ไม่เพียงแต่เซียวเต๋อเฉิง กระทั่งหลินซือฉิงยังอดไม่ได้ที่จะโทรหาเย่เฟิง เพื่อเตือนให้เขาระวังหลินเหรินเทียน เมื่อวานเธอจากไปด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก แต่หลังจากใคร่ครวญกับตัวเอง ดูเหมือนเธอกำลังแสดงออกว่าหึงหวงเขา เมื่อนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกเสียใจ เธอไม่ควรใจร้อนแบบนั้น งานแสดงสินค้ายังไม่จบ ใน่นี้เธอทำได้เพียงเก็บเื่นี้ไว้ก่อน เธอจำเป็ต้องเตือนเขา คนอย่างหลินเหรินเทียน หากต้องเสียหน้าก็เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะยอมหยุด หญิงสาวไม่คิดว่าชายคนนี้จะสามารถถอนพิษของเย่เฟิงได้ และท้ายที่สุดเขาต้องยอมมาขอโทษเย่เฟิงเพื่อความอยู่รอด...
ด้านหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหาน เมื่อได้ยินสิ่งเย่เฟิงทำกับหลินเหรินเทียน พวกเธอล้วนไม่กังวลแม้แต่น้อย สองสาวรู้สถานะผู้ฝึกวิถีเซียนของเย่เฟิงดี เขาจำเป็ต้องเกรงกลัวคนธรรมดาด้วยเหรอ?
ไม่ต้องกล่าวถึงสถานะผู้ฝึกวิถีเซียนของเย่เฟิง ด้วยความแข็งแกร่งและภูมิหลังของเย่เฟิง ต่อให้หลินเหรินเทียนคิดจะทำอะไรเย่เฟิงก็ยังไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงลงมือไปนานแล้ว
นอกจากคนรอบตัวเย่เฟิง เหตุการณ์นี้กระจายไปทั่วเมืองเยี่ยนจิงแล้ว เมื่อวานที่คฤหาสน์ตระกูลเซียวมีคนเห็นเหตุการณ์ไม่น้อย เย่เฟิงข่มขู่ให้หลินเหรินเทียนเอ่ยปากขอโทษ ในสายตาคนอื่น การกระทำของเขาเหมือนกับการกระตุกหนวดเสือ หากไม่ระวังก็อาจเป็การหาเื่ใส่ตัว!
แม้หลินเหรินเทียน้าหยุดข่าวลือนี้ก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ทำให้เื่นี้แพร่ไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจห้ามได้อีก ทำให้ศักดิ์ศรีและความน่าเกรงขามที่หลินเหรินเทียนรักษามาตลอดต้องตกต่ำลง
เขาถูกข่มขู่โดยเด็กรุ่นเยาว์ อีกทั้งเด็กคนนี้ยังเป็ว่าที่เขยของตระกูลหลิน เื่นี้ถือว่าแย่มากจริงๆ
แต่เื่กลับตาลปัตร เกือบทุกคนในเมืองเยี่ยนจิงคิดว่าครั้งนี้เย่เฟิงต้องโชคร้ายเสียแล้ว ต่อให้เขามีภูมิหลังแข็งแกร่งจนอีกฝ่ายไม่อาจลงมือทำอะไรรุนแรงได้ แต่เื่นี้ก็ทำให้หลินเหรินเทียนเคียดแค้นเขาเสียแล้ว ไม่ว่าใครต่างรู้ว่าหลินเหรินเทียนเป็จิ้งจอกเฒ่า กระทั่งตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฉินหรือตระกูลโหมวล้วนไม่กล้าก่อเื่ให้อีกฝ่ายแค้นใจ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องตกอยู่ในสภาวะเหมือนมีมีดปักหลัง ไม่ว่าทำอะไรล้วนไม่เป็สุข ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเด็กไร้ประสบการณ์อย่างเย่เฟิง ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งเขาอาจประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโดยไม่มีร่องรอยหลักฐาน...
ใน่เวลานี้ ทุกคนอยากเห็นว่าหลินเหรินเทียนจะตอบโต้อย่างไร และเย่เฟิงจะสามารถยืดแผนการของเขาได้อีกนานแค่ไหน
กระทั่งเย่เวิ่นเทียนยังคิดว่าการกระทำของเย่เฟิงไม่เข้าท่า “ด้วยอิทธิพลของหลินเหรินเทียน ไม่ว่าพิษแบบไหนล้วนแก้ได้ทั้งนั้น แกข่มขู่เขาด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก”
เย่เฟิงเอ่ยอย่างใจเย็น “กระทั่งหลินซิวเหวิน พวกเขายังรักษาไม่ได้ กลับเป็ผมที่ใช้เวลาเพียงสองนาทีก็ทำให้เขาหายดี พิษที่ผมใช้ ตาเฒ่าจิ้งจอกนั่นไม่มีทางแก้ได้ง่ายๆ หรอก”
“งั้นฉันจะรอดู”
เย่เวิ่นเทียนหรี่ตาพร้อมจิบชายามเช้า แสงแดดอุ่นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นและสบายตัว
ชายชราอย่างเขาถือว่า่เวลาเช่นนี้เป็เวลาแห่งความสุข เย่เวิ่นเทียนมองเหล่าหญิงสาวที่กำลังวุ่นวายอยู่กับภารกิจของตัวเองก็นึกพอใจมาก ทั้งหมดนี้เป็โชคดีของเย่เฟิงที่มีอาจารย์สาวสวยท่านนั้นสินะ ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถใช้ชีวิตสงบสุขแบบนี้ได้อย่างไร? เทียบกับสถานการณ์ในยุทธจักรแล้ว การคุมคามจากหลินเหรินเทียนไม่ต่างอะไรกับการละเล่นของเด็ก ในเมื่อเย่เฟิงบอกไม่มีปัญหา งั้นเย่เวิ่นเทียนก็จะเชื่อใจหลานชาย
ชายชรานั่งผ่อนคลายบนโซฟา เขาอยากเห็นแล้วว่าฉากที่หลินเหรินเทียนต้องคุกเข่าขอโทษเย่เฟิงนั้นเป็อย่างไร แต่น่าเสียดาย เขาคิดว่าการเย่เฟิงไม่ควรรีบร้อนลงมือ
หลังจากได้พบอาจารย์คนสวยของเย่เฟิงที่ทะเลตะวันออก เย่เวิ่นเทียนก็รู้ว่าเย่เฟิงยังมีเื่มากมายต้องจัดการ การฟื้นฟูตระกูลเย่จำต้องรอไปก่อน จนกว่าจะว่างค่อยมาหารือกันทีหลัง
“ถ้ามีอาจารย์คนสวยมาอยู่ด้วยกัน...”
เย่เวิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนส่ายหัว ตัวตนของหญิงสาวคนนั้นลึกลับเกินไป มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวที่จะคุยด้วยได้ง่าย ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงในตอนนี้ยังไม่อาจเทียบเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ
หากเย่เฟิงรู้ว่าปู่ของเขาคิดอะไรอยู่ ย่อมอึดอัดใจมากแน่ ซูเฟยหยิ่งเปรียบเสมือนทั้งเพื่อนและอาจารย์ ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเป็เพียงความเคารพนับถือ แม้จะเคยชื่นชอบในตัวเธอ แต่ตอนนี้เขามีหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานแล้ว ความชื่นชอบตรงนั้นจึงจางหายไป เหลือเพียงเศษเสี้ยวในใจลึกๆ ยิ่งกว่านั้นเย่เฟิงรู้ดีว่า ซูเฟยหยิ่งไม่มีทางความรู้สึกรักใคร่เขาในเชิงนั้นแน่นอน
วันนี้เย่เฟิงจดจ่ออยู่กับการขยายเส้นลมปราณในร่างตัวเอง เขาพยายามข้ามผ่านขีดจำกัดของระดับพลังยี่สิบปีให้เร็วที่สุด เพื่อจะสามารถใช้โล่ดาวประกายพรึกได้ เมื่อเขาไปยังทะเลทราย โอกามีชีวิตรอดของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
การเดินทางไปทะเลทรายครั้งนี้ เย่เฟิงไม่้าให้ซูเมิ่งหานและหลงหว่านเอ๋อร์ติดตามไปด้วย เพราะไม่มีความจำเป็ที่ต้องติดตามเขาไป เขาเพียง้าตามหาจุดวาร์ป ซึ่งไม่น่าจะใช้เวลามากนัก แน่นอนว่าเื่นี้จะไม่มีใครเข้ามาขวางได้...
เย่เฟิงคาดการณ์ไว้แล้ว ตอนที่เขาออกจากเมืองเยี่ยนจิง อัตราความเสี่ยงของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย แม้เื่ระหว่างเขากับหลงโม่หราน ทั่วทั้งยุทธจักรจะเข้าใจว่าพวกเขาเป็พันธมิตรกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครคิดอยากกำจัดเขา
ตอนนี้เย่เฟิงขยายเส้นลมปราณได้ถึงสองเดือนแล้ว การเพิ่มระดับพลังใน่ห้าปีแรกนั้นยากยิ่งกว่า่เวลาที่เขาเกิดใหม่บนโลกใบนี้เสียอีก ถึงอย่างไรทุกอย่างล้วนก้าวหน้าไปตามลำดับ ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาตามมาได้
…………
วันนี้เป็อีกวันที่เย่เฟิงพอใจมาก แต่เป็วันที่คู่กรณีของเขาอย่างหลินเหรินเทียน ซึ่งตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลทหารซึ่งอยู่ห่างออกไปกำลังประสบกับฝันร้าย
เขาไม่สามารถกำจัดพิษในร่างออกไปได้!
กระทั่งทีมแพทย์หลายคนจากโรงพยาบาลทหาร ล้วนไม่มีใครสามารถถอนพิษให้หลินเหรินเทียนได้ ทำได้เพียงบรรเทาอาการเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลังจากสองวัน พิษคงทรมานหลินเหรินเทียนจนตายแน่!
สำหรับเื่นี้ ทางทีมแพทย์ลงความเห็นว่าควรให้หลินเหรินเทียนรีบไปขอโทษเย่เฟิงเสียดีกว่า หากเสียเวลามากไปกว่านี้ เกรงว่าเขาต้องสิ้นชีพแน่
หลินเหรินเทียนขบกรามแน่น พวกแพทย์บ้าเหล่านี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง! ไม่เพียงแต่รักษาหลินซิวเหวินลูกชายเขาไม่ได้ ตอนนี้กระทั่งถอนพิษในร่างเขาก็ยังทำไม่ได้ นี่พวกเขาเป็แพทย์ระดับแนวหน้าของประเทศแล้วจริงเหรอ?
“พ่อครับ หรือจะให้ผมไปคุยกับพี่เย่ ให้เขา...”
หลินซิวเหวินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามด้วยความกังวล หากพ่อตายไป ฐานะในตระกูลหลินของเขาต้องตกต่ำแน่นอน! ยิ่งกว่านั้น ตลอดมาพ่อดูแลเขาดีทุกอย่าง เขานึกภาพชีวิตที่ไม่มีพ่อของตัวเองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
“หุบปาก”
หลินเหรินเทียนขบกรามแน่นก่อนตวาดด่า
ให้เขาไปขอโทษเย่เฟิงเพื่อร้องขอยาถอนพิษงั้นเหรอ? คนอย่างหลินเหรินเทียนไม่มีทางทำเื่น่าอายแบบนั้น! เขาไม่เชื่อว่าเย่เฟิงจะกล้าให้เขาตายจริง เขาเป็ถึงข้าราชการระดับสูงในประเทศ หากเขาตาย เย่เฟิงย่อมหนีไม่พ้นการลงโทษจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแน่นอน
ไม่ว่าตอนนี้สถานะของเย่เฟิงจะพิเศษเพียงใด สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติย่อมไม่ยอมตกที่นั่งลำบากเพื่อเด็กนั่นแน่ หากเขาตายขึ้นมาจริงๆ ผลลัพธ์ย่อมต่างกันออกไป
หลินเหรินเทียนคิดจะรออยู่ที่โรงพยาบาลทหาร รอให้เย่เฟิงนำยาถอนพิษมาให้เขาเอง หากเป็เช่นนี้เขาก็ยังพอรักษาหน้าตัวเองไว้ได้บ้าง
น่าเสียดาย เขารอจนค่ำ ก็รู้สึกว่าอุณหภูมิภายในร่างเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวสลับกัน ทั้งยังรู้สึกคลื่นไส้และเหมือนจะท้องเสียอีกด้วย จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่เฟิง
ใน่เวลาความเป็ความตาย ราวกับชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย สีหน้าของหลินเหรินเทียนมืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ ไอ้เด็กเย่เฟิงกล้าเมินเฉยเขาจริงๆ งั้นเหรอ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้