“ฮึ!”
ในเวลานั้นเอง กลางอากาศพลันปรากฏน้ำเสียงเ็าดังขึ้นมาและทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่นั้นพลันพังทลายลงในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเองน้ำเสียงราบเรียบที่ดังขึ้นมานั้นก็มาพร้อมกับพลังอานุภาพสูงส่งน่าเกรงขามของราชันย์จักรพรรดิผู้ปกครองซึ่งทำให้อากาศบริเวณตีนเขาูเาสุสานทวยเทพเริ่มแข็งตัวขึ้นมาในทันที
“ยังทำข้าขายหน้ากันไม่พออีกรึอย่างไร? ทั้งหมดรีบไสหัวกันกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ทั้งสามเขตปกครองกับหนึ่งเกาะนครแห่งเทพไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดพันธสัญญาโลหิต เื่นี้ข้าจะทำการลงโทษพวกเขาอย่างหนักอย่างแน่นอน ทุกคนแยกย้ายกลับกันไปเถอะ...”
เอ่ออ...
เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมานี้ องครักษ์แห่งเทพทั้งสี่ราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางกบาลฉันนั้น พวกเขาไม่ได้หลงเหลือท่าทางกำเริบเสิบสานโอหังอวดดีเมื่อสักครู่แม้แต่น้อย ทั้งหมดล้วนสีหน้าเปลี่ยนเป็เขียวคล้ำขึ้นมา
สุดท้ายแม้กระทั่งคำกล่าวลาพวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยออกมาสักคำต่างรีบเหาะลอยออกไปทางด้านนอกในทันที ชั่วพริบตาเดียวล้วนเลือนหายไปจากสายตาอย่างไร้ร่องรอย
เกิดอะไรขึ้น?
จ้าวเทวะของนครแห่งเทพส่งกระแสเสียงมาด้วยตนเองเลย? อีกทั้งยังดูเหมือนกับว่า...ยอมรับว่าฝ่ายของตนเองเป็ฝ่ายผิดอีกด้วย?
ทุกคนยังคงตกอยู่ในอาการตกตะลึงเื่เมื่อสักครู่อยู่ จนกระทั่งองครักษ์แห่งเทพทั้งสี่และเหล่ายอดฝีมือของนครแห่งเทพทั้งหมดจากไปแล้วถึงได้พากันได้สติกลับคืนมา เผ่าคนเถื่อนและเผ่าปีศาจล้วนใช้สายตาที่ตื่นตระหนกมองดูเย่เทียนหลงและยอดฝีมือทั้งหลายของตระกูลเย่ พวกเขารู้สึกแปลกใจเป็อย่างมากว่าตระกูลเย่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? แม้กระทั่งนครแห่งเทพก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้?
“ฮ่าๆ...ในเมื่อจ้าวเทวะสั่งออกมาเช่นนี้ ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ พี่เทียนหลง น้องเล็กเย่ชิงหาน หากมีเวลายินดีต้อนรับทั้งสองคนมาเป็แขกของเกาะเร้นลับของพวกเรา พวกข้าคงต้องขอตัวลาไปก่อนแล้ว...”
ยอดฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ของเกาะเร้นลับหัวเราะฮ่าๆ ออกมาจนดึงอารมณ์ความคิดของทุกคนกลับคืนมาสู่ปัจจุบัน ยอดฝีมือระดับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ของเกาะเร้นลับทั้งห้าคนประสานมือมาทางเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิว จากนั้นสายตามองไปทางเย่ชิงหานด้วยความลึกล้ำครั้งหนึ่งก่อนที่จะนำพาคนของเกาะเร้นลับจากไป
เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีเื่สนุกให้ดูแล้วจึงต่างพากันจากไปด้วยความงุนงงสงสัย
คนของเขตปกครองเทพาเองก็งุนงงสงสัยมากเช่นเดียวกัน ยอดฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดคนต่างก็ได้รับการส่งกระแสเสียงจากเย่รั่วสุ่ย จ้าวเกาะเร้นลับ และเทพาเจี้ยนหวง พวกเขายังคิดว่าคงต้องมีการสู้รบที่ดุเดือดเืพล่านเกิดขึ้นมาแน่ สุดท้ายคงต้องเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพออกมาเองถึงจะจบลงได้
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะหักมุมถึงเพียงนี้ จ้าวเทวะของนครแห่งเทพกลับส่งกระแสเสียงมาด้วยตนเองโดยตรง ออกคำสั่งให้คนของนครแห่งเทพเลี่ยงการต่อสู้และยังยอมรับผิดเองด้วยว่ากลับไปจะทำการลงโทษพวกเขาอย่างหนัก
สถานการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเช่นนี้ต่อให้พวกเขาคิดจนหัวแตกก็ไม่มีทางเข้าใจ แต่สิ่งที่พวกเขารู้อย่างชัดเจนก็คือ... พวกเขาชนะแล้ว เขตปกครองเทพาชนะแล้ว!
“ฮ่าๆ...ไป ทุกคนกลับกันได้แล้ว ไปที่ตระกูลเย่ เหมือนที่ชิงหนิวได้พูดเอาไว้ ข้าจะจัดเลี้ยงฉลองหนึ่งพันโต๊ะให้ทุกคนได้ดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญใจ!”
เย่เทียนหลงไม่สนใจเื่ราวอื่นใดอีก เื่ราวที่เหลือมีพวกเย่รั่วสุ่ย เทพา และจ้าวเกาะเร้นลับคอยจัดการอยู่ ตอนนี้สิ่งที่เขา้าทำมากที่สุดคือการกลับไปเมืองชางเพื่อเลี้ยงฉลอง เลี้ยงฉลองที่หลานเย่ชิงหานของเขาปลอดภัยกลับมา และเป็การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกด้วย!
“ตกลง ไปที่เมืองชางกัน ข้าจะดื่มเหล้าชั้นดีของตระกูลเย่ให้หมดไม่ให้เหลือเลยทีเดียว!”
“ไป ไปยังตระกูลเย่กัน ไปด้วยกันทั้งหมดทุกคนนี่แหละ ฮ่าๆ!”
“…”
คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด ในเมื่อจ้าวเทวะของนครแห่งเทพยอมอ่อนข้อถอยไปเอง เช่นนี้ก็หมายความว่าเขตปกครองเทพาชนะแล้ว เื่อื่นๆ ที่เหลือปล่อยให้เป็หน้าที่ของพวกผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพไปจัดการกันเอาเองก็แล้วกัน ยอดฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและเย่เทียนหลงล้วนรู้เป็อย่างดีว่า ตอนนี้ควรกลับไปเลี้ยงฉลองให้เต็มที่พร้อมกับแบ่งสมบัติของล้ำค่ากัน เพราะในครั้งนี้เย่ชิงหาน “ปล้น” สมบัติของล้ำค่าระดับวิเศษมาได้นับร้อยชิ้นและยังมีระดับศักดิ์สิทธิ์อีกนับสิบชิ้น!
.................................
ภายในหอเทวะของนครแห่งเทพ
ูเาสุสานทวยเทพอยู่ไม่ห่างจากนครแห่งเทพมากนัก พวกถูเสินเว่ยต่างล้วนเป็ยอดฝีมือจึงใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันก็เดินทางกลับมาถึงนครแห่งเทพแล้ว
ถูเสินเว่ยไม่กล้าชักช้ารีบออกคำสั่งให้ทุกคนคุกเข่าอยู่ด้านหน้าภายนอกหอเทวะ ส่วนตนเองและอีกสามองครักษ์แห่งเทพเดินเข้าไปภายในหอเทวะโดยตรงในทันที
“คำนับจ้าวเทวะ พวกข้าน้อยล้วนมีความผิด ขอให้ท่านจ้าวเทวะโปรดลงโทษด้วย!”
เมื่อเดินเข้าไปภายในหอเทวะ ถูเสินเว่ยมองเห็นภายในสวนของหอเทวะมีเงาร่างของบุรุษร่างใหญ่หัวโล้นที่มีรูปรอยสักลึกลับกำลังยืนอยู่อย่างทระนงองอาจหันหลังมาให้พวกเขา ทั้งสี่จึงรีบคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยความประหม่าเกรงกลัว
“เ้าพวกโง่เง่าไร้ประโยชน์!”
จ้าวเทวะไม่ได้หมุนตัวกลับมาแต่อย่างใด ทำเพียงด่าทอออกมาครั้งหนึ่ง น้ำเสียงแม้จะฟังดูราบเรียบแต่กลับทำให้สีหน้าของพวกถูเสินเว่ยเปลี่ยนเป็เขียวคล้ำกันขึ้นมา ทั่วทั้งร่างเริ่มสั่นเทิ้มขึ้น ทั้งสี่คนในตอนนี้รู้สึกราวกับว่ามีขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่งกำลังกดทับลงมาที่ด้านหลังของพวกเขาทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวกติดๆ ขัดๆ ขึ้น
“ข้าน้อยทำภารกิจในครั้งนี้ได้ไม่สำเร็จแถมสมบัติล้ำค่าที่ท่านจ้าวเทวะมอบให้ยังถูกคนชิงเอาไปทั้งหมดอีก ข้าน้อยมีโทษสมควรตายเป็อย่างยิ่ง เพียงแต่เ้าเด็กหนุ่มตระกูลเย่คนนั้นแปลกประหลาดจนเกินไป เดิมทีข้าน้อยคิดว่าจะอาศัยโอกาสตอนชุลมุนสังหารเขาเสียและถือโอกาสชิงสมบัติล้ำค่ากลับคืนมา...” ถูเสินเว่ยกัดฟันอดทนต่อพลังกดดันที่ถาโถมลงมายังร่างของเขาพร้อมกับยอมรับผิดและพูดอธิบายขึ้น เขารู้ดีว่าหากตอนนี้พูดอะไรพลาดไปสักเล็กน้อยละก็ จ้าวเทวะได้ลงมือสังหารเขาอย่างแน่นอน
ปัง!
จ้าวเทวะหมุนตัวกลับมาพร้อมกับมือที่สะบัดมาทางถูเสินเว่ย กระแสพลังที่ไร้รูปลักษณ์สายหนึ่งโจมตีกระแทกเข้าใส่บริเวณหน้าอกของถูเสินเว่ยจนทำให้เขากระเด็นลอยปลิวออกไปปะทะชนเข้ากับกำแพงของสวนหอเทวะ
ดวงตาหยินหยางที่ประหลาดลึกลับของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธเดือดดาล รูปรอยสักบนศีรษะราวกับว่ามีชีวิตขยับเคลื่อนไหวได้ฉันนั้น กลายเป็ดุร้ายน่ากลัวเด่นชัดขึ้นมาเป็พิเศษ เขาไม่ได้หันไปมององครักษ์แห่งเทพทั้งสามคนที่เหลือ ทำเพียงมองไปยังถูเสินเว่ยที่นอนหมอบอยู่บนพื้นพร้อมกับเืที่ไหลออกมาจากุมปากแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า
“เ้ามันโง่เง่าสิ้นดี จนป่านนี้แล้วยังไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่อีก? สมบัติล้ำค่าระดับวิเศษและระดับศักดิ์สิทธิ์เ่าั้คิดจริงๆ หรือว่าข้าจะสนใจ? ตาของเ้าบอดไปแล้วรึ? ไม่เห็นรึอย่างไร? หูของเ้าหนวกไปแล้วรึ? ไม่ได้ยินรึอย่างไร? ที่ข้า้าคือสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดของูเาสุสานทวยเทพ กระบี่เทพเล่มนั้น!”
“ขอเพียงพวกเ้าเอากระบี่เทพเล่มนั้นมาให้ข้าได้ สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ข้าสามารถให้พวกเ้าได้เป็ร้อยๆ ชิ้น! ยังไม่รีบไปดำเนินการออกคำสั่งให้กองกำลังที่มีทั้งหมดทั้งในที่มืดและในที่แจ้งเร่งหากระบี่เทพมาให้ข้าให้ได้ จำเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเป็ของจริงหรือของปลอมถ้าเอามาได้ล้วนต้องเอามาให้ข้าทั้งหมด แต่ว่า...กระบี่เทพที่สามเขตปกครองและหนึ่งเกาะได้รับไปนั้นพวกเ้าไม่ต้องไปแย่งชิงมา อืม...ยังมีตระกูลเย่อีกพวกเ้าอย่าได้คิดไปแตะต้องพวกเขาเป็อันขาด!”
กระบี่เทพ!
ถูเสินเว่ยนึกถึงแสงสว่างนับร้อยที่พุ่งออกมาก่อนที่หอเทพจะเลือนหายไปขึ้นมาได้ในทันที ภายในใจเข้าใจได้ในฉับพลัน คงต้องเป็กระบี่เทพอย่างแน่นอน กระบี่มากมายถึงเพียงนั้นคงต้องมีเพียงแค่เล่มเดียวที่เป็ของจริง ถูเสินเว่ยรีบคลานแล้วลุกขึ้นในทันทีพยักหน้าให้กับทั้งสามองครักษ์ที่เหลือทำการคำนับเตรียมตัวที่จะออกไปสั่งการให้สายลับที่แฝงตัวอยู่ในขุมกำลังต่างๆ ทั้งหมดเริ่มทำการออกตามหากระบี่เทพ
“รอเดี๋ยวก่อน! ข้าขอเตือนพวกเ้าเอาไว้ว่าเด็กหนุ่มตระกูลเย่คนนั้น พวกเ้าอย่าได้คิดที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเด็ดขาด ถ้าหากมีใครกล้าลงมือกับเขาละก็ อย่าโทษข้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือปกป้องพวกเ้าเอาไว้ได้!”
ในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังจะเดินออกไปจากประตูอยู่นั้น จ้าวเทวะพูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งที่ทำให้ทั้งสี่คนสะดุ้งใขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรมากไปกว่านั้น ทำการคำนับขึ้นอีกครั้งแล้วเดินออกจากหอเทวะไป
หลังจากที่ทั้งสี่คนเดินออกไปแล้วจ้าวเทวะยังคงยืนนิ่งเงียบอยู่ภายในสวนอย่างเนิ่นนานพร้อมกับมองไปทางด้านทิศเหนือ ต่อมาจึงได้พูดขึ้นกับตนเองว่า “รอคอยมาอย่างเนิ่นนานหลายพันปีในที่สุดกระบี่เทพก็ปรากฏออกมาได้เสียที ทำไมหุนตี้ถึงต้องทำอะไรให้ยุ่งยากสลับซับซ้อนถึงเพียงนี้ หยอกล้อ เล่นตลกกับพวกเรามานับพันปี สุดท้ายยังไม่วายที่จะเล่นสนุกกับพวกเราอีก... เด็กหนุ่มตระกูลเย่คนนั้นกับยายแก่ผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่? ดูท่าการจะได้กระบี่เทพมาคงต้องพบเจออุปสรรคอีกไม่น้อยเลยทีเดียว...”
พลังฝีมือที่เย่ชิงหานแสดงออกมาตอนที่อยู่ภายในเส้นทาง์นั้นความจริงแล้วผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพทั้งหมดล้วนเห็นอย่างชัดเจนกันทุกคนรวมถึงถูด้วย ส่วนเย่ชิงหานอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพเป็ระยะเวลาถึงห้าปีแต่ยังไม่ตายแถมพลังฝีมือพัฒนาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ จึงโทษไม่ได้ที่จะทำให้ถูคิดเอาตามหลักเหตุผลว่า ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่าาผู้ปกครองแห่งป่าดำมืดทำการช่วยเหลือเย่ชิงหานอย่างลับๆ อยู่ตลอด เขาคิดว่าถ้าหากเย่ชิงหานไม่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ละก็ คงไม่สามารถเดินออกมาจากูเาสุสานทวยเทพได้อย่างแน่นอน
เพราะว่าม่านพลังป้องกันของูเาสุสานทวยเทพแข็งแกร่งจนเกินไปไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปได้นอกจากยายแก่โรคจิตคนนั้น... แต่เขาก็รู้สึกสงสัยเป็อย่างมากต่อความสัมพันธ์ของเย่ชิงหานและท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้น ดังนั้นเขาถึงได้สั่งให้ถูเสินเว่ยหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ยอมอ่อนข้อให้ เพื่อเป็การไว้หน้าแก่ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ เขาไม่อยากจะถูกขัดขวางจากท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเื่ภายนอกเลยสักครั้งในขณะที่กำลังทำการแย่งชิงกระบี่เทพอยู่
“ฮึ...ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกระบี่เทพข้าจะต้องเอามาให้ได้! ยายแก่ ข้าหวังว่าเ้าคงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวในเื่นี้ หาไม่แล้วละก็ อย่าโทษว่าข้าแล้งน้ำใจก็แล้วกัน...” สุดท้ายสายตาของถูมองไปทางด้านทิศเหนือ ดวงตาหยินหยางที่ประหลาดลึกลับของเขาปรากฏแววเหี้ยมโหดวาบผ่าน จากนั้นจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปภายในหอเทวะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้