จูเยี่ยนทรุดลงกองกับพื้นทันทีที่ถูกพิษจากสุราตนเอง ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป!
หวังเค่อในตอนนี้ไหนเลยจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่อีก?
“จูเยี่ยน? เ้าวางยาพิษข้า
ข้าไม่เป็ไร แต่เ้าดันโดนพิษซะเอง? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ยังชั่วช้าสารเลวเหมือนเดิมไม่มีผิด! ข้ากำลังรำลึกความหลัง เ้ากลับวางยาข้า?”
หวังเค่อเสียงเย็น
“ทำไม ทำไมเ้าถึงไม่เป็ไร พรวด!”
จูเยี่ยนกระอักเืออกมาอีกคำใหญ่
หวังเค่อสีหน้าเย็นเยียบ ไหนเลยจะบอกเหตุผล
กลับกัน
มันกลับยื่นมือออกมาปลดสร้อยลูกปัดคำนึงที่มือของจูเยี่ยน
“ทำไมเ้าไม่เป็อะไรเลย!”
จูเยี่ยนกรีดร้องพลางจ้องมองหวังเค่อเขม็ง
สุราพิษชนิดนี้
ชนชั้นเซียนเทียนทั่วไปไม่อาจต้านทานได้ จูเยี่ยนที่อยู่เซียนเทียนขั้นสูงสุด
ทั้งยังเข้าสู่วิถีมารที่การฝึกวิชาล้วนใช้พิษเพื่อเคี่ยวกรำ
ดังนั้นมีความสามารถต้านทานพิษไม่เลว จูเยี่ยนคิดถ่วงเวลาสักเล็กน้อย
ผ่านไปชั่วครู่ ตนเองก็จะขับพิษออกจากร่างได้แล้ว
“พรวด!”
มันกระอักเืพิษคำที่สามออกมาอีกครั้ง
พิษในร่างของมันเวลานี้เหลือเพียงครึ่งแล้ว
ทว่ายามนี้เองที่หวังเค่อปลดสร้อยลูกปัดออกจากข้อมือของมันได้
“ทำอะไรน่ะ? เอาคืนมานะ!”จูเยี่ยนอุทาน
“พลั่ก!”
หวังเค่อเตะอัดร่างบนพื้นเต็มเท้า
“เหอะ ตอนข้าจากไป
เ้ายังไม่มีปัญญาบรรลุเป็เซียนเทียนด้วยซ้ำ
ตอนนี้สังขารเ้าเสื่อมโทรมลงเป็สิบปี การทะลวงข้ามด่านเซียนเทียนยิ่งแสนเข็ญ
คิดทำร้ายข้า แถมยังวางยาพิษข้า? ดูท่าคงไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองสินะ
ยังไม่บรรลุเซียนเทียนด้วยซ้ำล่ะสิท่า? ยังกล้าคิดขัดขืนอีก?”
หวังเค่อเอ่ยเสียงเย็น
“อ่อก!”
จูเยี่ยนถูกลูกเตะของหวังเค่อเข้าไป
มันก็กระอักเืออกมาเป็คำที่สี่
โลหิตพิษทะลักออก
จูเยี่ยนในตอนนี้เกือบขับสลายพิษออกจากร่างจนหมดสิ้นแล้ว
จูเยี่ยนสะบัดหน้าอย่างแรง มันเอ่ย
“หวังเค่อ เ้าอยากตายหรือไง?”
“อยากตาย? เ้าน่ะสิอยากตาย!
ตัวบัดซบ กล้าวางยาพิษในเหล้า? ถ้าไม่ใช่ว่าข้ารู้ล่วงหน้า
เมื่อครู่คงถูกเ้าวางยาพิษสำเร็จไปแล้ว! จูเยี่ยน เ้ากำลังทดสอบความอดทนข้าสินะ?”
หวังเค่อแค่นเสียงเย็น
“เ้าไม่ได้ดื่มเหล้า? มิน่าเล่า!”
จูเยี่ยนอุทาน
ไม่ได้ดื่มเหล้าพิษ? แน่นอนว่าหวังเค่อดื่มลงไปแล้ว
เพียงแต่มันจงใจสร้างความเข้าใจผิดแก่จูเยี่ยนเพื่อกลบเกลื่อนความลับตนเอง
“จูเยี่ยน! ถ้าเ้าอยากฆ่าข้า
ก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ปรานี! พูดมา เ้าไปเอาลูกปัดนี่มาจากไหน?” หวังเค่อเค้นถาม
พูดไป หวังเค่อก็ข่มขู่มันต่อด้วยการเตะโต๊ะด้านข้างจนคว่ำ
เสียงโต๊ะกระแทกพื้นดังสนั่นหวั่นไหว
หวังเค่อคิดว่าพลังฝีมือของจูเยี่ยนยังไม่บรรลุขั้นเซียนเทียน
ทั้งยังถูกพิษร้าย ย่อมไม่อาจต่อต้านได้ ดังนั้นไม่คิดเปลืองน้ำลาย
สืบถามออกไปโต้งๆ อย่างนี้ล่ะ
ทว่า จูเยี่ยนพลังฝีมือต่ำต้อยงั้นหรือ? นับแต่มันเข้าสู่วิถีมาร
ดื่มกินเืและพลังฝึกปรือของศิษย์สำนักเซียนมาอย่างต่อเนื่อง
พลังฝีมือบรรลุถึงเซียนเทียนขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว
เมื่อครู่ยิ่งถูกลูกเตะขับเืพิษออกมา
จูเยี่ยนเซียนเทียนขั้นสูงสุดในตอนนี้คิดตอบโต้หวังเค่อนับว่าง่ายดายยิ่ง
“ฟุ่บ!”
จูเยี่ยนสะบัดฝ่ามือ คิดตบฟาดใส่หวังเค่อ
“แค่ก!”
เสียงไอของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นจากนอกตำหนัก
เสียงกระแอมไอคำนี้ จูเยี่ยนที่กำลังจะะเิพลังพลันได้สติขึ้นมา
ยามนั้น
เสียงสั่นเทิ้มของทหารองครักษ์เบื้องนอกค่อยดังลอดเข้ามา “ฝ่าาทรงพระเจริญ
นางเซียนชิงกลับมาแล้ว ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากตำหนักราชินี ขอสอบถามว่าเกิดเื่อันใด? นางเซียนชิงต้องลงมือหรือไม่?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงองครักษ์
สีหน้าของหวังเค่อแปรเปลี่ยน ตนเองเตะโต๊ะเสียงดังเกินไป? ถึงกับดึงดูดความสนใจจากด้านนอก?
หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยน
คนชักกระบี่ยาวออกพาดลำคอของจูเยี่ยนทันควัน ไม่ให้มันพูดจาเหลวไหลออกไป
“เปิ่นหวัง (ข้าผู้เป็าา) ไม่เป็ไร
ไปรายงานต่อนางเซียน เปิ่นหวังเมื่อครู่เล่นสนุกสนานกับราชินี
ดังนั้นทำเสียงดังโดยไม่ตั้งใจ!” จูเยี่ยนะโบอกออกไป
“ขอรับ!”
องครักษ์ทางด้านนอกรีบหันหลังวิ่งไปแทบไม่ทัน
ด้านนอก ทหารองครักษ์นายนั้นวิ่งไปใต้หลังคา
ก่อนค้อมกายคารวะต่อหลังคาไม่ห่างออกไปเท่าใด
“นางเซียนชิง เหนือหัวกล่าวว่าไม่มีเื่ราวใด
นอกจากนี้ ที่จริงเื่เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว หนึ่งเดือนที่ผ่านมา
การละเล่นของเหนือหัวและราชินีอึกทึกครึกโครม
บางครั้งยังมีเสียงกรีดร้องดังออกมาขอรับ!” องครักษ์รายงานด้วยความเคารพ
สตรีที่ยืนอยู่ชายคาตำหนักมิใช่ใครอื่น
เป็เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่ไล่ตามจางเจิ้งเต้าไปเมื่อก่อนหน้านี้เอง
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกลับมาแล้ว
หากท่าทางยังคงอัดแน่นด้วยโทสะไม่เสื่อมคลาย ตอนที่กลับมา
นางได้ยินเสียงกรีดร้องจากราชวัง กลางดึกกลางดื่นเช่นนี้ ไฉนกลับมีเสียงร้องดังลั่นปานนั้นได้? องครักษ์ที่ด้านข้างกลับไม่มีใครสะดุ้งะเืสักคน
ราวกับพวกมันล้วนหูหนวกตาบอดเสียสิ้น? ดังนั้นจึงต้องไต่ถามสักครา
คำตอบที่ได้จากองครักษ์คือทุกอย่างปกติดี
บรรดาองครักษ์ล้วนคุ้นเคย
ตนเองไปยุ่งอะไรมากความ? สามีหยอกเย้าภรรยาเพื่อความหรรษา? เสียงสามีภรรยาทำกิจกรรม?
เพ้ย!
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่กำลังบันดาลโทสะหน้าแดงทันทีที่ได้ยินคำอธิบายนี้
นางเลิกซักไซ้ไต่ถามต่อ
ภายในห้องบรรทมองค์ราชินี
หวังเค่อเห็นจูเยี่ยนะโตอบด้านนอกเป็ต้องพอใจ “ถือว่าเ้ารู้ความ เฮอะ!”
หวังเค่อไม่ทราบว่านางเซียนชิงคือเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
ไม่อย่างนั้นมันไม่มีเวลามาใส่ใจคร่ากุมตัวจูเยี่ยนแน่นอน
จูเยี่ยนในตอนนี้หน้าตาเบี้ยวบูดดูไม่ได้
มันมั่นใจว่าตนเองสามารถตบฟาดหวังเค่อปลิวได้ในฝ่ามือเดียว!
มันมีพลังชั้นเซียนเทียนขั้นสูงสุด หวังเค่อไหนเลยจะเทียบเปรียบได้?
แต่ที่มันไม่กล้าลงมือเพราะตอนนี้ลูกปัดคำนึงอยู่ในมือหวังเค่อแล้ว
ทันทีที่มันลงมือ ไอมารย่อมรั่วไหลออกมา
มันเคยได้ยินพวกมารร่ำลือว่านางเซียนชิงฝีมือสูงส่งไร้ผู้ต้าน
ทั้งยังผดุงธรรมนำหน้า สายตากระจ่างไร้ธุลี หากนางมองออกถึงไอมารแม้เพียงน้อยนิด
นางย่อมปะามันทิ้งโดยไม่ลังเล
่เวลานี้นางเซียนมาพำนักยังราชวัง
นี่เองเป็อีกหนึ่งเหตุผลที่มันยอมลงทุนขุดวังใต้ดินขึ้นมา
ค่อยใช้ราชินีเป็ฉากบังหน้าในการลอบฝึกวิชามารที่ตำหนัก
ทันทีที่มันสำแดงฝีมือออกมา ไอมารย่อมปรากฏ!
คงไม่พ้นถูกนางเซียนปะา! หากมันขัดขืนหวังเค่อจนดึงดูดนางเซียนมา
ขอเพียงมันเผลอเรอพลั้งพลาดเพียงนิด ย่อมถูกเปิดโปงความลับวิชามาร ดังนั้น
ไม่ว่ายังไง ไม่อาจให้นางเซียนชิงล่วงรู้เื่ราวในห้องบรรทมเด็ดขาด
นี่มันช่าง...ตนมีพลังชั้นเซียนเทียนถึงขั้นสูงสุด
แต่กลับใช้ไม่ได้ซะงั้น?
“พูดมา เ้าไปเอาลูกปัดนี่มาจากไหน? เ้าของของมันไปอยู่ที่แล้ว?” หวังเค่อถามเสียงเ็า
“เฮอะ หวังเค่อ เ้าคิดว่าขู่ข้าได้หรือไง?”
จูเยี่ยนไม่แยแส
“เ้าไม่พูดใช่มั้ย?” หวังเค่อตวัดดาบกดลงบนคอจูเยี่ยน
“ฆ่าเลย? ฆ่าข้าเลยสิ?
ฆ่าข้าแล้ว ไม่ว่าอะไรเ้าก็ไม่ได้รู้ทั้งนั้นแหละ!” จูเยี่ยนท้าปาวๆ
หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยนแปร ไอ้เฒ่าจูเยี่ยน
มันมองออกว่าข้าเป็ห่วงความปลอดภัยขององค์หญิงโยวเยว่ ดังนั้นจงใจไม่ยอมเปิดปาก? เชื่อว่าข้าไม่กล้าแตะต้องเ้าสินะ?
หวังเค่อเก็บกระบี่ลงไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
แต่ล้วงเอาแส้ออกมาแทน
“เพี๊ยะ!”
พร้อมเสียงแส้ตวัดวาด
รอยเืปรากฏขึ้นบนเนื้อของจูเยี่ยนทันตา หวังเค่อถลึงตา “พูดมา จะพูดไม่พูด!”
“อ๊า!” จูเยี่ยนเปล่งเสียงกรีดร้อง
มองดูหวังเค่ออย่างคาดไม่ถึง
“ไม่พูด ข้าก็จะเฆี่ยนเ้าต่อ!
เฆี่ยนจนกว่าเ้าจะพูด!” หวังเค่อพูดเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!!”
“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า เ้ากล้า อ๊า~~!”
จูเยี่ยนกรีดเสียงโหยหวน
แค้นจนอยากสะบัดฝ่ามือฟาดหวังเค่อให้ตายคามือ เ้ากรรม
ด้านนอกมีนางเซียนชิงเฝ้าอยู่ ตนเองขอเพียงขับเคลื่อนพลังปราณเล็กน้อย
คงได้แต่รอรับชะตากรรม วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
จะหนีออกไปนอกตำหนัก ทันทีที่หนี
เื่ในตำหนักนี้ย่อมถูกคนนอกล่วงรู้? นางเซียนชิงถ้าเห็นข้าวิ่งหนีออกไป
ย่อมต้องสืบสาวราวเื่ออก ประตูวังใต้ดินข้าก็ยังไม่ได้ปิด
ขอเพียงนางแผ่ััเซียนออกมาตรวจสอบ ความลับของตนเองย่อมต้องถูกเปิดโปงแล้ว?
“พอ พอแล้ว อา หยุดเฆี่ยนเถอะ อ๊า!
เอาลูกปัดมาคืนข้า!” จูเยี่ยนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ปากแข็งงั้นเรอะ? เ้าไม่พูด
ข้าจะเฆี่ยนเ้าไม่หยุดเลย!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเย็น
จูเยี่ยนใช้พลังปราณไม่ได้ หวังเค่อใช้ได้
พลังเซียนเทียนขั้นสองสะกดข่มจูเยี่ยนเสียหมดหนทาง
ภายในห้องบรรทมดังระงมด้วยเสียงร่ำร้องไม่หยุดยั้ง
เสียงร้องครานี้ทำให้เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่ด้านนอกสีหน้าเปลี่ยนเป็สับสนอยู่บ้าง
“ในตำหนักบรรทมของราชินี เสียงแส้สะบัดนี่
ก็นับเป็การละเล่นของสามีภรรยาด้วย?” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยส่งสายตาสงสัยไปยังองครักษ์ด้านข้าง
“อ๋อ? นี่
เดือนที่ผ่านมานี้ ในตำหนักของราชินีมักจะมีเสียงแบบนี้ดังออกมาเสมอ
เสียงแส้ฟาดเทียบกับที่ผ่านมาถือว่าปกติกว่ามากนักขอรับ”
องครักษ์กล่าวรายงานอย่างนอบน้อม
ในใจของเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยปรากฏภาพจูเยี่ยนกุมแส้ขึ้นมา
นางทอดตามองไปยังตำหนักราชินีด้วยสีหน้าขยะแขยง “ทายาทราชวงศ์จู
ตกต่ำลงรุ่นสู่รุ่น ไม่สนใจดูแลราชกิจ
ทุกวี่วันไม่ทราบคิดอ่านวิตถารพิสดารอะไรบ้าง!”
ดังนั้น เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยสะบัดหน้าไป
ทันทีที่หันหน้าจากไป พลันได้ยินเสียงหวังเค่อที่ดังแว่วออกมาจากห้องบรรทม
“ยังไม่ยอมพูดอีก? งั้นข้าจะตีต่อแล้วนะ?”
เสียงต่ำทุ้มของหวังเค่อแว่วมาจางๆ
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยชะงัก
“ไฉนถึงมีเสียงบุรุษอื่นอยู่ในห้องบรรทมของราชินีได้?”
หากมิใช่ว่ายังได้ยินเสียงของจูเยี่ยนร่ำร้องอยู่โดยไม่ได้ขอความช่วยเหลือล่ะก็
นางคงได้พังประตูเข้าไปแล้ว
“นางเซียนชิง นี่เป็เื่ธรรมดาขอรับ
เดือนที่ผ่านมานี้ องค์เหนือหัวมักพาคนเข้าไปในพระตำหนักด้วยบ่อยๆ
ผู้น้อยได้เห็นมาหลายคราแล้ว
วันนี้ผู้น้อยเองก็ได้เห็นองครักษ์ท่านหนึ่งเข้าไปยังวังหลังด้วย!” องครักษ์กราบเรียน
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยนิ่งไป
หากไม่ได้สะบัดหน้าจากไปอีก
สองสามีภรรยาจูเยี่ยนนี้
เล่นซาดิสม์มาโซบนเตียงไม่พอ ยังเชื้อเชิญผู้อื่นมาร่วมวงอีก? แถมทำเป็ประจำด้วย?
ครั้งนี้ยังเอาองครักษ์ไปขึ้นเตียง? นี่ก็คือความวิปริตของจูเยี่ยน?
เื่เช่นนี้ไหนเลยพาคนนอกเข้าร่วมวงได้? ผู้อื่นจะไม่แขยงตายหรอกหรือ?
“อ๊า!”
เสียงจูเยี่ยนกรีดร้องจากริ้วแส้ดังแว่วมาอีกครั้ง
องครักษ์ทางด้านนอกสีหน้าสงบหากแต่หวาดหวั่น
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกำลังปรับมุมมองแิของตนเองอย่างแข็งขัน
หรือว่านี่ก็คือเสียงร้องด้วยความหฤหรรษ์อันเ็ป?
ฉับพลันใบหน้าของนางกลับกลายเป็อัปลักษณ์ยิ่ง
“โรคจิต! วิตถาร! ยิ่งกว่าเดรัจฉาน!”
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไม่กล้าจินตนาการภาพเหตุการณ์ในห้องบรรทมอีกต่อไป
บนโลกนี้ยังมีคนจิตใจวิปริตพิสดารถึงขั้นนี้? ทายาทตระกูลจูน่าเดียดฉันท์ถึงเพียงนี้
เพียงรับฟังเสียงก็รู้สึกแปดเปื้อนโสมมถึงใบหูแล้ว
ให้นางกางััเซียนออกตรวจสอบยิ่งเป็ไปไม่ได้ เพียง “รับฟัง” ก็แทบขย้อนแล้ว
ไม่ต้องกล่าวถึง “มองดู”
เสียงร้องในตำหนักยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
จูเยียนคั่งแค้นยิ่ง
มันสามารถฆ่าหวังเค่อได้ชัดๆ แต่ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ให้ถึงที่สุด
ยินยอมให้หวังเค่อโบยฟาดอย่างสมัครใจ? นี่มัน นี่มันเื่อะไรกันเนี่ย? นางเซียนชิง เ้ามายุ่งเื่ชาวบ้านเพื่ออะไร?
มารร้ายใต้ตำหนักย่อมไม่กล้าเผยโฉมเมื่อนางเซียนชิงคุมเชิงอยู่
ดังนั้น ภาพในห้องบรรทมที่ราชินีกำลังหลับใหล
คือหวังเค่อกำลังเหยียบย่ำบนร่างจูเยี่ยน สะบัดข้อมือฟาดแส้ลงไปไม่หยุด
“พูด ไม่พูดรึ? จะพูดไม่พูด
ข้าจะเอาจริงละนะ!” หวังเค่อกดเสียงต่ำข่มขู่
จูเยี่ยนขมขื่นเหลือจะกล่าว!
มารร้ายที่ใต้ตำหนักล้วนหวาดเกรงเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย!
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่ด้านนอกเองก็แขยงจนขนลุกขนพอง!
หวังเค่อมือขวากุมแส้
เทียนไขในมือซ้ายของมันส่องแสงสะท้อนใบหน้าจูเยี่ยน
จูเยี่ยนในยามนี้ถูกโบยตีจนหมดสภาพแล้ว
“ปากแข็งไม่เลวนี่? เ้าไม่พูด
งั้นข้าค้นดูเองก็ได้!” หวังเค่อแค่นเสียง
ค้น? ถ้าค้นก็เป็เื่แน่แล้ว จูเยี่ยนหน้าเปลี่ยนสี
“เ้าของลูกปัดที่เ้าพูดถึง
หมายถึงสตรีหน้าบากงั้นหรือ?” จูเยี่ยนพลันเอ่ยเสียงเบา
หวังเค่อหันหน้ามา จ้องมองจูเยี่ยน “ใช่
นั่นคือองค์หญิงโยวเยว่ นางอยู่ที่ไหน? ทำไมลูกปัดของนางถึงมาอยู่กับเ้า?”
จูเยี่ยนใบหน้าบิดเบี้ยว สุดท้าย มันเอ่ย
“สตรีนางนั้นถูกนางเซียนชิงนำตัวมา!”
“นางเซียนชิง? นางเซียนชิงด้านนอกนั่นน่ะนะ?
นางเป็ใคร?” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“ตระกูลจูเราเรียกขานนนางว่านางเซียนชิงมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ
แต่ข้ารู้อีกชื่อนึงของนาง เนี่ยเมี่ยเจวี๋ย!” จูเยี่ยนอธิบาย
“อะไรนะ? เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคือนางเซียนชิง?”
หวังเค่อสีหน้าแปรเปลี่ยน
นางเซียนชิงที่มาสอบถามด้านนอกเมื่อครู่คือเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่ย้อนกลับมา? แถมยืนอยู่ด้านนอกประตูนี่เอง?
หวังเค่อสะท้านหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทั่วร่าง
ขณะเดียวกันก็ลอบก่นด่าจางเจิ้งเต้า “เ้าตัวบัดซบ บอกให้พัวพันเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไว้ไงเล่า? ทำไมนางกลับมาเร็วขนาดนี้ได้?
แถมยังมายืนเฝ้าประตูข้า?”
“ถูกต้อง
นางเซียนชิงมาขอพักที่วังของข้าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ข้าก็เจอองค์หญิงโยวเยว่นั่น
คนทั้งสองคล้ายมีปากเสียงกันรอบหนึ่ง แต่ข้าไม่ได้ยินอะไรมากเพราะอยู่ไกล
พอเห็นนางเซียนชิงปลดลูกปัดจากมือขององค์หญิงโยวเยว่
บอกว่าสร้อยลูกปัดช่วยปกปิดปราณธาตุแท้จริงของนาง จากนั้นก็ขว้างสร้อยลูกปัดทิ้งไป!
องค์หญิงคิดไปเอากลับมา แต่นางเซียนชิงจับตัวนางไว้แล้วพานางบินหายไป
ข้าก็แอบไปเก็บสร้อยลูกปัดคำนึงไว้! เ้าหาก้าหาตัวองค์หญิงก็ไปถามนางเซียนชิงเอาเองเถอะ!”
จูเยี่ยนเอ่ยอย่างขมขื่น
“มิน่าเล่าลูกปัดคำนึงมาอยู่ในมือเ้า
นางเซียนชิงเอาตัวองค์หญิงไปซ่อนไว้ที่ไหน?” หวังเค่อถามเสียงหนัก
“ข้าไม่รู้ ข้าเองก็แอบฟังพวกนางอยู่ไกลๆ
ได้ยินนางว่านางยังมีครอบครัวอยู่ในโลกิยะ แม้ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว
แต่นางลอบสืบเสาะมาจนรู้ว่าหัวหน้าตระกูลตอนนี้คือเนี่ยเทียนป้า!
นางเซียนชิงกล่าวว่าองค์หญิงต้องถูกคุมขังไว้ที่ตระกูลของนางชั่วคราว
รอจนกว่าจะถึงงานชุมนุมมารปรโลกอะไรสักอย่าง ค่อยไปรับนางกลับมา!” จูเยี่ยนอธิบาย
“เนี่ยเทียนป้า! ตระกูลเนี่ย? เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมาจากตระกูลเนี่ยเมืองจูเซียนหรือ? แล้วทำไมพวกมันไม่เคยรู้จักกันเล่า”
หวังเค่อคิ้วขมวดแน่นจนแทบชนกัน
“เมืองจูเซียน?” จูเยี่ยนเอ่ยพิศวง
หวังเค่อไม่สนใจจูเยี่ยน
คนตกอยู่ในห้วงความคิด ทันใดนั้น หวังเค่อพลันนึกออก ก่อนหน้านี้ในพรรค
จางเสินซวีบอกว่าได้รับคำบอกกล่าวจากเนี่ยเทียนป้า
ถึงได้มาเจอตนเองและจางเจิ้งเต้าได้
ตอนนั้นยังไม่ทันได้ขบคิดถึงเหตุผล
แต่ตอนนี้เื่ราวคลี่คลายกระจ่างแจ้ง หวังเค่อถึงค่อยเข้าใจ!
เพราะว่าตอนนี้เนี่ยเทียนป้ามีองค์หญิงอยู่ในกำมือ
ดังนั้นมันคาดคำนวนได้ว่าตนเองและจางเจิ้งเต้าต้องลงจากเขามาช่วยนาง
จึงชักนำเภทภัยมารอไว้
องค์หญิงโยวเยว่ต้องอยู่ในเงื้อมมือมัน
จูเยี่ยนไม่ได้หลอกมันแน่นะ?
“เฮอะ! ถือว่าเ้ารู้งาน!”
หวังเค่อแค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง
ขณะกล่าววาจา หวังเค่อก็ล้วงเอาเชือกออกมา
มัดจูเยี่ยนแขวนไว้
จูเยี่ยนจ้องหวังเค่อเขม็ง ข้าอยากขยี้มันให้แหลกคามือ
ไฉน์เล่นตลกกับข้าถึงเพียงนี้
ตอนนี้ข้าได้แต่ต้องนอนเป็ผักให้มันมัดตามใจชอบ? ข้ามีพลังฝีมือสูงส่ง ทำไมได้แต่ต้องอดกลั้น?
เพราะเหตุใด?
“เอาล่ะ จูเยี่ยน ขอบใจสำหรับข้อมูล
ถือว่าหักกลบลบล้างกับที่เมื่อกี้เ้าวางยาพิษฆ่าข้าก็แล้วกัน
อย่าได้คิดก่อเื่ราว ไม่งั้นข้าจะเชือดเ้าซะ!” หวังเค่อขู่จูเยี่ยน
หวังเค่อพูดไปเก็บข้าวเก็บของไป
ตระเตรียมจากไป
“เอาลูกปัดคำนึงมาให้ข้า เอาคืนมาให้ข้า!”
จูเยี่ยนเอ่ยด้วยความหวาดหวั่น
ทว่า หวังเค่อไหนเลยจะแยแส? แถมยังก้มเก็บพรมเช็ดเท้าที่ขาดวิ่นจากปลายแส้บนพื้นด้านข้างเอามามัดปากจูเยี่ยนอีกต่างหาก
เสียงแอ๊ดดังขึ้น ประตูถูกลากเปิดออก
ข้างนอกยังมีเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
หวังเค่อไม่้ารั้งอยู่อีกต่อไป ถึงจะเสียดายเงินทองสมบัติมากมายในห้องบรรทม
แต่หวังเค่อทำได้เพียงสามารถกอบโกยเอาวัตถุที่ยัดลงกระเป๋ามิติได้เท่านั้น
“อื๊อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ”
จูเยี่ยนได้แต่กรีดเสียงอู้อี้ออกมายาวเหยียดเนื่องจากถูกอุดปาก
ไม่อาจร้องะโออกมา
จูเยี่ยนพลังอัดแน่นในร่างหากไม่กล้าะเิออก
ความอัดอั้นตันใจพุ่งขึ้นสมองจนมันแทบเป็บ้า
ยังดีที่หวังเค่อเ้าตัวก่อเื่กำลังจะไปแล้ว
เมื่อหวังเค่อออกจากตำหนักราชินี
มันก็กดหมวกปิดบังใบหน้า วิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืด
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่ยืนห่างออกไปมองดูบุรุษเดินออกมาจากพระตำหนัก
สีหน้าบิดเบี้ยวของนางยิ่งอัปลักษณ์กว่าเดิม
จูอ๋องและราชินีจัดคนมาร่วมวงเสพสุขบนเตียงจริงๆ หรือนี่? เพ้ย น่าสะอิดสะเอียน!
องครักษ์โดยรอบต่างเบิกตากว้าง
พี่น้องท่านนี้คือผู้ใดกัน? ร้ายกาจถึงเพียงนี้? กลับเอาชีวิตรอดออกมาได้ด้วย?
หวังเค่อเองก็พบว่าคนที่ยืนใต้หลังคาห่างออกไปคือเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
ในใจบีบกระตุก ต้องกดหมวกต่ำลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้
คนรีบเร่งฝีเท้าเข้าสู่ความมืดก่อนจะหายวับไปจากสายตาของทุกผู้คน
เข้าวังรอบนี้เสี่ยงอันตรายเหลือเกิน!
หวังเค่อหลบเลี่ยงบรรดาทหารลาดตระเวนกลับมายังบ่อน้ำที่เดิม
พลิกฝ่ามือคราหนึ่ง หย่อนตัวลงครึ่งหนึ่งลงสู่บ่อน้ำ ขณะกำลังจะมุดกลับไป
ต้องปรายตามองไปทางเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคราหนึ่ง
บนหลังคาห่างออกไป
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยยืนประสานมือนิ่ง
เดิมทีมีเพียงเงาร่างโดดเดี่ยวของนางท่ามกลางหมอกควันสลัวใต้แสงจันทร์ ชั่วขณะนั้น
กลับปรากฏเงาร่างชุดแดงของบุรุษผู้หนึ่งขึ้น
บุรุษชุดแดงโอบกอดเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจากทางด้านหลัง
“ดาวมฤตยูนี้ก็มีบุรุษด้วยหรือ?” หวังเค่อเอ่ยอย่างฉงน
ทว่าหลังจากแปลกใจ
สีหน้าของหวังเค่อเองก็เปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
เนื่องเพราะมันเองก็รู้จักบุรุษชุดแดงด้านหลังเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคนนี้
“จูหงอี? เ้าตำหนักลัทธิมารจันทรา? นี่ เป็ไปได้ยังไง?” หวังเค่อแตกตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ที่เมืองหลางเซียน มันเพิ่งหลอกจางเสินซวีไปบ้านหลังข้างๆ ผลลัพธ์กลายเป็เรียกสายฟ้าพรรคเทพหมาป่า์มาผ่าคน ตอนนั้นมารทารกแกนิญญาตัวหัวโจกของพวกมันะเิพลังร้องท้าทายเฉินเทียนหยวนออกมาประมือกัน เ้าหมอนั่นก็คือจูหงอี หวังเค่อจดจำได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
เบื้องหน้ามัน จูหงอีกำลังโอบกอดเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยอยู่?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้