เมื่อเข้าไปด้านใน สิ่งที่หยวนจุนเห็นเป็อย่างแรกคือแท่นหินขนาดใหญ่หลายพันจั้งที่มีแผ่นทองเหลืองสำหรับวัดระดับติดอยู่้า เขาเห็นนักยุทธ์ผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น ปราณดาราแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ก่อนที่แผ่นทองเหลืองที่อยู่ด้านล่างจะส่งเสียงกังวาลออกมา
เมื่อนักยุทธ์ผู้นั้นมีแสงส่องประกายออกมาจากร่างกาย บนแท่นหินจึงปรากฏตัวอักษรที่เห็นอย่างเด่นชัดออกมา
“ระดับดาราวงแหวนเล็กขั้นห้า ระดับการบรรลุเส้นปราณ ยี่สิบเส้น!”
นักยุทธ์ลุกขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิ ร่างกายสั่นออกมาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
ระดับของการบรรลุเส้นปราณนี้ เป็ระดับกับความเร็วในการดูดซับพลังปราณของนักยุทธ์ ยิ่งบรรลุได้มากเท่าไร ความสามารถในการดูดซับปราณดาราบนท้องฟ้าก็ยิ่งรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
แม้นักยุทธ์ที่อยู่บนแท่นหินจะบ่มเพาะพลังยุทธ์ถึงเพียงระดับดาราวงแหวนเล็กขั้นห้า แต่เขาก็สามารถบรรลุเส้นปราณภายในได้ถึงยี่สิบเส้น ซึ่งมากกว่านักยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน
เขาอาจได้รับการคัดเลือกจากฝ่ายในของโรงเรียนยุทธ์ ให้สามารถเลื่อนขั้นเป็ศิษย์ฝ่ายในอย่างเป็ทางการ
“พวกเ้าสองคน มาลงทะเบียนด้านนี้ก่อน”
เมื่อนักยุทธ์ระดับดาราขั้นเจ็ดสามคนที่สวมชุดคลุมยุทธ์เห็นหยวนจุนและหานโหรวกำลังยืนเกะกะอยู่ที่หน้าประตู หนึ่งในพวกเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดขณะที่ยืนอยู่ข้างแถวที่หยาวเหยียดราวกับั
ทั้งสองพยักหน้า จากนั้นจึงไปยืนต่อแถว
“นี่ บนร่างกายของเ้านั่นไม่มีคลื่นพลังของปราณดาราเลย ทั้งยังไม่เหมือนผู้ที่ใช้พละกำลังอีกด้วย ้าเข้ามาเพื่อทำให้ที่นี่เสื่อมเสียหรืออย่างไร?”
“เหอะเหอะ ไม่เหมาะสมเลยจริงๆ คิดว่าโรงเรียนยุทธ์จูเสียของเราเป็ที่เก็บขยะหรืออย่างไร ที่ผู้ใดจะเข้ามาก็ได้น่ะ”
“ก็โรงเรียนยุทธ์ของเราชนะการประลองติดต่อกันมาหลายปี มีชื่อเสียงเลื่องลือในจักรวรรดิชิงหยาง นักยุทธ์ทั้งหลายจึงอยากเข้ามาฝึกฝนที่โรงเรียนยุทธ์จูเสีย! หากมีพวกที่้าทำให้โรงเรียนของเราเสื่อมเสีย นั่นถือเป็เื่ปกติอยู่แล้ว”
“ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ รอให้เ้าโง่นี้ผ่านการวัดระดับก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ศิษย์ฝ่ายในพวกนี้เคยเห็นคนไม่เอาไหนที่้าเข้าโรงเรียนยุทธ์จูเสียอย่างหยวนจุนมากมาย แม้แต่ระดับดาราขั้นสองยังไม่ถูกคัดเลือกเป็ศิษย์ฝ่ายนอก แล้วเขาที่เป็คนธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณดาราจะเข้าได้หรือ? ้าทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะหรืออย่างไร
เมื่อทั้งสามกำลังจะเดินจากไป หนึ่งในนั้นได้หันไปมองหานโหรว ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “การคัดเลือกรอบนี้มีแต่สตรีที่สง่างาม ทั้งพละกำลังก็ไม่เลว ดูแล้วเก่งกว่าพวกสุนัขที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียอีก”
หานโหรวเหลือบมองคนทั้งสามคนด้วยสายตารังเกียจ จากนั้นจึงหันไปมองหยวนจุนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีที่ยังมีสีหน้าสงบราวกับน้ำนิ่งแล้วกล่าวว่า “โรงเรียนยุทธ์จูเสียขึ้นชื่อเื่ความใจดำ รวมถึงเื่ความอวดดีหยิ่งผยองของศิษย์ฝ่ายในด้วยเช่นกัน เ้าคงไม่โกรธใช่หรือไม่?”
“โกรธ?” หยวนจุนส่ายหน้าเบาๆ เขามิได้ตอบหานโหรวออกไปตรงๆ
เมื่อได้ยินเขาตอบกลับมาเช่นนี้ หานโหรวจึงมุ่ยปากด้วยความเบื่อหน่าย ใบหน้าแสดงความหงุดหงิดและไม่พอใจออกมา
หานโหรวนั้นกังวลมากเกินไป หยวนจุนมิได้สนใจศิษย์ฝ่ายในพวกนั้นั้แ่แรกอยู่แล้ว รวมถึงมิได้ยินคำพูดประชดประชันของคนพวกนั้นด้วย เพราะเขามองแค่เพียงแท่นวัดระดับที่อยู่ไม่ไกลจากสายตาเท่านั้น
เมื่อลงทะเบียนกับศิษย์ฝ่ายในที่ดูเก้ๆ กังๆ เสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็ถือป้ายหยกที่มีข้อมูลของตนเองไปต่อแถวที่แท่นวัดระดับ
“ตาข้าแล้ว!”
หานโหรวที่ยืนอยู่ข้างหน้าหยวนจุนแสดงอาการตื่นเต้นเล็กน้อย นางะโขึ้นไปบนแท่นวัดระดับอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิแล้วดึงพลังภายในออกมา เพื่อกระตุ้นให้ปราณดารารวมกันเป็กระแสปราณ
ทันใดนั้นกระแสปราณก็กลายเป็ตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
“ระดับดาราวงแหวนเล็กขั้นเจ็ด ระดับการบรรลุเส้นปราณ สามสิบสองเส้น!”
เมื่อหานโหรวลุกขึ้น ตัวอักษรที่เกิดจากปราณดาราจึงกระจายออกไป กลายเป็แสงกระจัดกระจายที่รวมเข้ากับอากาศทันที
เปลวไฟลุกโชนบนป้ายหยกที่นางถืออยู่ ก่อนที่ตัวอักษร ‘ศิษย์ฝ่ายใน’ จะปรากฏขึ้น
“สุดยอดมาก ยังไม่เข้าโรงเรียนยุทธ์ก็สามารถบ่มเพาะพลังยุทธ์ได้ถึงระดับวงแหวนเล็กขั้นเจ็ดแล้ว อีกทั้งเส้นปราณภายในยังบรรลุได้ถึงสามสิบสองเส้นอีกด้วย แม่นางผู้นี้เป็อัจฉริยะจริงๆ!”
“เช้านี้แทบจะไม่มีผู้ใดสามารถทำให้ผู้คนประหลาดใจ นางเป็หนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถผ่านเกณฑ์การวัดระดับของศิษย์ฝ่ายนอก จนสามารถเลื่อนขั้นเข้าสู่การเป็ศิษย์ฝ่ายในได้โดยตรง”
หานโหรวะโลงมาจากแท่นวัดระดับด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะส่งยิ้มให้หยวนจุนด้วยความภูมิใจ
“คนต่อไป!”
เมื่อหยวนจุนถูกเรียกสติ เขาจึงค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนแท่นวัดระดับ
ศิษย์ฝ่ายในที่เป็ผู้บันทึกข้อมูลที่นั่งอยู่ข้างๆ แท่นมองหยวนจุน จากนั้นจึงโบกมือไล่ “ลงไปลงไป ร่างกายเ้าไม่มีปราณดารา เ้าจะมาเล่นสนุกอะไรที่นี่!”
“ฮาฮา มีคนธรรมดากล้าที่จะเล่นสนุกที่นี่ด้วย ต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้ เ้านั่นไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะหรืออย่างไร?”
“เขาคงยังไม่รู้ว่าเหล่าผู้าุโฝ่ายในของโรงเรียนยุทธ์จูเสียนั้นอารมณ์ร้ายเพียงใด เ้านั่นต้องถูกลงโทษหนักอย่างแน่นอน ไม่มีพลังแล้วยังจะมาเข้าร่วมการคัดเลือกของโรงเรียนยุทธ์อีก เสียเวลาของเราจริงๆ”
เมื่อเห็นหยวนจุนไม่สนใจ เขาจึงลุกขึ้นต่อว่าพวกศิษย์ฝ่ายในแล้วกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า “หากเ้ายืนยันที่จะวัดระดับก็รีบๆ ขึ้นไป อย่าทำให้ข้าเสียเวลาที่นี่!”
หากมิใช่เพราะอยู่ต่อหน้าศิษย์ใหม่ เขาคงไม่พูดอะไรกับหยวนจุนแล้ว!
หยวนจุนเหลือบมองศิษย์ฝ่ายในอย่างไม่แยแสและไม่ประทับใจ ดูแล้วโรงเรียนยุทธ์จูเสียคงมิได้โดดเด่นอย่างที่ผู้คนเลื่องลือ
ศิษย์ฝ่ายในมองหยวนจุนด้วยสายตาหยิ่งผยองราวกับจะกินเืกินเนื้อ หากที่นี่มิใช่เขตของโรงเรียนยุทธ์จูเสีย ต่อให้เป็ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นเจ็ด หยวนจุนคงจัดการพวกเขาไปหมดแล้ว!
หยวนจุนเริ่มนั่งขัดสมาธิ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นจึงแสดงปางมือที่รวดเร็วออกมา
สิ่งนี้คือแก่นแท้ของอักษรลับเก้าตะวัน การใช้ร่างสร้างเส้นปราณ!
“การถูกพวกระดับดาราดูถูก ทำให้ข้ารู้สึกไม่พอใจจริงๆ!” หยวนจุนบ่นพึมพำ จากนั้นจึงกล่าวเบาๆ ว่า “แผ่นทองเหลืองสามารถสะท้อนพลังปราณดาราออกมา ทั้งยังสามารถตรวจจับจำนวนเส้นปราณที่ปราณดาราบรรลุผ่านได้อีกด้วย”
“เอาล่ะ วันนี้ข้าจะทำให้พวกเ้าได้เปิดหูเปิดตา!”
เมื่อเห็นหยวนจุนยังไม่เริ่มรวบรวมปราณดารา พวกที่อยู่ด้านล่างจึงคิดว่าหยวนจุนคงทำไม่ได้ ดังนั้นจึงมิได้แสดงท่าทีเยาะเย้ยออกมา
ศิษย์ฝ่ายในของโรงเรียนยุทธ์ที่อยู่ข้างแท่นหินกลั้นหัวเราะ ก่อนจะกล่าวเสียงนิ่งออกไปว่า “คนต่อไป!”
“ฮู้”
ทันทีที่พูดจบ เปลวไฟก็ลุกโชนทั่วร่างกายของหยวนจุน ทำให้พลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมา
ความแข็งแกร่งของพลังนี้เหนือกว่าพลังของหานโหรวที่อยู่ในระดับวงแหวนเล็กขั้นเจ็ดเสียอีก!
ปราณดาราที่วนเวียนอยู่ในอากาศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวอักษรที่ชัดเจนที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวไฟปรากฏต่อสายตาทุกคนทันที
“วัดระดับไม่ได้ ระดับการบรรลุเส้นปราณ หนึ่งพันห้าร้อยเส้น!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้