บรรยากาศบนสนามประลองพุ่งสู่จุดสูงสุดทันใด เมื่อผู้เข้าประลองคนอื่นเห็นว่ามีคนถูกสังหาร จึงรีบทิ้งระยะห่างกับผู้เข้าประลองคนอื่นด้วยความใ
ฉึก!
มีเสียงอาวุธแหลมคมแทงทะลุเนื้ออีกครั้ง เหล่าผู้เข้าประลองหันหน้ามองด้วยสีหน้าตกตะลึง พวกเขาเห็นรูขนาดใหญ่และหัวใจที่หลุดออกมาจากอกของชายหนุ่มร่างกายกำยำผู้หนึ่ง
คนที่ลงมือคือชายหนุ่มที่สวมชุดดำรัดรูปอีกคนหนึ่ง กริชสีดำในมือมีหยดเืไหลย้อยลงมา
“สนุกมาก เอาอีก ฆ่าเลย!”
เสียงะโของฝูงชนดังกระหน่ำอีกครั้ง ผู้เข้าประลองบนสนามล้วนเว้นระยะห่างจากชายหนุ่มชุดดำทั้งสอง
จากนั้นทั้งสนามประลองก็เกิดการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียว ชายหนุ่มชุดดำทั้งสองปลิดชีวิตผู้อื่นอย่างไร้ความปรานีราวมัจจุราช ผู้เข้าประลองหลายคนล้มลงอย่างต่อเนื่อง
“สองคนนี้ไม่ใช่ศิษย์ของเมืองอวิ๋นหลิวแน่!”
ถังเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงชายหนุ่มผู้นี้อายุจะไม่มาก ทว่ากลับลงมือได้โเี้ยิ่งนัก อีกทั้งแต่ละกระบวนท่าล้วนหมายเอาชีวิต นี่เป็ความสามารถที่ผ่านการฝึกฝนที่อันตรายถึงชีวิต
ตระกูลหวังกับตระกูลซินก็ใมากเช่นกัน ปกติแล้วพลังของศิษย์ตระกูลเล็กๆ ในเมืองอวิ๋นหลิวล้วนอ่อนแอจนน่าสงสาร ต่อให้มีศิษย์ที่โดดเด่นเกิดขึ้นมาบ้าง ก็ไม่เคยเทียบกับศิษย์จากสี่ตระกูลใหญ่ได้เลย
แต่ชายหนุ่มชุดดำที่ปรากฏตัวกะทันหันสองคนนี้ไม่เพียงแข็งแกร่งมาก พวกเขายังลงมืออย่างโเี้ด้วย เกรงว่าศิษย์ในตระกูลของพวกเขาเองก็หาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
“รีบตรวจสอบที่มาของชายหนุ่มชุดดำสองคนนั้น ในเมืองอวิ๋นหลิวมีคนแบบนี้ั้แ่เมื่อไหร่? นี่มันผิดปกติมาก!”
ถังจงเวยรีบสั่งคนไปตรวจสอบเื้ัของอีกฝ่าย อย่างไรศิษย์ตระกูลถังอาจจะต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดดำทั้งสองนี้ เขาไม่อยากให้ศิษย์ตระกูลถังถูกสังหาร
เมื่อชายหนุ่มชุดดำทั้งสองร่วมมือกัน ไม่นานก็สังหารไปเจ็ดแปดคน บนสนามประลองล้วนอาบไปด้วยเื
ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งะโลงจากลานประลอง แล้วประกาศยอมแพ้ทันที
มีเพียงชายหนุ่มหกคนที่ยังอดทนอยู่ หกคนนี้ล้วนมีพลังอยู่บ้าง ถ้าเป็การแข่งขันปกติ พวกเขามีหวังได้เข้าแปดอันดับแรกเป็แน่
แต่ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาก็เหมือนยืนอยู่บนปากเหว
“ต้องอดทนเอาไว้ อีกฝ่ายยังไม่ได้ทะลวงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ เมื่อครู่ฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้น ปราณแท้ในร่างคงเหลือไม่มากแล้ว เราเพียงหาโอกาสฆ่าหนึ่งในนั้นก็พอ!”
ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงใหญ่หนึ่งในกลุ่มหกคนนั้นกล่าวออกมา ในเมื่อเื่ราวกลายเป็แบบนี้ คงไม่มีใครไม่ตื่นตระหนกแล้ว พวกเขาไม่อยากถอย เพราะคนส่วนใหญ่ในพวกเขาล้วนอายุเกินสิบห้า งานหวู่เต้าครั้งหน้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมได้อีกแล้ว
นี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเขา ต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ก็ต้องคว้าโอกาสมาให้ได้!
ชายหนุ่มชุดดำทั้งสองยืนอยู่กลางสนามประลอง ใต้เท้าทั้งสองมีศพกระจัดกระจาย แต่ใบหน้าหามีแววหวาดกลัวไม่ ดูจะมีแววตื่นเต้นมากกว่าด้วยซ้ำ
“คนพวกนี้อ่อนแอจริงๆ นี่ถ้าข้าใช้พลังิญญายุทธ์ได้ คนเหล่านี้คงถูกข้าฆ่าไปหมดแล้ว!”
ชายหนุ่มที่สูงกว่าเล็กน้อยกล่าว เสียงนั้นมีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยิน
“เฮยเสอ อย่าลืมคำสั่งของอาจารย์ ห้ามเผยพลังิญญายุทธ์ต่อหน้าผู้อื่น เราเสียเวลาฆ่าคนพวกนี้เล็กน้อยเท่านั้น!”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกล่าวตอบ
“มาแข่งกันว่าใครฆ่าได้มากกว่า คนแพ้ต้องมอบพิษของเดือนหน้าให้อีกฝ่าย!”
“ตกลง!”
ฟุ่บๆ...
ร่างของชายหนุ่มชุดดำสองคนหายไปจากจุดเดิม พวกเขาโจมตีคนอีกหกคนจากทั้งสองทิศทาง
“ข้า ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าไม่อยากตาย!”
เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นอีกฝ่ายโจมตีอีกครั้ง ขาก็เริ่มสั่น ความกระหายการต่อสู้หายไป ในหัวคิดเพียงต้องหนี
การประลองเมื่อก่อนแค่ยอมแพ้ก็จบ แต่คราวนี้หากท่านทูตประกาศผู้ชนะ ยังไงผู้เข้าแข่งขันที่ยอมแพ้ต่อหน้าชายหนุ่มสองคนนี้ก็ต้องถูกสังหารอยู่ดี แต่เหมือนท่านทูตจะไม่พูดอะไรสักคำ จึงเป็การยอมรับการกระทำนี้กลายๆ
ชายหนุ่มหันหน้าหนี น่าเสียดายที่ยังไม่ทันวิ่งลงจากลานประลอง ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ แผ่นหลังของเขาถูกกริชผ่าั้แ่บนลงล่างจนตายไปทันที
ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือห้าคนต่างโคจรปราณแท้พลังยุทธ์ในร่าง พยายามกระตุ้นพลังแฝงของตัวเอง ิญญายุทธ์ที่ต่างกันปรากฏรอบตัวผู้เข้าแข่งขัน
แต่ยังคงไร้ประโยชน์…เสียงกรีดร้องบนสนามประลองถูกเสียงโห่ร้องของฝูงชนกลบมิด
ถังเหล่ยทำได้เพียงมองผู้เข้าประลองทั้งห้าคนตายไปทีละคน แม้โอกาสตอบโต้ก็ไม่มี นี่ไม่ใช่การประลองแล้ว นี่มันการสังหารหมู่ชัดๆ
พลังของทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน ถึงแม้ชายหนุ่มชุดดำสองคนนี้จะยังไม่ทะลวงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ แต่ต้องมีพลังระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สิบแน่ อีกทั้งยังดูมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน และเชี่ยวชาญทักษะสังหารต่างๆ ศิษย์ที่ไม่เคยแม้แต่สังหารสัตว์อสูรเหล่านี้จะรับมือกันได้เยี่ยงไร!?
บนสนามประลองเหลือผู้ประลองเพียงสามคน นอกจากชายหนุ่มสองคนนั้นแล้ว ยังมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เขาถูกบีบให้อยู่กลางสนามจนไร้ซึ่งทางหนี
ชายหนุ่มชุดดำที่สูงกว่าเล็กน้อยเป็คนโจมตีก่อน เขาสังหารไปแล้วสามคน ขอเพียงสังหารคนสุดท้ายนี้ เดือนหน้าเขาก็ได้รับทรัพยากรบ่มเพาะสองชุด
“น่ารังเกียจ!”
ชายหนุ่มชุดดำอีกคนหนึ่งก็พุ่งออกไปเหมือนกัน แต่ความเร็วกลับเทียบชายหนุ่มร่างสูงไม่ได้
แต่แล้วด้านหลังของชายหนุ่มร่างสูงก็ปรากฏเงามืดที่ไม่อาจตรวจสอบได้เงาหนึ่ง จากนั้นความเร็วของชายหนุ่มอีกคนก็เพิ่มขึ้น เขาแทงเข้าไปที่คอได้ก่อนชายหนุ่มร่างสูงก้าวหนึ่ง และคว้าเอาชีวิตของผู้ฝึกตนคนสุดท้ายไปได้
“เ้ากล้าใช้ิญญายุทธ์ เ้ากำลังรนหาที่ตายหรือ!?”
ชายหนุ่มที่ถือกริชกล่าวด้วยน้ำเสียงโเี้
“ไม่มีใครเห็นหรอก!”
เพื่อไม่ให้เสียทรัพยากรบ่มเพาะของเดือนหน้า ชายหนุ่มที่ถือหนามแหลมจึงลองเสี่ยงใช้พลังของิญญายุทธ์ในเสี้ยววินาที
ไม่มีใครได้ยินว่าชายหนุ่มสองคนกำลังพูดคุยอะไรกัน เพราะเสียงโห่ร้องจากฝูงชนรอบด้านกลบจนมิด พวกเขาไม่เคยเห็นการประลองที่ดุเดือดเช่นนี้มาก่อน
การสังหารที่ชำนาญทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน ชายหนุ่มสองคนนั้นราวเครื่องจักรสังหารอย่างไรอย่างนั้น
เยียนหลิงซานมองผลงานของตัวเอง ใบหน้าเผยรอยยิ้มพอใจออกมา
“ท่านเ้าเมืองเยว่ การประลองเช่นนี้ถึงจะน่าสนใจ ท่านดูสิ ข้าเลือกชายหนุ่มที่โดดเด่นสองคนให้เมืองอวิ๋นหลิวไม่ใช่หรือ?”
เยว่มู่จือพูดอะไรไม่ออกสักคำ ถึงแม้เขาจะเป็ถึงระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สาม แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนบนกองซากศพนั้น ลึกๆ ในใจยังรู้สึกสั่นเทิ้ม
“ดูท่าชายหนุ่มอัจฉริยะที่ได้รับชัยชนะจะถือกำเนิดขึ้นแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะเริ่มการแข่งขันหวู่เต้าอย่างเป็ทางการ ทุกท่านอย่าพลาดงานประลองในครั้งนี้เชียว!”
เยียนหลิงซานประกาศจบการประลองของวันนี้ ถึงแม้เวลาการประลองจะสั้นมาก แต่ก็คาดเดาได้ว่า การประลองในวันนี้จะกลายเป็หัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดในเมืองอวิ๋นหลิว
ถังจงเวยมีสีหน้ามืดมัว เขาพาถังเหล่ยออกจากสนามประลอง การประลองในวันนี้ทำให้เงามืดเข้าปกคลุมใจของถังจงเวย หากศิษย์ตระกูลถังต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มสองคนนั้น พวกเขาจะมีโอกาสชนะแค่ไหน?
ถังเหล่ยเพิ่งลุกขึ้น ทันใดนั้นในกลุ่มผู้คนที่หลั่งไหลออกมา เขาพบเห็นร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้