หยางวั่นอวิ๋นอยากจะลงมือ แต่จู่ๆ ก็ยอมแพ้เพราะเขาพบว่าหนิงเทียนยังยืนนิ่งเฉยอยู่
“ศิษย์น้องหนิงไม่สนใจหรือ?”
“สนใจมาก แต่ข้าไม่รีบ”
หยางวั่นอวิ๋นตะลึง
“ในเมื่อเ้าสนใจ ทำไมถึงไม่เริ่มก่อนล่ะ?”
หนิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะมีคนสนใจมากเกินไป”
สายรุ้งสีเขียวเปล่งประกายไปทั่วท้องฟ้าภายในป่าเขา ทำลายความว่างเปล่าและกวาดก้อนหยกออกไปจนสิ้น
ครู่ต่อมาหอกยาวก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ บรรจุพลังสีชาดที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นห้วงมิติเวลาจึงเริ่มสั่นไหว
ชิวอีเซี่ยนเร็วมาก แต่เขาก็ยังช้าอยู่หนึ่งก้าว เมื่อเขาเห็นหอกจึงต้องร้องอุทานดังลั่น
“ยอดฝีมือหยวนซิว!”
เสียงดังปึงปังมาพร้อมกับร่างที่เริ่มแกว่งไกวไปมากลางอากาศ ทันใดนั้นยอดฝีมือทั้งเจ็ดก็ปรากฏตัว รวมแล้วมีผู้บำเพ็ญซิงซิวสองคน ผู้บำเพ็ญหยวนซิวสี่คน และผู้บำเพ็ญจื๋อซิวหนึ่งคน ซึ่งทุกคนล้วนเป็ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
ในห้องโถงหลักมียอดฝีมือทั้งหมดเจ็ดสิบสองคนจากสามสายบำเพ็ญ เมื่อนับอสูรสามเศียรหกกรที่เข้ามาจากทางประตูทิศหรดีแล้ว ก็มีคนจากภายนอกทั้งหมดเจ็ดสิบสามคน
เมื่อซิงซิวและหยวนซิวเข้ามาในห้องโถงในคราวแรก พวกเขาเห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากจื๋อซิวเล็กน้อย
ซิงซิวเห็นนิมิตดาวตก ดวงดาวแตกสลาย โลกที่เราอาศัยอยู่นั้นรกร้าง
หยวนซิวเห็นพลังหยินและหยาง ธาตุทั้งห้าแปรสภาพเป็ูเาและแม่น้ำ ทุกที่เต็มไปด้วยชีวิตและความมีชีวิตชีวา
แต่ในขณะนี้ยอดฝีมือซิงซิวและหยวนซิวบางคนมาที่นี่
พยัคฆ์บินคำราม และด้วยการสะบัดหาง ปราณกระบี่ก็กลายเป็พลังสายรุ้งพุ่งเข้าหาสายรุ้งสีเขียวที่กวาดไปเหนือก้อนหยก
“ตามไปเร็ว!”
ตู๋กูหู่ะโพุ่งราวกับจะบิน เขาอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตผนึกดารา ซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเลย และเขาไล่ตามไปในป่าเขาอย่างเร่าร้อน
หนิงเทียนยังคงไม่เคลื่อนไหว ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หางของพยัคฆ์บิน และกำลังสังเกตโครงสร้างภายในของกระบี่หางพยัคฆ์ด้วยความช่วยเหลือจากทักษะภาพมิติ
หนิงเทียนเป็ผู้สืบทอดิญญาของต้นไม่สังเวยิญญาโบราณ และมีความเชี่ยวชาญในทักษะขัดเกลาอาวุธ อย่างไรก็ตามอาวุธิญญาจื๋อซิวนั้นแตกต่างจากอาวุธิญญาหยวนซิว และต้องใช้การสังเกต การวิเคราะห์ การอนุมาน และบูรณาการ
หยวนซิวมีทฤษฎีที่สมบูรณ์เกี่ยวกับการขัดเกลาอาวุธ แต่จื๋อซิวไม่มี
ทักษะขัดเกลาอาวุธที่สอนให้หนิงเทียนโดยต้นไม้สังเวยิญญาโบราณนั้น จำเป็ต้องสังเกติญญาจื๋อซิวอื่นๆ ก่อน โดยเริ่มจากการเลียนแบบ และทำความเข้าใจกฎแห่ง์จากมัน
กระบี่หางพยัคฆ์ของพยัคฆ์บินอยู่ในระดับอาวุธจิติญญาระดับกลาง ภายในมีการก่อตัวของเตา์อยู่ห้าชั้น ซึ่งเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างงดงาม
กระบี่เล่มนี้ถือกำเนิดมานานกว่าหมื่นปีแล้ว แผนผังการก่อตัวห้าชั้นเกี่ยวข้องกับรูปแบบการก่อตัวหนึ่งพันสามร้อยหกสิบสี่รูปแบบซึ่งอิงจาก ‘ตัวเลขสี่ตัว’
ชั้นแรกคือสี่ ชั้นสองคือสิบหก ชั้นสามคือหกสิบสี่ ชั้นสี่คือสองร้อยห้าสิบหก และชั้นห้าคือหนึ่งพันยี่สิบ ซึ่งรวมเป็หนึ่งพันสามร้อยหกสิบสี่
“หากขัดเกลาด้วยแสงิญญาระดับหนึ่งดาว เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทรงพลังพอ ต้องขัดเกลาด้วยแสงิญญาระดับสองดาว แต่แสงิญญาเพียงอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ ยังต้องค้นหาวัสดุกลั่นกระบี่ที่เข้ากับแสงิญญาด้วย”
จื๋อซิวใช้แสงิญญาเพื่อขัดเกลาอาวุธิญญา ซึ่งแตกต่างจากการขัดเกลาอาวุธิญญาในจารึกของหยวนซิว ซึ่งทำให้มีข้อกำหนดสำหรับวัสดุที่ความเข้มงวดมากขึ้น
ขณะที่หนิงเทียนกำลังวิเคราะห์และคลำหา หยางวั่นอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างเริ่มไล่ล่าก้อนหยกไปก่อนแล้ว
ภายในป่าดงดิบ มีอสูรและิญญาอสูรอยู่ทุกหนทุกแห่ง เจตนาฆ่ากระจายทั่วทุกที่
หนิงเทียนเดินคนเดียวในป่าทึบ บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าน้อย เถาวัลย์สีเขียว ลำธาร เปลวเพลิง เนินเขา เสาลม และประตูมิติ ทั้งหมดล้วนปรากฏอยู่รอบกายเขา อีกทั้งเขายังมาพร้อมทหาริญญาเยาเยา ยามนี้เขาเป็เหมือนภูตบนเขาที่สื่อสารกับิญญาอสูรมากมายตลอดทาง
“วิถี์เป็อย่างไร?”
“วิถี์เป็ของข้า”
“ข้าคือสิ่งใด?”
“ข้าคือวิถี์”
หนิงเทียนกำลังพูดคุยกับิญญาอสูรในูเาและเรียนรู้อะไรมากมายจากพวกมัน
ตัวอย่างเช่น พฤกษาซ่อนเร้น ขุมทรัพย์แห่งแผ่นดิน และหวนคืนต้นกำเนิด นี่เป็เคล็ดลับที่ใช้งานได้จริงที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้เรียนรู้
เหตุผลที่หนิงเทียนสามารถเรียนรู้ได้ก็เพราะเขาได้รวมเส้นทางเต๋าพฤกษา เส้นทางแห่งจิติญญา และเส้นทางิญญาเข้าด้วยกัน เมื่อทั้งสามเส้นทางถูกรวมเป็หนึ่งเดียว และรากบ่มเพาะจึงยิ่งพิเศษ
ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังไล่ตามโอกาสและโชคลาภ หนิงเทียนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ และอุทิศตนเพื่อทำความเข้าใจแผ่นดินนี้อย่างละเอียด
หลังจากข้ามสันเขาก็พบทะเลสาบที่ดูราวกับหยกที่ฝังอยู่ในูเาปรากฏอยู่ตรงหน้า
ที่นี่มีกระท่อมมุงจากสามหลังปลูกอยู่ริมทะเลสาบ สตรีในชุดสีเขียวกำลังล้างผัก ขณะที่ชายชุดเขียวอีกคนกำลังตกปลา
ด้านนอกกระท่อมมีต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง พร้อมด้วยกิ่งก้านและใบไม้อันเขียวชอุ่ม และบนกิ่งก้านมีตะกร้าไม้ไผ่แขวน
หนิงเทียนยืนอยู่บนสันเขา มองลงไปที่ทะเลสาบสีหยก กระท่อมมุงจาก ชายหญิง และต้นไม้ ก่อนรอยยิ้มแปลกๆ จะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา
หนิงเทียนฮัมเพลงแล้วตรงไปที่กระท่อมริมทะเลสาบด้วยความรวดเร็วฉับไว
ในเวลาเดียวกันบนสันเขาตรงข้ามทะเลสาบ ซูอวิ๋นที่เคลื่อนไหวราวิญญาสีขาวจากฟากฟ้าก็บังเอิญมาถึงที่นี่เช่นกัน
เมื่อนางเห็นกระท่อมริมทะเลสาบ ความใก็ฉายแววในดวงตาของนาง จากนั้นสายตาจึงย้ายไปที่ผู้หญิงที่กำลังล้างผักทันที
นั่นคือหญิงสาวในชุดสีเขียว นางกำลังล้างผักริมทะเลสาบอย่างสบายๆ พร้อมรอยยิ้มอันสง่างามปรากฏบนใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของนาง
ห่างออกไปไม่กี่จั้ง ชายคนหนึ่งในชุดสีเขียวกำลังนั่งอยู่บนก้อนหิน และมุ่งความสนใจไปที่การตกปลา
พื้นผิวของทะเลสาบเป็ประกายระยิบระยับ สายลมโอบกอดแ่เบาจนเกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมราวกับภาพฝัน
ซูอวิ๋นเหลียนเคลื่อนไหวเบาๆ โดยมีดอกไม้น้ำแข็งบานสะพรั่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง ช่วยให้นางเคลื่อนไหวตรงไปยังกระท่อมทั้งสามหลังได้อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นซูอวิ๋นก็หยุดก็ชะงักไป ยามนี้มีร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากในป่าฝั่งตรงข้ามและสบตาเข้ากับนาง
หนิงเทียน!
เขาอยู่ที่นี่จริงๆ!
หนิงเทียนที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปยังซูอวิ๋นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร่องรอยสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่กลับไม่เห็นอารมณ์แปรปรวนใดๆ เลย
ซูอวิ๋นเห็นเจตนาฆ่าและความเหยียดหยามในสายตาของหนิงเทียน ซึ่งทำให้นางโกรธมาก
ข้าเป็ยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ได้รับการพิจารณาให้เป็ยอดฝีมือในดินแดนหยวนซิงแล้ว หนิงเทียนเล่านับใคร?
เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของหนิงเทียน ซูอวิ๋นก็กัดฟันด้วยความโกรธ และอยากจะตบเขาให้ตาย
“มันเป็ประสงค์ของ์ที่เราได้พบกันที่นี่ และข้าจะส่งเ้าไปตามทางของเ้าเป็การส่วนตัว”
ซูอวิ๋นยิ้มอย่างชั่วร้าย ทันใดนั้นนางก็อารมณ์ดีขึ้น และเดินต่อไปที่กระท่อม
ณ ตอนนี้มีร่างอื่นปรากฏขึ้นทางทิศอุดรและทิศทักษิณของทะเลสาบสีหยก
ร่างสูงยืนอยู่บนสันเขามองเข้าไปในสายลม ใบหน้าที่เ็าถูกเปิดเผยภายใต้ผมยาวที่ปลิวไสว คนผู้นี้คือซ่งอวี้ชุนซึ่งเป็ศิษย์หลักของตำหนักดาวเหนือ ช่างบังเอิญที่นางก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
“แปลกยิ่งนัก ทำไมมีกระท่อมและผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่ล่ะ? เป็ไปได้หรือไม่ว่า...”
แสงริบหรี่แวบขึ้นในดวงตาของซ่งอวี้ชุน ก่อนนางจะโฉบลงมา และมุ่งหน้าตรงมายังกระท่อมทั้งสามหลัง
บนูเาทางทิศอุดรของทะเลสาบสีหยก ชายหนุ่มรูปงามที่มีใบหน้าอ่อนโยนราวสตรี ในมือถือพัดขนนก ทั้งยังแต่งกายด้วยชุดหรูหรา ยามนี้มีแสงชั่วร้ายอยู่ในดวงตาของเขา และเขากำลังมองกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบเช่นกัน
“ิญญาอสูรในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ช่างน่าสนใจ”
ชายหน้าหวานเอามือไพล่หลังแล้วก้าวเท้าเบาๆ การเคลื่อนไหวของเขาดูราวกลุ่มควันสีฟ้า และเคลื่อนกายมาถึงทะเลสาบได้ในพริบตา
ด้านนอกกระท่อม จู่ๆ ชายที่กำลังจับปลาก็จับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง เขาจึงพูดอย่างมีความสุขว่า “แขกผู้มีเกียรติมาเยือน ปลาก็มาพอดี นี่เป็สัญญาณดีจริงๆ”
สตรีล้างผักเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้มและสาปแช่ง “ดูสิว่าเ้าตื่นเต้นแค่ไหน หากคำนวณผิดพลาด ข้าจะรอดูว่าเ้าจะร้องไห้ทีหลังอย่างไร”
หนิงเทียนเป็คนแรกที่มาถึงกระท่อม แต่ดวงตาของเขาถูกดึงดูดโดยต้นไม้โบราณ
ต้นไม้ต้นนี้แข็งแรงและเรียบง่าย มีลำต้นหลักสูงสามจั้ง เปลือกรอบนอกมีรอยแตกร้าวเหมือนเกล็ดักระจายอยู่ทั่ว ต้นไม้ต้นนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบโบราณอย่างแท้จริง
้าของต้นไม้ประกอบด้วยกิ่งก้านด้านข้างขนาดเท่าชามห้ากิ่ง กิ่งหลักหนึ่งกิ่ง กิ่งหลักตั้งตรงขึ้นฟ้า พื้นผิวของเปลือกไม้มีพื้นผิวที่สวยงามเป็รูปเกลียว มีกิ่งก้านทั้งห้ากิ่งคอยปกป้อง
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย ชั้นของการก่อตัวทางจิติญญาปรากฏขึ้นในม่านตาของเขา ดวงตาจิติญญาระดับสี่รวมกับทักษะเก้าเนตร์ ทำให้วิสัยทัศน์ของเขาสูงขึ้น และทำให้เขาเห็นภาพที่น่าทึ่ง
แท้ที่จริงแล้วภายในกิ่งหลักมีหอกซึ่งมีความยาวประมาณสองจั้ง ประกอบด้วยรูปแบบเต๋า์เจ็ดชั้นตามตัวเลขห้าหลัก ซึ่งจำนวนรูปแบบการก่อตัวที่เกี่ยวข้องสูงถึงเก้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยห้าสิบห้ารูปแบบ อีกนิดจะถึงหลักแสนแล้ว
หนิงเทียนประหลาดใจมาก นี่คือปาฏิหาริย์แห่งธรรมชาติ ต้องใช้เวลากี่ปีในการพัฒนา?
“เ้ามองหาสิ่งใด?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคมชัดดังขึ้น สตรีในชุดกระโปรงสีเขียวที่ล้างผักอยู่เมื่อครู่ ยามนี้กำลังยืนอยู่หน้ากระท่อมและมองหนิงเทียนอย่างสงสัย
“ข้ากำลังดูร่องรอยของเวลา”
หนิงเทียนมองผู้หญิงคนนั้น และเห็นว่านางดูเหมือนหญิงสาวในวัยยี่สิบต้นๆ ที่มีใบหน้าที่งดงาม ในมือถือตะกร้าที่มีผักที่เพิ่งล้างเอาไว้
หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้มว่า “เวลาทิ้งสิ่งใดไว้หรือ?”
“เวลาหลายปีที่ผ่านมาได้ทิ้งมรดกแห่งความเ็ปเอาไว้”
ผู้หญิงคนนั้นกลอกตาใส่หนิงเทียนแล้วดุว่า “เ้ามันเด็กแก่แดด มานั่งสิ”
หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่กระท่อม
ผู้หญิงคนนั้นนำเก้าอี้สี่ตัวออกมาจากในกระท่อม แล้วเชิญหนิงเทียนให้นั่งลง
ไม่นาน ชายชุดเขียวก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปลาตัวใหญ่ในอ้อมแขน
“แขกผู้มีเกียรติมาเยือนทั้งที การต้อนรับแขกจากแดนไกลต้อนรับไม่ทั่วถึงย่อมเป็เื่หยาบคาย เ้าอย่าแปลกใจเลย!”
ชายคนนั้นยื่นปลาให้กับผู้หญิง แล้วทักทายหนิงเทียนอย่างอบอุ่น
“ข้าละลาบละล้วงเข้ามาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า นับว่าหยาบคายแล้ว”
หนิงเทียนยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม แล้วเริ่มพูดคุยกับชายคนนั้น
ในเวลานี้ซูอวิ๋นก็มาจากทางทะเลสาบ ท่าทางสง่างาม นางดูงดงามและว่องไว ไม่ละอายที่จะแยกตัวให้ห่างจากหนิงเทียน และมาปรากฏตัวอยู่นอกกระท่อม
“แขกอีกคนมาแล้ว เราไม่ได้มีชีวิตชีวาแบบนี้มานานแล้ว เชิญนั่งก่อน”
ชายในชุดเขียวทักทายซูอวิ๋นอย่างเอื้อเฟื้อแล้วบอกให้นางนั่งลง ซูอวิ๋นจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินเข้าหาหนิงเทียน ก่อนจะนั่งห่างออกไปสองสามจั้ง
ดวงตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศ ปะทะกันด้วยประกายไฟอันดุเดือดราวกับเกิดประกายสายฟ้า เจตนาฆ่าพุ่งสูง แต่ทั้งสองคนไม่ได้ดำเนินการใดๆ
“มา ลองชาเขียวูเาของเราสิ มันทำจากสมุนไพรทางจิติญญาสิบเจ็ดชนิด รสชาติค่อนข้างดีเลยนะ”
ชายชุดเขียวยื่นชาหอมกรุ่นมา หนิงเทียนลองจิบดู และรับรู้ได้ว่ามันมีรสชาติดีจริงๆ
ซูอวิ๋นเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แล้วเทชาลงข้างกายโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้
ซ่งอวี้ชุนและชายหน้าหวานกำลังร่อนกายผ่านริมทะเลสาบมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งคู่ก็ปรากฏตัวขึ้นนอกกระท่อมเกือบจะพร้อมๆ กัน
“เ้าสองคนมาทันเวลาพอดี เชิญนั่งก่อน”
ชายชุดเขียวยิ้มและทักทายอย่างอบอุ่น
ซ่งอวี้ชุนมองซูอวิ๋น จากนั้นจึงมองหนิงเทียน แล้วเลิกคิ้วถาม “เ้าใช่หนิงเทียนจากสำนักร้อยบุปผาหรือไม่?”
“เ้าคือใคร?”
หนิงเทียนมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย สตรีผู้นี้งดงามยิ่ง แต่การแสดงออกที่ดูถูกเหยียดหยามของนางช่างน่าขยะแขยง
“ซ่งอวี้ชุนจากตำหนักดาวเหนือสาขากูอวิ๋น อยู่ในจุดสูงสุดขั้นเก้าของขอบเขตผนึกดารา!”
“ไม่เคยได้ยิน”
ปฏิกิริยาไม่แยแสของหนิงเทียนทำให้ซ่งอวี้ชุนไม่พอใจ นางเป็ผู้บำเพ็ญดาวเด่นในตำหนักดาวเหนือ แต่เ้าจื๋อซิวบ้านี้กลับไม่คิดใส่ใจ
“กบก้นบ่อ มีตาหามีแววไม่ ข้าคร้านเกินกว่าจะบอกเ้า”
ซ่งอวี้ชุนกัดฟัน นางเป็คนใจแคบ และนึกเกลียดหนิงเทียนในทันที
หนิงเทียนยิ้มอย่างเฉยเมย ก่อนจะหันมองชายผู้งดงามราวสตรี
“ขอบเขตไม่สูง ทว่านิสัยช่างอวดดี ระวังจะตายไม่รู้ตัว”
ชายหนุ่มมองหนิงเทียนด้วยท่าทีถือตัว
หนิงเทียนมีรอยยิ้มเ็าบนใบหน้าและพึมพำ “พูดเช่นนี้กับข้า ระวังจะถูกสังหารล้างตระกูล”
ชายหนุ่มพูดอย่างเหยียดหยาม “แค่เ้า? ถ้าไม่ใช่เพราะการปกป้องของอาจารย์ ตัวเ้าจะนับเป็สิ่งใดได้? ข้าสามารถทำให้เ้าคุกเข่าลงได้ด้วยนิ้วเดียว แล้วทำให้เ้าต้องร้องขอความเมตตาจากข้า”
เมื่อซูอวิ๋นเห็นเช่นนี้ นางก็แย้มยิ้มอันทรงเสน่ห์ทันที
ซ่งอวี้ชุนมองด้วยความยินดี “เ้าเป็เพียงมด ร่างกายแข็งแรงนั้นไร้ประโยชน์ และคนอื่นก็สามารถเปลี่ยนเ้าให้เป็สุนัขได้อย่างง่ายดาย”
