เฉียวเยว่กับฉีอันรีบแกะกล่องของขวัญ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีกล่องเป็กองพะเนิน เฉียวเยว่เปิดกล่องใบใหญ่ที่สุดก่อน นางฟังคำแนะนำของหรงจ้าน ไม่รู้เพราะเหตุใดเห็นท่าทางมั่นใจของเขาแล้ว เฉียวเยว่ถึงรู้สึกว่าน่าจะเป็ความจริง
นางคงจะเป็แม่นางน้อยที่หลอกง่ายกระมัง
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังว่างอยู่ ได้ยินว่าทางนี้กำลังจะเปิดของขวัญจึงเดินมาดู
สามพี่น้องลากของสามคันรถม้าเล็กกลับมาที่เรือน ทุกคนล้วนเห็นกันถ้วนหน้า
แท้จริงแล้วใครๆ ต่างก็อยากรู้ แต่คนที่มีโอกาสมาดูกลับไม่มากนัก ที่เกินคาดอยู่บ้างก็คือไม่มีคนจากเรือนใหญ่และเรือนสองมาดูแม้แต่คนเดียว
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยว่า "เฉียวเยว่เปิดให้ย่าดูซิ"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าจะเปิดกล่องใหญ่ที่สุดก่อน ตอนนั้นพวกท่านก็ได้ยินที่พี่จ้านกล่าวไว้กระมัง? หากเขาหลอกข้า ข้าจะสู้ตายกับเขาเลย"
นางเปิดกล่องที่ใหญ่ที่สุดเองอย่างขมีขมัน "ไม่รู้ว่าจะเป็ของขวัญอะไรน้า.... เอ๋"
ในกล่องใหญ่เป็กล่องใบเล็กอีกใบ
เฉียวเยว่มองทุกคนแล้วพูดต่อ "นี่ดูเหมือนจะเป็อุบายที่ใช้กับเด็ก ข้าจะแกะต่อ ข้าจะแกะต่อ"
ชั้นที่สอง... ก็ยังคงเป็กล่องอีกใบ
รอยยิ้มบนดวงหน้าเล็กจ้อยแทบจะพยุงไว้ไม่อยู่แล้ว แกะ แกะ แกะ ข้าแกะ!
หลังจากแกะมาถึงชั้นสุดท้าย นางก็ปาดเหงื่อของตนเอง ท่าทางจริงจังมาก "สู้!"
เคราะห์ดีที่กล่องสุดท้ายไม่ใช่กล่องเปล่า
เฉียวเยว่เปิดออกดู ก็เห็นแสงอ่อนจางกำจายออกมา
เฉียวเยว่มองของชิ้นนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา ถึงขั้นพูดตะกุกตะกัก "นะ...นะ...นี่ นี่มันไข่มุกราตรี?"
แม้ว่าอดีตจะเคยเป็เด็กบ้านนอก ทว่าหลายปีมานี้ก็มีประสบการณ์เคยเห็นของดีต่างๆ มามากมาย แต่เมื่อเห็นของสิ่งนี้ ก็ยังอดตะลึงพรึงเพริดไม่ได้
"ใช่ ยามนี้เป็กลางวันย่อมจะด้อยลงบางส่วน แต่ถ้าเป็กลางคืนก็จะไม่เหมือนกัน"
เฉียวเยว่ถือกล่องพลางะโโลดเต้น "ฮ่าๆๆ ถ้าเป็ของขวัญที่ดีเช่นนี้ ต่อให้ต้องแกะเป็ร้อยชั้นข้าก็ไม่เบื่อหน่าย ข้ามีความสุขมาก ข้ามีความสุขที่สุด!"
ฉีอันมองไข่มุกราตรีของเฉียวเยว่ด้วยความอิจฉา เอ่ยขึ้นมาทันควัน "ข้าแกะบ้าง"
ซูซานหลางนิ่งงันไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยถาม "ของล้ำค่าเช่นนี้..."
เขาไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี แต่คำพูดของเขาคือสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าใคร่รู้อยู่เหมือนกัน ของขวัญไม่ได้อยู่ที่จำนวนมากน้อยแค่ไหน แต่ล้ำค่าราคาแพงหรือไม่
ไข่มุกราตรีเม็ดนี้ สูงค่าเกินไปจริงๆ พวกเขาสกุลฉีเสียสติไปแล้วหรือ? นี่คิดจะย้ายทรัพย์สินในจวนมาไว้บ้านของพวกเขาหมดเลยใช่หรือไม่?
"เ้าคงไม่คิดว่าในกล่องของขวัญเหล่านี้จะเป็ของประเภทเดียวกับไข่มุกราตรีทั้งหมดหรอกกระมัง?" ฉีจือโจวทอยิ้มอ่อนจาง "ถึงแม้ว่าอยากจะได้ แต่ข้าก็ไม่มีหรอกนะ"
ซูซานหลาง "แต่นั่นล้ำค่าเกินไป"
"หลานชายหลานสาวของข้า ไม่ให้พวกเขา จะให้ข้าเก็บไว้ประดับโลงของตนเองหรือไร?" ฉีจือโจวกล่าวอย่างสงบนิ่ง
คำพูดนี้ก็ช่าง...
"เ้าเด็กคนนี้ ถ้อยคำเช่นนี้ไม่ควรพูดในวันปีใหม่ ไม่เป็มงคลอย่างยิ่ง" ฮูหยินผู้เฒ่าพูดปราม
ขณะนี้ฉีอันก็เปิดกล่องของตนเอง เขาร้องเอ๋ ก่อนที่จะะโด้วยความดีใจ "เป็มีดสั้น"
เด็กผู้ชายมักชอบของประเภทนี้เป็พิเศษ
แม้ว่ามีดสั้นจะมีราคาน้อยกว่าไข่มุกราตรีหลายเท่า แต่หากเลือกได้จริงๆ ฉีอันก็ชอบมีดสั้นมากกว่า เขาะโด้วยความดีใจ "ข้าชอบอันนี้ ข้าชอบอันนี้"
แม้ว่าจะมิได้ล้ำค่าเช่นไข่มุกราตรี แต่หยกที่ฝังอยู่้าก็น้ำงามใสเป็ประกาย หาใช่ของไร้ราคา
ส่วนอิ้งเยว่แม้ว่ากล่องจะเยอะ แต่เมื่อเปิดดูกลับว่างเปล่า มีเพียงกระดาษหนึ่งแผ่นในนั้น แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าใจ เมื่อเปิดออกดูก็เห็นอักษรที่ท่านตาของนางเขียน "ปรารถนาเพียงความรื่นรมย์" เป็อักษรที่ไม่มีความหมายลึกซึ้งอันใด ทว่าสอดคล้องเหมาะสมกับเทศกาลตอนนี้พอดี นางยิ้มน้อยๆ พับเก็บด้วยความดีใจ "ต่อๆ"
เฉียวเยว่ก็เปิดของขวัญต่อ "เอ๋?"
เป็ถุงผ้าใส่เงินที่งดงามหนึ่งใบ เฉียวเยว่พอใจมาก "อันนี้เหมาะกับข้า"
นางเอาไข่มุกราตรีใส่ลงไปในถุงเงิน แล้วแขวนไว้ที่เอวของตนเอง
พวกเขาสามพี่น้องนั่งล้อมวงแกะของขวัญ แน่นอนว่ามีกล่องเปล่า แต่สำหรับเฉียวเยว่แล้ว ทั้งหมดไม่นับว่าเป็กล่องเปล่า เพราะในนั้นมีอักษรที่ท่านตาของนางเขียนด้วยตนเอง เป็คำไม่กี่คำที่เรียบง่ายแต่มีความหมายมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเฉียวเยว่ก็รู้ว่า อักษรของท่านตาของนางหากไปอยู่ข้างนอกย่อมมีมูลค่ามหาศาล
พิจารณาจากตรงนี้ กล่องเปล่าของอิ้งเยว่มีจำนวนมากที่สุด อักษรย่อมจะเป็ของนางมากที่สุด ส่วนเฉียวเยว่มีกล่องที่มีอักษรเพียงใบเดียว ฉีอันมีสองใบ
แม้ว่าของขวัญจะมีมากมีน้อยแค่ไหน แต่เด็กๆ ต่างก็สนุกกันมาก พวกเขาต่างแบ่งปันความสุขจากการเปิดกล่องของขวัญร่วมกัน
ในสิ่งของเหล่านี้ไข่มุกราตรีคือของล้ำค่าที่สุด เฉียวเยว่เปิดเจอสองเม็ด เม็ดหนึ่งอยู่ในกล่องใหญ่ที่สุด อีกเม็ดอยู่ในกล่องที่เล็กที่สุด
ฉีอันกับอิ้งเยว่ก็เปิดเจอคนละเม็ด
เฉียวเยว่หยิบเม็ดหนึ่งขึ้นมาแล้วเดินมาหาฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านย่า ข้ามีสองเม็ด ให้ท่านหนึ่งเม็ด เอาไว้ใช้ยามค่ำคืนหรือยามลุกจากเตียงก็สะดวก ปลอดภัยกว่าการจุดตะเกียง"
ฮูหยินผู้เฒ่าขอบตาแดงในพริบตา เด็กเล็กขนาดนี้กลับคิดถึงนาง หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่น
ฉีอันก็ให้นาง "ท่านย่า ข้าก็ให้ท่านเหมือนกัน ข้ายังเล็ก ไม่กลัวความมืด"
ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้า "พวกเ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ ย่าไม่เอาหรอก"
เฉียวเยว่ไม่ยอม "ท่านต้องรับไว้ ข้ามีสองเม็ด อีกเม็ดหนึ่งให้ท่านตา หนึ่งคนหนึ่งเม็ด ฮิๆ สุขสันต์ถ้วนหน้า เด็กเช่นข้าจะใช้ของราคาแพงเช่นนี้ได้อย่างไร เดี๋ยวก็ทำพังหมด"
พูดตามตรง อาจารย์ฉีเองก็ซาบซึ้งใจ เพียงแต่บุรุษมักไม่แสดงความรู้สึกออกมาภายนอกเช่นเดียวกับสตรี
"ไกวเยว่เก็บไว้เองเถอะ เมื่อเป็ของขวัญของเ้า ตาก็ไม่้า"
ฉีจือโจวเอ่ยปาก "นี่เป็ของที่อวี้อ๋องส่งมาให้เป็ของขวัญปีใหม่ หนึ่งกล่องมีทั้งหมดหกเม็ด ข้าห่อทั้งหมดไว้ในกล่องของขวัญ กล่องที่เหลือน่าจะมีอีกสองเม็ด เฉียวเยว่มีสองเม็ด เมื่อนางมีน้ำใจ ท่านก็รับไว้เถอะ เด็กๆ ต่างมีคนละเม็ด ก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ?"
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าเป็ของที่อวี้อ๋องส่งมาก็อึ้งงัน นางไม่รู้ตื้นลึกหนาบางที่อยู่ในนั้น แต่หลายๆ อย่างก็ไม่ได้เป็เช่นที่ปรากฏภายนอก นางจึงไม่กล้าถามอะไรมาก
อาจารย์ฉีก็พูดว่า "มารดาบุตรเขย ท่านก็รับไปเถอะ นี่เป็น้ำใจของเฉียวเยว่ ของฉีอันเก็บไว้เองเถอะ ส่วนตาจะกลับไปเปิดกล่องของขวัญอีกสองกล่องที่เหลือ"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ "จะว่าไปก็แปลกยิ่ง ท่านลุงเ้าคะ เหตุใดอวี้อ๋องถึงเดาได้ว่าท่านจะห่อมันอย่างไร เขาเห็นด้วยหรือ?" ในกล่องใหญ่ที่สุดมีของอยู่จริงเสียด้วย!
เพื่อสร้างความสับสนให้แก่พวกเขา แม้ว่าบางกล่องจะมีของขวัญ แต่ก็มีก้อนหินเช่นกัน
ฉีจือโจวส่ายหน้า "เขาไม่อยู่ ข้าทำเองกับมือ ไม่ผ่านมือของผู้อื่น"
เฉียวเยว่เดาะลิ้น "มารดามันเถอะ! พี่ชายผู้นี้เทพสุดๆ!"
ไท่ไท่สามถลึงตาใส่นาง "พูดดีๆ"
เฉียวเยว่หัวเราะแหะๆ "เขาเก่งกาจมากจริงๆ เ้าค่ะ"
ฉีจือโจวมองพวกเขา ล้วนแต่ไม่ใช่คนนอก จึงกล่าวว่า "พวกเ้าอย่าดูแคลนอวี้อ๋องผู้นี้เป็อันขาด แม้ว่าเขาจะอายุไม่มาก เฉลียวฉลาดและดูเปิดเผย แต่คนผู้นี้มีมุมมองที่กว้างขวางมาก เขาสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ที่ผู้อื่นมองไม่เห็นหรือคาดไม่ถึง ทั้งยังคาดคะเนจิตใจของผู้คนเก่งมาก คนหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้าเท่ากันไม่อาจเทียบเขาได้ หากจะคบหากับเขาต้องระมัดระวังให้มาก"
ไม่รู้ว่าคำพูดนี้บอกกับผู้ใด แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกจากใจ
เฉียวเยว่พยักหน้าคล้อยตาม "เขาสามารถคาดเดาการกระทำของท่านลุงได้ เห็นได้ชัดว่าร้ายกาจยิ่ง"
"เื่ที่เขาคาดคะเนได้หาใช่มีเพียงเท่านี้ ภายหน้าพวกเ้าก็จะค่อยๆ รู้กันเอง สรุปแล้วไม่ว่าจะทำสิ่งใดขณะอยู่ข้างกายเขา ก็ต้องระวังตัวให้ดี"
เขามองไปที่เฉียวเยว่ "โดยเฉพาะเ้า เด็กน้อย ชอบวิ่งไปหาเขาอยู่เรื่อย"
เฉียวเยว่รู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม ตอบโต้กลับมา "พี่จ้านจะไม่ทำร้ายข้า"
ฉีจือโจวเลิกคิ้ว "หืม? เพราะเ้าน่าเอ็นดูรึ?"
"ถูกต้อง เพราะข้าน่าเอ็นดู แล้วข้าก็น่ารักที่สุด ฮิฮิ" เฉียวเยว่ดีดนิ้วอย่างพึงพอใจ
ฉีจือโจวหยิกพวงแก้มของนาง "เ้าเด็กซุกซนเอ๊ย"
เฉียวเยว่หัวเราะอย่างมีความสุข "อย่างไรเสียพี่จ้านก็ดีกับข้ามาก"
"คนที่ให้ของกินเ้าล้วนแต่เป็คนดีกระมัง?" ไท่ไท่สามพูดแทรกขึ้นมา
เฉียวเยว่พยักหน้า "ใช่แล้ว อีกอย่างเขายังทำขนมเองด้วย จะเป็คนไม่ดีได้อย่างไร"
ตรรกะนี้ทำไท่ไท่สามหมดถ้อยคำจะตอบโต้
คนอื่นๆ ต่างสงวนวาจากับเื่นี้ การพูดมากมายต่อหน้าเด็กเป็สิ่งที่เปล่าประโยชน์
เฉียวเยว่จัดกล่องของขวัญต่ออย่างเริงร่า
"ใต้สะพานใหญ่หน้าประตูบ้าน มีเป็ดฝูงหนึ่งว่ายผ่านมา..."
เมื่อรู้สึกมีความสุข เฉียวเยว่มักจะร้องเพลงเด็กเสมอ "เพลงดัง" ในหัวมีเยอะมาก ฉีอันเรียนรู้จากนางมานานแล้ว ย่อมจะร้องคลอตาม ทั้งสองร้องไปก็จัดของไปอย่างสมัครสมานกลมเกลียว
"เด็กๆ ช่างไร้เดียงสา ไม่รู้จักรสชาติของความทุกข์" ซูซานหลางรำพึง ก่อนจะกล่าวว่า "พวกเราไปนั่งห้องโถงด้านนอกกันเถอะ ปล่อยให้พวกเขาเล่นกันอยู่ที่นี่"
ฉีจือโจวก็เห็นด้วย
"เฉียวเยว่ ข้าอยากได้อักษรตัวนั้นของเ้า ข้าใช้ของขวัญของข้าแลกกับตัวอักษรลายมือท่านตาที่แลดูสับสนแผ่นนั้นได้หรือไม่"
อิ้งเยว่ตัดสินใจจะรวบรวมอักษรเ่าั้ไว้ด้วยกัน
เฉียวเยว่ลังเล "แต่ข้าก็ชอบนะ"
"น้องสาวคนดี" อิ้งเยว่ขอร้อง
"งั้นข้ายกให้พี่สาว" เฉียวเยว่ตอบทันควัน "ข้าไม่แลก แต่ให้ท่านเลย"
อิ้งเยว่ตกตะลึง แต่ไม่งุนงงสับสน นางลูบศีรษะน้องสาว "เด็กดี"
"ข้าก็ให้พี่สาวเหมือนกัน" ฉีอันรู้ความอย่างยิ่ง
อิ้งเยว่ยิ้ม "พวกเ้าล้วนเป็เด็กดี"
สามพี่น้องสกุลซูไม่ได้รู้สึกอันใด แต่ในสายตาคนนอก มองว่าสองพ่อลูกสกุลฉีฟั่นเฟือนไปแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ยกให้เด็กทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นของขวัญจำนวนมากเพียงนี้ แม้มิใช่ของล้ำค่าทุกชิ้น แต่ก็ยังทำให้คนต้องตกตะลึง
มีคนอิจฉาไม่รู้มากมายเท่าไร ได้แต่ปลงในใจว่าผู้อื่นเลือกเกิดได้ดี ทว่าก็มีคนคาดคะเนว่าฉีจือโจวคงไม่คิดจะแต่งงานแล้ว มิเช่นนั้นภายหน้าต้องปวดใจเพียงไหน ที่มอบสิ่งของเหล่านี้ให้กับหลานชายหลานสาวสายนอก
ไม่เพียงแต่คนนอกจวน แม้แต่คนในสกุลซูก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
เรือนใหญ่ยังสามารถข่มกลั้นอยู่ แต่ไม่ใช่สำหรับเรือนสอง
ไท่ไท่รองริษยากัดฟันกรามแทบป่น
"ช่างฟุ่มเฟือยยิ่งนัก คนครอบครัวนี้ล้วนโง่งมกันหมดเลยหรือ?"
นึกมาถึงตรงนี้ ก็จิ้มหน้าผากหรงเยว่อย่างแรง "ให้เ้าไปดู เ้าก็ไม่ยอมไป"
"ข้าจะไปดูอะไร หากข้าไป ก็ต้องพาท่านน้าไปด้วย ข้าไม่อยากขายหน้าผู้อื่น" หรงเยว่รู้สึกหงุดหงิด
หวังหรูเมิ่งหน้าถอดสี "หรงเยว่ไม่ชอบน้าหรือ?"
หรงเยว่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย "ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่รู้สึกว่าพวกเราไม่ควรไป"
หลังจากนั้นก็กัดริมฝีปาก ขอบตาเริ่มแดง "ท่านย่าก็อยู่ที่นั่น ข้าไปอาจทำให้คนรู้สึกไม่ดี"
ท่านตากับท่านลุงของผู้อื่นแสนดีเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่นึกอิจฉา
มารดานางคิดแต่เื่ไร้ประโยชน์ อีกอย่างนางไม่อยากให้ท่านน้าไปทำขายหน้าต่อหน้าท่านลุงของเฉียวเยว่
นางขบริมฝีปาก "ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไป"
แล้วก็วิ่งผละจากไปทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้