ร่างของเด็กสาวนอนนิ่งบนเตียง อาภรณ์เปียกชื้นถูกเปลี่ยนออกแล้วถูกสวมชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้าน แต่ตามร่างกายยังคงมีร่องรอยาแจากแรงกระแทกและรอยฟกช้ำจางๆ
ซูเอ๋อร์ผู้รับหน้าที่ดูแลนางถอนหายใจ ก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำในอ่าง นางบิดผ้าแล้วค่อยๆ เช็ดตามตัวเด็กสาว
“จะช่วยคนทั้งที ทำไมต้องลำบากข้า” ซูเอ๋อร์บ่นพึมพำ ขณะที่มือยังคงเช็ดและทำแผลให้อย่างเบามือ “จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายท่านเองก็ไม่ได้สนใจ”
…
เป็เวลาสองวันแล้ว เยียนชิงหลัวเริ่มรู้สึกตัว นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นดวงตาปรับเข้ากับแสงสลัว ก่อนมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งมองนางด้วยแววตาสงสัย
“ฟื้นแล้วหรือ? “ซูเอ๋อร์เอ่ย ก่อนยื่นชามโจ๊กอุ่นๆ ให้” กินเสีย จะได้มีแรง “
“ไม่!” เยียนชิงหลัวลุกขยับตัวถอยหลังอย่างระแวดระวัง ดวงตาสั่นไหวราวกับกวางน้อยติดกับ นางไม่ไว้ใจใครแม้แต่หญิงสาวตรงหน้า มือบางสั่นเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นปัดชามโจ๊กในมือของซูเอ๋อร์จนกระเด็นตกพื้น
หลิงหลงชะงัก ก่อนจะถอนหายใจยาว “ช่วยมาแท้ๆ ยังมาโยนอาหารทิ้งอีก!” นางกำลังจะพูดต่อ แต่เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
มู่หรงก้าวเข้ามาสายตาเ็ากวาดมองเยียนชิงหลัวที่นั่งตัวสั่นบนเตียง “คิดว่ามีค่าพอให้ใครวางยาหรือ?” เขากล่าวเสียงเรียบ
เยียนชิงหลัวนิ่งเงียบ แต่ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำ นางไม่ได้กลัวเขาแต่นางรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ความโดดเดี่ยวและความอ่อนแอ
มู่หรงมองดูนางโดยไม่มีทีท่าว่าจะปลอบโยน “หากนางไม่กิน ก็ไม่ต้องให้นางกิน” มู่หรงเอ่ยกับซูเอ๋อร์ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ซูเอ๋อร์ยืนมองเด็กสาวที่ร้องไห้จนตัวโยนอย่างจนปัญญา
…
ยามเย็นวันนี้เยียนชิงหลัวรู้สึกว่าร่างกายของตนแข็งแรงขึ้นมาก เวลานี้ซูเอ๋อร์ไม่อยู่ มู่หรงเองก็ไม่อยู่… เยียนชิงหลัวแอบใช้โอกาสนี้ก้าวหนีออกจากที่พักโดยไร้จุดหมาย ตรอกซอกซอยของเมืองหลิวซานเงียบสงัดมีเพียงแสงจากโคมไฟที่หรี่ริบ
“ที่นี่คือที่ไหน…” นางพึมพำกับตัวเองอย่างไร้สติ นางเดินไปตามทางเดินไปเรื่อยๆ แล้วถามผู้คนที่พบเจอ “ที่นี่คือแคว้นอะไร… เมืองอะไร… อำเภออะไร…”
ทว่ากลับไม่มีใครสนใจนาง..
ไม่นานฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า หยดน้ำเย็นเฉียบซึมผ่านเสื้อผ้าของนางจนตัวเปียกชื้น นางสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาวแต่ยังคงเดินไปข้างหน้า นางต้องกลับบ้าน
ขณะนั้นเอง มืออันเย็นเฉียบก็คว้าข้อมือนางไว้แน่น นางหันกลับไปพบชายหนุ่มรูปลักษณ์งดงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน สายตาของมู่หรงคมกริบ เขามองนางนิ่งๆ ท่ามกลางสายฝน “อยากตายหรือ?” เขาถามเสียงเ็า
เยียนชิงหลัวตัวแข็งทื่อไม่ตอบอะไร เพียงแค่เม้มปากแน่นน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง
“หากอยากตาย ไม่เห็นต้องออกมา เพียงบอกข้า ข้าจะช่วยให้เ้าสมหวัง” คำพูดของเขาแทงลึกเข้าไปในจิตใจของนาง ร่างของเยียนชิงหลัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงในที่สุดนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น นางปล่อยโฮออกมาอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง
มู่หรงก้มมองเด็กสาวที่อ่อนแออย่างน่าสมเพช ก่อนจะก้มตัวลงช้อนร่างที่เย็นเฉียบขึ้นอุ้ม
เยียนชิงหลัวไม่ได้ดิ้นรนหรือขัดขืนอีกแล้ว เพียงแค่ซุกหน้าลงกับแผ่นอกของเขาปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลริน
สายฝนยังคงโปรยปรายแต่ร่างของนางถูกโอบอุ้มไว้แ่าอย่างมั่นคง มู่หรงเดินก้าวกลับไปยังโรงเตี๊ยมโดยไม่พูดอะไร
เมื่อทั้งสองถึงห้องพัก ซู่เอ๋อร์มองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง “เ้านี่มัน… เกินคาดจริงๆ” นางพึมพำเบาๆ ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยจัดที่ให้นอน
มู่หรงวางร่างเยียนชิงหลัวลงบนเตียงอย่างไร้คำพูด จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่เหลียวมอง
ซูเอ๋อร์มองตามแผ่นหลังของผู้เป็นาย ก่อนจะถอนหายใจพลางส่ายหน้า นางหันกลับมาดูแลเด็กสาวที่นอนตัวสั่นอยู่บนเตียงในใจเริ่มรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “นอนเถิด ข้าจะอยู่เฝ้าเ้า”
เยียนชิงหลัวกอดตัวเองแน่นเปลือกตาปิดลงพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่ถาโถมใส่ นางยังไม่รู้ว่าโชคชะตาจะนำพาไปทางใด..แล้วจบที่ใด…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้