ด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายทำให้เขาต้องรู้สึกอับอายเช่นนี้ จางเหยากวงจึงตัดสินใจอัญเชิญสัตว์อสูรของตนออกมาในทันที
จงออกมา อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬ!!!!
วูบ!
โฮก!
อสูรรับใช้ของจางเหยากวงนั้นปรากฏเป็รูปลักษณ์คล้ายกับเสือดำที่มีลำตัวสูงใหญ่มีเปลวเพลิงสีดำลึกลับลุกท่วมไปทั่วทั้งตัว ดวงตาสีแดงเข้มดุดัน รอบตัวรายล้อมไปด้วยกลิ่นอันตรายราวกับว่าพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งให้มอดเป็จุล
ผู้คนที่อยู่โดยรอบสนามประลองต่างส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ด้วยเพราะว่าในตอนนี้อสูรมายาระดับกลางได้ปรากฎในสนามประลองอีกครั้งเเล้วย่อมสร้างความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นไปอีกมาก กลิ่นอายของสัตวอสูรมายาระดับกลาง ราชันย์ศารกูลทมิฬที่ได้เเผ่ออกมานั้นทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบสนามประลองรู้สึกอึดอัด แม้ว่าจะมีเกราะป้องกันเวทย์ที่คอยปกป้องอยู่เเล้วก็ตาม...
'บ้าไปแล้วสัตว์อสูมายาระดับกลางอีกตัวเช่นนั้นรึ?? นี่ไม่ใช่งานประลองของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เเล้ว'
'แล้วทางคุณชายหนิงจะไหวหรือไม่นั่นเจอทั้งบทเวทย์ระดับสูงอีกทั้งสัตว์อสูรมายาที่แข็งแกร่งว่องไวเช่นนี้...'
"จัดการมัน!!!" จางเหยากวงชี้ไปทางหนิงอ้าย ก่อนที่อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬได้พุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้ายในทันที
อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันปราการวารีอหังการ!
ตู้ม!
หนิงอ้ายร่ายบทเวทย์ป้องกันระดับเทวะขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีครั้งนี้ของอสูรตรงหน้าที่มีความว่องไวและรุนแรงเป็อย่างมาก ที่ไม่อาจประมาทได้เลยทีเดียว
จางเหยากวงเห็นว่าหนิงอ้ายกำลังตั้งรับและป้องกันการโจมตีจากสัตว์อสูรรับใช้ของตนอยู่ จึงร่ายบทเวทย์โจมตีหนิงอ้ายอย่างไม่รั้งรอ เวทย์โจมตีของคุณชายจางเหยากวงปรากฏเป็รูปร่างเป็สายน้ำที่ถูกควบแน่นจนความเเหลมคม ก่อนเข้าโจมตีในทันที เมื่อหนิงอ้ายเห็นเป็เช่นนั้นจึงร่ายบทเวทย์ป้องกันออกมาตั้งรับบทเวทย์โจมตีดังกล่าว
ด้วยความคุ้นชิ้นกับการใช้เนตรเเห่ง์ในการตรวจสอบความเป็ไปต่าง ด้วยระดับพลังจักรพรรดิิญญาเเล้ว จึงทำให้ขอบเขตในการรับรู้เพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก เมื่อััได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงหนิงอ้ายจึงไม่ลังเลที่จะร่ายบทเวทย์โจมตีสะท้อนกลับจางเหยากวง พร้อมไปกับเพิ่มความเเข็งแกร่งของบทเวทย์ป้องกัน เพื่อรับมือการโจมตีของสัตว์อสูรศารกูลทมิฬกาลพร้อมกันในทันที
อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันปราการวารีอหังการ!
ตู้ม! ตู้ม!
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!
ตู้ม! ตู้ม!
"เป็ไปไม่ได้!!!" จางเหยากวงใเป็อย่างมาก เพราะไม่คิดว่าคุณชายหนิงผู้นี้จะสามารถร่ายบทเวทย์ออกมาถึงสองบทขึ้นพร้อมกันเช่นนี้ได้ เพราะแม้กระทั่งผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาระดับเทวะขึ้นไปยังไม่สามารถทำได้เช่นนี้เสียด้วยซ้ำ
'คุณชายหนิงสามารถร่ายบทเวทย์ขึ้นมาพร้อมกันได้ถึงสองบท และเป็คนละรูปแบบเวทย์เสียด้วย ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!!'
'แท้ที่จริงแล้วคุณชายหนิงผู้นี้เป็ใครกัน? เหตุใดจึงเปี่ยมไปด้วยพร์เช่นนี้…'
เสียงของผู้คนที่อยู่โดยรอบสนามประลองต่างส่งเสียงฮือฮากันขึ้น เมื่อได้เห็นในความสามารถที่ไม่คาดคิดของคุณชายหนิงผู้นี้ที่ได้เเสดงพร์ให้พวกตนได้ประหลาดใจ การกระทำของหนิงอ้ายได้ทำให้ผู้คนในสนามประลองยิ่งอยากรู้ยิ่งนักว่าภายใต้ผ้าคลุมนี้เเท้จริงเป็ผู้ใดกันแน่ เหตุใดกันจึงทำให้พวกตนได้ประจักษ์ในความสามารถที่โดดเด่น ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถพร์อย่างเเท้จริง...
การประลองเวทย์ยังคงดำเนินต่อไปด้วยความดุเดือด ผู้ที่รับชมในสนามประลองต่างสามารถรับรู้ได้ว่าทางฝั่งของคุณชายหนิงนั้นค่อนข้างเสมอตัวกับทางฝั่งของคุณชายจางเหยากวงที่ใช้ทั้งบทเวทย์ระดับสูงและสัตว์อสูรในพันธะ ที่พุ่งเข้าจู่โจมต่อสู้โดยไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้พักเพื่อที่จะจบการประลองเสียที
หนิงอ้ายรู้ดีว่าในตอนนี้พลังลมปราณในร่างกายของเขาได้ถูกนำไปใช้ในการประลองนี้แทบทั้งสิ้น ดังนั้นหนิงอ้ายจึงไม่รอช้าที่ดูดซับพลังฟ้าดินตามเคล็ดวิชาของตระกูลหวังที่ตนนั้นปรับเพียงเล็กน้อยเพื่อให้สามารถทำการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินที่อยู่รอบตัวให้เข้ามาทดเเทนพลังปราณที่ตนนั้นต้องเสียไปในงานประลองเวทย์ตอนนี้
ทางฝั่งของจางเหยากวงในตอนนี้นั้นรู้สึกเหนื่อยล้าเป็อย่างยิ่ง เนื่องจากเสียพลังปราณไปอย่างมากเนื่องจากตนนั้นได้ร่ายบทเวทย์ระดับสูงในการเข้าจู่โจม อีกทั้งยังต้องควบคุมสัตว์อสูรของตนเข้าร่วมต่อสู้ด้วย เท่ากับว่าตัวเขาต้องใช้พลังปราณถึงสองเท่าตัวต่อการโจมตีในเเต่ละครั้ง
ตัวของจางเหยากวงนั้นเเปลกใจยิ่ง ที่คุณชายหนิงผู้นี้นอกจากจะสามารถร่ายบทเวทย์พร้อมกันได้ถึงสองรูปแบบเเต่กลับไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าออกมาซักนิดจากการตั้งรับการโจมตีและการร่ายบทเวทย์ที่แตกต่างกัน ยิ่งเปรียบเทียบกับตนที่เต็มไปด้วยความเมื่อยล้าและพลังปราณในร่างกายลดน้อยลงไปทุกขณะ
"เป็อันใดกัน?? ความสามารถของคุณชายจางเหยากวง ตัวแทนรุ่นเยาว์จากหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นหงส์เเดงมีความสามารถเพียงเท่านี้เองรึ!!" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะหัวเราะ เมื่อเห็นว่าทางฝั่งของจางเหยากวงนั้นเหนื่อยล้าจนเเทบยืนไม่ไหว
"สามหาวยิ่ง!!! ข้าจะทำให้เ้ารู้ว่าข้าจะจัดการกับคนที่ทำให้ข้านั้นโมโหนั้นจะมีจุดจบเช่นไร" จางเหยากวงะโตอบกลับหนิงอ้ายไปด้วยแววตาที่้าให้อีกฝ่ายนั้นหายไปตลอดกาล
วงเวทย์อักขระได้ปรากฏขึ้นตรงบริเวณที่สัตว์อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬ ทันใดนั้นรูปลักษณ์ของสัตว์อสูรมายาขั้นกลางตัวดังกล่าวได้เปลี่ยนเเปลงไปในทันที
ศาสตร์ลับโบราณศักดิ์สิทธิ์คำสาปแห่งโลกันต์!
วูบ!
'คุณชายจางเหยากวงถึงขั้นร่ายศาสตร์ลับโบราณกับสัตว์อสูรในพันธะอย่างนั้นรึ??'
'มิคาดคิดเลยว่าเพียงเเค่การประลองเเค่นี้จะต้องถึงกับใช้ศาสตร์ลับโบราณที่น่ากลัวเช่นนี้กัน...'
'อสูรมายาขั้นกลาง ราชันย์ศารกูลทมิฬที่ถูกสาปโดยศาสตร์ลับโบราณ มันจะไม่ยอมหยุดโจมตีจนกว่าจะดูดพลังิญญาของฝั่งตรงข้ามออกมาจนหมด...'
เสียงของผู้คนในสนามประลองต่างพากันใกันเป็อย่างมาก แม้กระทั่งองค์ฮ่องเต้ผู้ปกครองของเเต่ละแคว้น ผู้นำตระกูลน้อยใหญ่ต่าง ๆ รวมไปถึงผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาในระดับสูงในยุทธภพต่างพากันจับจ้องการประลองครั้งนี้
เพราะหากว่าเหตุการณ์ในการประลองนี้เกินที่จะควบคุมจะได้สามารถป้องกันได้อย่างทันทันที ด้วยเพราะรู้ว่าการร่ายศาสตร์ลับโบราณกับสัตว์อสูรแม้จะไม่ใช่เื่ต้องห้าม เเต่ด้วยเพราะว่าพลังิญญาของจางเหยากวงในตอนนี้ที่อยู่เพียงเขตขั้นจักรพรรดิิญญาขั้นต้นเพียงเท่านั้นผลเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมาก็สุดที่จะมีผู้ใดรับรู้ได้
"จงจัดการศัตรูของข้า!!!!!" จางเหยากวงเอ่ยขึ้นพร้อมกับกรีดนิ้วของตน หยดเืสองสามหยดได้ตกลงในวงแหวนอักขระเวทย์เพื่อทำการออกคำสั่งศาสตร์ลับโบราณนี้ในทันทีที่ได้รับหยดเืผู้เป็นายแห่งพันธะสัญญา
จงออกมาเจียวซิ่น!
วูบ!
หนิงอ้ายรู้ดีว่าสัตว์อสูรมายาขั้นกลางที่ถูกร่ายกำกับด้วยศาสตร์ลับโบราณ เขาไม่สามารถที่จะเอาชนะได้โดยง่าย อีกทั้งเขายังััได้ถึงจิตสังหารโบราณที่รุนแรงหลายเท่าจากสัตว์อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬกาลดังกล่าว หนิงอ้ายไม่ลังเลสักนิดที่จะเรียกสัตว์อสูรในพันธะของตนออกมาในสนามประลองในทันที
'เมื่อกี้คุณชายหนิงเอ่ยว่าอย่างไรนะ...เรียกสัตว์อสูรในพันธะออกมาแล้วเช่นนั้นรึ '
"ข้าก็หลงนึกว่าที่คุณชายหนิงไม่ยอมเรียกสัตว์อสูรออกมาเป็เพราะไม่มีเสียอีก...'
'เ้าโง่เคยได้ยินหรือไม่เล่าคำว่า...ไพ่ลับในยามฉุกเฉินอย่างไรเล่า...'
'นั้นคืออสูรรับใช้ในพันธะของคุณชายหนิงงั้นรึ??'
'เ้าว่านั่นเป็สัตว์อสูรประเภทใดกัน?? เหตุใดเกราะป้องกันเวทย์ที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งสนามประลองยังไม่สามารถปกปิดกลิ่นอายความกดดันชวนให้รู้สึกอึดอัดเช่นนี้ได้...'
'บ้าไปเเล้ว คุณชายหนิงผู้นี้เป็ใครกันเหตุใดจึงเปี่ยมไปด้วยพร์และสามารถสัตว์อสูรเช่นนี้ได้...'
สัตว์อสูรในพันธะของหนิงอ้ายได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้รับชมที่อยู่ในสนามประลองเวทย์เเห่งนี้ กลิ่นอายที่ลึกล้ำเหนือขั้นกว่าสัตว์อสูรมายาขั้นกลางไม่รู่กี่เท่าเช่นนี้ สัตว์อสูรของคุณชายหนิง หากคาดเดาไม่ผิดคงเป็ถึงสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาหายากเสียแล้วกระมัง...
หากมีคำกล่าวว่าสัตว์อสูรระดับมายานั้นหาได้ยากยิ่งที่จะมีผู้ได้เเล้วนั้น เเต่ทว่ากับสัตว์อสูรในสังกัดปราณธาตุพฤกษานั้นแทบจะไม่มีความเป็ไปได้ที่จะมีผู้ครอบครอบเลยเสียด้วยซ้ำ ด้วยเพราะสัตว์อสูรดังกล่าวนี้นั้นมีความบริสุทธิ์ของทางสายเืเป็อย่างมากเเต่อัตราการกำเนิดนั้นค่อนข้างน้อยและต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง
อีกทั้งเเรกกำเนิดสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาก็เปรียบดั่งสัตว์อสูรทั่วไปที่ต้องมีการอาศัยเวลาเพิ่มพูนบ่มเพาะพลังปราณในตัว ถึงแม้ว่าจะมีขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ก็จริงเเต่ก็ใช่ว่าทุกตัวจะสามารถเอาชีวิตรอดจนเติบให้ได้ มีไม่น้อยเช่นกันที่สัตว์อสูรตำนานตัวน้อยเ่าั้จะถูกสัตว์อสูรอื่นดูดกลืนพลังปราณเพื่อเพิ่มพลังแก่ตนนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นว่าทางฝั่งของหนิงอ้ายได้อัญเชิญสัตว์อสูรของตนออกมา แม้จะพอทราบว่าเป็สัตว์อสูรประเภทใด ด้วยลักษณะพิเศษที่ถูกต้องตามตำราของสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาที่ทุกคนต่างเคยได้ศึกษาผ่านตากันแทบทั้งสิ้น ถึงลักษณะจำเพาะของสัตว์อสูรประเภทต่าง ๆ เมื่อได้พบสัตว์อสูรของหนิงอ้ายก็แทบที่จะไม่เชื่อสายตาของตนทั้งสิ้น
มีความเชื่อว่าสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาเป็เพียงเื่เล่าขานของคนรุ่นเก่าที่มีการลงบันทึกในตำราซึ่งไว้สำหรับศึกษาเพิ่มพูนความรู้ แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรตรงหน้าของพวกตน ที่มีรูปร่างแปลกตาเป็สัตว์อสูรในสังกัดใดหรือจะเป็สัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาจริงเเท้หรือไม่
เเต่ด้วยลักษณะอันโดดเด่นตามตำราที่ระบุไว้นั้นคือสัตว์อสูรตำนานจะสามารถจำแนกได้จากลวดลายบนตัวของสัตว์อสูรที่จะมีดำสีทองไปทั่วทั้งตัว รวมไปถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาในสนามประลองนั้นกล่าวได้ว่าความกดดันและรู้สึกอันตรายมีเข้มข้นกว่าการปรากฏตัวของสัตว์อสูรมายาก่อนหน้านั้นจนเทียบไม่ติดเลยทีเดียว
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลองสัตว์อสูรของหนิงอ้ายนั้นปรากฏเป็รูปร่างคล้ายกับต้นไม้โบราณที่เเผ่กิ่งก้านไร้ซึ่งใบ มีรูปทรงเเปลกตาที่สูงถึงสามเมตร ทั่วทั้งลำต้นมีลวดลายโบราณสีดำทองสลับกับสีเขียวเเดงเป็ลวดลายที่เมื่อจ้องมองไปเเล้วทำให้รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ อีกทั้งยังเเผ่กลิ่นอายกดดันออกมาโดยรอบอย่างปิดไม่มิด
ตรงบริเวณโดยรอบโคนส่วนคล้ายกับขาที่ยืนต้นนั้นพลันปรากฏเป็กับดักดอกไม้ทรงกลมรียาวสีเเดงโปร่งเเสงที่้ามีลักษณะคล้ายกับปากบนล่างที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวเเหลมอีกทั้งภายในนั้นยังเต็มไปด้วยของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนส่งเสียงร้องฟู่ออกมาเบา ๆ ชวนให้รู้สึกขนลุกอยู่ในที
หลังจากถูกหนิงอ้ายอัญเชิญเจียวซิ่นออกมาจากห้วงมิติจิต จึงทำการตั้งรับการโจมตีของสัตว์อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬกาลในชั่วพริบตา ส่วนที่เป็รยางค์ได้ยืดขยายเพิ่มจำนวนเข้าจู่โจมอีกฝ่ายในทันที จนอสูรราชันย์ศารกูลทมิฬกาลนั้นถึงกับกระเด็นไปไกลชนกับเกราะเวทย์ที่เป็เส้นเเบ่งในสนามประลอง
เจียวซิ่นเมื่อทำการหยั่งรากลงสู่พื้นดินแล้วจึงทำการดูดซับพลังปราณฟ้าดินอย่างรวดเร็วและแผ่ขยายรากและกับดักบุปผามรณะทรงกลมรีสีเเดงโปร่งเเสงได้ผุดขึ้นไปทั่วทั้งสนามประลอง ส่วนบริเวณปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเเหลมคมนั้นได้สลับพุ่งเข้าโจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่อง
ทั้งตัวของจางเหยากวงและสัตว์อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬปรากฏเป็รอยเเผลน้อยใหญ่ไปทั่วลำตัวโดยเฉพาะสัตว์อสูรของจางเหยากวง ด้วยเพราะถูกร่ายกำกับด้วยบทเวทย์โบราณจึงทำให้ไม่รู้สึกเ็ปใดใดทั้งสิ้น สิ่งที่คอยกำกับในตอนนี้คือการทำตามคำสั่งนายของตนซึ่งนั่นคือการสังหารและ่ชิงพลังปราณของหนิงอ้ายนั่นเอง
ในส่วนของรยางค์ยืดของเจียวซิ่นรวมไปถึงเหล่ากับดักดอกไม้มรณะเ่าั้ แม้ว่าจะถูกทำลายไปจำนวนมากเเต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นักแม้จะถูกทำลายไปค่อนข้างมากเเต่ก็เกิดต้นอ่อนกับดักต้นใหม่ผุดขึ้นมาโจมตีเพิ่มจำนวนขึ้นอีกเป็เท่าตัว สนามประลองเวทย์นี้แม้จะกำกับไปด้วยบทเวทย์ป้องกันหลายชั้นรวมไปถึงบทเวทย์เสริมความเเข็งแกร่งไปหลายบทก็จริงเเต่เมื่อพบกับการโจมตีของสัตว์อสูรตำนานนั้นก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นสนามประลองนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ฟิ้ว!
ตู้ม! ตู้ม!
ทางฝั่งของจางเหยากวงในคราเเรกยอมรับว่าตนใเป็อย่างมากถึงกลิ่นอายของสัตว์อสูรตำนานของหนิงอ้าย ในใจกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาคนผู้นี้ยิ่งนัก ทั้งจากการที่อีกฝ่ายใช้บทเวทย์ระดับที่สูงกว่าตนอีกทั้งยังได้สัตว์อสูรตำนานเยี่ยงนี้ แม้จะเป็กังวลอยู่บ้างเเต่ด้วยเพราะสัตว์อสูรในพันธะของตนได้ใช้ศาสตร์ลับโบราณกำกับไว้ดังนั้นพลังจึงเพิ่มขึ้นซึ่งนับได้ว่าไม่เสียเปรียบในการประลองนี้เท่าใดนัก
ตัวของจางเหยากวงนั้นแทบไม่มีโอกาสที่จะโจมตีหนิงอ้ายได้เลยแม้เเต่น้อย เนื่องจากว่าในตอนนี้นั้นตัวคนได้อยู่ใจกลางของสัตว์อสูรตำนานที่ในตอนนี้ได้เเผ่รากและกิ่งก้านไร้ใบเเผ่ขยายปกคลุมไปทั่วทั้งสนามประลอง เหตุใดยิ่งทำลายเท่าไหร่เเต่จำนวนถึงเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัวเช่นนี้ได้
แม้ว่าเจียวซิ่นจะเป็สัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาก็จริง ทว่าความแข็งแกร่งนั้นไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด ส่วนของส่วนขาที่ได้หยั่งลึกลงไปในพื้นสนามประลองนั้นได้ดูดซับลมปราณฟ้าดินบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทุกการอสูรราชันย์ศารกูลทมิฬที่ส่งมานั้นล้วนถูกรยางค์ยืดสีเขียวเข้มขยายต้านรับไปได้ทุกครั้ง
ตู้ม! ตู้ม!
กับดักบุปผามรณะของเจียวซิ่น หลังจากที่ได้รับการยกระดับด้วยพลังลมปราณของร่างไร้ิญญาของผู้ฝึกตนรวมไปถึงสัตว์อสูรนั้นได้แปรเปลี่ยนและมากไปด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้น พื้นที่โดยรอบของอสูรราชันย์ศารกูลทมิฬเต็มไปด้วยทะเลบุปผามรณะ นับว่าเป็ภาพที่งดงามและน่ากลัวยิ่งนักในความรู้สึก
"ไม่ทราบว่าคุณชายจางเหยากวงทราบหรือไม่? สัตว์อสูรสังกัดปราณพฤกษาขึ้นชื่อว่าเป็นายเเห่งทุกสรรพสิ่ง เพียงเเค่ฝังรากลงไปไม่ว่าจะเป็พื้นที่ใดนั้นทั้งส่วนของราก ลำต้น กิ่งก้าน รวมไปถึงต้นอ่อนต่าง ๆ ก็สามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินเข้ามาใช้ได้อย่างไม่มีสิ้นสุดอีกทั้งยังสามารถ่ชิงพลังปราณของอีกฝ่ายเข้ามาเสริมกำลังให้ตนได้อีกด้วย..." หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มใต้ผ้าคลุม
โฮก!
ส่วนของรยางค์ยืดได้พุ่งเข้ามัดตัวของสัตว์อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬกาลได้สำเร็จ ทันใดนั้นที่ตรงบริเวณดังกล่าวได้ปรากฏเป็ต้นอ่อนกับดักบุปผามรณะทรงกลมรีสีเเดงโปร่งเเสงผุดขึ้นมาจากใต้ดินบริเวณส่วนของปาก้าที่เต็มไปด้วยฟันเเหลมนั้นได้เข้าจู่โจมกัดไปทั่งร่างของสัตว์อสูรดังกล่าวพร้อมเข้าครอบเข้าสู่ในกับดักในทันที
เสียงร้องโดยหวนของสัตว์อสูรในพันธะของจางเหยากวงนั้นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเ็ปเนื่องจากว่าเจียวซิ่นนั่นได้ทำการดูดพลังปราณในร่างของมันในทันที และได้ส่งผลมาถึงพลังิญญาของจางเหยากวงให้มีระดับลดลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเป็เช่นนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ลังเลที่จะเรียกสัตว์อสูรของตนเข้ามาในมิติจิตก่อนที่จะถูกดูดกลืนพลังิญญาจนสลายหายไปนั่นเอง
"คุณชายจางไม่น่ารีบเรียกสัตว์อสูรของตนกลับไปเร็วเช่นนี้ไม่เช่นนั้นเจียวซิ่นของข้าคงได้อิ่มท้องไปอีกหลายวัน...."หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
"เ้ามันช่างขี้โกงอย่างน่าไม่อายยิ่งนัก!!" จางเหยากวงนั้นได้ะโออกมาเสียงดัง
"ข้าโกงเช่นนั้นรึ?? ไม่ทราบว่ากฎในการประลองข้อใดที่เขียนห้ามไม่ใช้สัตว์อสูรพฤกษาออกมาต่อสู้กัน..." หนิงอ้ายเอ่ยออกมาทำเอาคนที่ได้ยินนั้นถึงกับไปไม่เป็เลยทีเดียว
'คุณชายหนิงกล่าวถูกเเล้ว ไม่มีกฎการประลองข้อใดเขียนห้ามไม่ให้สัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาลงเเข่งขัน...'
'ใครจะไปคาดคิดว่าสัตว์อสูรสังกัดพฤกษาจะสามารถโจมตีได้รุนแรงเช่นนี้ได้กัน...'
ผู้รับชมในสนามประลองแห่งนี้ต่างพาพูดถึงหนิงอ้ายและเจียวซิ่นอย่างชื่นชม พร้อมกับเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปทั้งสิ้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาเหล่าฮ่องเต้ผู้ปกครองกแคว้น ต่างรู้สึกอิจฉาฮ่องเต้แคว้นเต่าดำยิ่งนักที่มีผู้ฝึกตนที่มีความเก่งกาจและสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาเช่นนี้ได้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้