“รุ่นน้องเซี่ย เธอไม่ตื่นเต้นบ้างหรือ”
จงไฉ่ไม่เคยแต่งหน้า ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไม่สบายผิวเพราะแป้งที่ทาอยู่บนหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานทาแป้งแค่เล็กน้อย และเขียนคิ้วให้เข้มขึ้นเท่านั้น ทว่าเพียงแค่นี้ก็ทำให้ใบหน้าของเธอดูสดใสเจิดจรัสเหลือเกิน
“รุ่นพี่จง ฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ แต่ตอนตื่นเต้นฉันจะสูดหายใจลึกๆ พยายามคลายความประหม่าของตัวเอง... ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่แค่พวกเราสองคนหรอกนะคะที่ตื่นเต้น”
ประโยคสุดท้ายเซี่ยเสี่ยวหลานกดเสียงให้เบาลง จงไฉ่กวาดตามองรอบกาย สีหน้าของทุกคนดูแปลกไปจริงๆ บางคนก็กะพริบตาตลอด บ้างก็ขบจมูกเล็บเล่น
หากเป็แค่การแข่งขันระหว่างนักศึกษาด้วยกันทุกคนย่อมคุ้นชินอย่างแน่นอน เพราะการสอบเกาเข่าคือสนามสอบที่สำคัญที่สุด
แต่การให้ออกโทรทัศน์มันช่างให้ความรู้สึกไม่คุ้นเอาเสียเลย หลายคนที่บ้านไม่มีโทรทัศน์เสียด้วยซ้ำ โทรทัศน์นับได้ว่าเป็เครื่องใช้ไฟฟ้าหายาก และการได้ปรากฎตัวบนหน้าจอโทรทัศน์ก็ยิ่งเป็เื่ที่ยากเข้าไปใหญ่
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหม่ามากที่สุดคือการบันทึกภาพของสถานีโทรทัศน์ มีกล้องจ่ออยู่ตรงหน้า สมองย่อมประมวลผลช้าเป็ธรรมดา
จงไฉ่กวาดตามองรอบกายแล้วยิ้มออกมา ความตื่นเต้นของเธอลดลงไปมากทีเดียว
ความจริงไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นทั้งนั้น ผ่านเข้าสู่รอบแข่งขันทักษะการพูดได้ก็เท่ากับได้รับการจัดอันดับจากทั้งประเทศเรียบร้อยแล้ว เหมือนกับการสอบคัดเลือกขุนนางในสมัยโบราณ หลังทุกคนผ่านการทดสอบก็เหลือแค่รอการเข้าเฝ้าครั้งสุดท้ายเพื่อแบ่งลำดับขั้นว่าใครจะได้เป็จอหงวน ปั๋งเหยี่ยน หรือทั่นฮวาตามลำดับ [1] เช่นนั้นก็เท่ากับตอนนี้ได้เป็บัณฑิตจิ้นซื่อ [2] มีโอกาสได้รับตำแหน่งขุนนาง สถานการณ์คล้ายกับวันนี้เป็อย่างยิ่ง ผ่านเข้าสู่รอบแข่งขันทักษะการพูดได้ก็เท่ากับได้รับตำแหน่งแล้วนั่นเอง
อีกทั้งศาสตราจารย์เฮ่อจากหัวชิงก็วิเคราะห์เอาไว้ว่า นักศึกษาทั้ง 20 คนที่เหลือจะได้เป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนทั้งหมด
เมื่อจงไฉ่คิดได้เช่นนี้เธอจึงไม่รู้สึกประหม่าอีกต่อไป เธอจับมือเซี่ยเสี่ยวหลานพร้อมกับพูดว่า “เสี่ยวหลาน ขอบใจนะ”
ติวเข้มกับเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยกันมานานเสียขนาดนี้ จงไฉ่ย่อมรู้สึกดีกับเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ไม่น้อยเป็ธรรมดา ข่าวลือสารพัดในรั้วมหาวิทยาลัยพูดถึงแต่เื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานกับจี้เจียงหยวน บอกว่าคนตระกูลจี้มาหาเื่เซี่ยเสี่ยวหลาน จงไฉ่ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนร่วมสถาบันจะเป็พวกอยากรู้อยากเห็นถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตามคนตระกูลจี้ทำเกินไปมากจริงๆ อยู่ดีๆ ก็มาทำลายมิตรภาพระหว่างเพื่อนนักศึกษา แม้จงไฉ่จะไม่เกลียดจี้เจียงหยวน เพราะเขาดูเป็คนมีอัธยาศัยดี แต่เนื่องจากคนตระกูลจี้เคยมาหาเื่กันถึงที่ เซี่ยเสี่ยวหลานกับจี้เจียงหยวนจึงไม่พูดคุยกันอีกเลย
ในขณะที่จงไฉ่กำลังครุ่นคิดเื่นี้ เธอก็เหลือบไปเห็นจี้เจียงหยวนยืนชะเง้อคออยู่ตรงๆหน้าประตู
“เสี่ยวหลาน จี้เจียงหยวนกำลังตามหาเธออยู่หรือเปล่า”
เซี่ยเสี่ยวหลานขมวดคิ้ว แม้เื่จะผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่ปกติเธอมักทำเป็มองไม่เห็นจี้เจียงหยวน เช่นนั้นเขายังมีธุระอะไรกับเธออีก?
“เซี่ยเสี่ยวหลาน มานี่หน่อยสิ อาจารย์ตามหาเธอน่ะ”
พวกอาจารย์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังห้องรับรอง ดังนั้นที่นี่จึงมีแค่คนของสถานีโทรทัศน์กับนักศึกษาที่รอแข่งขัน เซี่ยเสี่ยวหลานเดินไปที่ประตู ก่อนที่จี้เจียงหยวนจะลากตัวเธอไปอีกทาง
“ฉันจะพูดสั้นๆ นะ ตอนนี้เธออาจจะเดือดร้อนแล้ว คนของสถานีโทรทัศน์บอกว่ามีคนช่วยใช้เส้นสายให้เธอลับหลัง ไปฝากฝังกับพวกคนของสถานีโทรทัศน์กับกรรมการขอให้ดูแลเธอเป็พิเศษ... ฉันคิดว่านี่มันไม่ใช่เื่ดีเท่าไร”
ฝีมือคนตระกูลโจว?
หรือว่าจะเป็ทังหงเอิน?
จี้เจียงหยวนรู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายคงไม่ทำเื่แบบนี้แน่ๆ ด้วยความสามารถของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว เธอย่อมสามารถทำข้อสอบได้เป็อย่างดี ไม่จำเป็ต้องฝากฝังให้ใครมาคอยดูแลเป็พิเศษ จี้เจียงหยวนพยายามอย่างหนักเพื่อหลอกถามคนจากสถานีโทรทัศน์ทั้งสองคน จนได้ความว่าเป็ฝีมือของข้าราชการระดับสูงจากฝ่ายอุดมศึกษา
เซี่ยเสี่ยวหลานมีความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในสมอง
ฝ่ายอุดมศึกษาคนไหนกันที่ช่วยฝากฝังเธอ เมื่อกี้เหมือนว่าเธอจะเห็นน้าจาน
น้าจานสนิทกับแม่ของโจวเฉิง เช่นนั้นจะทำร้ายเธอแบบนี้ได้อย่างไร... ใครกันที่จงใจใช้เส้นสายป่าวประกาศให้คนจากสถานีโทรทัศน์รับรู้กันทั่วเช่นนี้ แน่นอนว่าการป่าวประกาศว่าใช้เส้นสายคราวนี้ย่อมมีเจตนาตรงกันข้าม!
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจแล้ว มิน่าเมื่อครู่ท่าทางของทีมงานถ่ายทำถึงดูแปลกประหลาดเหลือเกิน
คนอื่นจะไม่ทำตัวผิดแปลกได้อย่างไร ดีไม่ดีอาจจะตั้งใจเดินมาดูโฉมหน้าของนักศึกษาที่อุตส่าห์ขอให้คนจากฝ่ายอุดมศึกษาช่วยใช้เส้นสายอย่างเธอน่ะสิ
สภาพจิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานตอนนี้เหมือนคนที่เพิ่งกลืนแมลงสาบลงคอไปหนึ่งตัว
“จี้เจียงหยวน ขอบใจมากนะ”
เธอตัดความสัมพันธ์ฉันมิตรกับจี้เจียงหยวน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดเช่นนั้น เื่นี้จี้เจียงหยวนตั้งใจมาเพื่อเตือนเธอโดยเฉพาะ เผื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้เตรียมใจไว้บ้าง แน่นอนว่าหากเป็จี้เจียงหยวนที่เจอเื่แบบเดียวกันนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงเตือนเขาเหมือนกัน
“เธอช่วยบอกอาจารย์หลินทีได้ไหม”
มีปัญหาย่อมต้องปรึกษาอาจารย์ การแข่งขันทักษะการพูดใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้าอยากพูดคุยกับเหล่าคณะกรรมการ อย่างไรก็ต้องให้อาจารย์จากหัวชิงออกหน้าถึงจะเหมาะสม เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเป็คนตรงไปตรงมา ผ่านเข้าสู่รอบนี้ได้ไม่ใช่เพราะพึ่งพาเส้นสายของใคร!
จี้เจียงหยวนจากไปแล้ว ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังจมดิ่งกับความคิดของตนเอง
ถ้าไม่ใช่น้าจาน คนเดียวที่จะทำเื่ประเภทนี้ได้ก็คือหวังก่วงผิง
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสองจุดที่เธอไม่เข้าใจ จุดแรกคือเหตุใดอยู่ๆ รองหัวหน้าหวังก็ลดตัวลงมาเล่นงานนักศึกษาอย่างเธอ หรือว่าตระกูลหวังยอมรับเซี่ยจื่ออวี้แล้ว เลยช่วยลงมือแทนว่าที่ลูกสะใภ้?
จุดที่สองคือไม่นานมานี้รองหัวหน้าหวังเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับตู้เ้าฮุย แต่ไม่ทันไรเขาก็กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ได้รับผิดชอบการแข่งขันภาษาอังกฤษแล้วอย่างนั้นหรือ?
แผนการนี้ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก เพราะอาจทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันได้เลยทีเดียว
ทว่าในเมื่อรองหัวหน้าหวังลงมือแล้ว คงไม่ได้้าทำลายการแข่งขันภาษาอังกฤษของเธอเท่านั้นสินะ
คนประเภทนี้เดินหมากครั้งหนึ่งก็คิดเผื่อไปอีกหลายตา การแข่งขันภาษาอังกฤษเป็แค่ก้าวแรกเท่านั้น อย่างไรก็ตามรองหัวหน้าหวังช่างมีความพยายามเหลือเกิน ตัวเองอยู่ที่ฝ่ายอุดมศึกษาก็ยากลำบากมากพออยู่แล้ว ยังไม่ตั้งใจทำหน้าที่ แต่กลับหันมาเล่นงานนักศึกษาอย่างเธอเสียได้ มิน่าเล่าผู้ชายคนนี้ถึงถูกเรียกตัวกลับปักกิ่งช้านัก เพราะนิสัยความเป็มนุษย์มันแย่เกินไปน่ะสิ!
“เอาล่ะ นักศึกษาทุกท่าน โปรดฟังทางนี้ หลังขึ้นเวทีแล้วกรุณาให้ความร่วมมือกับพิธีกร เวลาพูดต้องมองตรงไปยังเหล่าคณะกรรมการ ไม่ต้องสนใจกล้องบันทึกภาพ คิดเสียว่าไม่มีมันตั้งอยู่...”
คนของสถานีโทรทัศน์มาแจ้งข้อควรระวังให้กับเหล่านักศึกษา
ลำดับการเข้าแข่งขันเรียงตามอันดับคะแนนการสอบข้อเขียน เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่อันดับ 17 โดยนักศึกษาหนึ่งคนจะใช้เวลาสอบพูดประมาณ 15 นาที ดังนั้นกว่าจะถึงลำดับของเธอก็คงเข้าสู่่หัวค่ำแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าการบันทึกภาพจะใช้เวลารวมกันทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามสุดท้ายคงตัดต่อเป็รายการที่มีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงเต็ม
ผู้เข้าแข่งขันต้องอยู่ที่นี่นานเท่าไร แน่นอนว่าผู้ชมล่างเวทีก็ต้องอยู่นานเท่านั้น
นอกจากนักศึกษาที่ตกรอบแล้ว ยังมีผู้ชมบางส่วนที่ได้รับคำเชิญให้มาร่วมชมการแข่งขัน มีทั้งคนจากแวดวงภาษาอังกฤษ และคนของกระทรวงศึกษาธิการ จานอ้ายฉวินได้มอบบัตรสองใบให้กับกวนฮุ่ยเอ๋อ
โจวกั๋วปินคงไม่ว่างมาร่วมชมการแข่งขัน อันดับการสอบข้อเขียนถูกประกาศั้แ่ตอนเที่ยง จานอ้ายฉวินจึงโทรไปถามกวนฮุ่ยเอ๋อเพื่อยืนยัน อีกฝ่ายจึงบอกว่าจะเดินทางมา
จานอ้ายฉวินเป็กรรมการ ตอนนี้การแข่งขันได้เริ่มบันทึกภาพแล้ว ช่างแต่งหน้าของสถานีโทรทัศน์ก็ช่วยแต่งหน้าให้เธอเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าตกลงกวนฮุ่ยเอ๋อได้มาร่วมชมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วยหรือไม่
กวนฮุ่ยเอ๋อมาถึงมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งแล้ว เธอถือบัตรสองใบไว้ในมือ ทว่าไม่ได้มาพร้อมโจวกั๋วปิน เธอมาพร้อมคุณย่าของโจวเฉิง ทั้งคู่นั่งแถวหลังเพื่อไม่ให้เป็จุดเด่น
ย่าโจวชอบเซี่ยเสี่ยวหลานมากมาโดยตลอด พอเธอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานผ่านเข้ารอบการแข่งขันทักษะการพูด หญิงชราก็บอกว่าต้องมาดูให้ได้
ฟังไม่ออกไม่เป็ไร เพราะเธอรู้จักเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่แล้ว ดังนั้นแค่ได้มองหน้าก็พอ!
เชิงอรรถ
[1] ชื่อเรียกบัณฑิตผู้ที่สอบขุนนางได้เป็ลำดับที่ 1-3 ตามลำดับ
[2] ผู้ที่สอบผ่านการสอบคัดเลือกขุนนาง หากบัณฑิตคนใดสอบได้เป็จิ้นซื่อเท่ากับมีโอกาสได้เป็ขุนนางในราชสำนักค่อนข้างแน่นอน