ใน่ที่อันเจิงกำลังพูดจากวนประสาทแม่นางเยว่อยู่นั้น ภายในใจของเขากำลังคิดเื่อื่นอยู่ด้วยเขา้าที่จะฟื้นฟูพลังวัตรของตนเอง โลกมายาแห่งนี้ก็เป็สถานที่ที่ไม่เลวเพียงแต่ว่าที่นี่ทั้งไกลและแห้งแล้งจึงเป็การยากที่จะหาสมุนไพรเพื่อรักษาอาการาเ็สำหรับผู้ฝึกวิชาแต่ว่าในตอนนี้ปัญหาตรงหน้าที่ต้องเผชิญไม่ใช่เื่ง่าย ๆ อย่างการพักฟื้น แต่มันยากกว่านั้น
ในอดีตเขาไม่เคยต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้นถึงเพียงนี้ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีกว่าหรืออยากหาแหล่งยาสมุนไพร สิ่งแรกที่เขาต้องมีก็คือเงินเงินที่โค่วลิ่วให้มาเขาก็นำมากินเนื้อกับตู้โซ่วโซ่วไปแล้ว แทบจะไม่มีเหลือเก็บ ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ส่งกลิ่นเหม็นอับใส่ไม่สบายตัวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องทำให้มีเงินเก็บมากที่สุดก่อน
ระหว่างที่ในหัวกำลังคิดเื่เหล่านี้อยู่นั้น เกาตี้กับนักเลงอันธพาลที่อายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีกลุ่มหนึ่งก็เดินใกล้เข้ามาในโลกมายานี้มีกฎเกณฑ์ที่ง่ายมากเพียงหนึ่งข้อคือ ผู้ใดแข็งแกร่งผู้นั้นก็จะมีชีวิตที่ดีถ้าเป็เมื่อก่อน อันเจิงคงไม่รู้จะทำอย่างไรถ้าเห็นพวกมันอยู่ในระยะสายตาขนาดนี้แต่ในตอนนี้เมื่ออันเจิงเห็นพวกมัน ดวงตาคู่นั้นกลับส่องประกายออกมาทันที
เงินเดินมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ขณะที่วางเงินจ่ายค่าอาหาร เขาก็ใจจดจ่อจ้องมองนักเลงอันธพาลกลุ่มนั้นโดยปกติอันธพาลเหล่านี้มักจะชอบรีดไถเงินจากชาวบ้านอยู่เสมอถึงแม้ว่าจะไม่เยอะมากมาย แต่สำหรับคนที่หิวกระหายน้ำเพียงหยดเดียวก็สามารถล่อตาล่อใจได้
“เ้าพวกลูกสุนัข พวกเ้าสองคนน่ะออกมาเดี๋ยวนี้!”
หนึ่งในกลุ่มอันธพาลคนหนึ่ง รูปร่างแข็งแรงกำยำสวมใส่เสื้อผ้าสีสันค่อนข้างสดใส แต่เนื้อผ้าและการตัดเย็บไม่ดีมากนักในมือซ้ายของเขาถือมีดยาวอยู่เล่มหนึ่ง ดูเหมือนว่ามีดเล่มนี้จะสร้างมาจากเหล็กคุณภาพต่ำราคามากสุดก็คงจะแค่สองตำลึง ในขณะที่เขากำลังะโด่าทออันเจิงอยู่นั้นอันเจิงก็กำลังนับเสื้อผ้ารองเท้าและอาวุธของพวกเขาว่าถ้าคิดเป็เงินจะได้สักเท่าไหร่
“เฮ้อ…การจะทำเงินในสถานที่แบบนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ” อันเจิงพูดกับตัวเอง
ตู้โซ่วโซ่วใจนไม่ได้ฟังอันเจิงบ่นพึมพำเขาก้าวขาออกมาข้างหน้าทันทีเพื่อให้อันเจิงอยู่ด้านหลังของตนเอง “ข้าจะกันมันไว้ชั่วคราวส่วนเ้ารีบวิ่งหนีไป”
อันเจิงยิ้มและหัวเราะออกมาเขายืนขึ้นตบไหล่ตู้โซ่วโซ่วเบา ๆ “โซ่วโซ่ว เ้าใช้ชีวิตลำบากมามากพอแล้วหรือยัง?”
“หือ?” ตู้โซ่วโซ่วชะงักไปชั่วครู่เพราะไม่เข้าใจในความหมายของอันเจิง
อันเจิงหันกลับไปที่แม่นางเยว่ในใจบอกเพียงว่าแม่นางคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาแน่และพวกกลุ่มอันธพาลข้างนอกก็คงจะรู้เช่นกันว่าไม่ควรสร้างปัญหาให้นาง พวกมันจึงไม่บุกเข้ามาโดยตรงดังนั้นหากเขาไม่ก้าวขาออกจากร้านก็น่าจะไม่มีอันตรายอะไร แต่ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องออกจากที่นี่อยู่ดีและตอนนี้พวกกลุ่มอันธพาลเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของอันเจิงอีกต่อไปแล้วด้วย
เขาส่งลูกแมวที่กำลังหลับใหลในอ้อมแขนให้กับตู้โซ่วโซ่วหลังจากนั้นค่อย ๆ เดินออกมา ตู้โซ่วโซ่วยื่นมือออกไปรั้งอันเจิง ไหล่ของเขาสั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแทบจะจับการเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่สุดท้ายตู้โซ่วโซ่วกลับพบว่าเสื้อของอันเจิงที่ตนดึงรั้งเอาไว้ได้หายไปในพริบตา
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวรวดเร็วของอันเจิงแม่นางเยว่กลับมีแววตาเป็ประกายอีกครั้งในตอนแรกนางมีความคิดที่จะช่วยเด็กสองคนนี้ เพราะพวกเขาก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรมากมายแต่หลังจากได้เห็นการเคลื่อนไหวที่น่ามหัศจรรย์ของอันเจิง นางก็หยุดความคิดนั้นทันทีอยากจะรู้นักว่าเด็กน้อยคนนี้ในที่สุดแล้วจะผ่านสถานการณ์วันนี้ไปได้อย่างไร
ใบหน้าตู้โซ่วโซ่วฉายแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากกลุ่มนักเลงหัวไม้เหล่านี้จะทำอะไรไม่เคยมีกฎเกณฑ์ พวกมันทั้งชั่วช้าและโเี้เมื่อเปรียบเทียบกับพวกมัน กลุ่มของเกาตี้ก็เป็เพียงแค่นักเลงสมัครเล่นเท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็แบบนั้นตู้โซ่วโซ่วก็ไม่ลังเลเขายัดลูกแมวใส่มือแม่นางเยว่แล้วรีบวิ่งตามอันเจิงออกไป
อันเจิงวิ่งออกไปข้างนอกสอดส่องสายตาดูทุกคน พวกมันยกกันมาเป็โหล ในมือบางคนถือมีด บางคนถือกระบอง บางคนก็ถือก้อนอิฐเอาไว้ยกเว้นแต่อันเจิงที่พกมาแต่ความรู้สึกที่คุ้นเคย
“เ้าเองสินะ อันเจิง!”
หัวหน้าแก๊งอันธพาลเดินออกมาข้างหน้าด้วยสีหน้าหยิ่งยโส“ข้าคือจางเหล่ยหัวหน้าของเ้าพวกนี้ เ้าคงจะเคยเห็นหน้าข้ามาบ้างกระมัง”
อันเจิงหัวเราะออกมาเล็กน้อย “เ้าไม่ใช่บิดาข้าเสียหน่อยเกรงว่าเห็นแค่หน้าคงจำไม่ได้ และข้าก็คงไม่จำเป็ต้องจำหน้าเ้าไว้ด้วย”
จางเหล่ยตะลึงกับคำพูดของอันเจิงและโกรธจนควันออกหูนับั้แ่เขาได้รวบรวมพวกนักเลงหัวไม้รุ่นราวคราวเดียวกันกว่าสิบคนจนตั้งมาเป็กลุ่มได้นั้นกลุ่มโจรเก้าก๊กผู้ยิ่งใหญ่ก็เริ่มมาติดต่อคบค้าสมาคมกับพวกเขาโดยหวังว่าพวกเขาจะกลายเป็กลุ่มโจรที่ยิ่งใหญ่รุ่นต่อไปใน่เวลานี้เขากำลังต่อรองกับกลุ่มโจรเก้าก๊ก โลกมายากำลังจะอยู่ในมือที่แข็งแกร่งของเขาแต่ในตอนนี้เขากลับถูกเด็กที่ไหนไม่รู้มาหยามตรงหน้าความโกรธของเขาจึงยิ่งลุกโชนเหมือนไฟที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่ง
“โจวอัน โจวเหวิน หลิวไล่จื่อหวังต้าเฉิง พวกเ้าไปทำให้มันรู้สำนึกหน่อยสิว่าพูดอะไรออกมาฉีกปากมันแล้วตัดเอาลิ้นมันออกมาซะ จากนั้นฉีกแขนฉีกขามันให้หมด! ข้าละอยากเห็นจริงๆ ว่า วันนี้ในย่านหนานชาน ถ้ามันตายไปสักคน จะมีใครกล้ามาเสนอหน้าหรือไม่”
เวลานี้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็พากันจ้องมองมาที่นี่แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง อันธพาลพวกนี้ก็เหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัข[1] ถ้าเผลอไปโดนเข้าละก็ แม้ไม่ถึงตายแต่ก็ต้องลอกเอาหนังตัวเองออกมาถึงจะหายในโลกมายาไม่มีกฎหมาย มีเพียงไม่กี่คนที่จะพูดถึงเื่เหตุผลแล้วคนเหล่านี้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การจะรังแกใครสักคนก็ถือเป็เื่ปกติเพราะขนาดคนพิการ พวกเขาก็เคยรังแกกันมาแล้ว
“เดี๋ยวก่อน!”
อันเจิงโบกมือไปมาแต่พวกมันก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังไว้หมดแล้วจางเหล่ยคำรามเสียงเย็น “ทำไม? กลัวงั้นรึ? ข้าจะบอกอะไรให้นะเ้าลูกสุนัขน้อย มาเริ่มรู้สึกกลัวตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะข้าบอกว่าจะตัดลิ้นเ้าก็คือตัดลิ้นเ้า แต่ว่าถ้าเ้ายอมคุกเข่าแล้วคารวะข้าสักสามร้อยครั้งข้าอาจจะพิจารณาไม่ฉีกแขนฉีกขาแล้วก็อาจจะเมตตาให้เ้ามีชีวิตต่อไปก็ได้”
“ไม่ ๆ ๆ เ้าเข้าใจผิดแล้ว!” อันเจิงยังคงยิ้ม
“ข้าก็แค่อยากรู้ว่า นักเลงอันธพาลแบบพวกเ้าตอนจะทำอะไรสักอย่างพวกเ้าได้รับค่าจ้างกันหรือไม่? เช่น ถ้าเ้าตัดแขนใครสักคนได้จะได้เงินเท่าไหร่แล้วถ้าเฉือนเอาต้นขามาได้อีกจะได้เงินเท่าไหร่ แล้วถ้าข้าปลิดชีวิตคนได้สักคนข้าจะได้เงินกี่ตำลึงถ้าให้คำนวณคงได้เงินไม่น้อยใช่หรือไม่? แล้วถ้าเป็ชีวิตข้าเล่ามันจะราคาสักเท่าไหร่กัน”
“ฮ่า ๆ! ไอ้ลูกหมาตัวน้อยของเราตอนนี้คงเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วข้าจะบอกให้เอาบุญ คนอย่างเ้าเนี่ยฆ่าไปก็ไม่คุ้มเงินหรอกถึงข้าแยกชิ้นส่วนร่างกายของเ้าทั้งตัวไปขึ้นเงินมันก็ยังน้อยอยู่ดีในโลกมายาเนี่ยนะ ถ้ามีใครสักคนสั่งให้ข้าฆ่าเ้า แค่สิบตำลึงเงินข้าก็รับทำแล้ว”
อันเจิงหันมองไปที่เกาตี้“คนตรงหน้าข้าสินะ ที่เป็คนจ่ายเงินสิบตำลึงเพื่อชีวิตข้า เกาตี้...ถ้าเ้ามาหาข้าเพื่อแก้แค้นด้วยตัวเ้าเองข้าอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่ดูจากสิ่งที่เ้าทำแล้ว ข้าคงจะไม่จำเป็ต้องเล่นแง่กับเ้าอีกต่อไป”
อันเจิงชี้ไปที่เกาตี้แล้วถามจางเหล่ย“มันเล่า…ถ้าฆ่ามัน ข้าจะได้เงินเท่าไหร่?”
ใบหน้าของเกาตี้แดงก่ำเนื่องจากความโกรธ “ไอ้สวะ!อย่ากำเริบให้มันมากนัก เดี๋ยวเ้าก็จะได้รู้!”
จางเหล่ยไม่ได้สนใจอะไรเกาตี้มากนักเขาขยับขากรรไกรไปมาพลางตอบ “มันมีค่ามากกว่าเ้า ถ้าเ้าฆ่ามันได้ เ้าจะได้ยี่สิบตำลึงเงิน!”
อันเจิงพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน“เ้าคงคิดราคาผิดไป…ข้ามีค่ามากกว่ามันมากนัก”
เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ใกล้มืออันเจิงที่สุดคือหลิวไล่จื่อยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ลูกถีบของอันเจิงก็ส่งตรงไปที่หว่างขาของเขาแล้วถึงแม้ร่างกายของอันเจิงภายนอกจะดูอ่อนแอแต่ด้วยความที่ร่างกายนี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกก็ไม่เคยได้หยุดดังนั้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจึงไม่อาจมองข้ามเท้าคู่นี้มีความเร็วที่ยอดเยี่ยมและมีพลังแฝงที่โหดร้าย เมื่อเตะไปที่เป้าของหลิวไหล่จื่อเต็มแรงพนันด้วยเงินสองล้านตำลึงได้เลยว่า เป้าของเขาคงใช้งานไม่ได้อีกแล้ว
หลิวไล่จื่อกรีดร้องโหยหวน ทันทีที่เขาทรุดตัวลงเท้าของอันเจิงก็กระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งหลังจากนั้นอันเจิงก็จับแขนของเขาบิดไปมาอย่างไร้ทิศทาง เสียงกระดูกแขนที่โดนบิดดังกรอบแกรบขึ้นอย่างต่อเนื่องจนท้ายที่สุดแขนของเขาทั้งสองข้างก็หลุดออกมา
อันเจิงโยนแขนของหลิวไล่จื่อออกมาข้างหน้า“ข้าขายแขนนี้แพงกว่าที่พวกเ้าขายนะ พวกเ้าคิดเอาเองละกันหนึ่งหมัดของข้ามีค่าเท่ากับสามสิบตำลึง ลูกถีบของข้ามีค่าเท่ากับเงินสามสิบตำลึงเหมือนกันส่วนค่าหักแขนทั้งสองข้าง ข้าคิดห้าสิบตำลึงก็แล้วกันแล้วถ้าจะให้เด็ดขาออกมาด้วยก็ราคาหนึ่งร้อยตำลึง ขอให้พวกเ้าจำไว้ เดี๋ยวอีกครู่หนึ่งข้าจะมาเก็บเงินอ้อ! ลืมบอกไป เมื่อครู่ที่ข้าเตะเป้าเ้าแตก ข้าไม่คิดเงินละกัน คิดซะว่าเปิดฤกษ์”
ภาพตรงหน้าทำให้จางเหล่ยและพวกตกตะลึงใครจะไปคิดว่าเด็กผู้ชายที่รูปร่างบอบบาง ดูอ่อนแออย่างอันเจิง จะสามารถบิดแขนคนออกมาได้ด้วยความเร็วขนาดนี้แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้โดยพื้นฐานก็เป็คนโเี้อยู่แล้วครั้นจะมากลัวแค่เด็กคนหนึ่งคงจะไม่ดี จางเหล่ยจึงะโสั่งออกไปสุดเสียง พร้อมกับชูมีดยาวที่มีอยู่ในมือและชี้ไปที่อันเจิง“มาให้ข้าฆ่าเ้าซะ!”
โจวอัน หนึ่งในกลุ่มอันธพาลอาศัย่เสี้ยววินาทีนั้นถือกระบองเหล็กแล้วทุบไปที่หัวของอันเจิง เมื่อถูกโจมตีอันเจิงจึงะโไปข้างหน้าเหยียบไหล่ของโจวอันแล้วเอาขากระแทกใส่รักแร้ ได้ยินเสียงแขนที่โดนกระแทกดังลั่นขึ้นร่างกายของเขาเอียงไปด้านหลัง อันเจิงจับแขนของเขาเอาไว้แล้วเริ่มบิดข้อมือในตอนนี้ร่างกายของโจวอันสลับหน้าหลังด้วยแรงบิดของอันเจิงจนเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไปอันเจิงจึงใช้เท้าเหยียบไปที่ขาของโจวอันแล้วหักมันซะ ตึง! สิ้นเสียงกระแทกร่างกายของโจวอันก็สิ้นฤทธิ์ในสภาพนั่งคุกเข่า
อันเจิงจึงใช้มือทุบไปที่ท้ายทอยของโจวอันอีกครั้งตัวของโจวอันเอนไปข้างหน้าพร้อมเสียงร้อง อึก! อันเจิงปรบมือของตัวเองรัว ๆแล้วพูดขึ้น “คนนี้ข้าทุบไปสามครั้ง รวมทั้งหมดก็เก้าสิบตำลึง…เอ๊ะไม่ใช่นี่!หักแขนหักขาอีก ก็บวกไปอีกห้าสิบตำลึง ทั้งหมดก็หนึ่งร้อยสี่สิบตำลึงมันก็เป็คนตัวใหญ่อยู่นะ เช่นนั้นข้าจัดให้อีกสักทีแล้วกัน”
อึก!อันเจิงถีบโจวอันจนร้องออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ด้วยความเ็ปโจวอันจึงสลบไปทันที
ไม่ทันให้ใครด้านหลังได้โต้ตอบอันเจิงก็โจมตีด้วยความรวดเร็วประดุจเสือชีตาห์ หมัดของเขาพุ่งตรงไปที่คอหอยของโจวเหวินทันทีมีเสียงร้องอู้อี้ออกมาจากลำคอขณะที่ลูกตาดำเบิกโพลง ร่างของโจวเหวินล้มไปข้างหลังอันเจิงจึงจับแขนทั้งสองของโจวเหวินไขว้กัน หลังจากนั้นก็ถีบเข้าไปที่หน้าอกของโจวเหวินไม่รู้ว่ามีซี่โครงหักไปกี่ซี่!
“แขนสองข้าง หนึ่งหมัด หนึ่งถีบ รวมหนึ่งร้อยหกสิบตำลึง”อันเจิงพูดพลางโยนโจวเหวินไปข้าง ๆ
ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว เขาก็ต้องหลบมีดของหวังต้าเฉิงที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วอันเจิงไม่ถอยแต่กลับเดินเข้าไปหาหวังต้าเฉิง ตูม! ขากรรไกรของหวังต้าเฉิงราวกับโดนะเิคางของเขาโดนหมัดไปเต็ม ๆ จนบิดไปข้างหนึ่ง เพียงแค่หมัดเดียวแต่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลร่างของหวังต้าเฉิงลอยละลิ่วกระเด็นไปด้านหลัง อันเจิงไม่รอให้หวังต้าเฉิงลุกขึ้นมาเขาวิ่งเข้าโจมตีทันทีเหมือนเสือชีตาห์ที่พร้อมพุ่งเข้าใส่เหยื่อตลอดเวลาหมัดทุกหมัดพุ่งรัวเข้าใส่หวังต้าเฉิงไม่หยุด แม่นยำราวกับจับวาง ในเวลาเพียงไม่นานร่างของเขาก็ร่วงลงพื้น
ด้านตู้โซ่วโซ่วซึ่งรออยู่แล้วก็หยิบอิฐก้อนหนึ่งไว้ในมือเพื่อเตรียมโจมตีตัวเขาเองยังคงพยายามที่จะปลุกความกล้าออกมา ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกนักเลงอันธพาลหลายคนโดนอันเจิงจัดการไปเกือบหมดเหลือเพียงเกาตี้ที่ปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึงและจางเหล่ยที่หน้าถอดสีจากแดงจนซีดเผือดเหลือแค่สองคนนี้เท่านั้น
“เ้าจำได้หรือไม่ว่าติดหนี้ข้าเท่าไหร่แล้ว?”
อันเจิงยิ้มเยาะเย้ยด้วยความสะใจเขามองไปที่จางเหล่ยแล้วถามขึ้น จางเหล่ยมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด หน้าซีดจนขาวราวกระดาษเขาค่อย ๆ เดินก้าวถอยหลังไปทีละนิด
“ดูเหมือนเ้าจะจำไม่ได้นะเพราะข้าก็จำไม่ได้เหมือนกัน”
อันเจิงไม่รอให้ใครพูดแทรกเขาพูดต่อทันที “ไม่เป็ไร เดี๋ยวพวกเราค่อย ๆ นับกันใหม่ การค้าครั้งนี้น่าจะได้เงินมากอยู่ข้าจะใจดีลดราคาให้แล้วกัน”
หลังจากพูดจบอันเจิงก็ปรี่เข้าไปหาจางเหล่ยทันที “อย่า!” จางเหล่ยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวในมือของเขาก็กำมีดขึ้นกวัดแกว่งไปมา ร่างของอันเจิงะโขึ้นไปเหนือคมมีดโน้มตัวหลบมีดของจางเหล่ยที่กวัดแกว่งไปมาอย่างแม่นยำ จากนั้นอาศัยจังหวะปล่อยหมัดพุ่งตรงไปที่ท้องน้อยจางเหล่ยร้องออกมาด้วยความเ็ป มีดในมือไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้อีกต่อไป
อันเจิงถีบจางเหล่ยจนล้มลงไปกองกับพื้นหลังจากนั้นเขาก็ขึ้นมานั่งทับที่หน้าอกของจางเหล่ย หยิบก้อนอิฐจากพื้นที่ตกอยู่เขย่าไปมาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทุบใส่หน้าของจางเหล่ยไม่ยั้ง
“สามสิบ หกสิบ เก้าสิบ หนึ่งร้อยยี่สิบหนึ่งร้อยห้าสิบ…”
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ…ภายใต้เสียงเหล่านี้หัวใจของทุกคนล้วนเต้นไม่เป็จังหวะ
เมื่อทุบจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยอันเจิงจึงลุกขึ้นมาพร้อมหอบหายใจ มุมปากของจางเหล่ยถูกอันเจิงทุบครั้งแล้วครั้งเล่าจนเหวอะหวะอันเจิงยืนมองผลงานตัวเอง “เ้าเนี่ยน่ะหรือนักเลงอันธพาล…นักเลงบิดาเ้าเถิด ข้านี่แหละที่จะฆ่าเ้าและก็เป็ข้าอีกนี่แหละที่จะทำลายพวกเ้า!”
ขณะนั้น ลูกแมวน้อยที่นอนหลับใหลอยู่บนเนินอกนุ่มนิ่มของแม่นางเยว่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมามันมองไปรอบ ๆ สอดส่องสายตาไปมา แม้งัวเงียแต่ก็แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งมันะโออกจากอ้อมอกของแม่นางเยว่ แล้วรีบวิ่งไปหาอันเจิง ะโเข้าไปเกาะแล้วนั่งยองๆ บนไหล่ของเขาพร้อมกับจ้องมองดูพวกอันธพาลที่นอนาเ็ระเนระนาด
ดวงตามันคล้ายกับดวงตาของเสือ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] กอเอี๊ยะหนังสุนัขใช้เปรียบเทียบกับยาราคาถูกซึ่งไม่สามารถรักษาโรคอะไรได้เสมือนคนที่เกิดมาโดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย