“ เ้าว่ายังไงน่ะเด็กน้อย ยาพวกนี้คุณภาพต่ำยังงั้นรึ ข้าจะบอกให้รู้ว่าร้านของข้า เป็ขายยาคุณภาพสูงกว่าร้านอื่นและราคาก็ยุติธรรม” ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีพูดขึ้นหลังจากที่เขาเดินเข้ามา แล้วได้ยินเด็กน้อยพูด
“ โอ๊ะ! พี่ชายเป็เ้าของร้านยานี่หรือเ้าคะ ยาแค่ระดับสองจะเป็ยาคุณภาพสูงได้ยังไง ความบริสุทธิ์แค่นี้คนไข้กินจะหายหรือเปล่า ราคาก็แพงด้วยสงสัยข้าต้องไปร้านอื่นแล้วล่ะ”
“ เดี๋ยวก่อนเด็กน้อยเ้าพูดแบบนี้ แสดงว่าเ้ามียาระดับความบริสุทธิ์สูงกว่าสองอย่างงั้นรึ ถ้ามีเ้าก็เอามาให้ข้าดูได้ไหม ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครที่มีความสามารถ ปรุงยาได้ระดับความบริสุทธิ์สูงกว่าสอง มากกว่าอาจารย์ของข้าได้ ในเมืองนี้”
“ ข้าไม่ได้มาอวดว่าปรุงยาสูงระดับไหน ข้า้าที่จะขายยาและสมุนไพรเท่านั้น แต่ถ้าพี่ชายอยากดูก็ได้”
จู๋จื่อเอายารักษาอาการไข้ความบริสุทธิ์ห้า ซึ่งเป็ยาที่นางฝึกปรุงใหม่ๆ เพราะโดนท่านปู่บังคับ
“ โอ้!เด็กน้อยยาของเ้าถึงกับ ความบริสุทธิ์อยู่ระดับห้าเลยรึ อาจารย์ของเ้าเป็ใคร ท่าน้าขายยาหรือไม่ ข้ายินดีที่จะซื้อ ข้าให้เม็ดละยี่สิบตำลึงเ้าตกลงไหม”
“ ก็ได้ข้าขายให้ท่านเม็ดละยี่สิบตำลึง ท่าน้ากี่เม็ดข้ามีเยอะ แถมยังมีครบรักษาทุกโรค”
“ เ้าตามข้ามาที่ห้องรับรอง เ้ามีเท่าไหร่ข้ารับซื้อไม่อั้น”ชายหนุ่มพาเดินมาที่โต๊ะในห้องรับรอง จู๋จือก็เอายาออกมาวางบนโต๊ะ
“ห้ะ! เ้ามียาเป็พันเม็ดเลยรึ? ไม่เป็ไรข้ารับปากว่าจะซื้อเ้าก็ต้องซื้อหมดนี่ เ้าจะรับตั๋วเงินหรือว่าตำลึงทองตำลึงเงินดี”
“ ถ้าข้ารับเป็ตำลึงทองจะได้ทั้งหมดเท่าไหร่ หนักมากไหม”
“ ถ้าเ้านับเป็ตำลึงทองก็อยู่ที่สองพันตำลึงทอง หนักเอาการอยู่ ”
“ ข้ารับเป็ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงทอง แล้วรับเป็ตำลึงทองและตำลึงเงินอย่างละครึ่งเ้าค่ะ” ที่ตอบไปแบบนั้น เพราะว่านางลืมถามค่าของตำลึงมาจากปู่ ไม่กล้าบอกเ้าของร้านกลัวจะโดนโกง ถ้าเห็นว่านางไม่รู้เื่อะไร
เ้าของร้านเดินไปหยิบตั๋วเงินและตำลึงทองกับตำลึงเงินมากองไว้ ถือกลับเองก็หนักเหมือนกันถ้าไม่มีสร้อยเก็บสิ่งของ
“ วันหลังเ้ามียาดีแบบนี้ก็เอามาขายให้ข้าอีกได้นะ ข้ารับซื้อไม่อั้น แต่…เ้าจะไม่บอกข้าหน่อยรึว่าอาจารย์ของเ้าคือผู้ใด ที่สามารถปรุงโอสถออกมาได้ความบริสุทธิ์สูงขนาดนี้”
“ พี่ชายเถ้าแก่ ความจริงแล้วอาจารย์ข้าก็มีความสามารถเท่ากับผู้อื่นนั่นแหละ แต่ที่ท่านปรุงยาได้เยอะความบริสุทธิ์สูงแบบนี้ เป็เพราะว่าเตาหลอมโอสถต่างหากล่ะ”
“ จริงรึ! แล้วเตาหลอมที่ว่ามันอยู่ที่ไหน? เ้าจะขายไหมถ้ามันปรุงยาได้อย่างที่เ้าบอกข้ายินดีจะซื้อ”
“ มีเ้าค่ะแต่ต้องรอก่อน ข้าต้องไปยกมาจากด้านนอกคือข้าเอามาด้วย แต่ว่าหนักเลยแอบเอาไว้ ถ้าท่านจะซื้อต้องรอข้า แต่ท่านต้องหาคนมาทดสอบการปรุงยาด้วยนะเ้าคะ ว่าสามารถปรุงออกมาได้แบบที่ข้าพูดไว้หรือไม่”
“ได้ๆ เด็กน้อยเ้าไปยกเตาหลอมยามาเลย เดี๋ยวข้าจะไปตามคนที่ปรุงยาได้มาทดสอบเอง”จู๋จื่อเก็บตำลึงลงถุงย่ามก็คือสร้อยเก็บสิ่งของ แล้วเดินออกจากร้าน
“ เตาหลอมยาของข้าจะขายได้วันนี้แหละหนูดำ เ้าอยากกินอะไรเนื้อแห้งเนื้อย่างเนื้อปลา เดี๋ยวข้าจะแวะซื้อให้”เดินออกมาจากร้านขายยาได้ไม่ไกล
จู๋จื่อมองซ้ายขวาไม่เห็นใคร เอาเตาหลอมยาที่บิดเบี้ยวขาไม่เท่ากันสีดำ ออกมาจากสร้อยเก็บสิ่งของและอุ้มเข้าร้านขายยาจงย่าว
“ เด็กน้อยนี่มันคือสิ่งใดกัน ลักษณะมันคล้ายเตาหลอมแต่ไม่น่าจะใช่ มันดูพิกลพิการยังไงไม่รู้ เ้าอย่าบอกนะว่านี่คือเตาหลอมที่เ้าพูดถึง”
“ เถ้าแก่ไหนล่ะคนที่จะมาทดสอบการปรุงยา เตาหลอมนี้สร้างมาอย่างพิเศษไม่เหมือนใคร ท่านเอาไปตั้งรวมไว้กับเตาหลอมอื่นไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอ นี่เป็ลักษณะโดดเด่น ท่านจะมองแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ ต้องรู้ผลสำเร็จของการปรุงยา”
“ นายน้อยขอข้าลองปรุงดูก่อน ถ้ามันสำเร็จมีความบริสุทธิ์สูงจริง ก็คงเป็อย่างแม่หนูน้อยคนนี้พูด คนสร้างอาจจะ้าไม่ให้เหมือนใครก็ได้”
ชายชราอายุประมาณห้าสิบพูดขึ้น เขาอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มท่าทางแข็งแรง รับเตาหลอมมาจากจู๋จื่อ แล้วทำการหลอมยาแก้ปวดทันที
“ ชายชราผู้นี้ฝีมือไม่เบาปรุงยาได้คล่องแคล่ว แต่ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของท่านปู่ ที่ปรุงโอสถได้ความบริสุทธิ์ถึงระดับหกแล้ว”จู๋จื่อพูดเบาๆกับเ้าหนูดำ ที่แอบอยู่ในถุงย่าม
จนเวลาผ่านไปราวจิบชา ยาที่ปรุงได้ก็สำเร็จออกมาหลายเม็ด จนชายชรายิ้มแก้มแทบปริ
“ นายน้อยมันได้ผลจริงด้วย ปริมาณยาก็ได้เพิ่มขึ้นมาตั้งหลายเม็ด ความบริสุทธิ์อยู่ที่ระดับสี่ ถ้าได้ปรุงอีกหลายครั้งคงขึ้นถึงระดับห้าได้ไม่ยาก เตาหลอมยานี้ช่างพิเศษเสียจริง”
“ แม่หนูน้อยเ้าขายให้ข้าเถอะ เตาหลอมนี้คิดราคามาเ้าจะเอาเท่าไหร่”
“ ข้าเชื่อว่าท่านเป็คนดีถึงได้มาเจอกับเต่าหลอมพิเศษนี้ ข้าให้ท่านคิดราคามาเองเลยเ้าค่ะ ว่าต้องเป็ราคาเท่าไหร่”
“ ถ้าอย่างนั้นข้าให้เ้าห้าพันตำลึงทองเป็ไง เ้าพอใจหรือไม่แม่หนู”
“ ข้าพอใจเ้าค่ะ ขอเป็ตั๋วเงินใบละหนึ่งพันตำลึงทองเลยนะเ้าคะ ข้าต้องรีบไปแล้วท่านปู่น่าจะทำธุระที่สำนักนักศึกษาเสร็จแล้ว”
ชายหนุ่มเ้าของร้านยื่นตั๋วเงินห้าใบให้กับจู๋จื่อ ที่พอได้รับตั๋วเงินแล้วก็รีบเดินออกจากร้านทันที
“ เห็นไหมหนูดำใช้เวลาไม่กี่ชั่วยาม ข้าได้ตำลึงมาตั้งเจ็ดพันตำลึงทองเลยนะ เดินหาซื้อขนมกินกันเถอะ”
“ ไม่กี่ชั่วยามอะไรของเ้า ไม่ใช่ว่าข้าต้องหาขุดสายแร่เป็เดือนรึ แถมกว่าเ้าจะสร้างออกมาได้ใช้เวลาเป็เดือนไหนจะฝึกปรุงยาอีก เ้าอย่าคิดแต่ตอนขายอย่างเดียว ต้องคิดั้แ่เริ่มต้นสร้างเลย”
“ จริงสิข้าลืมไปได้ยังไงนะทุกอย่างต้องมีต้นทุน ข้าจะคิดถึงตอนนี้ไม่ได้ แต่ว่ามันขายได้เยอะเลยนะ เ้าคิดดูเตาหลอมยาที่แสนจะขี้เหร่เหมือนท่านปู่พูด ยังขายได้ราคาตั้งห้าพันตำลึงทอง ”
“ ถ้าข้ามีสายแร่แล้วสร้างอุปกรณ์เวท ที่ความสามารถสูงต้องขายได้ราคาดีเป็แน่ แล้วข้าก็เอาตำลึงพวกนี้ไปซื้อสายแร่ จากเมืองอื่นมาสร้างสิ่งที่ข้าอยากได้”
จู๋จื่อเดินซื้อของหลายอย่างมีทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ผ้าพับที่จะเอาไปตัดเย็บอีกจำนวนเยอะ หิ้วออกมาลับตาคนแล้วก็โยนเข้าสร้อยเก็บสิ่งของ
“กลับกันเถอะ ท่านปู่ของเ้าน่าจะกลับมาจากสำนักแล้ว”หนูดำเห็นเด็กน้อยซื้อแต่ของ ไม่ยอมกลับบ้านเสียที
“ ดีเหมือนกันถ้ามีเวลาจะแวะไปดูกลุ่มชาวบ้านพวกนั้น ข้าซื้ออาหารและเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเป็พับตั้งเยอะเผื่อจะเอาไปเป็ค่าจ้างให้พวกเขา ไม่ต้องเดินออกมาซื้อไกลให้ลำบาก”
“ ก่อนกลับแวะไปซื้อข้าวสารอีกสักห้าสิบจิน อย่างอื่นซื้อหมดแล้ว แต่ข้ากลัวว่าคนขายจะสงสัยว่า ข้าขนกลับไปได้ยังไง หรือว่าข้าจะซื้อสักร้อยจิน(ห้าสิบกิโลกรัม)แล้วให้พวกเขาไปส่งที่บ้านดี”จู๋จื่อเดินเข้าร้านขายข้าวและธัญพืช
“ เถ้าแก่ข้าต้องซื้อของเท่าไหร่ ท่านถึงจะไปส่งที่บ้านข้าได้ ข้า้าข้าวสารแป้งและธัญพืชด้วย”
“ บ้านของเ้าอยู่ตรงไหน ถ้าอยู่ใกล้ร้อยจินข้าก็ไปส่งแล้ว แต่ถ้าอยู่ไกลก็ต้องสองร้อยจินขึ้นไป”
“ อยู่ตรงข้างเขา ฝั่งที่ติดกับชายป่าบ้านที่ตั้งอยู่ตรงนั้นปู่ข้าเพิ่งซื้อมา”
“ อ๋อ! ข้าพอนึกออกแล้ว บ้านหลังนั้นราคาแพงไม่มีคนซื้อมานานแล้ว เป็พวกเ้าหรือที่ซื้อไป งั้นเ้าซื้อั้แ่ห้าสิบจินขึ้นไปข้าก็ไปส่งให้ได้”
“ ถ้าบ้านของเ้าอยู่กันหลายคน และมีที่เก็บให้ซื้อพวกข้าวธัญพืชตุนไว้นะ เพราะอีกไม่นานราคาจะปรับขึ้นมันใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ของพวกนี้จะปรับราคาขึ้นอีกเท่าตัวเลยล่ะ”
“ อย่างนั้นหรือเ้าคะ อีกนานไหมกว่าราคาจะปรับขึ้นข้าจะได้มาซื้ออีกรอบหนึ่ง”
“ ไม่น่าจะเกินหนึ่งเดือน เพราะข้ารับราคาทุนมาเท่าไหร่ข้าก็ขายไปตามนั้น ไม่ได้จะเอากำไรจากชาวบ้านเยอะมากเกินไป ถึงรีบให้ตุนไว้ก่อน”
“ ถ้าอย่างนั้นข้าเอาข้าวขาวอย่างดีหนึ่งร้อยจิน ธัญพืชอีกหนึ่งร้อยจิน แป้งรวมกันหนึ่งร้อยจิน เอาเครื่องปรุงด้วย”
จู๋จื่อจ่ายค่าข้าวสารอาหารแห้งไปร้อยห้าสิบตำลึงทอง ก็เดินตัวปลิวกลับบ้าน ไม่แวะที่ไหนอีก
“จู๋จื่อเ้าแอบเที่ยวในเมืองมารึ ปู่มาถึงนานแล้วไม่เจอใคร นึกว่าเ้าเข้าไปเที่ยวในป่าเสียอีก”
“ ท่านปู่เ้าค่ะตำลึงทองนี้ ข้าขายยาตอนที่ฝึกซ้อมปรุงยากับท่านปู่ และขายเตาหลอมยาไปหนึ่งอัน ได้ตำลึงมาทั้งหมดเจ็ดพันตำลึงทอง ให้ท่านปู่ไปห้าพันอยู่กับข้าสองพัน ซื้อข้าวของหมดไปแล้วสองร้อยตำลึงทอง”
จู๋จื่อยื่นตั๋วเงินให้ท่านปู่ ที่รับไปด้วยความสับสน“ เ้าหาตำลึงทองได้เก่งขนาดนี้เลยรึ เตาหลอมยาของเ้าที่ขี้เหร่ปานนั้นก็ยังขายได้อีก”
“ ข้าเคยบอกท่านปู่แล้วว่ามันเป็เอกลักษณ์ส่วนตัว ในเมื่อมันมีน้อยมันต้องเป็ของหายาก ใครกันจะตั้งใจทำให้มันออกมาขี้เหร่ได้แบบนั้น มีแต่ข้านี่แหละที่สามารถ”
“ อ้อ! ท่านปู่อีกสักครู่ จะมีรถม้ามาส่งของที่ข้าซื้อตุนไว้ เพราะอีกไม่ถึงเดือนราคาจะปรับขึ้นก่อนที่จะเข้าหน้าหนาว และข้ายังคิดจะเอาไปจ้างชาวบ้านในป่า ขุดสายแร่”
“ ถ้าพวกเขาเอาสินค้ามาส่ง ให้เอามาเก็บไว้ในห้องว่างใกล้กับห้องครัวก็แล้วกัน จะได้ใช้เป็ห้องเก็บเสบียง”
ประมาณหนึ่งก้านธูปก็มีรถม้าเอาสินค้ามาส่งถึงสองคัน ผู้เฒ่าถึงกับใ แต่ก็สั่งให้คนขับรถม้าช่วยขนไปเก็บไว้ในห้องเก็บเสบียง
“ ท่านน้าข้าเพิ่มค่าแรงให้ที่ช่วยยกมาเก็บไว้ในห้องนี้ วันหลังถ้าไม่พอข้าจะไปซื้ออีก”จู๋จื่อยื่นตำลึงเงินให้คนทั้งไปคนละสองตำลึง ทั้งสองคนดีใจมากเพราะนี่คือค่าจ้างสี่วันเลย ต่างขอบคุณและขับรถม้ากลับ
“ เ้าสั่งมาทำอะไรตั้งเยอะขนาดนี้ กินกี่ชาติถึงจะหมดกันจู๋จื่อ”
“ ท่านปู่ข้าจะเก็บไว้จ้างชาวบ้านขุดสายแร่เ้าค่ะ ถ้าให้เป็ตำลึงพวกเขาต้องเสียเวลาเข้าเมืองมาซื้ออีก แต่ถ้าให้เป็ข้าวสารอาการแห้งไป พวกเขาก็สามารถใช้ได้เลย”
จู๋จื่อเอาส่วนที่เป็เครื่องนุ่งห่มและผ้าพับ ที่เก็บไว้ในสร้อยเก็บสิ่งของแบ่งออกมาไว้ในห้อง และเดินออกมาที่ห้องเก็บของเพื่อแบ่งข้าวธัญพืชแป้งเข้าไปเก็บไว้แทน
“ กองไว้เต็มแบบนี้ดูรกและเกะกะ สงสัยข้าต้องสร้างอุปกรณ์เวท ที่ใส่สิ่งของเข้าไปเก็บได้เยอะเหมือน กระเป๋าเก็บสมุนไพรของท่านปู่ สร้างเป็หีบเก็บของก็ไม่เลวน่ะ ”
“ขอให้ได้สายแร่มาก่อนเถอะ มันต้องขายได้อย่างแน่ ขายให้ร้านขายยาร้านขายอาหารการกิน ร้านเสื้อผ้าขายได้ทั้งนั้น”
“ เ้าจะเข้าป่าไหมวันนี้ มายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรอยู่ตรงนี้” หนูดำพูดขึ้น
จู๋จื่อวิ่งไปหาปู่ เมื่อนึกอะไรออก“ ท่านปู่เ้าค่ะ ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าสำนักนักศึกษาเปิดรับลูกศิษย์เมื่อไหร่”
