ยามค่ำคืนมาเยือน บุปผาและพรรณไม้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้าง บัดนี้ เหล่าผู้คุ้มกันที่ท่านพ่อของนางสั่งให้มาดูแล เริ่มบางตาลงบ้างแล้ว
หนีเจียเอ๋อร์ยังคงนั่งรอที่ลานหน้าเรือนของตน พร้อมเสี่ยวเสวียน สาวใช้คนสนิท ซึ่งกำลังหาวหวอดด้วยความง่วงงุน เปลือกตาหนักอึ้ง แม้จะฝืนลืมตาขึ้นมาได้อย่างยากเย็น แต่สติที่พยายามประคองเอาไว้ ก็พร่ามัวเต็มที
หนีเจียเอ๋อร์ผลักร่างของสาวใช้ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย “เสี่ยวเสวียน เ้าไม่ต้องอยู่เป็เพื่อนข้าหรอก ไปพักผ่อนเถอะ”
เสี่ยวเสวียนสะบัดศีรษะเรียกสติ เบิ่งตาให้กว้าง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู ข้าหาได้ง่วงไม่ อากาศหนาวเช่นนี้ ข้าจะหาชุดคลุมหนาๆ มาให้ท่านสวมนะเ้าคะ”
หนีเจียเอ๋อร์ทนเห็นอีกฝ่ายอดนอนมิได้ จึงผุดลุกขึ้น และเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ข้าจะไปนอนแล้ว”
เสี่ยวเสวียนจึงหันกลับมาช่วยพยุงนางขึ้นบันได “ท่านไม่รอคุณชายโจวแล้วหรือเ้าคะ?”
หนีเจียเอ๋อร์ตวัดตามอง “ใครว่าข้ารอเขาอยู่!”
เสี่ยวเสวียนเปิดประตู รอให้ผู้เป็นายก้าวเข้าไป ก่อนงับประตู จากนั้นจึงโน้มตัวมากระซิบ “คุณหนูอย่าโกหกบ่าวเลย บ่าวรู้ว่าคุณชายโจวมักจะมาหาท่านตอนดึกๆ เป็ประจำ แต่ไม่ต้องห่วงนะเ้าคะ บ่าวจะหุบปากให้สนิท ไม่บอกใครแน่เ้าค่ะ!”
ก่อนที่หนีเจียเอ๋อร์จะกล่าวอันใด สาวใช้ก็กะพริบตา แล้วเอ่ยถาม “คุณหนู เป็เพราะคุณชายโจวหรือไม่เ้าคะ? ท่านถึงได้ปฏิเสธการสู่ขอของคุณชายสวี”
หนีเจียเอ๋อร์ยกมือขึ้นดีดหน้าผากนาง พลางขู่ “เ้าไม่ง่วงแล้วหรือ? เช่นนั้นก็ไปถอนหญ้าในสวนเสียให้หมด พรุ่งนี้ พอข้าตื่นแล้ว จะไปตรวจดู”
“ง่วง... ข้าง่วงมากเ้าค่ะ!” เสี่ยวเสวียนรีบวิ่งผละไป ราวกับกระต่ายหนีนักล่า พลางกุลีกุจอปิดประตูห้องนอนของเ้านายอย่างรวดเร็ว
หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนอนลงบนเตียง ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
...
หลังรุ่งสาง ขณะที่เสี่ยวเสวียนกำลังขยี้ผ้าซึ่งหนีเจียเอ๋อร์ใช้เช็ดหน้าเช็ดตาอยู่ในห้อง ก็ได้ยินผู้คุ้มกันสองคนพูดคุยกันถึงเื่ที่เกิดขึ้นในจวนสกุลเว่ย หญิงสาวรีบยกมือปิดปากสาวใช้คนสนิท แล้วลากตัวไปดักฟังที่ประตู
“เ้าได้ยินหรือไม่ เมื่อคืนนี้คนในจวนสกุลเว่ยแทบจะพลิกเมืองหลวง เพื่อหามือสังหารที่อุกอาจบุกเข้าไป นอกจากจวนขุนนางแล้ว พวกเขาก็ค้นหาไปทั่วทุกที่”
“ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน ดูเหมือนพวกกำลังตามหามือสังหารที่บุกเข้าไปในห้องหนังสือของเว่ยฉีหรานเมื่อคืน คล้ายว่ามือสังหารผู้นั้นจะหนีไปได้ แต่กระนั้นก็ได้รับาเ็เช่นกัน”
“กล้าบุกเข้าไปในจวนสกุลเว่ยที่มีการคุ้มกันอย่างแ่า ทั้งยังหลบหนีจากยอดฝีมือมาได้ แม้จะได้รับาเ็ แต่ขนาดค้นหากันทั้งคืนก็ยังไม่พบ แสดงว่ามือสังหารผู้นั้น ย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็แน่”
ทันทีที่ได้ยิน ความคิดแรกซึ่งผุดขึ้นในใจของหนีเจียเอ๋อร์ก็คือ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับโจวชิงหวาเป็แน่ หลังจากขบคิดครู่หนึ่ง นางก็หยิบยาออกมาจากที่ซ่อน เทลงไปในอาหาร จากนั้นก็ให้เสี่ยวเสวียนนำไปให้ผู้คุ้มกันกิน
เมื่อคนทั้งสองสลบไป พวกนางก็ช่วยกันถอดชุดพวกเขาออก มัดร่างติดไว้กับเก้าอี้ แล้วเอาม้วนผ้ายัดปาก ก่อนนำชุดผู้คุ้มกันมาสวมเพื่ออำพรางตัว แต่ยังไม่ทันจะได้หลบหนี โจวชิงหวาก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด ริมฝีปากแตกยับ เขาเดินซวนเซเข้ามา แล้วสลบล้มฟุบตรงหน้าพวกนางทันที
หนีเจียเอ๋อร์หน้าถอดสี ตื่นตระหนกจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น “เสี่ยวเสวียน รีบพยุงเขาขึ้นไปบนเตียง เร็ว!”
ทั้งสองต้องเหงื่อตกกับการอุ้มชายหนุ่มร่างใหญ่เข้าไปในเรือน หนีเจียเอ๋อร์ปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง เพื่อดูาแที่หน้าท้อง... สภาพไม่สู้ดีนัก
แต่เสี่ยวเสวียนไม่กล้ามองาแฉกรรจ์ตรงหน้า จึงเบือนหนีทันที “คุณหนู จะให้เรียกหมอมาหรือไม่เ้าคะ?”
หยาดเหงื่อไหลรินลงมาตามกรอบหน้าของหญิงสาว หนีเจียเอ๋อร์หัวใจเต้นถี่ มือสั่นระริก พยายามบังคับตัวเองให้สงบลง พอตั้งสติได้ จึงสั่งสาวใช้คนสนิท “ไปเอาน้ำร้อนกับผ้าสะอาดมา”
ครึ่งชั่วยามต่อมา กระบวนการเยียวยารักษาาแก็แล้วเสร็จ แต่กระนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนชุดอันชุ่มเหงื่อ ด้วยยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ดังนั้น นางจึงให้เสี่ยวเสวียนเก็บกวาดทำความสะอาด แล้วออกไปตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ เรือน แก้มัดผู้คุ้มกัน สวมเสื้อผ้ากลับคืน และพยายามใช้เครื่องหอมมากลบกลิ่นคาวเืให้ได้มากที่สุด
เมื่อผู้คุ้มกันทั้งสองได้สติ แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่พวกเขาก็มิได้ปริปาก เพียงมองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติทั้งสิ้น
ไม่นาน เสี่ยวเสวียนก็นำความมารายงานคุณหนูของตน ว่าคนของเว่ยฉีหรานกำลังตามล่ามือสังหารไปทั่วเมือง
สักพัก พวกเขาก็มาถึงจวนสกุลหนี และเข้าไปสำรวจลานเรือนของหนีเจียเอ๋อร์
ทว่าหญิงสาวมิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก นางนอนลงบนเตียง และเอนกายพิงข้างลำตัวของโจวชิงหวา เพื่อบังเขาเอาไว้
ด้านนอกประตู เสี่ยวเสวียนพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อถ่วงเวลาหน่วยค้นหา “นี่เป็ห้องคุณหนูของเรา พวกท่านเข้าไปไม่ได้นะ”
แต่หัวหน้าหน่วยกลับพูดว่า “นายท่านเว่ยมีคำสั่งให้ค้นหามือสังหารไปทั้งเมือง โดยไม่มีข้อยกเว้น!”
เสี่ยวเสวียนกางแขนขวางประตูเอาไว้ “คุณหนูของข้ายังไม่ตื่นเลย เข้าไปไม่ได้นะ”
แต่คนผู้นั้นไม่ใส่ใจ ดึงร่างสาวใช้จนตัวปลิว แล้วกระชากประตูเปิดเข้าไปในห้อง หนีเจียเอ๋อร์จึงกรีดร้อง ใช้มือดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า พร้อมตวาดเสียงดัง “ออกไป!”
หน่วยค้นหาไม่คาดคิด ว่าตะวันขึ้นสูงจนป่านนี้แล้ว จะมีคุณหนูของบ้านนอนอยู่จริงๆ พวกเขาจึงใ กล่าวขอโทษ และรีบออกไปทีละคน
เมื่อเสียงฝีเท้าค่อยๆ จางหาย หนีเจียเอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งอก รีบสลัดผ้าห่ม แล้วลุกออกจากเตียง แต่ชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ กลับคว้าเอวเอาไว้ จนนางััได้ถึงไออุ่นของผู้ที่อยู่ด้านหลัง
แต่หญิงสาวไม่กล้าสะบัดออก ด้วยเกรงว่าจะทำให้าแของโจวชิงหวาเปิด “เจ็บเหลือเกิน แต่หากได้กอดเ้าเช่นนี้สักพัก ความเจ็บของข้าคงจะทุเลาลงมากทีเดียว”
หนีเจียเอ๋อร์ใจอ่อนยวบ ไม่กล้าขยับตัว ได้แต่ปล่อยให้เขากอดนางเอาไว้เช่นนั้น
อ้อมกอดนี้กลับยาวนานไปถึงเที่ยงวัน จนได้เวลาที่เสี่ยวเสวียนยกสำรับเข้ามาในห้อง
หลังจากหนีเจียเอ๋อร์ตื่น เส้นผมของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อ ดูงดงามราวกับเทพธิดา
ส่วนโจวชิงหวา พอได้สติตื่น ก็เอาแต่จับจ้องไปยังร่างของหญิงสาว จนม่านตาสีเข้มเป็ประกายภายใต้แสงสว่าง
หนีเจียเอ๋อร์เดินไปที่หน้าเตียง พลางแสร้งทำท่าขู่ “หากยังเอาแต่จ้องอยู่แบบนี้ ข้าจะควักลูกตาเ้าเสีย”
โจวชิงหวาเอื้อมไปจับมืออันอ่อนนุ่มของนาง แล้วลูบเบาๆ “ข้าไม่เชื่อหรอก”
“คุณหนู นายท่าน้าพบเ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวเสวียนดังออกมานอกประตู
โจวชิงหวาจึงผลักผ้าห่มออก และลุกขึ้นจากเตียง
“ระวังอย่าให้แผลเปิด” หนีเจียเอ๋อร์ช่วยประคองเขามานั่งบนเก้าอี้
ปัง!
ประตูเปิดออก เป็นายท่านหนีนั่นเอง ที่เดินเข้ามา เขาเหลือบมองโจวชิงหวาซึ่งมีสภาพไม่สู้ดีนัก แล้วหันไปยังหนีเจียเอ๋อร์ “หากกล้าเฉียดไปใกล้ประตูสำนักฝูเซิงอีกแม้แต่ครึ่งก้าว ข้าจะลงโทษเ้า!”
พูดเพียงเท่านี้ นายท่านหนีก็เดินจากไป
หลังจากปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน โจวชิงหวากับหนีเจียเอ๋อร์ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยุติการตรวจสอบลงชั่วคราว
...
ในท้องพระโรง
เว่ยฉีหรานขอให้ฮ่องเต้ประทานอนุญาต ให้ตนทำการค้นหามือสังหารต่อไป โดยเฉพาะในจวนขุนนางกับชนชั้นสูงทั้งหลาย ซึ่งรวมถึงการเข้าไปตรวจสอบในห้องหับของสตรี แต่นายท่านสกุลหนีและคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคำร้องขออันผิดจริยธรรมของเขา ทำให้เสียงแตกออกเป็สองฝ่าย
หลังโต้เถียงกันอยู่นาน นายท่านหนีก็สามารถปิดปากเว่ยฉีหรานได้สำเร็จ ด้วยฮ่องเต้มีใจเอนเอียงมาทางเสียงของคนส่วนใหญ่ จึงทรงมีรับสั่ง ห้ามมิให้เขาเข้าไปค้นเรือนนอนของสตรี