เวลาได้เข้าสู่ยามค่ำคืน แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังไม่ถูกอาจารย์อวี้ปล่อยกลับมา ทอดมองแสงจันทร์ที่ขอบฟ้านอกหน้าต่าง เยวี่ยเจาหรานก็รู้สึกว่าวันนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคงจะ ‘รอดกลับมายาก’ อีกครั้ง น่ากลัวว่าคงถูกอาจารย์อวี้กักตัวไว้ไม่ให้กลับเพราะท่องจำบทเรียนไม่ได้หรือคัดไม่ถูกต้องอีกเป็แน่
เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจอย่างเงียบงัน สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เขากำลังจะหันไปปิดประตูและดับไฟ เตรียมตัวเพลิดเพลินกับผ้าห่มแสนสบายและอบอุ่นแต่เพียงผู้เดียว โดยที่ไม่คาดคิด ประตูไม้แกะสลักกลับถูกใครบางคนเปิดออกอย่างกะทันหัน
“ใครน่ะ!” เยวี่ยเจาหรานที่กำลังถอดเสื้อผ้า รีบตะลีตะลานสวมเสื้อผ้ากลับไปอีกครั้ง หากโดนผู้มาเยือนค้นพบตัวตนของตนเข้า ทุกคนจะไม่ซวยไปหมดหรอกหรือ?
โชคยังดี โชคยังดี กระทั่งเยวี่ยเจาหรานมองเห็นอย่างชัดเจน คนผู้นั้นก็คือสาวใช้ที่ตนพามาจากจวนเยวี่ย ชุ่ยเชี่ยวนั่นเอง เขาจึงผ่อนลมหายใจลงในที่สุด แล้วจับเสื้อผ้าเดินไปนั่งที่โต๊ะ
“ชุ่ยเชี่ยวเองหรือ รีบร้อนนัก ไปทำอะไรมา?”
ชั่วครู่ชั่วยามนี้ เกรงว่าตนคงจะนอนไม่หลับ เยวี่ยเจาหรานปราดมองไปทางชุ่ยเชี่ยวแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความลนลาน ทั้งยังวิ่งมาจนเหงื่อท่วม ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างออกแล้ว ไม่แน่ว่าเพื่อนสนิทของชุ่ยเชี่ยวคงจะแพ้พนันที่บ่อนอีก คงไม่มีเงินจ่ายหนี้ถูกคนตามไล่ล่าตัดมือตัดเท้า แล้วมาให้ตนช่วยจัดการสะสางให้เช่นเคย
เยวี่ยเจาหรานหยิบกาน้ำชาขึ้นมา แล้วรินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงวางลงไปอีกครั้ง เขากลัวว่าดื่มชามากไปตอนกลางคืน ประเดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอา
“คุณชาย! ไม่ได้การแล้วเ้าค่ะคุณชาย!
ชุ่ยเชี่ยวหายใจกระหอบกระหืด กดเสียงเบาแล้วพูดออกมา แม้ว่าน้ำเสียงจะไม่ดัง แต่ก็ไม่อาจซ่อนความวิตกกังวลในนั้นไว้ได้
เยวี่ยเจาหรานไม่ทันได้เอ่ยปากถามว่า ‘้าเงินเท่าไร’ ชุ่ยเชียวก็พูดขึ้นอีก “ฮูหยินเยี่ยน ฮูหยินเยี่ยนเกิดเื่แล้วเ้าค่ะ!”
ไม่ได้มาขอยืมเงินโปะหนี้หรอกหรือ?! นี่คือความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของเยวี่ยเจาหรานหลังจะที่ได้ฟังคำพูดของชุ่ยเชี่ยว แต่ในจากนั้นไม่นาน เยวี่ยเจาหรานก็ตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย เพราะหลังจากที่ไตร่ตรองดู เยวี่ยเจาหรานจึงเข้าใจคำพูดของชุ่ยเชี่ยวขึ้นมาบางส่วน จู่ๆ ฮูหยินเยี่ยนเกิดเื่ขึ้นหรือ?!
ในอาณาบริเวณของจวนเยี่ยนแห่งนี้ ใครกล้าแตะต้องนายหญิงตัวจริงอย่างฮูหยินเยี่ยนกัน?
“เกิดอะไรขึ้น เ้าพูดมาให้ละเอียด!” เยวี่ยเจาหรานขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามไปเช่นนั้น
ชุ่ยเชี่ยวกลับมีสีหน้าสงสัย แล้วขมวดคิ้วตามไปด้วย “ท่านไม่รู้หรือเ้าคะ? แต่พวกเขาพูดกันว่า ฮูหยินเยี่ยนกินติ่มซำที่คุณชายเตรียมให้ แล้วก็เกิดอาการท้องเสียอาเจียน ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้เลยเ้าค่ะ...”
กินติ่มซำที่ข้าทำให้? เดิมทีติ่มซำนั่นก็ไม่ใช่ของที่ตนทำเองอยู่แล้วนี่ ในใจของเยวี่ยเจาหรานเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ดูท่าว่าสายเกินไปที่จะใคร่ครวญเสียแล้ว
ประตูไม้ถูกเปิดออกอีกครั้ง ผู้ที่มาคราวนี้เป็ผู้นำคนใช้แทนฮูหยินเยี่ยน คิดไม่ถึงว่าจะเป็สวี่ชิวเยวี่ย!
เยวี่ยเจาหรานมองท่าทีเช่นนั้นของสวี่ชิวเยวี่ย แน่นอนว่าจะขาดรอยยิ้มลำพองใจเล็กน้อยที่ประดับอยู่บนใบหน้าของนางไปไม่ได้ สัญชาตญาณของผู้ล่าบอกกับเยวี่ยเจาหรานว่า เื่นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสวี่ชิวเยวี่ยยัยดอกบัวขาวชาเขียว [2] ผู้นี้แน่!
ทว่ายามนี้ ไม่ใช่เวลาอันควรที่จะกระชากหน้ากากของสวี่ชิวเยวี่ย สิ่งที่ต้องทำเป็อันดับแรกนั้นคือการล้างมลทินให้กับตัวเองต่างหาก...
“พี่สะใภ้ ท่านป้ากำลังรออยู่ที่ห้องนอนเ้าค่ะ ต้องรบกวนท่านให้รีบไปกลางดึกเช่นนี้ด้วยเ้าค่ะ” สวี่ชิวเยวี่ยประสานมือเข้าด้วยกัน เอ่ยด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานจนจบคำ แล้วจึงแยกมือออกมาข้างหนึ่ง ทำท่าทาง ‘เชิญ’ ให้กับเยวี่ยเจาหราน เพื่อสื่อกับเยวี่ยเจาหรานว่าให้ตามตนออกไปพบฮูหยินเยี่ยน
เยวี่ยเจาหรานแค่นเสียงเฮอะเบาๆ แล้วเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวโดยไม่รั้งรอ ทว่ากลับยกมือขึ้นมาด้านหลังอย่างเงียบๆ ทำสัญญาณมือลึกลับให้กับชุ่ยเชี่ยว โดยรวมแล้วมีความหมายว่า ให้ชุ่ยเชี่ยวรีบไปหาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเพื่อคิดหาวิธี
ไม่กี่คนนั้นได้มาถึงห้องนอนของฮูหยินเยี่ยน ฮูหยินเยี่ยนในยามนี้ไร้ซึ่งความสง่างามดังก่อน นางนอนซมอยู่บนเตียง ใบหน้าเหลืองซีด สูญเสียความสง่างามไปไม่น้อย
เยวี่ยเจาหรานในใจไร้เลศนัย ย่อมสู้หน้าได้อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นจึงยังมีเวลาว่างมากังวลว่าท้องเสียช่างอันตรายจริงๆ ด้านหนึ่งก็อดกลั้นดวงตาที่ชอบยิ้มของตนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถูกฮูหยินเยี่ยนจับได้แล้วเพิ่มโทษฐานประหลาดขึ้นมาอีกหนึ่งกระทง
“เ้า เ้าช่างอำมหิตนัก...!” แม้ฮูหยินเยี่ยนจะอิดโรย แต่เมื่อเห็นเยวี่ยเจาหรานมาถึง ก็ยากที่จะควบคุมเพลิงโทสะที่แผดเผาอยู่ในใจได้ นางตะแคงตัว ยกมือชี้ไปที่เยวี่ยเจาหรานพร้อมกับขึ้นเสียงด่าทอ
สวี่ชิวเยวี่ยเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนพุ่งตัวเข้าไปสองสามก้าว มือทั้งสองข้างประคองฮูหยินเยี่ยนที่นอนซมอยู่บนเตียงอย่างมั่นคง พลางยกมือขึ้นลูบหลังฮูหยินเยี่ยนเบาๆ ตั้งใจจะทำให้ฮูหยินเยี่ยนรู้สึกดีขึ้น ฮูหยินเยี่ยนที่ถูกประคองพิงไว้กับเตียง ยังรู้สึกอยากต่อว่าอย่างไม่อาจทานทน นางตวาดใส่เยวี่ยเจาหรานที่สีหน้าเต็มไปด้วยงุนงงอีกครั้ง
“เพียงเพราะข้าให้เ้าระวังกิริยา เ้า เ้าก็คิดที่จะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้มาทำร้ายข้า!”
พูดไปพูดมา น้ำเสียงของฮูหยินเยี่ยนก็เบาลงเล็กน้อย แม้จะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เยวี่ยเจาหรานก็ยังรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณ สภาพร่างกายของฮูหยินเยี่ยนในตอนนี้ ไม่เหมาะสมที่จะออกแรงพูดเสียงดังเลยจริงๆ ไม่แน่ว่าหากใช้แรงมากไป...
ประตูเมืองคงจะแตกพ่าย...
ฮูหยินเยี่ยนโกรธจนกระหืดกระหอบ ออกคำสั่งเยวี่ยเจาหรานคืนนี้ไม่ยอมให้นอน และต้องไปยืนอยู่ในสวนของตนทั้งคืนเป็การลงโทษ ด้วยกลัวว่าเยวี่ยเจาหรานจะแอบอู้กลางทาง นางถึงกับสั่งให้คนใช้สองสามคนคอยจับตาดูเยวี่ยเจาหราน ไม่ยอมให้โอกาสเยวี่ยเจาหรานได้แก้สถานการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว
ดังคำกล่าวที่ว่า ท่อนแขนย่อมไม่อาจบิดต้นขา แม้ว่าเยวี่ยเจาหรานจะบรรยายถึงความไม่เป็ธรรมและความผิดที่ถูกใส่ร้ายของตนอยู่ตลอด แต่ฮูหยินเยี่ยนที่ทุกข์ทรมานจากอาการท้องร่วงนั้นตัดสินใจที่จะไม่เชื่อ และไม่ไว้หน้าเยวี่ยเจาหรานแม้แต่น้อย นางจ้องเขม็ง้าให้เยวี่ยเจาหรานได้ชดใช้ให้กับความทรมานของตน จะพูดเช่นไรก็ไม่เป็ผลทั้งนั้น
ไม่มีทางเลือก เยวี่ยเจาหรานทำได้เพียงกลับไปที่สวนอย่างเชื่อฟัง เขายืนอยู่ที่กลางสวนราวกับคนโง่เขลาคนหนึ่ง สองฝั่งยังมีคนใช้ที่ฮูหยินเยี่ยนส่งมาเฝ้าอยู่ด้วย คล้ายกับสัตว์ที่อยู่ในกรงให้คนมาเชยชม
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ได้ยินข่าวก็เองรีบร้อนอย่างมาก นางขอลาอาจารย์อวี้อย่างลนลาน แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนของมารดาตนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่กลับไม่ได้พบแม้แต่หน้าของฮูหยินเยี่ยน เห็นเพียงสวี่ชิวเยวี่ยที่ยืนรอตนอยู่ที่ประตู
“พี่อวิ๋นเฟย ท่านอย่าเพิ่งไปรบกวนท่านป้าเลยเ้าค่ะ” สวี่ชิวเยวี่ยเพียงเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เข้ามาแนบชิดราวกับคนไม่มีกระดูก โชคดีที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตาไวมือเร็ว หลบหลีกไปได้ สวี่ชิวเยวี่ยจึงอดฉวยโอกาส
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววิ่งมาคราวนี้ ยังไม่รู้เื่ราวที่แท้จริง ย่อมรู้สึกกังวลงใจ ทั้งได้ยินสวี่ชิวเยวี่ยเอ่ยเช่นนี้อีก จึงเลือกคำพูดไม่ถูก ทั้งน้ำเสียงยังเจือความไม่พอใจเล็กน้อย “เยวี่ยเจา... เยวี่ยเยียนหรานแม้แต่มดตัวเดียวนางยังแข็งใจเหยียบให้ตายไม่ได้ แล้วจะสามารถวางยาท่านแม่ได้อย่างไร เื่นี้จะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่!”
เพราะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วออกปากแทนเยวี่ยเจาหราน สวี่ชิวเยวี่ยจึงเบ้ปากอีกครั้ง แล้วเอ่ยอย่างเ็า “รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ พี่อวิ๋นเฟย ท่านเชื่อใจนางขนาดนี้เชียวหรือ?”
หากข้าไม่เชื่อเขา แล้วจะให้เชื่อเ้าอย่างนั้นหรือ? คุยไม่ถูกคอครึ่งคำก็มากเกินจริงๆ ! [2]
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจ้องมองสวี่ชิวเยวี่ยอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็รู้สึกว่า ไม่ว่าตนจะพูดอะไรก็ล้วนดีดพิณให้วัวฟัง จึงหุบปากไปเสียเลย ทั้งสองอีนุงตุงนังกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนในห้องของฮูหยินเยี่ยนจะมีคนออกมา บอกว่าวันนี้ฮูหยินเยี่ยนไม่สบาย ไม่้าพบใคร เอ่ยสองประโยคแล้วจึงเชิญเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลับไป
เชิงอรรถ
[1] ชาเขียว (绿茶) เป็คำด่าสแลง หมายถึงผู้หญิงที่แสร้งทำเป็ใสซื่อบริสุทธิ์แล้วยั่วยวนผู้ชาย
[2] พบคนรู้ใจ ดื่มกันพันจอกยังว่าน้อย คุยไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็มากเกิน (酒逢知己千杯少,话不投机半句多) อุปมาหากเจอคนรู้ใจ ก็จะคุยกันสนุกสนานไม่รู้เบื่อ คบหาเป็มิตรกันต่อไป แต่ถ้าเจอคนคุยไม่ถูกคอ คุยแล้วไม่สนุกเลย ก็ไม่อยากจะสานความสัมพันธ์กันต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้