ไม่ต้องพูดถึงสวี่จือจือเลย แม้แต่จ้าวลี่เจวียนที่เลี้ยงดูลู่ซืออวี่มาั้แ่เด็ก ก็ไม่เคยเห็นลู่ซืออวี่เป็แบบนี้มาก่อน
ในความทรงจำของจ้าวลี่เจวียน ลู่ซืออวี่ในบ้านหลังนี้เป็เพียงเด็กที่เงียบเชียบ ไร้ตัวตน และงานของบ้านรอง เกือบทั้งหมดเป็ของเด็กคนนี้ บางครั้งเธอรู้สึกสงสารจึงพูดออกมาบ้าง แต่เด็กคนนี้กลับบอกว่าตัวเองทำงานมากกว่านี้ก็ไม่เป็ไร
จะว่ายังไงดี...บางครั้งก็ทำให้รู้สึกสงสาร บางครั้งท่าทางแปลกๆ ก็ทำให้รู้สึกขัดใจ แต่ไม่นึกว่าจะมีวันที่อีกฝ่ายะเิอารมณ์ออกมา
ดวงตาผลซิ่งสีดำขลับราวกับลูกองุ่นจ้องมองลู่หลิงซานอย่างโกรธเคือง “เธอมีสิทธิ์อะไร!”
ใช่ ฉันมันตัวซวยที่ทำให้แม่แท้ๆ ตาย แต่แล้วเธอล่ะ?
เธอเด็กกว่าฉัน ฉันไม่เคยเห็นหน้าแม่แท้ๆ เลย แต่เธอล่ะ?
เธอจะว่าอะไรฉันก็ได้ แต่ไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ของฉันแบบนี้!
“ก็ฉันจะพูด จะทำไม” ลู่หลิงซานโมโห “ทำไม? เธอคิดจะตบกลับหรือไง? หา? เธอกล้าทำเหรอ”
เธอมองลู่ซืออวี่อย่างท้าทาย
“ไป” สวี่จือจือพูดเสียงเย็น “ไปตบกลับ”
“เธอกล้า!” ลู่หลิงซานจ้องลู่ซืออวี่ “ถ้าเธอกล้าตบฉัน ฉันบอกไว้เลยนะ ต่อไปเธอไม่ต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว ฉันจะไม่ให้เธอ...”
“ตลกสิ้นดี บ้านหลังนี้มีคุณย่า มีลุงใหญ่ มีป้าสะใภ้ใหญ่ มีผู้ใหญ่ ถึงตาให้เธอมาเป็เ้าบ้านเมื่อไหร่กัน” สวี่จือจือหัวเราะเยาะอย่างเ็า
“เธอหุบปากไปเลย” ลู่หลิงซานชี้หน้าสวี่จือจือแล้วกรีดร้อง “เื่ของฉัน เธอมายุ่งอะไรด้วย!”
กล้าดียังไงมาบอกให้ลู่ซืออวี่ตบเธอ!
“เอาของฉันคืนมา” ลู่หลิงซานจ้องลู่ซืออวี่อย่างอาฆาต “เอาของของฉันคืนมา”
พูดจบ เธอก็ลงมือกับลู่ซืออวี่ทันที
ลู่ซืออวี่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเธอผลักล้มลงกับพื้น แต่ถึงอย่างนั้นลู่หลิงซานก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป ยังคงเอื้อมมือไปแย่งกระเป๋าจากอกของเธอ
ลู่ซืออวี่ดูอ่อนแอ แต่ตอนนี้กลับดื้อรั้นขึ้นมา จับกระเป๋าในอ้อมอกแน่น ไม่ยอมให้ลู่หลิงซาน
“นังตัวซวย” ลู่หลิงซานคร่อมร่างลู่ซืออวี่ เงื้อมือขึ้นจะตบอีกฝ่าย “เอาของฉันคืนมา”
ลู่ซืออวี่หลับตาแน่น รอคอยความเ็ปจากฝ่ามือที่จะฟาดลงมา แต่ที่ไม่คาดคิดคือ ฝ่ามือนั้นไม่ได้ฟาดลงมา
“อ๊า...”
ลู่หลิงซานกรีดร้องแล้วล้มลงกับพื้น แขนที่ยกขึ้นหมายจะตบลู่ซืออวี่ถูกสวี่จือจือคว้าไว้แล้วกระชากไปด้านข้าง จากนั้นก็ตบหน้าเธอฉาดหนึ่ง
“อายุยังน้อยก็ปากก็พ่นอึออกมาซะแล้ว ฉันไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ชั่วร้ายแบบเธอมาก่อนเลย”
ชาติก่อนเธอเองก็เป็เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ มักจะมีคนแอบเรียกเธอว่าตัวซวย เมื่อเห็นลู่หลิงซานด่าลู่ซืออวี่แบบนี้ สวี่จือจือก็คิดถึงคนที่เคยหัวเราะเยาะเธอในชาติที่แล้วทันที
“อ๊า...” ลู่หลิงซานถูกตบหน้าก็ดิ้นรนหนักขึ้น มือก็คว้าไปทั่วตัวของสวี่จือจืออย่างไร้ทิศทาง “ฉันจะสู้กับเธอ สวี่จือจือ เธอมันผู้หญิงสารเลว!”
ฉึก!
สวี่จือจือไม่ทันระวังก็ถูกเธอข่วนจนแขนเป็แผลสามรอยยาวๆ ดูน่ากลัว
ตอนแรกคิดแค่ว่าลู่หลิงซานเป็เด็กที่ถูกตามใจเสียคน สอนสั่งสักหน่อยก็คงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชั่วร้ายขนาดนี้ มือของเธอจึงไม่ยอมอยู่เฉยๆ อีกต่อไป
แต่ครั้งนี้สวี่จือจือไม่ได้ตบหน้าอีกฝ่ายอีกแล้ว แต่เลือกที่จะโจมตีจุดเจ็บแต่ไม่ทำให้คนภายนอกเห็นได้ง่ายๆ ของลู่หลิงซานแทน เช่น บริเวณด้านในแขน และด้านในของต้นขา
“์ จะฆ่าคนแล้ว”
เหอเสวี่ยฉินประคองเอวเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ ก็เห็นลูกสาวสุดที่รักของตนเองกำลังทะเลาะกับสวี่จือจือ ลู่ซืออวี่หน้าแดงก่ำซุกอยู่ตรงมุมกำแพง มองพวกเธออย่างหวาดกลัว ส่วนจ้าวลี่เจวียนก็เข้าไปช่วยห้าม
“อย่าตีกันเลย พวกเธอหยุดเถอะ” จ้าวลี่เจวียนดึงสวี่จือจือเสร็จก็ไปดึงลู่หลิงซาน “หลิงซานใจเย็นๆ”
ตอนนี้กลายเป็เื่ใหญ่ไปแล้ว ในสายตาของเหอเสวี่ยฉิน คือจ้าวลี่เจวียนช่วยดึงลู่หลิงซานให้สวี่จือจือตบ
“ไอ๊หยา ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” เหอเสวี่ยฉินร้องไห้ “ผู้ใหญ่สองคนรังเธอเด็กคนเดียว หลิงซานที่น่าสงสารของฉัน”
“์ นี่จะฆ่ากันแล้ว”
ตอนนี้เป็เวลาเที่ยงวันพอดี เหอเสวี่ยฉินร้องโวยวายแบบนี้ก็ดึงดูดชาวบ้านที่มามุงดูได้ในทันที
“แต่งสะใภ้ใหม่เข้ามาก็จะบีบให้พวกเราสองแม่ลูกตายเชียวเหรอ?” เหอเสวี่ยฉินร้องไห้พร้อมกับประคองเอวของตนเอง “หลิงซานที่น่าสงสารของฉัน เธอมันผู้หญิงใจร้าย หลิงซานของฉันมีความแค้นอะไรกับเธอนักหนา เธอตบหล่อนขนาดนี้ เธอเพิ่งจะแต่งเข้ามาไม่กี่วันเองก็อยู่ร่วมกับน้องสามีไม่ได้แล้วเหรอ?”
“สะใภ้รอง ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ล่ะ” จ้าวลี่เจวียนไม่พอใจเป็คนแรก จึงพูดเสียงขุ่นเคือง “รู้ว่าเธอเป็แม่ของหลิงซาน แต่อย่างน้อยเธอก็น่าจะถามไถ่เื่ราวบ้างดีไหม?”
“เธอเป็ครู นักเรียนทะเลาะกัน ไม่ถามให้รู้เื่ก็ด่าเลยเหรอ”
เพ้ย!
คนแบบนี้ยังเป็ครูได้อีกเหรอ? ช่างเป็การดูถูกอาชีพครูจริงๆ
“อย่ามาบิดเบือนความจริง” เหอเสวี่ยฉินพูดด้วยความขุ่นเคือง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ใจพี่น่ะดำที่สุดแล้ว คงอยากให้บ้านรองของพวกเราทะเลาะกัน แล้วพี่ก็จะได้ชมละครสิท่า”
จ้าวลี่เจวียนโมโหแทบตายแล้ว ทำไมถึงได้มีคนที่ชอบเถียงข้างๆ คูๆ แบบนี้กัน?
“คุณแม่” เหอเสวี่ยฉินพอเห็นรถเข็นของคุณนายลู่ก็ร้องไห้แล้วพุ่งเข้าไป “คุณแม่ต้องช่วยหลิงซานด้วยนะคะ หล่อนจะถูกสวี่จือจือตบจนตายแล้ว ถ้าเป็แบบนี้ต่อไป บ้านหลังนี้คงไม่มีที่ให้พวกเราสองแม่ลูกยืนแล้ว”
ตอนที่เหอเสวี่ยฉินพุ่งเข้าไปก็ลืมไปว่าเอวของเธอยังไม่หายดี พอพุ่งเข้าไปแบบนั้น เกือบจะทำให้รถเข็นของหญิงชราล้มแล้ว ดีที่ลู่จิ่งเหนียนได้ยินเสียงแล้วรีบเข้ามาช่วยพยุงรถเข็นไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นถ้าชนแบบนี้ คงจะทำให้หญิงชรากับรถเข็นกระเด็นตกบันไดไปพร้อมกันแล้ว
ชายหนุ่มมองคนในบ้านด้วยสีหน้าบึ้งตึง สุดท้ายก็หันไปมองสวี่จือจือ
“มือพี่เป็อะไร?” เขาพูดด้วยสีหน้าเ็า น้ำเสียงก็ยังคงเ็าเหมือนเดิม
สวี่จือจือกัดฟัน น้ำตาในดวงตาไม่ยอมไหลออกมา “ก็เห็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
ที่นี่ไม่มีเสียงใดๆ ก็ดีกว่ามีเสียง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่รอยแผลที่แขนก็คือคำอธิบายที่ดีที่สุด
ใบหน้าของลู่หลิงซานอาจจะแดงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับลู่ซืออวี่ที่ซุกอยู่ด้านข้างแล้ว ใบหน้าของเธอก็ดูปกติกว่า และเมื่อลู่จิ่งเหนียนทักขึ้นมา ทุกคนจึงสังเกตว่าที่แขนของสวี่จือจือมีรอยขีดข่วนสามรอยที่เห็นได้ชัดเจน และไม่สั้นเลย
รอยขีดข่วนที่เืซึมออกมา ดูน่ากลัวทีเดียว!
นี่...ตกลงใครรังแกใครกันแน่? ไม่คิดเลยว่าลู่หลิงซานที่ดูบอบบางกลับดุดันแบบนี้ กล้าลงมือแม้กระทั่งพี่สะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามา
จุ๊ๆ...เด็กสาวแบบนี้น่ากลัวเกินไป ถ้าแต่งเข้าบ้านมา จะไม่ตบตีพ่อแม่สามีจนลงจากเตียงไม่ได้เลยเหรอ?
“พูดมา เื่ราวเป็มายังไงกันแน่” คุณนายลู่เคาะไม้เท้าแล้วถามด้วยความโมโห
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้