หลี่ไหวฺอวี้ทำความสะอาดเรือนเสร็จเรียบร้อย ก็พบว่าสายตาของิเป่าจูที่มองตนเองอยู่แฝงเจือไปด้วยความสงสัย
ดวงตามีประกายวาบผ่าน ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วหันไปยิ้มแย้มกับิเป่าจู “ผู้น้อยทำงานในส่วนของตนเสร็จแล้ว คุณหนู แล้วของกินเล่า”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา ิเป่าจูก็รั้งสติกลับมาได้ มองไปยังถังข้าวสารที่ว่างเปล่า จากนั้นก็เริ่มหวั่นวิตก
ดูท่าคงต้องเข้าเมืองไปขายสมุนไพรเสียแล้ว
สมุนไพรที่นางใช้ดินโคลนหุ้มรากไว้แล้วนำกลับมาเ่าั้ นางเอาไปปลูกไว้ในสวน แม้ว่าการเจริญเติบโตจะไม่น่าประทับใจนัก แต่ใบก็เต็มต้นและมีลักษณะที่สมบูรณ์ น่าจะขายได้ราคาดี...
บอกว่าจะทำก็ต้องทำ!
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังปรากฏแสงเพียงรำไร นางก็ตื่นแล้ว
“พี่หญิง?” ิเป่าอวี้ตื่นขึ้นมายังคงสะลึมสะลือ เห็นิเป่าจูแบกกระบุงขึ้นหลัง ก็มีสีหน้างุนงง “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด”
“จะเอาสมุนไพรไปขายในเมือง เ้าหลับต่อเถอะ” ิเป่าจูจำต้องปลอบเขา
“พี่หญิง เข้าเมืองต้องผ่านเส้นทางูเา ข้าจะไปเป็เพื่อน”
ิเป่าจูรีบปฏิเสธ “ไม่ต้อง เชื่อพี่ เ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
เมื่อผลักประตูออกไป สูดอากาศบริสุทธิ์ มีลมเย็นสายหนึ่งโชยมาปะทะใบหน้า นางก็สดใสขึ้นมาทันที
ยามเดินผ่านห้องครัว ดูเหมือนว่าหลี่ไหวฺอวี้จะยังหลับอยู่
นางส่ายหน้า แล้วปูหญ้ารองก้นกระบุงชั้นหนึ่ง ก่อนนำสมุนไพรที่ขุดขึ้นมาใส่ลงไปอย่างระมัดระวัง
ถ้าตัดรากออก ก็จะไม่มีราคาค่างวดอันใด
หลังจากเข้าไปในเมือง รถม้าก็เริ่มเยอะขึ้น
ส่วนใหญ่จะเป็รถโคเทียมเกวียน ใช้สำหรับขนผักที่ไปเก็บมาตอนเช้าตรู่ แล้วกระจายไปตามตรอกซอกซอย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไปส่งไปที่จวนของผู้มีฐานะ
ิเป่าจูไม่รู้ว่าร้านขายยาอยู่ที่ไหน จึงถามจากแม่ค้าขายผักข้างทาง หลังจากเลี้ยวไปเลี้ยวมาสองสามหน ก็เห็นป้ายอักษรตัวใหญ่สามตัว “หุยชุนถัง [1]”
ใช้อักษรข่ายซู [2]
เป็แบบอักษรที่นางรู้จัก
เช้าขนาดนี้ร้านขายยายังไม่เปิดร้าน นางยืนรออยู่นาน ประตูไม้ถึงเคลื่อนไหว และมีเด็กฝึกงานคนหนึ่งเดินหาวหวอดออกมาจากข้างใน
ิเป่าจูเดินเข้าไปทำความเคารพตามความทรงจำ
“ขอรบกวนถามหน่อย ข้ามีสมุนไพรจำนวนหนึ่งอยากจะขาย ที่นี่รับซื้อหรือไม่”
สมุนไพรของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็ของที่คนในหมู่บ้านบนูเาเอามาขาย คนกลุ่มนี้ตื่นกันแต่เช้าตรู่ จะมารอหน้าประตูก็เป็ปรกติ ไม่น่าแปลกอะไร
แต่แม่นางน้อยคนหนึ่งมาขายสมุนไพรกลับเป็เื่ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนัก
เด็กฝึกงานเปิดกระบุงออกดู แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง จึงเดินหาวกลับเข้าไปในร้าน
“เถ้าแก่ มีคน้าขายสมุนไพรขอรับ”
ิเป่าจูเดินตามเข้าไป
นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้เห็นร้านขายยาสมัยโบราณ พอเข้าไปถึง ได้กลิ่นสมุนไพรโชยมา ก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว นี่คือกลิ่นที่นางคุ้นเคยเป็อย่างดี...
เถ้าแก่ไว้เล็บยาว ถือตำราแพทย์ม้วนหนึ่งอยู่ในมือ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “มีสมุนไพรอะไรบ้าง”
ิเป่าจูตอบทันควัน “มีเชอเฉียนจื่อ โลหิตหงส์ แล้วก็ขิงลฺวี่ซวี [3]”
พอเถ้าแก่ผู้นั้นได้ฟัง ใบหน้าก็เปลี่ยนสี รับกระบุงมาแล้วดูของข้างใน
เชอเฉียนจื่อ ใบมีสีเขียวสด รูปร่างเหมือนเหรียญทองแดง
ส่วนโลหิตหงส์ ดอกสีขาวโปร่งแสงเห็นสีแดงตรงกลาง คุณภาพยอดเยี่ยม!
เขาหรี่ตามองิเป่าจูปราดหนึ่ง แสร้งโยนกระบุงไปบนโต๊ะ
“ของเหล่านี้มีแต่ของไร้ค่า เชอเฉียนจื่อต้องแก่กว่านี้ถึงจะขายได้ราคากว่านี้ ส่วนโลหิตหงส์ก็ไม่ใช่โลหิตหงส์ แต่เป็ดอกโลหิตระกา เห็นแก่เ้าเดินทางมาลำบาก เสี่ยวหยวน เอาเหรียญทองแดง [4] ให้นางยี่สิบเหรียญ”
พูดจบก็ยกม้วนตำราแพทย์ขึ้นมาอ่านต่อ แต่ขณะที่ทำเหมือนไม่ใส่ใจ กลับลอบมองิเป่าจู
โลหิตหงส์กับโลหิตระกา ต่างกันแค่อักษรเดียว ลักษณะก็มีความคล้ายคลึงกัน แต่สรรพคุณและราคาต่างกันลิบลับ
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่ผู้นี้จงใจจะกดราคาเพราะเห็นว่านางเป็เพียงสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง
ิเป่าจูเก็บกระบุงสมุนไพรกลับไป พลางยิ้มเยาะ “ไม่ขายแล้ว หุยชุนถังที่ทุกคนต่างยกย่องว่าเป็หมอเทวดาทักษะการแพทย์ล้ำเลิศ มีจิตใจอารีดุจพระโพธิสัตว์ แต่ในความเห็นของข้า ก็เป็แค่พวกไร้วิชาความรู้ ชอบกดขี่ข่มเหงคนจากชนบท ดอกโลหิตหงส์จะเป็สีขาวมีความโปร่งใส มีความเรียบลื่นคล้ายหยก ขณะที่ดอกโลหิตระกาจะมีเสี้ยนเล็กน้อย เพียงเท่านี้เถ้าแก่ก็ยังแยกไม่ออก แล้วจะมาเปิดหอโอสถไปทำไม”
เถ้าแก่ไม่นึกว่าตนเองจะเจอกับผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรตัวจริงเข้า เมื่อถูกด่าใบหน้าก็ถอดสีทันควัน
“นางเด็กบ้านนอก ไม่รู้แล้วแสร้งทำเป็อวดรู้ ข้าเห็นแก่เ้าที่อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมา อุตส่าห์หวังดีให้เงินยี่สิบเหรียญทองแดง เ้ายังทำตัวเป็สุนัขกัดหลี่ว์ต้งปิน ไม่รู้สำนึกในความหวังดี [5] ใครก็ได้ ไล่นางออกไปให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“ท่านหมอ... ท่านหมอ”
มีคนจำนวนหนึ่งวิ่งมาจากด้านนอกอย่างเร่งร้อน
“ท่านหมอ ท่านช่วยดูบิดาของข้าทีเถอะว่าเป็อะไรไป”
เถ้าแก่ไม่สนใจไยดีิเป่าจูอีก บอกเป็นัยให้พวกเขาวางเปลไม้ลงที่พื้น ส่วนตนเองก็เดินเข้าไปตรวจอาการ
บุรุษที่นอนอยู่บนเปลไม้อายุราวสามสิบกว่าปี แต่เส้นผมกลับหงอกแล้ว สีหน้าซูบซีดดูราวกับชายชราอายุเจ็ดแปดสิบปี ตาแดง ท้องโตราวกับแตงโมผลใหญ่ มีน้ำลายฟูมปาก
“เร็วเร็วเร็ว ไปหยิบผ้าเช็ดมือมา อย่าให้เขากัดลิ้นตนเองขาด”
“นี่เป็อาการลมชัก”
“เร็วเข้า ไปหยิบเข็มเงินมา”
ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยเส้นเืแดง ท้องกลมโต มีน้ำลายฟูมปาก ม่านตาของิเป่าจูหรี่วูบ นี่ไม่ใช่อาการของโรคลมชักเสียหน่อย! เถ้าแก่แค่เห็นน้ำลายฟูมปาก และมีอาการชักเกร็งก็วินิจฉัยไปแล้ว
หากใช้วิธีรักษาของโรคลมชักจะยิ่งทำให้อาการป่วยหนักขึ้น
“ไม่ได้ นี่ไม่ใช่ลมชัก”
“หากใช้การฝังเข็มธรรมดา จะทำให้คนไข้อาเจียนเป็โลหิตดำ ลิ้นบวม แขนขาทั้งสี่แข็งเกร็ง ไม่ถึงครึ่งวันจะต้องตายอย่างแน่นอน”
เถ้าแก่ตวาดอย่างโกรธจัด “นางเด็กปากเสีย แค่รู้หลักการแพทย์เพียงเล็กน้อย ก็มาพูดจาไร้สาระ หากทำให้การรักษาล่าช้า เ้าจะรับผิดชอบหนึ่งชีวิตไหวหรือไม่”
“ก็เพราะนี่คือหนึ่งชีวิต ข้าถึงไม่อาจให้ท่านรักษาส่งเดช”
“เถ้าแก่ เข็มเงินขอรับ”
เถ้าแก่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เขาหยิบเข็มเงินแล้วฝังลงไปตามตำแหน่งฝังเข็มทันที
เมื่อเข็มแรกถูกฝังลงไป อาการของคนไข้ก็ค่อยๆ ทุเลาลง
จนกระทั่งถึงเข็มสุดท้าย คนไข้ก็ไม่มีน้ำลายฟูมปากแล้ว
“ท่านหมอหลิวทักษะการแพทย์ล้ำเลิศโดยแท้”
“ขอบคุณท่านหมอมาก ที่ช่วยชีวิตบิดาข้า”
เถ้าแก่พยักหน้าไปส่งๆ ก่อนตวัดหางตามาที่ิเป่าจู พลางหัวเราะเยาะ “รู้ครึ่งๆ กลางๆ ทำมาเป็อวดดี เห็นชัดหรือยัง สมุนไพรของเ้าเหล่านี้ พวกเราไม่รับ รีบเก็บแล้วไสหัวไป”
พอเถ้าแก่พูดจบ เด็กฝึกงานผู้นั้นกับอีกคนหนึ่งก็เข้ามาไล่ิเป่าจูออกไป ิเป่าจูล้มลงกับพื้น กอดกระบุงสมุนไพรเอาไว้แน่น ด้วยเกรงว่ารากของพวกมันจะขาด
เ้าพวกคนไร้อารยะกลุ่มนี้ เพราะความมั่นใจตนเองผิดๆ ของพวกเขา ทำให้คนดีๆ หนึ่งคนต้องตาย
ิเป่าจูถลึงตาใส่คนเ่าั้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด จึงหันหลังกลับจากไปอย่างช่วยไม่ได้
คนที่เหลือต่างหันมาประจบสอพลอเถ้าแก่ร้าน
“นางหนูคนนี้ ดื่มน้ำหมึกเยอะ กินตำราเยอะเข้าหน่อย ก็ออกมาเรียนรู้วิธีรักษาโรค”
“เป็เด็กผู้หญิงไม่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เรียนรู้เย็บปักถักร้อย เกือบทำให้บิดาข้าตายเสียแล้ว ท่านหมอหลิว ทักษะการแพทย์อันล้ำเลิศนี้คู่ควรกับชื่อเสียงของท่านอย่างแท้จริง”
ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีถัดไป อาการของคนไข้ที่เหมือนจะสงบลงแล้ว จู่ๆ ก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็โลหิตดำ...
“นี่...”
เถ้าแก่เหงื่อออกท่วมศีรษะ
อาเจียนเป็โลหิตดำ ลิ้นบวม แขนขาทั้งสี่แข็งเกร็ง
เหมือนที่เด็กผู้หญิงคนนั้นกล่าวไว้ทุกประการ หรือที่นางพูดมาล้วนเป็ความจริง
ถ้าหากเป็จริงล่ะก็...
ชื่อเสียงที่สั่งสมมาชั่วชีวิตของเขาก็เป็อันจบสิ้นแล้ว!
หน้าผากของเถ้าแก่เริ่มมีเหงื่อกาฬไหลซึมออกมาทีละน้อย
เชิงอรรถ
[1] หุยชุน หมายถึง การกลับมามีชีวิต ฟื้นคืนชีพ กลับคืนสู่ความสดใสดังวสันตฤดู ถัง เป็ชื่อที่บ่งบอกถึงสถานที่
[2] ข่ายซู หรือ อักษรตัวบรรจง เป็อักษรจีนมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน มีต้นกำเนิดสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ลักษณะเด่นของข่ายซูคือมีรูปร่างเป็สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขีดของอักษรเป็ระเบียบ เส้นพู่กันชัดเจน
[3] ขิงลฺวี่ซวี หรือขิงหนวดเขียว คือพืชตระกูลขิง มีสรรพคุณทางยา ช่วยขับไล่ความเย็นไล่ลม ช่วยให้ปอดอบอุ่น รักษาอาการปวดหัว ปวดข้อ เยื่อจมูกอักเสบ ไข้หวัดที่เกิดจากอากาศหนาว
[4] เหรียญทองแดง คือเงินจีนสมัยโบราณทำมาจากทองแดงผสม จะมีเจาะรูตรงกลางสำหรับร้อยเชือกได้ เหรียญทองแดง 1 เหรียญ มีค่า 1 เหวิน (อีแปะ) 1,000 เหวิน มีค่าเท่ากับ 1 ก้วน (เหรียญทองแดง 1 พวง) 1 ก้วนมีค่าเท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
[5] สุนัขกัดหลี่ว์ต้งปิน ไม่รู้สำนึกในความหวังดี เป็สำนวนพักท้าย หมายถึง คนที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดดีชั่ว ไร้มโนธรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้