบหนีออกมา เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเป็นักโทษหลบหนี
หลิงมู่เอ๋อร์ลูบหน้าผาก นางทอดถอนหายใจเบาๆ พลางกล่าว "เผลอไปช่วยตัวปัญหาใหญ่เช่นนี้กลับมาโดยไม่ตั้งใจ ขับไล่พวกเขาออกไปตอนนี้ทันหรือไม่?"
แน่นอนว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่อาจขับไล่พี่น้องตระกูลโจวไปได้ นางได้แต่หัวเราะเยาะตนเองเท่านั้น ผ่านการอยู่ร่วมกันมาใน่เวลานี้ นางรู้ว่าพี่น้องตระกูลโจวไม่ใช่คนเลว ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่คนเลว นั่นก็แปลว่าผู้กุมอำนาจเป็คนเลว ไม่ว่าราชวงศ์ใดสมัยใดล้วนมีฮ่องเต้ทรราชเช่นนี้เสมอ และผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากลำบากก็มักจะเป็สามัญชน
และยังมีซูเช่อ...
จากคำพูดในบทสนทนาของโจวฉี่เยี่ยนทำให้รู้ว่า การที่ซูเช่อถูกลอบสังหารก็เกิดจากฮ่องเต้ทรราชเช่นกัน
ซูเช่อโง่เขลาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
ฮ่องเต้ทรราชเช่นนี้ เขายังอยากรับใช้คนแบบนั้นอยู่? ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ไม่น่าจะใช่คนโง่ถึงเพียงนั้น สามารถตีความได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือซูเช่อกำลังเสแสร้ง
หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้มาั้แ่แรก เขาเพียงแอบให้การสนับสนุนองค์ชายพระองค์อื่นในที่ลับ ทว่าบัดนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาถึงยังไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ในเมื่อยังไม่อาจเคลื่อนไหวได้ จึงทำได้เพียงอดทนไว้เท่านั้น ถ้าฮ่องเต้ทรงปรารถนาให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตาย แต่ฮ่องเต้ทรราชทำได้เพียงแค่กล้าที่จะลอบสังหารเขาเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าความเป็และความตายของเขาไม่อาจควบคุมได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น
ราชสำนักในตอนนี้วุ่นวายซับซ้อนขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่ว่า แล้วมันเกี่ยวอันใดกับนาง? นางแค่อยากจะเป็หมอหญิงธรรมดาคนหนึ่งก็เท่านั้น
“อิ๋นถง” หลิงมู่เอ๋อร์เรียกออกไปด้านนอก
ในเวลาชั่วพริบตา อิ๋นถงก็ปรากฏกายขึ้นในห้องของหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์ส่งขวดยาในมือให้แก่เขา "ให้คุณชายพวกเ้าทานลงไป"
อิ๋นถงกล่าวขอบคุณอย่างตื่นเต้น "ขอบคุณแม่นางยิ่ง"
“ข้างในนั้นมีโอสถทั้งหมดสิบเม็ด ให้คุณชายพวกเ้าเก็บเอาไว้! ข้าใช้สมุนไพรที่ล้ำค่าในการปรุงยา ภายหลังหากคุณชายพวกเ้าเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันนี้ขึ้นอีก ก็จะสามารถช่วยรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว โอสถนี้สามารถถอนพิษได้ทุกชนิด” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนิ่งๆ
"บุญคุณของแม่นางที่มีต่อพวกข้า พวกข้าจะไม่มีวันลืม" อิ๋นถงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "หลังจากนี้หากแม่นาง้าสิ่งใด ขอเพียงแค่เรียกหาพวกข้า"
"ข้ารู้ว่าพวกเ้าไม่ใช่คนธรรมดา ข้าไม่เคย้าอันใด เพียงแค่้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย การมีอยู่ของพวกเ้า… เป็อุปสรรคต่อข้าเล็กน้อย" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างอ่อนโยน "ดังนั้นหลังจากถอนพิษแล้ว พวกเ้าก็ไปเสียเถิด!"
“ขอรับ” อิ๋นถงไม่คัดค้าน เื่นี้เ้านายของพวกเขาได้กล่าวเอาไว้แล้ว ขอเพียงแค่ถอนพิษเสร็จพวกเขาก็จะเช่ารถม้ากลับเมืองหลวงทันที
พวกเขายังมีเื่อีกหลายอย่างที่ต้องทำ
ในที่สุดซูเช่อก็จากไปแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์ถึงได้วางใจลง
ถึงแม้ว่าในบ้านจะยังมีอีกหนึ่งตัวปัญหาก็ตาม แต่ว่าซูเช่อคนนั้นก็เป็ปัญหาใหญ่เช่นกัน ขอเพียงแค่เขาจากไป ในใจของนางก็วางใจได้มากแล้ว
ทว่า หยางซื่อกลับพูดพร่ำถึงเขาอยู่หลายครั้ง ซูเช่อมีรูปลักษณ์หล่อเหลา ไม่ว่าบุรุษสตรีล้วนชมชอบ ยามปกติก็ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยน หยางซื่อชื่นชอบชายหนุ่มเช่นนี้เป็พิเศษ ทุกครั้งที่พร่ำบ่นว่าหากในภายหลังหลิงมู่เอ๋อร์หาสามีเช่นนี้ได้ แม้ในความฝันนางก็จะยิ้มจนตื่นนอน ครั้นได้ยินคำกล่าวของหยางซื่อ มุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ยกขึ้น นางอยากจะกระชากหน้ากากปลอมๆ ของซูเช่อเสียจริงๆ
พี่น้องตระกูลโจวปรับตัวเข้ากับชีวิตในตอนนี้ได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ คนในบ้านสกุลหลิงปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี ถือว่าพวกเขาเป็บุตรหลานแท้ๆ ของตนเอง หัวใจที่เ็าของโจวฉี่เยี่ยนก็มีท่าทีอ่อนลง
"มู่เอ๋อร์..." หลังจากทุกคนคุ้นเคยกันดีแล้ว การเรียกขานก็ไม่จำเป็ต้องมากพิธีขนาดนั้น ตอนนี้พี่น้องตระกูลโจวเรียกขานหลิงมู่เอ๋อร์ตามคนในสกุลหลิง
หลิงมู่เอ๋อร์ส่งคนป่วยคนสุดท้ายออกไป และมองไปที่โจวฉี่เยี่ยนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของโจวฉี่เยี่ยนจะไม่ค่อยดี นางมองเขาด้วยความเป็ห่วง
"เ้าสามารถ… ช่วยข้ารักษาคนผู้หนึ่งได้หรือไม่..." ท่าทางของโจวฉี่เยี่ยนดูเหมือนลำบากใจที่จะเอ่ยปากนัก
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มพลางเอ่ยว่า "ได้สิ! เขาอยู่ที่ใด?"
โจวฉี่เยี่ยนมองไปที่นางด้วยสายตาซับซ้อน "สถานที่แห่งนั้นค่อนข้างไกล ข้าไม่รู้ว่าเ้าจะสามารถไปที่นั่นได้หรือไม่ ถ้ารีบไปจากที่นี่อาจจะต้องใช้เวลาห้าวัน"
หลิงมู่เอ๋อร์ฟังเขาพูดด้วยสีหน้าท่าทางปกติ "ตกลง ข้าเป็หมอ รักษาโรคช่วยชีวิตคนเป็หน้าที่ของข้าอยู่แล้ว"
“ขอบคุณเ้า” รอบดวงตาของโจวฉี่เยี่ยนกลายเป็สีแดง “นั่นคืออาจารย์ของข้า ตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองเฟิง ข้าได้ยินมาว่าเขาป่วย จวนจะไม่ไหวแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ไม่แปลกที่เขาจะเป็ทุกข์เช่นนี้ ที่แท้เป็คนที่ตนเองห่วงใย ในสมัยโบราณ เป็อาจารย์หนึ่งวันเหมือนเป็ดั่งบิดาชั่วชีวิต ในสายตาของเขา นั่นคือบิดาของเขานั่นเอง
เชิงอรรถ
[1] เขาเดินไปตามถนนของเขา พวกเราข้ามสะพานต้นไม้เดียวของพวกเรา (他走他的阳关道,我们过我们的独木桥) หมายถึง 阳关道 ถนนหนทางที่สะดวกสบาย ,独木桥 หนทางที่ยากลำบาก ความหมายถึงโดยรวมคือ ต่างคนต่างมีหนทางของตนเอง ไม่ยุ่งข้องเกี่ยวกัน
[2] น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง (井水不犯河水) หมายถึง ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวหรือขัดขวางกัน
[3] เป็วาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ เป็คราวเคราะห์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (是福不是祸,是祸躲不过) หมายถึง โชควาสนาและคราวเคราะห์ในชีวิตได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว เมื่อโชควาสนามาถึงก็ไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้ เมื่อคราวเคราะห์มาถึงจะหนีก็หนีไม่พ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้